[quote/]ใช่ครับผมมอยู่สายแนวคิดมองว่ารหัวสพันธุกรรมคือทรัพย์สินส่วนตัวที่มีค่าของเรา
เพระาเรามีค่านั่นล่ะ รัฐอย่างท่านสีเลยเก็บตัวอย่างได้ร่วมยี่สิบล้านตัวอย่างในธนาคารดีเอ็นเอแล้วหากมองภาพรวมผมเข้าใจว่า เก็บตัวอย่างำจนวนมหาศาลและทดลองวิทยาศาสตร์จะมีผลประโยชน์มหาศาลแต่ในฐานะส่วนตัว ผมไม่ให้ดีเอ็นเอของผมกับใครง่ายๆแน่ๆ
นึกถึงตัวอย่างเนื้อเยื่อ นาง แมรี่ (ถูกหรือเปล่าจำไม่ได้)
คือถ้าดูจากประวัติของการนำเนื้อเยื่อของตัวเธอไปใช้แล้ว
เราอาจต้องมอบรางวัลตอบแทนให้เธอ ในระดับโลกเลยก็ได้
ถ้าจำเรื่องราวไม่ผิด
คือมี การเก็บเนื้อเยื่อ มะเล็งปากมดลูกของตัวเธอออกมา (และเธอได้ป่วยตาย) โดยที่เจ้าตัวไม่อนุญาติ
แต่ปรากฏว่า เนื้อเยื่อดังกล่าวนั้น สามารถมีชีวิตได้ในถาดทดลอง ที่ให้อาหารลงไป
มันยังไม่ตายและแบ่งตัวออกมาได้เรื่อย ๆ เป็นที่ทราบกันภายหลังว่า เซลล์มะเร็งนั้นไม่มีวันแก่ตาย
และนี่แหละคือจุตเริ่มต้น
มีการนำเนื้อเยื่อดังกล่าวไปใช้กันอย่างหลากหลายวิธีมาก ตัวอย่างชัดๆ คือการทดลอง การเกิดผลกระทบต่อเซลล์มนุษย์
ของยา และภาวะ ต่างๆ และมีการส่งตัวอย่างเนื้อเยื่อของเธอไปยังแลปทดลองต่าง ทั่วโลก
ตัวอย่างเนื้อเยื่อของเธอ นั้น ได้ขึ้นไปอวกาศ ก่อนมนุษย์นักบินอวกาศคนแรกของโลกอีกด้วย(เพื่อดูผลกระทบของการอยู่ในอวกาศ)
แม้ว่าจะผ่านมาหลายสิบปี แล้ว เนื้อเยื่อจะแบ่งตัวจนกลายพันธ์ไปมาก แต่ก็ยังคงเป็นเนื้อเยื่อของมนุษย์อยู่ จึงยังมีการใช้ทดลองอยู่เรื่อยๆ
และ เจ้าของก็ตายไปแล้ว ญาติก็ไม่ได้สนใจอะไร เลยไม่มีใครฟ้องร้องอะไรอีก จึงน่าจะมีการใช้เนื้อเยื่อนี้ต่อไป
นึกสภาพ ว่าถ้าวันนึงมีคนมาเอาตัวอย่างจากตัวท่านไป เอาไปทดลองต่างๆ นาๆ ได้เป็นยา ชนิดต่าง ความสำเร็จต่างๆ มากมายโดยที่
การนำไปทดลองนั้น ไม่ได้ขออนุญาติจากท่าน หรือท่านมีส่วนได้ส่วนเสียอะไร คิดว่าจะเป็นอย่างไรครับ
กรณีแบบนี้ถ้าเป็นยุคนี้ เจ้าตัวยังไม่ตายล่ะก็ คงมีฟ้องเรียกค่าเสียหายกัน บานตะไท