ครึ่งปีที่แล้วไม่มีลูกค้า รายได้หายไปครึ่ง
ต้นปียังดีหน่อยมีลูกค้าบ้าง
แต่พอเข้าเดือนสองก็เริ่มเงียบ
เมื่อวาน วันอาทิยต์ทั้งๆที่จะเป็นวันที่มีลูกค้าเยอะสุดก็เงียบอีก
เคยบ่นให้คนอื่นฟังว่าตอนนี้เศรษฐกิจแย่ ไม่มีรายได้
ก็ถูกบอกว่า หาอย่างอื่นทำไปด้วยสิ อย่างขายหมูปิ้ง
อยากจะบ้าตาย เอาไรคิดวะ แค่ทุนจะตั้งร้านก็ไม่มีแล้ว
แล้วจะเอาไรมายืนยันว่าขายแล้วจะมีรายได้ ไม่ใช่ขาดทุน
คนไม่เคย ทำกิจการของตัวเองมันได้แต่อวด
ปัญหาคือคนไม่มีเดินตลาด ไปเพิ่มกิจการ ในขณะที่ลูกค้าที่จับจ่ายมีเท่าเดิมหรือน้อยลง
แม่งโง่ หรืออวดฉลาดวะ
ขนาดผมซื๊อปลามาทำขาย ไม่ใช่ว่าไม่อยากขายทุกวันนะ อยากขายมันทุกวันอยากขายตลอดเลยนั่นแหละ
แต่จะขายต้องดูวันดูฤกษ์ยามด้วย ไม่ใช่เรื่องไสษศาสตร์ แต่เป็นเรื่องของวันที่ไปขาย ใกล้เทศการ หรือมีงานบุญอะไรไหม ถ้าใกล้ช่วงนี้ขายได้
ถ้าตรงกับวันนั้น ๆ พอดี ให้เพลาๆไม่ขายเยอะเดียวเหลือไปเน่า เพราะเขาซื้อไปพอแล้ว แถมกินเหลืออีกหลายวัน
กลางเดือนไปถึงสิ้นเดือนคือช่วงเงินน้อย ต้นเดือนช่วงเงินเยอะ (ยกเว้นหลังหวย ออก)
หรือหลังเก็บเกี่ยว นี่คนจะมีเงินเยอะซื้อของกันเยอะ แต่ถ้าเป็นช่วงปิดเทอมมันจะแผ่วๆ เพราะผู้ปกครองไม่ได้ออกมารับส่งลูกหลาย ซื้อกับข้าวให้เด็ก
หรือใกล้เปิดเทอม นี่นรกของแท้ ตลาดจะเงียบมากเพราะเก็บเงินไปจ่ายค่าเทอมเด็ก
การค้าขาย ไม่ใช้แค่มีของ เปิดร้านก็ไปขายได้ มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องรู้จักตัวเองรู้จักความเสี่ยง มองรายรับให้ออกว่าเงินที่ได้มานั่นน่ะ
ได้กำไรหรือขาดทุนกันแน่
บ้านผมทำอาหารเก่ง ไปรับจ้างทำตามงานบุณงานวัดได้สบาย แต่ทำไม่ได้เพราะองค์ประกอบมันไม่พร้อมที่จะทำ
สูตรขนมก็มีทำอร่อยกว่า ไอ้ร้านของฝากของดีในจังหวัด แต่คำนวนดูแล้วถ้าต้องไปลงทุนทำร้านขายแบบนั้นล่ะก็เจ๊งแน่ๆ
เหมือนหนัง The Founder
พี่น้อง แม็คฯ เป็นคนสร้างเริ่มแรก แต่สุดท้ายโดยคนอื่นคาบไปแดก
การทำกิจการไม่ใช่แค่ว่า สร้างร้านแล้วก็ขาย มันมีปัจจัยอื่นแทรกเยอะ คนที่มีหัวทางธุรกิจจริงมันถึงจะไปสู่ความสำเร็จได้
บางคนมีหัวมีความสามารถ แต่ก็ไม่ผลักดันตัวเองก็มีนะ เพราะมัยุ่งยากน่ารำคาญ เอาเวลาไปทำเรื่องอื่นดีกว่าได้เงินไม่เยอะเท่าแต่ก็ยังหาได้เรื่อยๆ