คิดว่าบริการสตรีมมิงจะตามรอยทีวีไปมั้ย

[mangamancer]

ได้ยินมาว่าแต่ก่อนมีเน็ตฟลิกเจ้าเดียวก็ดูได้หลายอย่าง หนังใหม่ๆก็มีให้ดู
หลังๆมาซอยย่อยกันสารพัด ต่างคนก็ต่างอยากมีสตรีมของตัวเอง ถ้าจะดูให้ครบต้องจ่ายหลายเจ้ามาก
แบบนี้มันก็ไม่ได้ต่างไปจากเคเบิลทีวีสมัยก่อนเท่าไหร่เลยสิ

ธุรกิจเกมก็เหมือนกัน แต่ก่อนสตีมอันเดียวก็เล่นเกม pc ได้เกือบหมด เดี๋ยวนี้มีไม่รู้กี่แพลตฟอร์ม
แล้ว cloud gaming ก็ดูจะไม่พ้นอีก ล่าสุด Activision Blizzard ก็ถอนตัวจาก Geforce Now

คิดเห็นอย่างไรกันครับ
 

• Tweet

[Diamos]

ผมมองว่ามันคือการแข่งขันทางตลาดครับ

ไม่แข็งแกร่งก็ตายไป ใครแข็งแกร่งก็อยู่ต่อไป

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

ใคร ๆ ก็ย่อมอยากได้ผลประโยชน์สูงสุดเข้ากระเป๋าตัวเอง อันนี้ก็อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนแล้วว่าจะปรับตัวแข่งขันกันยังไง

ผลประโยชน์ตกอยู่กับผู้บริโภคที่มีทางเลือกเยอะมากขึ้น

บริการสตรีมมิงไม่ตายหรอกครับ แต่ผมมองว่าตลาดจะเกิดการแข่งขันอย่างดุเดือน แต่ละเจ้าคงงัดคอนเท้นมัน ๆ ออกมาค้าขายกันอยางสนุกสนาน

ก็จนกว่าใครจะสามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ หรือรูปแบบสื่อการนำเสนอแบบใหม่ขึ้นมาเบียดตลาดได้ พวกบริการสตรีมมิงถึงจะเข้าสู่ยุคเสื่อมเพราะผู้บริโภคหันไปเสพบริการรูปแบบใหม่ที่สดมากกว่า

ถ้าจะไม่ให้พวกนี้ตาย ก็ต้องทำธุรกิจผูกขาดครับ หรือสร้างกฏหมายขึ้นมากีดกั้นเอาไว้ (ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก)

***

ส่วนเรื่องเกมส์... ผมมองว่า Steam มันได้เปรียบกว่าแพลตฟอร์มอื่นมากครับ เพราะมีเกมส์เยอะมาก แถมคนเข้าใช้งานก็เยอะด้วย

อย่าง เกมส์เนี่ย จริงอยู่ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า Exclusive เฉพาะสำหรับแพลตฟอร์มนั้น ๆ แต่ในฐานะคนขายเกมส์ ย่อมอยากไปหาแพลตฟอร์มที่มีผู้เล่นเยอะในตลาด เพราะกลุ่มลูกค้ามันใหญ่กว่ามีเพียงแพลตฟอร์มเดียว เลยทำให้ถ้าไม่ใช่เกมส์ไตเติลใหญ่จริง ๆ สุดท้ายเกมส์มันก็จะกระจายไปทุกแพลตฟอร์มอยู่ดีครับ (ขนาด FinalFantasy ยังหลุดจาก Sony ไปเครื่องอื่น ๆ เลยคิดดูสิครับ)

***

บางที สุดท้ายพวกซีรีย์ - ละคร ในบริการสตรีมมิงก็อาจจะไม่ต่างจากเกมส์ครับ

คือถ้าบริการสตรีมมิงไหนที่เริ่มทำท่าไม่ดี คนใช้บริการน้อย พวกผู้ผลิตหนังที่ลงให้บริการเฉพาะในบริการสตรีมมิงนั้น ๆ ก็จะเบนออกไปลงให้กับบริการสตรีมมิงอื่น ๆ อยู่ดีเพื่อหาลูกค้าครับ

