ผมเคยมองคนที่เก่งมากๆว่าเป็นอัจฉริยะ แต่พอนานวันเข้าผมเลยเริ่มเข้าใจว่าจะใช้คำว่าอัจฉริยะได้มันต้องเหนือไปกว่านั้นอีก
มีหนังหลายเรื่องที่ทำแนวประวัติของคนที่เป็นอัจฉริยะ อย่างที่ผมพึ่งดูล่าสุดก็
[youtube/][/font]
คือคนที่เป็นอัจฉริยะนี่เขาจะเป็นคนที่ทุ่มให้สิ่งใดสิ่งนึงมาก มากจนระดับลืมสิ่งรอบตัว ลืมกินข้าว ลืมสังคมไปเลยเพื่อวิจัยสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หนังหลายเรื่องได้สะท้อนผลที่เกิดขึ้น อย่างเช่น เหล่าญาติพี่น้องไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเอกทำ บางเรื่องหนักระดับโดนแฟนทิ้ง และจุดจบของอัจฉริยะหลายคนมักจะอายุไม่ยืนนัก
เพราะทุ่มให้เรื่องนั้นมากไป ลืมใส่ใจสุขภาพ บางคนเครียดในงานวิจัย ต้องเตรียมdefend thesis ตัวเองกับกองทัพ professor บางทีต้องทำแบบหนังเกาหลี ยืนตากหิมะกว่าที่ปรึกษาจะใจอ่อนยอมช่วย
บางคนเป็นวรรณโรค ไม่ว่าจะเกิดมาจากขาดสารอาหารหรือดมกลิ่นน้ำหมึกมากไปก็ไม่ทราบ แต่ไม่ได้รักษา อาการทรุดลงทุกวันแต่ไม่รู้ตัว จะรู้สึกก็เมื่อสลบคาหนังสือแล้วมีคนมาเจอนั่นแหละ
ถ้าเปรียบเทียบแบบ manga อย่างเช่น death note ผมมองว่า light มันคือคนระดับที่เก่งมากๆแต่ยังไม่ใช่อัจฉริยะ ส่วน L คือคนที่ระดับเป็นอัจฉริยะ คหสต.
นั่นล่ะครับ
ไลท์ยังมีสังคมและคิดแบบคนปรกติเป็นตามระเบียบสังคม
แอลนั้นเกินมนุษย์ปรกติไปในหลายๆเรื่อง
มีการวิเคราะห์ว่าไม่ใช่จงใจทำแต่เพราะอัจฉริยะมองระเบียบหรือธรรมเนียมของสังคมต่างออกไปจากเราจริงๆน่ะครับ
ที่พวกเขาคิดค้นสูตรใหม่ๆหรือหลักการบางอย่างได้เพราะพวกเขาไม่ยอมรับหลักการคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่เดิม..และดันเป็นคนซื่อตรงที่เอาแนวคิดนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันด้วย
ไปผเจอว่าการเข้าหาอัจฉริยะจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย
คนทั่วไปอาจดูพวกเขาเป็นคนหยิ่งหัวสูง
แต่หากไปคุยกับอัจฉริยะในเรื่องที่พวกเขาหมกุ่นให้ความสนใจล่ะก็
สามวันสามคืนก็ไม่จบ
จนผมคิดว่าที่เล่นมุกว่า เล่าปี่คุยกับขงเบ้งหรือจูล่งบนเตียงอาจจะเป็นเรื่องจริงก้ได้แฮะ
ผมมองถึงหลักทรพยากรมีจำกัดครับ อัจฉริยะส่วนมากคือเอาสเตตัสไปอัพค่าเดีญวจนเหนือมนุษย์ ต่างกับคนธรรมดาที่บ้าล้านซ์
