[quote/]
เจ้าสัว อันดับ 1 ใน 10 หลายคนไม่จบจริงๆนะครับ ได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิต แต่ไม่ได้เรียน ผมไม่ได้เชียร์ให้ไม่เรียนนะ คิดว่าเรียนดีกว่า แต่คนไม่จบแต่เก่งจริงมี และพวกนี้คืออัจฉริยะ เก่งสุดๆ ต่างประเทศก็เรียนไม่จบหลายคน เหมือนสูงสุดคืนสู่สามัญ คนเก่งสุดๆเรียนไม่จบ
เช่น ใครครับไม่นับพวกรุ่นแก่นะครับ เพราะคนละยุคไปแล้ว
ผมนั่งไล่อ่านไป ถึง 50 อันดับแล้ว
มี 1 คนลึกลับไม่ค่อยมีข้อมูลไม่รู้อายุ ถือหุ้น ktc
กับ 1 คนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี แต่ก็เป็นลูกอดีตรมต.ศึกษา รุ่น นายกทักษิณ
รึผู้หญิงที่อายุ 50+ ที่ติดในลิส ก็มีสามีเป็น นพ.
รึที่อายุ 40+ ผู้หญิงอีกคนก็ตระกูลเศรษฐีอินเดีย
รึผู้ชายอีกคนอายุ 53 ก็จบวิศวะจุฬา
และทุกคนเท่าที่ผมเห็นก็เรียนจบมหาลัยทั้งหมด
ถามว่าทำไมต้องรุ่นอายุต่ำกว่า 50 ปี
ก็อย่างข้าราชการธรรมดารุ่นเกษียน ไปแล้วที่ผมรู้จัก
แค่เอาทรัพย์สินที่เขาหามาได้ทั้งหมด เมื่อ 30 ปีก่อน
ไปซื้อที่ดินให้ถูกที่ เท่าที่ผมเคยฟังราคาปัจจุบันกับอดีตนะ
ถือไว้เฉยๆ 30กว่าปี เขาก็จะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านแล้ว
แล้วเศรษฐี 50 อันดับแรก คนท้ายสุด ก็รวยราวๆ 1.5 หมื่นล้าน
เรียกได้ว่า รุ่น 60+ แค่ข้าราชการ ไปซื้อที่ดินถูกที่ก็รวยเป็น 1/10 ของมหาเศรษฐีได้
ถ้าพวกรุ่น 80-90 พวกนี้ ญาติผมไปบุกรุกที่ป่า
ถางๆแล้วก็ยึดได้เป็น ร้อยๆไร่เลย
เรียกได้ว่าถ้าเปฺ็นคนรุ่นโบราณ ถึงไม่ต้องเรียนจบสูง
ก็ไปค้าขายนานๆจนเป็นเศรษฐีได้สบายๆ ถ้ารู้จักลงทุนด้วย
ส่วนพวกมหาเศรษฐีใหม่ทั้งหมดเท่าที่ผมรู้จักเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งหมด
คือยิ่งฉลาดยิ่งดี ถ้าเป็นพวกเรียนไม่จบ ก็ไม่ใช่ว่าการเรียนไม่สำคัญ
แต่ที่สอนในมหาลัยมันไม่ทันใจต่างหาก
คือพวกนี้แม่มเก่งเกินจนขี้เกียจเสียเวลาเรียนต่อ
แล้วไปเรียนต่อเอาเองไม่ตามหลักสูตร
ไม่ใช่ว่าการเรียนไม่สำคัญเลยเรียนไม่จบ
แต่เพราะมันสำคัญมากจนพวกนี้รู้สึกว่าเรียนในมหาลัยมันชักช้าเกินไปต่างหาก
ที่ชี้ประเด็นคือ ยุคนี้ความรู้สำคัญมากๆในการจะประสพผลสำเร็จ
ส่วนพวกเรียนน้อยสู้ชีวิตน่ะ มันคนยุคเก่า
ยิ่งเก่ามากๆเป็น 100+ ปีเป็นชาวนายังรวยกว่านักวิชาการเลย
แต่ยุคถัดไปผมว่าก็กำลังจะเปลี่ยนอีกละ
เป็นคนที่ศึกษาและมุ่งเน้นบันเทิงและกีฬา จะร่ำรวยแทน