[quote/]คนดังเลยนะนั่น ผู้แต่งเจ้าผู้ปกครองหรือThe Princeหนึ่งในคู่มือในการปกครองของผู้ปกครองและผู้บริหารยุคใหม่
มาเกียเวลลี่ คือ บิดาแห่งรัฐศาสตร์สมัยใหม่ครับ แนวคิดบางอย่างของมาเกียเวลลีอาจจะฟังดูโหดร้ายนะครับ แต่มันคือความเป็นจริงของการเมืองโลกปัจจุบัน
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=temu&month=08-2012&date=26&group=8&gblog=38ตัวอย่างสิ่งที่มาเกียเวลลีเสนอ
มาเคียเวลลี่ได้เสนอแนวคิดของเขาไว้ใน The Prince ไว้ดังนี้
ธรรมชาติของมนุษย์
มาเคียเวลลีมองว่า โดยธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์เห็นแก่ตัว ก้าวร้าว และแสวงหา และพยายามที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายต่างๆ แต่แสวงหากำไร จึงทำให้ชีวิตมนุษย์ต้องดิ้นรน และแข่งขันอยู่เสมอ
นอกจากนี้มาเคียเวลลียังมองว่า มนุษย์เป็นผู้ที่โง่เขลาปล่อยให้จิตตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกิเลสตัณหา บางครั้งมนุษย์ยินยอมที่จะมอบตัวเองให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ที่แข็งแรงกว่าอย่างไม่รู้ตัว
รัฐชาติ
มาเคียเวลลีมองว่ารัฐชาติมิได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือตามที่พระเจ้าบันดาล
แต่มีรากฐานการเกิดรัฐมาจาก การอ่อนแอ ไร้ประสิทธิภาพของคนส่วนมากที่ไม่สามารถพิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้ตนเองได้จึงเกิดรัฐชาติ
รัฐมิได้ถูกสถาปนาขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายที่จะจัดตั้งศีลธรรมหรือบังคับใช่กฎหมายธรรมชาติ
ศีลธรรมและกฎหมายธรรมชาติ คือ สังกัป ที่ได้รับการพัฒนาภายหลังจากที่คนร่วมมีปฏิกิริยาร่วมกันในการต่อต้านผู้ใช้อำนาจล้าง
ศิลปะการปกครอง
มาเคียเวลลีเสนอไว้ว่าผู้ปกครองหรือกษัตริย์จะได้อำนาจมา 2 ช่องทางคือ
ได้มาจากการสืบสันตติวงศ์ หรือรับอำนาจผ่านทางสายเลือด ได้มาจากการปราบดาภิเษก หรือได้มาจากการเปลี่ยนแปลงโดยใช้กำลังแล้วปราบดาภิเษกตนเองขึ้นปกครอง
ตามทัศนะของมาเคียเวลลี มองว่า การสืบสันตติวงศ์มักไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีพื้นฐานหรือสิ่งแวดล้อมสนับสนุนอยู่แล้ว โดยเขาเสนอว่าผู้ปกครองที่ฉลาดที่มาตามรูปแบบนี้ ควรรักษาแบบแผนประเพณีดั้งเดิมเอาไว้เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สนับสนุนตนเองอยู่แล้ว
ส่วนผู้ที่มาจากการปฏิวัติ หรือปราบดาภิเษก มาเคียเวลลีเสนอว่า รูปแบบนี้จะสร้างศัตรูขึ้นจากผู้ที่เคยได้รับประโยชน์จากแบบแผนเก่าอยู่ ส่วนผู้ที่ได้รับประโยชน์ใหม่จะหันมาผู้สนับสนุนผู้ปกครองใหม่ แต่การสนับสนุนยังไม่มั่นคงเพราะไม่เชื่อในผู้ปกครองหรือความมั่นคงใหม่ๆ
มาเคียเวลลี่เตือนผู้ปกครองไว้ว่า
ผู้ปกครองต้องระลึกอยู่เสมอว่าความมั่นคงขึ้นอยู่กับประชาชนมากกว่าข้าราชการ สิ่งที่ประชาชนต้องการคือ อิสระภาพจากการกดขี่ ผิดกับขุนนางที่มุ่งแต่จะแย่งอำนาจกับผู้ปกครองอยู่เสมอ ดังนั้นหากต้องการครองอำนาจให้มั่นคงต้องแสวงหาการสนับสนุนจากประชาชน ไม่ใช่ร่วมกับขุนนางกดขี่ประชาชน
ผู้ปกครองที่ยึดอำนาจหรือปราบดาภิเษก จะสามารถหาพลังสนับสนุนตนได้อย่างรวดเร็ว เพราะผู้ถูกปกครองหรือประชาชนไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ( ใครปกครองก็เหมือนๆกัน ) ระหว่างผู้ปกครองเก่า และผู้ปกครองใหม่
แต่ผู้ปกครองที่เข้ายึดดินแดนของผู้อื่นจะประสบปัญหาในการรักษาอำนาจท่ามกลางประชาชนที่แตกต่างทางภาษา เชื้อชาติ จึงทำให้ผู้ปกครองต้องปกครองอย่างโหดเหี้ยม ทำลายล้างผู้ต่อต้านอย่างรุนแรงและทันที เพื่อให้ผู้ถูกปกครองกลัวและหันมาสนับสนุน แม้ไม่เห็นด้วย แต่เพราะไม่ต้องการถูกทารุณ ในขณะที่ผู้ปกครองต้องแสวงหาการสนับสนุนจากประชาชนที่ถูกผู้ปกครองเก่ากดขี่มาเป็นพวกให้ได้เพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้าม