คือถ้าไม่ใช่เจ้าใหญ่ที่มีหนังกับซีรีย์ที่คนอยากดูมาก ๆ อย่างดีสนี่ย์เปิดให้บริการเอง คงจะยากครับ ที่จะเห็นการผูกขาดละคร - หนัง - ทีวี อยู่กับเฉพาะบริการตัวนั้น ๆ ครับ

***

อันนี้ผมวิเคราะห์เพิ่มนะครับ

สิ่งที่อันตรายของตลาดเสรี คือการผูกขาดด้วยเจ้าใหญ่ครับ

ปกติสินค้าตัวเดียวกัน เขามักจะแข่งขันในด้านบริการกับราคา หรือไม่ก็คุณภาพสินค้าเพื่อให้ขายได้ใช่ไหมละครับ ?

ผลดีจึงตกไปอยู่กับผู้บริโภค เพราะได้ของดีมาใช้

แต่ที่อันตราย คือการที่เจ้าใหญ่ซึ่งมีอำนาจทางการเงินสูง จะสามารถผนวกค่ายต่าง ๆ ให้อยู่กับตัวเองได้

ตั้งแต่ซื้อซีรีย์ ซื้อค่าย ผนวกหลาย ๆ สิ่งที่ติดตลาดให้เป็นของตัวเอง(แบบที่ดีสนี่ย์กำลังทำ)

สุดท้ายเลยไม่เหลือเจ้าใหญ่อื่นมาคานอำนาจกับเจ้านั้นอีกต่อไป

ต่อให้อยู่ ๆ ค่ายคู่แข่งสามารถผลิตหนังหรือซีรีย์สนุกขึ้นมาขายได้ แต่ถ้าเทียบกับเจ้าใหญ่ที่สามารถทำเรื่องสนุก ๆ ออกมาขายได้ที 10-20 เรื่อง ผู้บริโภคที่มีเงินจำกัดก็คงวิ่งไปหาเจ้าใหญ่อยู่ดี เพราะมันคุ้มค่ากว่า

แถมดีไม่ดีตัวผู้กำกับหรือค่ายอาจจะถูกเจ้าใหญ่ซื้อแย่งตัวไปได้ดื้อ ๆ

หรือไม่ก็ตัวค่ายเองนั่นละ ที่จะวิ่งไปหาเจ้าใหญ่เอง เพราะมันทำเงินได้มากกว่าด้วยยอดของสมาชิก

สุดท้ายมันจะเกิดการผูกขาดไปซะอย่างงั้น....

[cemeteryzx]

