ด้วยผมที่เห็นปัญหาต่างๆของสังคมที่กระทำผ่านสื่อต่างๆ PR กันเยี่ยงเกาหลีเหนือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมชนะตลอด จู่ๆเลยนึกถึงพล็อตโฆษณาชวนเชื่อที่จะเสียดสีอะไรๆในนี้ขึ้นมาครับ
ณ หมู่บ้านในเขตทุรกันดารแห่งหนึ่ง ถนนหนทางไม่ดี หลุมบ่อเพียบ ฝุ่นกระจาย รถโดยสารเป็นรถบัสเก่าคันหนึ่ง เป็นรถแอร์แต่ตอนนี้แอร์เสียแล้วเปิดหน้าต่างวิ่งเอา ไร่นาก็ปลูกพืชไม่ค่อยขึ้น โรงพยาบาลขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ โรงเรียนทรุดโทรมขั้นสุด ครูใช้อารมณ์กับเด็กเป็นเรื่องปกติ ผู้หญิงโดนฉุดทำเมียรายวัน+โดนกดด้วยค่านิยมต้องแต่งงานกับโจร ผู้ใหญ่บ้านโกงกินกระจาย อบตใสซื่อไม่รู้เรื่อง
กระทั่งมีแหม่มฝรั่งคนหนึ่งพร้อมคณะ(พี่ชาย ลูกสาว ลูกชาย ส่วนผัวทำธุรกิจในเมือง)เป็นคุณหญิงเดินทางมาเห็นก็อยากพัฒนา รอยยิ้มนี่ออร่าตัวร้ายมาไกล แต่งหน้าเหมือนกลัวเครื่องสำอางค์หมดช้ากว่าเพื่อน เข้ามาก็แจกแท็บเล็ตก่อนเลย ตามด้วยแจกเกมส์กด ตั้งซุ้มอาหารฟรี(เป็นอาหารหรูๆเช่นสเต็ก ไข่ปลาคาร์เวียร์ กุ้งล็อบสเตอร์ ฯลฯ)เป็นเป็นการสร้างคะแนนเสียง ซื้อรถเมล์ติดแอร์ใหม่มาวิ่ง ให้ทุนโรงพยาบาลจนทันสมัยเหมือนโรงพยาบาลในเมือง บูรณะโรงเรียนใหม่จนดูดี มีการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษากับวิธีทำโทษเด็กให้มีอารยธรรมมากขึ้น ผู้ใหญ่บ้านโดนปลดจากตำแหน่งแล้วโดนดำเนินคดีย้อนหลัง ผู้หญิงคนไหนโดนโจรฉุดมีสิทธิปฏิเสธการแต่งงาน โจรโดนศาลเตี้ยของนางแหม่มคือการเฉือนเจ้าโลก มีการก่อตั้งสถานีข่าวประชาสัมพันธ์ประจำหมู่บ้าน
พอได้คะแนนเสียงมากๆก็ยุคทองของนาง นางได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน นอกจากนี้ลูกชายก็ได้เป็น ผอ.โรงพยาบาล พี่ชายเป็น ผอ.โรงเรียน ลูกสาวเป็นเจ้าของคิวรถ(เทคโอเวอร์เจ้าของเดิมที่ขาดทุน) การบริหารรวมๆก็ถือว่าดีมาก มีการสร้างร้านค้าชุมชน ก่อตั้งโครงการ King&Queen Product ประจำหมู่บ้าน คือการพัฒนาฝีมือการผลิตการเกษตร พัตถกรรม ประติมากรรมต่างๆเพื่อส่งออกในเมืองจนรายได้เข้าหมู่บ้านอื้อซ่า โรงพยาบาลที่ลูกชายนางบริหารก็มีโครงการบัตรแพล็ตตินั่ม 15 บาทรักษาทุกโรค ลูกสาวที่บริหารรถโดยสารก็มีโครงการ 10 ตลอดสาย ซึ่งถูกกว่าสมัยเป็นรถเก่าที่เก็บ 50 บาทถึงจะไปในเมืองได้ โรงเรียนที่พี่ชายบริหารก็เข้าโครงการโรงเรียนในฝันเรียนฟรี 15 ปี จนทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้
กระทั่งมีกลุ่ม(ที่เหมือนจะเป็น)พระเอกได้ไปรู้ความลับของครอบครัวนี้ กล่าวคือ...