อย่างที่แบบในหนังจีันที่ท่านบอกล่ะครับ
พระเจ้าไม่ได้ให้ใครมาทุกอย่างอัจฉริยะจะมีอะไรแปลกเสมอกว่าชาวบ้านเขา
เฉยๆนะ พวกนี้ถ้าได้โอกาสดี จะสร้างประโยชน์ให้โลกก็ปล่อยเค้าทำไปเถอะ
ปัญหาคือพวกอัจฉริยะสุดเทพแบบนี้จะโดนแบบในเรื่องกันดั้มครับคือ จับเอาอัจฉริยภาพของพวกเขาไปในสงคราม
ในแนวกันดั้มก็จะให้สร้างกันดั้มในประวัติศาสตร์ ดาวินซีก็สร้างเครื่องจักตีปราสาท
อัลคีมีดีสที่ผมว่าก็มีฝรั่งวิจารร์ว่ายังกับอ่านหนังไซไฟ
ที่เอาเครื่องจักแปลกๆมาสู้กับทหารโรมัน
ผมชอบเรื่องหนึ่ง
เป็นมังงะในประวัติศาสตร์บอกว่า นายพลโรมันก็อยากไว้ชีวิตเอาอัลคีมีดีสมาใช้งานเลยสั่งทหารว่าห้ามฆ่า แต่ทหารฆ่าตายเพราะอัลคีมีดีสไม่ยอมตอบคำถามแต่ในมังงะ อธิบายว่าทหารโรมันก็รู้ว่าเป้นอัลคีมีดีสนั่นล่ะ แต่แค้นมากเพระาเพื่อนตายไปเป็นจำนวนมากเพราะเครื่องจักรสงครามของอัลคีมีดีส
ผมว่าแบบมังงะก็สมจริงกว่า
ใครจะไม่รู้ว่าคนสุดเทพที่เครื่องจักรคือสิ่งเดียวที่ไม่ให้โรมันมายึดเมืองได้เป็นใครอยู่ที่ไหน
อีกตำนานหนึ่ง ก็คืิอการเปลี่ยนกระแสแม่น้ำ การยึดเมือง ก็มีแผนภาพของดาวินซีที่วางแผนบางส่วนเอาไว้
การทำเรื่องบ้าๆอย่างเปลี่ยบธรรมชาตินี่ต้องอาศัยอัจฉริยะนั่นล่ะ
คิดอย่างไรเหรอ? ที่เราไม่เข้าใจเขา ก็เพราะกระบวนการความคิดต่างกันมั้ง คล้ายๆใครหลายๆคนไม่เข้าใจหลักความคิดของคนรวย ของคนมีอำนาจ ว่าทำไมเขาถึงทำงาน แล้วพวกอัจฉริยะหรือพวกคนรวย ก็ไม่เข้าใจหลักความคิดของคนทั่วไปเช่นกัน เอาแค่ตัวเราๆถ้าไปเจอเพื่อนใหม่โซเชียล ที่มาจากหลายสังคมหลายระดับ ยังปรับจูนกันยากเลย ถ้าแค่เป็นเพื่อนคุยเล่นเฉยๆยังง่าย แต่ถ้าถึงขั้นสนิท มันยากเพราะมุมมอง ทั้งแนวคิด มันต่างกันมาก พวกอัจฉริยะก็คงคิดแบบนี้เช่นกัน แล้วก็พวกอัจฉริยะก็มีหลายประเภทอีก เคยเจอพวกน่าทึ่งมากมายที่ก็ปกติทั่วไป อย่างพวกคำนวณเป็นภาย (จินตคณิต) พวกสารานุกรมเดินได้(จำทุกย่างได้เก่งมาก) พวกอัจฉริยะแปลกๆที่เป็นคนปกติก็มี อย่างสร้างภาษาขึ้นมาพูด (เคยโดนพวกนี้แกล้ง เพราะดันสร้างภาษาที่ไม่มีในโลกแล้วคุยกันในกลุ่ม เพื่อไม่ให้เราเข้าใจที่คุยกัน แถมสร้างภาษาใหม่ๆเพิ่มเรื่อยๆ กันโดนคุยจนจับหลักได้) พวกแนวติสต์นับมั๊ย อัจฉริยะที่มาพร้อมอารมย์แปรปรวนเพื่อผลิตผลงานเพลง ทำนอง ภาพ คำคม พวกนี้สนิทยากเข้าใจยาก