คลาวด์เกมมิ่ง ณ ตอนนี้ เท่าที่เคยเล่นของวอร์เทก ยังไม่สมบูรณ์ครับ ปัญหายังเยอะอยู่ รอดูของ G-Now ว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้ได้มั้ย
- ไม่ซัพพอร์ตจอย PS3 (XBOX Only ) เหมือนจะตั้งค่าได้ แต่จริงๆแล้วมันตั้งไม่ได้  หรือผมตั้งไม่เป็นฟระ (ด้วยความที่ไม่อยากซื้อจอยใหม่ ถึงกับไปหาโปรแกรมมาลงไดรฟเวอร์หลอกว่าเป็นจอย XBOX เลยทีเดียว ถถถถ)
- ภาพ แตกมาก แตกระดับ เอาตังค่าบริการหลายๆเดือนรวมกันไปซื้อการ์ดจอสเปคขั้นต่ำมาเล่นจะคุ้มในระยะยาวกว่า(แน่นอนว่าตอนนี้มี โปร HD แล้ว แต่ก็นะ เก็บตังไว้ซื้อการ์ดจอดูจะคุ้มในระยะยาวกว่าเหมือนเดิม) สรุปคือ ตอนนี้เป็นได้แค่ของแก้ขัดรออัพคอมฯ  แต่สำหรับคนที่เล่นในมือถือ มันก็สะดวกดี แต่ใช่ว่าจะเล่นได้ทุกเกมอะนะ บางเกมอย่าง POE ที่่เน้นใช้เมาส์จิ้มแบบคลาสสิก เวลาเล่นบนทัชสกรีนถ้าไม่คุ้นเคยก็ลำบากหน่อย
- มีความหน่วง(Ping) เล็กน้อย สำหรับเกมที่ไม่ได้แอ็คชั่นไรมากก็มีผลน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องใช้ความเร็วในการเล่นนี่ โดนทุกดอก 5555
- เนตของผู้ใช้บริการเอง ยังมีความเสถียรไม่พอ ความแรงไม่พอ ต่อให้ทำ SV มาดีแค่ไหนก็เล่นไม่ได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ดี (อันนี้น่าจะปัญหาใหญ่สุดที่แก้ยากสุดจนถึงแก้ไรไม่ได้เลยทีเดียว) 
- ใน วอร์เทก เกมที่มีให้เล่นค่อนข้างน้อย ....
ปล. เจ้าอื่นเป็นไงมั่งไม่เคยเล่น

[TamaNeko]

คลาวด์เกมมิ่ง ณ ตอนนี้ เท่าที่เคยเล่นของวอร์เทก ยังไม่สมบูรณ์ครับ ปัญหายังเยอะอยู่ รอดูของ G-Now ว่าจะแก้ปัญหาพวกนี้ได้มั้ย
- ไม่ซัพพอร์ตจอย PS3 (XBOX Only ) เหมือนจะตั้งค่าได้ แต่จริงๆแล้วมันตั้งไม่ได้  หรือผมตั้งไม่เป็นฟระ (ด้วยความที่ไม่อยากซื้อจอยใหม่ ถึงกับไปหาโปรแกรมมาลงไดรฟเวอร์หลอกว่าเป็นจอย XBOX เลยทีเดียว ถถถถ)
- ภาพ แตกมาก แตกระดับ เอาตังค่าบริการหลายๆเดือนรวมกันไปซื้อการ์ดจอสเปคขั้นต่ำมาเล่นจะคุ้มในระยะยาวกว่า(แน่นอนว่าตอนนี้มี โปร HD แล้ว แต่ก็นะ เก็บตังไว้ซื้อการ์ดจอดูจะคุ้มในระยะยาวกว่าเหมือนเดิม) สรุปคือ ตอนนี้เป็นได้แค่ของแก้ขัดรออัพคอมฯ  แต่สำหรับคนที่เล่นในมือถือ มันก็สะดวกดี แต่ใช่ว่าจะเล่นได้ทุกเกมอะนะ บางเกมอย่าง POE ที่่เน้นใช้เมาส์จิ้มแบบคลาสสิก เวลาเล่นบนทัชสกรีนถ้าไม่คุ้นเคยก็ลำบากหน่อย
- มีความหน่วง(Ping) เล็กน้อย สำหรับเกมที่ไม่ได้แอ็คชั่นไรมากก็มีผลน้อยหน่อย แต่ถ้าต้องใช้ความเร็วในการเล่นนี่ โดนทุกดอก 5555
- เนตของผู้ใช้บริการเอง ยังมีความเสถียรไม่พอ ความแรงไม่พอ ต่อให้ทำ SV มาดีแค่ไหนก็เล่นไม่ได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ดี (อันนี้น่าจะปัญหาใหญ่สุดที่แก้ยากสุดจนถึงแก้ไรไม่ได้เลยทีเดียว) 
- ใน วอร์เทก เกมที่มีให้เล่นค่อนข้างน้อย ....
ปล. เจ้าอื่นเป็นไงมั่งไม่เคยเล่น