เมื่อต้องใช้วิธีการโหดร้ายในการปกครองแล้ว มาเคียเวลลีแนะนำให้ผู้ปกครองหันมาใช้ศิลปะการจูงใจ เพราะผู้ปกครองที่ดีจะต้องไม่ใช้กำลังอย่างเดียวเพื่อรักษาอำนาจตน
โดยผู้ปกครองอาจจะนำศาสนาเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยรักษาความสงบด้วย การสถาปนาสถาบันทางศาสนาให้มั่นคงและส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาให้แพร่หลาย ชักจูงให้ประชาชนเลื่อมใสในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา และยำเกรงการถูกลงโทษจากพระเจ้าหากก่อความเดือดร้อน แต่มาเคียเวลลี ได้แนะนำว่าผู้ปกครองไม่ควรเข้าเป็นศาสนิกของศาสนาเสียเอง เพียงแค่ให้รู้จักแสวงหาประโยชน์จากความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น
ผู้ปกครองต้องมีกองทัพที่มีประสิทธิภาพเป็นกองกำลังสนับสนุนอำนาจตนเอง โดยมาเคียเวลลี เสนอว่า ทหารในกองทัพควรเป็นทหารประจำการ หรือทหารเกณฑ์ ไม่ใช่ทหารรับจ้าง
โดยเขาให้เหตุผลว่า ผู้ที่ต่อสู้เพื่อป้องกันบ้านเกิดและคุณธรรมนั้นจะยอมเสียสละชีวิตในสมรภูมิ ส่วนทหารรับจ้างนั้นจะรบเพื่อเงิน และไม่ส่งเสริมอำนาจให้ผู้ปกครอง แต่กลับจะทำลายอำนาจผู้ปกครองในที่สุด
นอกจากนั้นมาเคียเวลลี แนะนำว่าผู้ปกครองไม่ควรหวังพึ่งกองกำลังจากคนอื่น เพราะจะเป็นการนำตัวเองเข้าไปอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น
นอกจากนี้มาเคียเวลลียังเสนอแนวคิดไว้ว่า
หากเกิดสงครามขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน ผู้ปกครองที่ฉลาดต้องนำกำลังของตนเข้าสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่าเพิกเฉย เขาบอกว่า การวางตัวเป็นกลาง เป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะจะก่อให้เกิดศัตรูทั้งสองด้าน ( ถ้าเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีศัตรูเพียงด้านเดียว ) และรัฐคู่สงครามจะเกลียดชัง และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง รัฐที่ชนะจะเข้าโจมตีรัฐที่เป็นกลางทันที
ผู้ปกครองจึงควรตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และมาเคียเลลีแนะนำไว้ว่า ถ้าเป็นไปได้ ให้เข้าร่วมรบสนับสนุบรัฐที่อ่อนแอกว่า เพราะเมื่อชัยชนะมาถึงเราจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าพันธมิตรเสียอีก
คุณสมบัติของผู้ปกครอง หรือมุขบุรุษ จะต้องมีคือ
มัธยัสถ์ เด็ดขาด รอบคอบ เป็นที่ยำเกรงของผู้ถูกปกครอง มีคุณสมบัติของจิ้งจอกและราชสีห์ เข้าไว้ด้วยกัน
มาเคียเวลลีกล่าวว่า ความเมตตาอารีอย่างไม่มีขอบเขตจะเป็นอันตรายได้เช่นกัน
ระหว่างความรักและความยำเกรง หากจำเป็นต้องเลือก ผู้ปกครองต้องเลือกความยำเกรง ซึ่งจะเป็นการปลอดภัยกว่า เพราะทำให้คนเชื่อฟังไม่กระด้างกระเดื่อง (ความยำเกรงไม่ใช่ความเกลียดชัง )
สิ่งสำคัญอีกประเด็นที่น่าสนใจที่มาเคียเวลลีกล่าวไว้ในหนังสือ เดอะปริ๊นซ์ ก็คือ
ผู้ปกครองที่ดีต้องหลีกเลี่ยงการริบทรัพย์สมบัติ หรือผู้หญิงของผู้ที่ตนปกครอง โดยมาเคียเวลลีย้ำว่า
คนเราพร้อมที่จะลืมหรือให้อภัยฆาตกรที่ฆ่าบิดาของตนมากกว่าผู้ที่ยึดเอาทรัพย์ของตนและผู้หญิงของตนไป ( คนเราพร้อมจะลืมและให้อภัยฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ แต่ไม่มีทางที่จะลืมคนที่เข้ายึดเอาทรัพย์และผู้หญิงของเขาไป )
ผู้ปกครองต้องไม่งมงายในเรื่องโชคชะตาจนทำให้ตนเองเสียหาย และเมื่อเราล้มเหลว ต้องไม่โทษโชคชะตา ผู้ปกครองต้องสร้างความนิยมด้วยการแสดงภาพพจน์ที่ดี มีเมตตา ซื่อสัตย์ มีมนุษยธรรม แต่เบื้องหลังนั้นต้องเด็ดขาด และเข้มแข็ง ไร้ความเมตตากลับกลอกเมื่อสถานะการณ์บีบบังคับ เพราะพันธกิจของผู้ปกครองคือรักษาเสถียรภาพแห่งรัฐของตน