ผมเจอคนที่คิดภาษากันน่ะครับเอาแบบอ.โทงาชินั่นล่ะ
มันเป็นงานอดิเรกที่คิดว่าน่าสนใจ รหัสลับที่เรารู้คนเดียวหรือรู้เฉพาะเพื่อนในกลุ่มที่ไว้ใจ
สร้างความสามัคคีในกลุ่มได้อีกทางหนึ่ง
จอห์น แนช
อัจฉริยะที่เป็นโรคจิตเภท
ความเป็นอัจฉริยะ อาจต่างกับความฉลาดหรือบางทีอาจไม่ได้มาพร้อมตั้งแต่เกิดก็เป็นได้แต่เกิดจากการสั่งสมอย่างยาวนาน
ไอน์สไตร์ ผมมองว่าเป็น 1 ในคนเหล่านั้น เพราะแกมีปัญหามาตั้งแต่เด็กแล้วว่าเรียนรู้ช้ามากแต่ด้วยงานการที่แกทำ เลยทำให้แกได้เห็นอะไรต่างนานาๆ จนผมมองว่าแกเริ่มเห็นบางอย่างนั่นแหละ
ผมก็อ่านครับว่าอัจฉริยะหลายคนมีปัญหาการเรียนรู้ในวัยเด็กแต่ผมมองว่านั่นเพราะการเรียนในแบบแผนปรกติมากกว่า
หากทดสอบอัจฉริยะด้วยการทดสอบไอคิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง
ผมว่าแต่ละคนได้ไอคิวสูงหมดนั่นล่ะ
จะเล่นมุกว่าสถานการณ์ของชิกามารุ ในนารุโตะไม่ใช่เรื่องแปลก
ว่ากันตรงๆผมก็ว่านารุโตะคืออัจฉริยะด้วยซ้ำหากวัดกันด้วยสติปัญยาชั้นสูงที่สุดคือความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
มันคือการมองโลกที่ต่างไปไม่อยากจะชื่นชมยกยออัจฉริยะมาเกินไป
แต่ก็ต้องชมตามความเป็นจริงว่าพวกนี้คิดต่างไปจากพวกเราอีกระดับจริงๆ
ความต่างคืออัจฉริยะมีประโยชน์กับสังคมโดยรวมไม่ว่าจะคิดประดิษหรือแนวทางการคิดการไช้ชิวีต แต่คนบ้านอกจากไร้ประโยชน์ยังมีแต่โทษทำไห้คนรอบข้างเดือดร้อนไม่มีอะไรดีเลย เช่นองคุลีมารตอนบ้าไล่ตัดนิ้วฆ่าตนเป็นร้อยแต่ตอนดีเป็นอัจฉริยะเพราะฟังเทศหน่อยเดียว(หรือโดนกระทืบก็ไม่รู้)บรรลุความต่างคือการกระทำครับ
องคุลีมารก็แค่ระดับเด็กฉลาดในโรงเรียนห่างไกลเท่านั้นล่ะครับ
ผมยังงว่าเราจะห่วงพระพุทธเจ้าที่มีวิทยายุทธสูงสุดในยุคนั้นไปทำไม?
หากให้มองคือ พระพุทธเจ้า อาจจะเป็นอัจฉริยะที่พยายามมองหาความหมายของการใช้ชีวิต ว่าเราจะใช้ชีวิตไปทำไมเดี๋๋ยวก็ตายแล้ว
ก็เลยกลายเป็นหลักคำสอนในภายหลัง
เอาตามประวัตจิที่อาจจะว่าโม้กัน
สังเกตว่าพวกพระนี่จริงๆแล้จะเป็นเจ้าชายที่ได้รับการศึกษาที่ดีมาก่อนเยอะครับ
พระพุทธเจ้าก็หนึ่งท่าน ศาสดาศาสนาเชนก็อีกหนึ่ง ปรมาจารย์ตั๊กม้อก็อีกท่านหนึ่ง
ทุกคนเป็นอัจฉริยะกันหมดตั้งแต่วัยเด็กตามประวัติล่ะครับ