NEWS: ทิชชู่หมดเกลี้ยง ยอดขาย “ที่ฉีดตูด” เลยพุ่งกระฉูดเป็น 10 เท่า และ “ฝรั่ง” ก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมการชำระบั้นท้ายของเอเชียในที่สุด
.
เอเชียกับโลกตะวันตกปัจจุบันมีความต่างทางวัฒนธรรมกันในหลายมิติ ตั้งแต่เรื่องใหญ่ ๆ จนถึงเรื่องพื้น ๆ อย่างการชำระล้างร่างกายหลังการขับถ่าย
.
ใครเคยไปอยู่ในโลกตะวันตก สิ่งหนึ่งที่น่าจะชวนให้รู้สึก “ไม่เหมือนอยู่ที่บ้าน” ที่สุดนอกจากจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ก็คงจะเรื่องของการเข้าห้องน้ำขับถ่ายนี่แหละครับ เพราะห้องน้ำในประเทศตะวันตกนั้นแทบจะไม่พบสายชำระ หรือที่บ้านเราเรียกกันในภาษาพูดอย่างคุ้นหูกว่าว่า “สายฉีดตูด” กันเลย เพราะบ้านเขาจะใช้ทิชชู่ชำระบั้นท้ายหลังถ่ายหนักกัน และใช้ทิชชู่เท่านั้น แบบแห้ง ๆ เลย
.
และนี่เป็นเหตุผลของการ “กักตุนทิชชู่” ของโลกตะวันตกยาม COVID-19 ระบาดเลยครับ คือสำหรับบ้านเรา ทิชชู่อาจเป็นสิ่งที่ใช้ประจำในชีวิตประจำวันในการเช็ดโน่นนี่ แต่สำหรับบ้านเขา ทิชชู่สำคัญมาก ๆ ที่ต้องมีติดบ้าน เพราะไม่มี เขาไม่รู้จะชำระบั้นท้ายหลังขับถ่ายกันยังไง เพราะเขาใช้ทิชชู่เช็ดก้นมาตลอดชีวิต
.
แต่แล้วทิชชู่ก็หมดหิ้ง ดังที่เราได้เห็นภาพหลาย ๆ ภาพในยามที่คนตะวันตกตื่นตระหนกกับ COVID-19
.
คำถามสำหรับคนที่ไปซื้อทิชชู่ไม่ทันก็คือ “จะเอายังไงกับชีวิตดีวะ?”
.
และในระหว่างการหาทางออกกับปัญหานี้ของพวกเขา พวกเขาก็เลยบังเอิญได้บรรลุถึงภูมิปัญญาตะวันออกอย่างการใช้น้ำล้างก้น และส่งผลให้ยอดขาย “ที่ฉีดตูด” เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในประเทศตะวันตกหลายประเทศ ที่ประชาชนตื่นตระหนักกันจนทิชชู่หมดซูเปอร์มาร์เก็ต โดยผู้ผลิต “ที่ฉีดตูด” บางเจ้าถึงกับกล่าวว่า ยอดขาย “ที่ฉีดตูด” ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าตัว
.
เราอาจรู้สึกว่าการใช้น้ำล้างก้นเป็นเรื่องปกติมาก แต่จริง ๆ ในโลกนี้ในยุคโบราณ เท่าที่มีการบันทึก ไม่มีใครใช้น้ำล้างก้นกันโดยสมัยก่อนโน้น เขาจะใช้ก้อนหินหรือไม้ปาดสิ่งปฏิกูลออกจากบั้นท้ายกันทั้งนั้น และนี่ก็เป็นเรื่องปกติมาก เพราะคนโบราณขับถ่ายกัน “กลางทุ่ง”
.
แล้วการใช้น้ำล้างก้นมาจากไหน จากที่มีการบันทึก กลุ่มอารยธรรมแรกที่ใช้น้ำล้างก้นคือโลกอาหรับ ซึ่งการใช้น้ำล้างก้นเกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลของศาสนาอิสลามที่มีกฎเกณฑ์ด้านความสะอาดอย่างละเอียดมาก โดยคอนเซปต์ในการชำระของเสียที่ติดร่างกายหลังขับถ่ายนั้นเรียกว่า Istinja
.
