ก็เพราะว่า วัตนธรรมอันดีงามทั้งหลายแหลพวกนี้เหล่าไดโนไม่ยอมเด็กแตะหรือปรับอะไรเลยไง เอาแต่ห้าม ของสูงบ้างแหละ ศักดิสิทธ์บ้าง ไม่ได้ลบลู่นะ แต่อยากถามเหล่าไดโน ถามเหล่าสิ่งศักดิ์สิทธพวกนั้นบ้างไหมว่า "เขานะ เห็นด้วยกับพวกลุงไหม" เผลอสิ่งศักดิ์สิทธตตอบได้เขาจะเห็นด้วยกับเด็กๆด้วยซ่่้ำที่สรรคสร้างต่อยอดวิชาของพวกเขาสืบต่อไป จะบอกว่าถ้าให้เด็กดัดแปลงมากเดี่ยวของเก่าจะหายไป...มันก็ปกติของโลก ถามจริง "ภาษาไทย" ตอนนี้ กับสมัยพ่อขุนรมฯ มันเหมือนกันแค่ไหนกันเชียว ทุกอย่างมันต้องปรับให้เข้าเวลาที่ผ่านไป ไอสิ่งพวกไดโนบอกว่าเป็นของดีความจริงแล้วก็ผ่านดัดแปลงซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายทบเหมือนกันนั้นแหละ
อีกทั้งสมัยนี้การบันทึกข้อมูลทำได้ดีและรักษาได้นานกว่าสมัยนุ้นอีก แค่มีบันทึกไว้คนรุ่นหลังก็ยังสามารถได้ว่า"ของเก่า" มันเป็นยังไง เผลออีกร้อย เทรนรุ่นใหม่ตอนนี้ก็จะโดนเทรนรุ่นใหม่ร้อยปีดัดแปลงต่อไปอีก
อย่างว่าเนี่ยสะท้อนสังคมของประเทศนี้ในตอนนี้ เหล่าคนหัวเก่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองอาจไม่เหลือจุดยืน ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแม้จะทำให้สิ่งๆนั้นมันตายไปกับตัวเองก็ตาม
ต่อให้มันเกิดการดัดแปลงอะไรต่อมิอะไรไป ของเก่ามันก็ยังไม่หายไปไหนหลอกครับ
แต่มันจะเกิดหมวดแยกย่อยขึ้นมา
คือสายสมัยใหม่ กับสายดั้งเดิม หรือสายโบราณแยกกันไป
หากดูตามแบบอย่างของญี่ปุ่น
หลายๆวัฒนธรรมหลายอย่างเริ่มปรับตัวเข้ากันตามยุค แต่ก็จะมีสอน
รูปแบบดั้งเดิม เอาไว้แยกส่วนกันไว้ต่างหาก ประมาณเพื่อสืบทอดสำนักต่อ
เอาง่ายๆ คาราเต้ ยูโด เคนโด้ ศิลปะ การฟ้อนรำต่างๆ
มีการสอนแบบสมัยใหม่ เพื่อการแข่งขัน หรือประกวด
แต่มันก็จะมีสายวิชา เทคนิคดั้งเดิม ที่ปกติไม่ได้ใช้กัน
หรือต้องการการฝึกที่หนักยิ่งขึ้นไปอีก
ตรงส่วนนี้คนที่เลือกจะศึกษา มักจะดป็นผู้ที่ตั้งใจจะสืบทอดต่อ
เทิร์นโปร หรือต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เคยดูฝรั่งที่เป็น nerd คาราเต้ พี่แกศึกษาลึกลงไปสายต้นกำเนิดของสายที่ตัวเองฝึก
ย้นไปถึงสำนักเก่าก่อนจะแยกสายมา
ลามไปยันต้นสำนักดั้งเดิมในจีนก่อนจะที่จะมาญี่ปุ่น
คือศึกษากันแบบผู้เชี่ยวชาญ เปิดสำนักกันได้เลยล่ะนะ