สงสัยต้องรอ 5 G  ที่อาจได้ใช้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า(เห็นเขาว่าหกจีก็จะตามมาในอีกสี่ห้าปีซะด้วย)

[mangamancer]

ผมมองว่ามันคือการแข่งขันทางตลาดครับ

ไม่แข็งแกร่งก็ตายไป ใครแข็งแกร่งก็อยู่ต่อไป

ปลาใหญ่กินปลาเล็ก

ใคร ๆ ก็ย่อมอยากได้ผลประโยชน์สูงสุดเข้ากระเป๋าตัวเอง อันนี้ก็อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนแล้วว่าจะปรับตัวแข่งขันกันยังไง

ผลประโยชน์ตกอยู่กับผู้บริโภคที่มีทางเลือกเยอะมากขึ้น

บริการสตรีมมิงไม่ตายหรอกครับ แต่ผมมองว่าตลาดจะเกิดการแข่งขันอย่างดุเดือน แต่ละเจ้าคงงัดคอนเท้นมัน ๆ ออกมาค้าขายกันอยางสนุกสนาน

ก็จนกว่าใครจะสามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ หรือรูปแบบสื่อการนำเสนอแบบใหม่ขึ้นมาเบียดตลาดได้ พวกบริการสตรีมมิงถึงจะเข้าสู่ยุคเสื่อมเพราะผู้บริโภคหันไปเสพบริการรูปแบบใหม่ที่สดมากกว่า

ถ้าจะไม่ให้พวกนี้ตาย ก็ต้องทำธุรกิจผูกขาดครับ หรือสร้างกฏหมายขึ้นมากีดกั้นเอาไว้ (ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก)

***

ส่วนเรื่องเกมส์... ผมมองว่า Steam มันได้เปรียบกว่าแพลตฟอร์มอื่นมากครับ เพราะมีเกมส์เยอะมาก แถมคนเข้าใช้งานก็เยอะด้วย

อย่าง เกมส์เนี่ย จริงอยู่ว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่า Exclusive เฉพาะสำหรับแพลตฟอร์มนั้น ๆ แต่ในฐานะคนขายเกมส์ ย่อมอยากไปหาแพลตฟอร์มที่มีผู้เล่นเยอะในตลาด เพราะกลุ่มลูกค้ามันใหญ่กว่ามีเพียงแพลตฟอร์มเดียว เลยทำให้ถ้าไม่ใช่เกมส์ไตเติลใหญ่จริง ๆ สุดท้ายเกมส์มันก็จะกระจายไปทุกแพลตฟอร์มอยู่ดีครับ (ขนาด FinalFantasy ยังหลุดจาก Sony ไปเครื่องอื่น ๆ เลยคิดดูสิครับ)

***

บางที สุดท้ายพวกซีรีย์ - ละคร ในบริการสตรีมมิงก็อาจจะไม่ต่างจากเกมส์ครับ

คือถ้าบริการสตรีมมิงไหนที่เริ่มทำท่าไม่ดี คนใช้บริการน้อย พวกผู้ผลิตหนังที่ลงให้บริการเฉพาะในบริการสตรีมมิงนั้น ๆ ก็จะเบนออกไปลงให้กับบริการสตรีมมิงอื่น ๆ อยู่ดีเพื่อหาลูกค้าครับ

คือถ้าไม่ใช่เจ้าใหญ่ที่มีหนังกับซีรีย์ที่คนอยากดูมาก ๆ อย่างดีสนี่ย์เปิดให้บริการเอง คงจะยากครับ ที่จะเห็นการผูกขาดละคร - หนัง - ทีวี อยู่กับเฉพาะบริการตัวนั้น ๆ ครับ

***

อันนี้ผมวิเคราะห์เพิ่มนะครับ

สิ่งที่อันตรายของตลาดเสรี คือการผูกขาดด้วยเจ้าใหญ่ครับ

ปกติสินค้าตัวเดียวกัน เขามักจะแข่งขันในด้านบริการกับราคา หรือไม่ก็คุณภาพสินค้าเพื่อให้ขายได้ใช่ไหมละครับ ?