[spoiler/]
ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์คนที่ขึ้นรถเมล์ใหม่แพ้แอร์ โรงเรียนแบบใหม่แข่งขันสูงจนฆ่าตัวตาย หลักสูตรไม่คุ้นเคยเพราะไม่เน้นกาถูก-ผิดแบบเมื่อก่อน พระเอก(?)เลยถ่ายคลิปแฉความลับทั้งครอบครัวไปให้ชาวบ้านดู เลยแค้นครอบครัวนี้มาก ก็ไล่ออกไป หลังไล่ไปก็เอาโครงการนี้ทิ้งไปด้วย เช่น รื้อ รพ ทิ้งให้ทุกคนขยันออกกำลังกายให้แข็งแรงปลุกพืชสมุนไพรแทนยาเคมี รถโดยสารก็เอาคันเดิมมาใช้ โรงเรียนก็กลับมาใช้ระบบเดิมๆ ผู้หญิงต้องป้องกันตัวด้วยการทาโคลน เอาผ้าพันอกเนิฟNom+แต่งตัวปิดร่างกายทุกส่วน ทำให้เกิดฉากโจรที่เดิมตั้งมาไกลก็หมดอารมณ์โดยพลัน สรุปคือกลับมาล้าหลังเหมือนเดิมพร้อมกับข้อคิดหล่อๆว่าอย่าคิดแทนคนบ้านนอกว่าเขามีความสุขกับสิ่งนี้ พวกเรามีความสุขกันอยู่แล้วกับวิถีเดิมๆ ก่อนจะปิดฉากจริงๆ ในมุมลับพระเอกก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วก็ตัดจบ
เสริม : ใจเย็นๆ อันนี้มันเป็นนิยายซ้อนนิยาย ซึ่งผมมีแผนจะเอาไปซ้อนในนิยายเรื่องหลักทีหลังในฐานะโฆษณาชวนเชื่อสมัยก่อนที่เกิดภายในเรื่อง
เรื่องการโฆษณาชวนเชื่อ(Propaganda) คุณต้องเข้าใจวิธีการใช้งานมันเสียก่อน ผมอิงมาจากซิกมัน ฟรอยด์นะ
อธิบายตามหลักการนิดนึง สมองของเรานั้นมีการรับรู้ 2 ระดับ คือ Conciousness(การรับรู้แบบมีสติ หรือ จิตสำนึก) กับ Subconciousness(การรับรู้แบบไม่มีสติ หรือ จิตใต้สำนึก)
1. จิตสำนึก หรือ การรับรู้แบบมีสติ คือ การรับรู้ผ่านประสาททั้ง 5 ขณะที่ยังรู้สึกตัว กล่าวคือก่อนสมองจะรับข้อมูล สมองจะไตร่ตรองโดยละเอียด ว่าข้อมูลนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ แล้วกรองจนเหลือแค่ข้อเท็จจริง
2. จิตใต้สำนึก หรือ การรับรู้แบบไม่มีสติ คือ การรับรู้โดยที่ไม่ได้ผ่านการกรองข้อมูล ข้อมูลที่ได้รับมาสมองจะจดจำอย่างไม่รู้ตัว พร้อมที่จะกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ให้แสดงออกอย่างไม่รู้ตัวเพราะคุ้นเคย
ยกตัวอย่างง่ายที่สุด ของการรับรู้แบบไม่มีสติ เช่น ลูกเป็ดฟักออกจากไข่ แล้วเห็นหน้าใครคนแรก ลูกเป็ดมันจะรับข้อมูลโดยไม่ได้ผ่านการกรอง ทำให้มันคิดว่าสิ่งมีชีวิตแรกที่มันเห็นคือ แม่ ไปโดยปริยาย
ส่วนของมนุษย์ คือ มักจะใช้เทคนิคต่างๆ ให้เกิดการจดจำตั้งแต่เกิด หรือ ไม่ก็ตลอดทั้งชีวิตรับข้อมูลอยู่ด้านเดียว หรือ มีการซ่อนข้อความ หรือรูปภาพที่สื่อความหมายที่ผู้ส่งสารต้องการใส่เป้าหมาย(Subliminal Message)
อาการของคนที่โดนการ Propaganda มันจะทำให้คนนั้นรู้สึกคุ้นเคย หรือ Dejavu(เคยเห็นหรือประสบกับประสบการณ์นี้มาก่อน) การเข้าหา ใช้ของสิ่งนั้น หรือ เคารพคนๆนั้นเพราะคุ้นเคย สบายใจ โดยที่เราไม่รู้สึกตั้งคำถามต่อความคุ้นเคยนั้น ต่อความสบายใจนั้น นั่นคือการที่เรากำลังโดนสิ่งที่เรียกว่า Propaganda อย่างไม่รู้ตัว ไม่ต่างจากลูกเป็ดที่พึ่งฟักออกจากไข่ เห็นสิ่งมีชีวิตไหนเป็นสิ่งแรกจะคิดว่าเป็นแม่ของมัน ทำให้เรามองคนที่เป็นมนุษย์เหมือนเรากลับกลายเป็นเหนือมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นศาสดา หรือไม่ก็เป็นพระเจ้า
Propaganda หรือ โฆษณาชวนเชื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือของเผด็จการทุกครั้ง เพื่อ Suppress ไม่ให้ผู้ที่ถูกปกครองลุกฮือ เช่น อดอลฟ์ ฮิตเลอร์, มุโสลินี, โจเซฟ สตาลิน, เหมาเจ๋อตุง, พล พต, ครอบครัวตระกูลคิม เป็นต้น
Propaganda ถือเป็นเครื่องมือที่ส่งผลร้ายต่อคน สามารถทำให้กลุ่มคนบ้าคลั่ง ละทิ้งความเป็นมนุษย์ เพื่อฆ่าฟันคนเห็นต่างอย่างโหดร้าย ไม่ได้ต่างจากสัตว์ร้าย หัวเราะมีความสุขแม้เพื่อนมนุษย์ถูกฆ่า อย่าง Red Guard ในสมัยปฏัวัติวัฒนธรรมจีน หรือ ถ้าใกล้สุดก็คือ เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 กลุ่ม กระทิงแดง กลุ่มนวพล และกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน
นั่นทำให้หลายประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย แบนห้ามสื่อใช้เทคนิคโฆษณาชวนเชื่อโดยเด็ดขาด และมีการตั้งจริยธรรมสื่อขึ้นมา เพื่อป้องกันเหตุ Propaganda