ซึ่งในส้วมของโลกมุสลิมสมัยก่อนจะมีภาชนะที่เรียกว่า Lota ซึ่งเป็นภาชนะ คล้ายกาน้ำ เอาไว้ใช้แบบเดียวกับ “สายฉีดตูด” สมัยนี้เป๊ะ ๆ
.
กล่าวคือ โลกมุสลิมนี่แหละครับผู้บุกเบิก “การล้างตูด” ของมนุษยชาติ และทำให้มนุษยชาติรับรู้ว่าการกำจัดสิ่งปฏิกูลด้วยน้ำนั้นเป็นไปได้ และดีด้วย
.
ในตอนแรก ๆ เอเชียนอกโลกมุสลิมก็ไม่ได้ใช้น้ำล้างก้นกัน ก็ใช้ไม้และใบไม้เช็ด ๆ ปาด ๆ กันไป หรือผู้มีอารยธรรมและร่ำรวยหน่อยก็จะใช้กระดาษ (ที่สมัยโน้นเป็นของราคาแพง) นักเดินทางชาวอาหรับที่เดินทางไปจีนราว ๆ พันกว่าปีก่อนมีบันทึกไว้เลยว่าคนจีนไม่ได้ใช้น้ำล้างก้นแบบคนอาหรับแต่ใช้กระดาษ
.
แล้วการใช้น้ำล้างก้นแพร่หลายในเอเชียได้ยังไง? เบื้องต้นแล้ว สันนิษฐานว่า “สายฉีดตูด” น่าจะเริ่มใช้กันในโลกมุสลิมนี่แหละครับ ซึ่งมันเป็นเวอร์ชันน้ำประปาของ Lota นี่เอง เข้าใจได้ไม่ยาก ประเด็นคือ แล้วมันขยายไปทั่วเอเชียได้ยังไง?
.
ตรงนี้เขามีทฤษฎีว่า ในตอนแรกที่เอเชียเริ่มพัฒนาประเทศกันอย่างกว้างขวางหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการพัฒนาห้องน้ำให้เป็นกิจลักษณะเพื่อสุขอนามัย แต่ยุคแรก ๆ ระบบประปายังไปไม่ถึง ในห้องน้ำก็เลยต้องมีถังน้ำพร้อมขันน้ำ เพื่อจะชำระสิ่งปฏิกูลลงไปในท่อน้ำเสีย และพอมีถังน้ำพร้อมขันน้ำมาแบบนี้ คนเอเชียก็เลยเริ่มเรียนรู้การล้างก้นด้วยน้ำ เพราะยุคนั้นกระดาษทิชชู่ยังเป็นของแพงและไม่แพร่หลายในเอเชีย (ในขณะที่โลกตะวันตกน่าจะใช้กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แล้ว)
.
เมื่อระบบประปาดีขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องมีถังน้ำในห้องน้ำอีกต่อไป (ซึ่งถ้าใครแก่พอ ก็คงจะคุ้นกับถังน้ำพวกนี้นะครับ และเอาจริง ๆ เราก็อาจพอเห็น “ส้วม” แบบนี้ได้บ้างตามต่างจังหวัดทุกวันนี้) และสิ่งที่มาแทนที่ถังน้ำและขัน ก็คือชักโครก และ “สายฉีดตูด” นี่แหละครับ ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี เพราะในตอนนั้น คนเอเชียจำนวนมากก็คุ้นเลยแล้วกับการต้อง “ล้าง” ก้นด้วยน้ำ ไม่ใช่ “เช็ด” เอาแบบชาวตะวันตก และการจะเปลี่ยน “ส้วม” ให้เป็นชักโครกคู่กับทิชชู่ก็ใช่ที่ มันต้องชักโครกกับ “สายฉีดตูด” เท่านั้น เพราะใครผ่านการล้างก้นด้วยน้ำมาแล้ว ก็คงจะไม่รู้สึกว่าการ “เช็ดก้น” มันสะอาดอีกต่อไป
.
ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องคิดเองเออเองนะครับ ในโลกตะวันตก มีงานวิจัยหลายชิ้นเลยที่บอกว่าการล้างก้นนั้นทำให้ก้นสะอาดกว่าการเช็ดจริง ๆ และเขาก็รณรงค์กันสุด ๆ ให้คนตะวันตกหันมาใช้ “ที่ฉีดตูด” เพราะมันทำให้ล้างก้นได้สะอาดกว่าการใช้ทิชชู่เช็ดจริง ๆ นอกจากนี้ก็ยังจะทำให้คนตะวันตกใช้กระดาษอย่างประหยัดขึ้นอีกด้วย เป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนไปในตัวอีกต่างหาก
.
แต่ก็ล้มเหลวแน่นอนครับ เพราะนี่เป็นนิสัยที่ติดมาแต่เด็ก จะบอกให้ไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก
.
เว้นแต่จะเกิด “วิกฤติ” จริง ๆ เช่นตอนนี้เป็นต้น ที่จะทำให้คนตะวันตกหันมาใส่ใจวัฒนธรรมตะวันออกอันทรงคุณค่าอย่างการล้างก้นด้วยน้ำนี่แหละครับ
.
ทั้งนี้ เท่าที่เข้าใจ “ที่ฉีดตูด” ที่ฮิต ๆ ในตะวันตกตอนนี้ ไม่ใช่ “สายฉีดตูด” แบบบ้านเรา แต่เป็น “ที่ฉีดตูด” แบบที่ฉีดน้ำมาจากใต้โถส้วมสไตล์ญี่ปุ่น ที่ใครเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะเคยได้ใช้ และรู้สึกว่ามันคงเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้แบบนี้ ซึ่งจริง ๆ มันก็คือ “สายฉีดตูด” ที่วิวัฒนาการไปอย่างไฮเทคสไตล์ญี่ปุ่นนั่นแหละครับ (บริษัท Toto เป็นคนผลิตและออกมาสู่ท้องตลาดครั้งแรกในปี 1980 โดยชื่อทางการค้าของ “ที่ฉีดตูด” สไตล์ญี่ปุ่นนี้คือ Washlet)
.
เหตุที่คนตะวันตกเลือกแบบนี้ก็น่าจะเพราะว่า “ที่ฉีดตูด” สไตล์ญี่ยุ่นมันติดตั้งได้ง่ายกว่า “สายฉีดตูด” สไตล์เอเชียที่ต้องเจาะกำแพงเพิ่มเพื่อเป็นที่วาง “สายฉีดตูด” อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงนี้ก็คงจะทำให้คนตะวันตกจำนวนมากเริ่มคุ้นเคยกับการใช้น้ำล้างก้นมากขึ้น และเมื่อความเคยชินนี้แพร่หลายในไปวงกว้าง ในที่สุดส้วมในโลกตะวันตกก็อาจจะมี “สายฉีดตูด” เป็นมาตรฐานแบบบ้านเรานี่แหละ เพราะอย่างน้อย ๆ การบำรุงรักษา “สายฉีดตูด” นั้นก็ง่ายกว่า “ที่ฉีดตูด” ที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอยู่เยอะครับ
.
อ้างอิง:
https://bit.ly/33zR6Qdhttps://bit.ly/2Ur2jydhttp://dailym.ai/2xe8yhbhttps://bit.ly/3b7rYmuhttps://bit.ly/2wtYfVYhttps://bit.ly/3a7cA9uhttps://bit.ly/2J31yWXhttps://bit.ly/33AS3HWhttps://bit.ly/33D0YbLhttps://bit.ly/3ab2Z1k.
#Covid19 #News #BrandThink
#ส่งต่อความคิดสู้COVID19
#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่
#sharingIsEmpowering
อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line:
@brandthink (มี
@ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me
Website:
www.brandthink.meTwitter: twitter.com/BrandThinkme
https://web.facebook.com/photo/?fbid=2658367134488822&set=a.1767934240198787พึงรู้ว่าจุดกำเนิดมาจากโลกอาหรับนะเนี่ย