ผลดีจึงตกไปอยู่กับผู้บริโภค เพราะได้ของดีมาใช้

แต่ที่อันตราย คือการที่เจ้าใหญ่ซึ่งมีอำนาจทางการเงินสูง จะสามารถผนวกค่ายต่าง ๆ ให้อยู่กับตัวเองได้

ตั้งแต่ซื้อซีรีย์ ซื้อค่าย ผนวกหลาย ๆ สิ่งที่ติดตลาดให้เป็นของตัวเอง(แบบที่ดีสนี่ย์กำลังทำ)

สุดท้ายเลยไม่เหลือเจ้าใหญ่อื่นมาคานอำนาจกับเจ้านั้นอีกต่อไป

ต่อให้อยู่ ๆ ค่ายคู่แข่งสามารถผลิตหนังหรือซีรีย์สนุกขึ้นมาขายได้ แต่ถ้าเทียบกับเจ้าใหญ่ที่สามารถทำเรื่องสนุก ๆ ออกมาขายได้ที 10-20 เรื่อง ผู้บริโภคที่มีเงินจำกัดก็คงวิ่งไปหาเจ้าใหญ่อยู่ดี เพราะมันคุ้มค่ากว่า

แถมดีไม่ดีตัวผู้กำกับหรือค่ายอาจจะถูกเจ้าใหญ่ซื้อแย่งตัวไปได้ดื้อ ๆ

หรือไม่ก็ตัวค่ายเองนั่นละ ที่จะวิ่งไปหาเจ้าใหญ่เอง เพราะมันทำเงินได้มากกว่าด้วยยอดของสมาชิก

สุดท้ายมันจะเกิดการผูกขาดไปซะอย่างงั้น....

ตลาดแบบนี้ผมว่ามันต่างจากตลาดทั่วไปนะ มันผลิตแทนกันไม่ได้
ค่ายอื่นอาจผลิตหนัง/ซีรียส์ space-fantasy ที่ดีกว่า Star Wars ได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่ Star Wars
ค่ายอื่นอาจผลิตเกมแฟนตาซีที่ดีกว่า Final Fantasy ได้ แต่มันก็ยังไม่ใช่ Final Fantasy
การผูกขาดรูปแบบนี้ผมว่ายิ่งแย่ ถ้ามีเจ้าใหญ่ๆแค่สองสามเจ้าผู้บริโภคยังมีโอกาสได้ดูได้เล่นเรื่องที่ตัวเองต้องการมากกว่า
ไม่ใช่ว่ามีหลายบริษัทกว่าแล้วจะดีต่อผู้บริโภคเสมอไป มันควรจะมีการร่วมมือกันแล้วทุกบริษัทได้ประโยชน์มากกว่ามาเตะตัดขากัน

[nortonpanda]

ถ้าพูดถึงเกมนี่ไม่น่าจะตามรอยทีวีหรอกครับ อย่างน้อย ๆ ก็นานมากเพราะธรรมชาติของเกมไม่เหมือนหนัง รึเพลง ไม่ว่าจะหา 5G รึ 255G ถ้าตราบใดที่มันไม่สามารถเร็วกว่าแสงได้ ปัญหาต่าง ๆ อย่างเช่น input lag มันจะยังคงอยู่ เอาง่าย ๆ ทุกวันนี้หูฟัง True wireless ที่โฆษณาว่า low latency มันก็ยังไม่ชนะความหน่วงจากหูฟังมีสายนะ แต่อยู่ในระดับที่คนปกติแทบไม่รู้สึกแล้ว อันนี้ส่วนนึง


เรื่องสิทธิการครอบครองก็ส่วนนึง ยังมีเหล่าคนที่ชอบสะสม limit edition มีคนอยากเก็บแผ่น มีคนอยากเป็นเจ้าของแผ่น เป็นเจ้าของเกมโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูก roll out ออกไป และก็จุดแข็งตั้งแต่อดีตของคอนโซลเกมคือ มีทีวี มีไฟก็พอเล่นได้แล้ว พอมาเป็นคลาวด์นี่ต้องมีเน็ตอีก ประเทศไหนเน็ตกากวันไหนเน็ตเสียเป็นอาทิตย์ก็นอนจ้องเพดานกันไป...


เจ้าจริง ๆ ในวงการธุรกิจจริง ๆ ก็มีอยู่ช่วงนึงที่คนเอะอะ ๆ ก็ขึ้นคลาวด์กันหมด แต่พอเจอตอสุดท้ายก็ต้องมีทั้งคลาวด์และไม่คลาวด์ถึงจะตอบโจทย์ได้อยู่ดี เกมก็น่าจะไปในลักษณะนั่นคือคลาวด์ไม่ทำให้วิธีเดิม ๆ ตายไปเหมือนกับทีวี แต่เป็นการต่อยอดสิ่งที่ทำได้ออกไปได้มากกว่า

[mangamancer]

^เปล่าครับๆ มันไม่ใช่เรื่องว่าคอนโซลจะถูกแทนที่ด้วยเมฆหรือไม่ครับ
ต้องไม่ลืมว่าที่ piracy ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต ส่วนหนึ่งมันเพราะสตีมเป็นทางเลือกที่สะดวกและเชื่อถือได้
พอมาซอยย่อยแพลตฟอร์มกันมากๆนี่ ผู้บริโภคก็เริ่มได้รับความไม่สะดวกละ
ไหนจะเรื่องของความไม่แน่นอน ที่พอมีหลายๆเจ้าแล้วเวลาเจ้าใดเจ้าหนึ่งเจ๊งขึ้นมา ท่านก็อาจเสียเกมที่ซื้อไว้ไป(นึกถึงการปิดตัวของเกมกาชา/เกมมือถือ)

[nortonpanda]

^เปล่าครับๆ มันไม่ใช่เรื่องว่าคอนโซลจะถูกแทนที่ด้วยเมฆหรือไม่ครับ
ต้องไม่ลืมว่าที่ piracy ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต ส่วนหนึ่งมันเพราะสตีมเป็นทางเลือกที่สะดวกและเชื่อถือได้
พอมาซอยย่อยแพลตฟอร์มกันมากๆนี่ ผู้บริโภคก็เริ่มได้รับความไม่สะดวกละ
ไหนจะเรื่องของความไม่แน่นอน ที่พอมีหลายๆเจ้าแล้วเวลาเจ้าใดเจ้าหนึ่งเจ๊งขึ้นมา ท่านก็อาจเสียเกมที่ซื้อไว้ไป(นึกถึงการปิดตัวของเกมกาชา/เกมมือถือ)

อ้อ ถ้าเป็นประเด็นนี้ผมว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์แหละ ถ้าทำแล้วรุ่งต่อไปก็จะค่อย ๆ แยกไปเปิดกันเองแน่นอน แต่ถ้าทำแล้วไม่รุ่งสุดท้ายเจ้าใหญ่ที่สุดก็จะไปตีต้อนเอากลับมาเอง


ในมุมมองผู้บริโภคก็ถือว่าลำบากขึ้นแน่นอน ชอบทุกค่ายจ่ายรายเดือนทุกค่ายที่นี่กินแกลบแน่ ๆ

[sariora123]

สตรีมไม่ตายหลอกครับ ตราบเท่าที่ยังมีคนดู ปัญหาคนทีวีคือคนไม่ดูกัน เขาหันไปหาสื่อทางเลือกอื่นๆ แทน

[quote/]

สงสัยต้องรอ 5 G  ที่อาจได้ใช้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า(เห็นเขาว่าหกจีก็จะตามมาในอีกสี่ห้าปีซะด้วย)

5G หวังอะไรได้ครับ คุณเข้าใจเรื่องเทคโนบ้างหรือเปล่า


ส่วนตัวผมไม่ได้เข้าใจเยอะ แต่ตามข่าวมาได้พอควร เทคโนโลยี่มันมีขีดจำกัด มันไม่ได้ดีขนาดไอ้โฆษณาขายฝัน ขายความเพ้อเจ้อที่พวกช่องต่างๆ มันอวดกันหลอกนะ รับตังเขามาโฆษนาหรือเปล่าก็ไม่รู้
5G มันช่วยลด Lateny /  Ping ได้ก็จริงแต่ไอ้ที่บอกว่าลดลงหลายเท่านี่มันลงลงตรงไหนยังไง รู้กันไหมหลายคนพูดอวดกันมากว่ามันดี
ไอ้ที่มันลด ping ได้คือลดตรง ระหว่าง เสาสัญญาณ กับ ตัวมือถือ  นอกนั้นระบบเคลือข่ายต่างๆ ก็ใช้ระบบอันเดิมๆของค่าย ผู้ให้บริการ ที่เคยใช้กันอยู่นั่นแหละ มันห่วยยังไงมันก็ยังห่วยอยู่อย่างนั้นไม่ต่างจากเดิมหลอก
ไอ้ที่มันบอกว่าลดping - latency ได้5-10 เท่านี่คือตรงเสา กับมือถือมันไม่ได้ลดลงทั้งระบบ
และไหนจะปัญหาเรื่องการทะลุของสัญญาณที่ต่ำ เดินบังตึกสัญญาณก็ตกได้เลย  ต้องติดตั้งเสากันถี่ๆ อาจต้องติดตั้งตัวกระจายสัญญาณในตึกใหญ่ๆอีกต่างหากไม่งั้นดับ
 

[mangamancer]

^การต้องสมัครและชำระค่าบริการหลายๆเจ้ามันทำให้หลายคนเลิกดูเลิกสนครับ

[eureka7]

จริงๆ พวกนี้อยู่ได้ด้วยคอนเทนต์ ของตัวเองครับ เช่น Netflix ก็จะมีซีรี่ย์ Original ซึ่งถ้ามันดี คนก็พร้อมจ่าย ส่วนคนที่ไม่มีคอนเทนต์พวกนี้ก็จะค่อยๆล้มหายตายจากไป อาจจะยังสู้ได้ด้วยราคาที่ต่ำกว่า


ส่วนพวกคลาวเกมในอนาคตมันมาแน่ๆล่ะ แต่อย่างที่บอกมันอยู่ได้ด้วย ออริจินอลคอนเทนต์ ของตัวมันเองถ้ามันมีเกมดีๆ เล่นได้เฉพาะตัวของมันเองมันก็ดึงดูดลูกค้าได้
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพก็ นินเทนโด กับ โซนี่ ที่ยอดขายคอนโซลเยอะมากเมื่อเทียบกับ ไมโครซอฟ เพราะพวกเค้ามีเกม EX ที่คอยป้อนกระตุ้นยอดขายคอนโซล เรื่อยๆ


เพราะถ้าคู่เข่งเยอะ ราคาไม่ทิ้งกัน หนัง(เกม)ไม่ต่างกันมาก ก็อยู่ที่ออริจินอลคอนเทนต์นั่นแหละที่เป็นจุดให้คนตัดสินใจซื้อก่อน

[mangamancer]

^โมเดลของ exclusive  content ในอดีตประสบความสำเร็จดี แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปครับ
อย่างไมโครซอฟก็เปลี่ยนทิศทางไปเลย ไม่ได้มองโซนีและนินเทนโดเป็นคู่แข่งแล้ว
ไมโครซอฟอาจจะถูกหรืออาจจะผิด คงต้องรอดูกันต่อไป

ปล.ในวงการเกมที่เป็นอยู่นี้มันไม่ใช่การแข่งกันสร้างเกมดี แต่เป็นการเตะตัดขากันไปมาโดยทุ่มเงินให้ผู้พัฒนาต่างๆไม่ทำเกมเป็น multi-platform
เจ้าของแพลตฟอร์มเสียเงิน ผู้บริโภคเสียตัวเลือก ผู้พัฒนาเกมเสียกำไรที่ควรจะได้จากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
โมเดลธุรกิจแบบนี้มัน lose-lose-lose

[panuponk]

เกมส์นะไม่กระทบเท่าไร แต่ทีวีนี่โดนสตรีมมิ่งแทนที่แบบเต็มๆครับ 

[thetoy323]

คงไม่หรอกมั้ง บางทีพวก streaming ก็อาจจะเป็นคล้ายของแถมสำหรับบางเจ้าและบางคน
อย่าง amazon prime ทุกวันนี้ผมก็แทบจะไม่ได้ใช้ prime video เลย แต่ก็ยังใช้amazon prime อยู่ดี เพราะ twitch prime ล้วนๆ

[topkun]

TV streaming มีหลายเจ้า ก็เลือกดูเฉพาะเเจ้าที่มีรายการที่ต้องการดูเอาสิ
ไม่ใช่จะดู สตรีมมิ่ง แล้วต้องจ่ายให้ทุกเจ้านี่


ที่ทีวีแพ้ให้สตรีมมิ่ง ไม่ใช่เพราะทีวีมีหลายเจ้าแข่งกัน
แต่เป็นเพราะ สตรีมมิ่ง สามารถเลือกเวลาดูได้ตามใจชอบ อยากดูตอนไหนก็ดู
แต่ทีวีต้องดูตามผังรายการที่จัดมา ถ้าไม่ว่างตอนนั้นก็อดดูเลย

[Panzerelite]

ที่ตายๆกันคือมีอย่างอื่นเข้ามาแทนคับ


เอาจริงๆต้องย้อนไปถงสมัยโรงภ่าพยนต์คับจริงๆสมัยก่อนมันไม่ผูกขาดแบบนี้มีโรงเจ้ายิบย่อยเพียบแม้แต่หนังกลางแปลง ต่อมาก็เป็นร้านเช่นวีดีโอ แล้วโรงหนังก็ย้ายไปอยู่บนห้่างพร้อมกับการผูกขาดของ2เจ้าใหญ่ ร้านเช่าVDO กลายเป็นร้านเช่าCD>DVD แต่สุดท้ายก็ตายเพราะอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง สตรีมหนังเถือนมีมานานแล้ว ตอนแรกแค่โหลดธรรมดาหลังๆคือสตรีมเลยไม่ต้องโหลดให้รกเครื่อง ปัญหาคืแล้วอะไรจะเข้ามาแทยที่

[mangamancer]

TV streaming มีหลายเจ้า ก็เลือกดูเฉพาะเเจ้าที่มีรายการที่ต้องการดูเอาสิ
ไม่ใช่จะดู สตรีมมิ่ง แล้วต้องจ่ายให้ทุกเจ้านี่


ที่ทีวีแพ้ให้สตรีมมิ่ง ไม่ใช่เพราะทีวีมีหลายเจ้าแข่งกัน
แต่เป็นเพราะ สตรีมมิ่ง สามารถเลือกเวลาดูได้ตามใจชอบ อยากดูตอนไหนก็ดู
แต่ทีวีต้องดูตามผังรายการที่จัดมา ถ้าไม่ว่างตอนนั้นก็อดดูเลย

มันไม่ใช่ว่าซอยย่อย 100 เจ้า 1000 เจ้าแล้วมันคิดราค่า 1 ใน 100 รึ 1 ใน 1000 นี่ครับ แต่ละเจ้าก็คิดราคาเต็มเหมือนเดิม(คิดถูกๆไม่ได้เพราะฐานลูกค้าไม่ใหญ่)