[quote/]
คือยังไงเสียของจริงมันก็ไม่เหมือนในรามเกียรหรอก พระรามไม่ใช่เทพแต่อาจเป้นพวก ผู้นำนักล่าอานานิคมอะไรซักอย่าง เพราะตามประวัติศาสตร์เท่าที่รู้ คือพวกชาวอารยันรบกับชาวทมิญแล้วไปลากชนพื้นเมืองเอามาเป็นทหาร คือมันไม่ได้สวยหรูไม่ได้น่ายกย่องอะไรเลย
รายละเอียด คนที่เกี่ยวข้อง ตายไปหมดแล้วครับ เหลือแต่บันทึก
ขนาดต้นฉบับ กับของไทยยังไม่ตรงกันเลยครับ เห็นเขาว่าโดนแปลงบางส่วน
อย่างเราๆไม่ใช่นักโบราณคดีอะไร ก็อย่าไปฟันธงเลยครับ แค่สงสัยก็พอ
อย่างตำนานกรีก เรื่องลูกซุส ผมว่ายังเป็นการเคลม ของบรรดาสาวๆที่ท้องไม่มีพ่อ หรือเล่นชู้มากกว่า
เพราะในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมกรีกกับโรมันโบราณ บรรดาสาวๆ ถือเป็นสมบัติของพ่อ
การที่ท้องก่อนแต่งถือว่าเสื่อมเสียมากๆ อาจถึงขั้นโดน.... ได้
เพราะงั้นการจะคลอดลูกแล้วให้คนยกย่องได้คือ โดนเทพข่มขืน เพราะความงามครับ
แต่ถ้าจะให้ไม่เชื่อไปซะทุกๆเรื่อง มันก็ใช่ว่าเรื่องเว่อๆหลายอย่างไม่มีมูล
อย่างสมัยก่อนจะที่ปารีส
Paris Dance of
Death.
จู่ๆก็มีคนออกมาเต้นตามถนนไปเรื่อยๆ เป็นวันๆจนตาย โดยผิวจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ
แน่นอนสมัยนั้นคนก็เชื่อว่าเป็นคำสาปของแม่มด
ซึ่งคนสมัยนี้คงจะคิดว่า เป็นเรื่องโม้ ถ้าไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์
หรืออย่างซอมบี้ เขาก็ว่ามีจริง
แต่รายละเอียดเรื่องพวกนี้ นักวิทยาศาตร์รึนักโบราณคดีเขาก็หาหลักฐานได้ว่ามีจริง
แค่มันไม่ได้เกิดจากไสย์ศาสตร์ แต่ึนสมัยก่อนหาสาเหตุไม่ได้เลยกลายเป็นสิ่งลึกลับเหนือธรรมชาติไป
ซึ่งเรื่องซอมบี้ เค้าว่าเกิดจากการต้องการแรงงานฟรี ในแอฟริกา
โดยไปวางยาคนให้เหมือนตาย แล้วไปขุดหลุมศพมา แล้วใช้สารเสพติดต่างๆ เพื่อใช้งาน
คนปรกติเห็นเลยคิดว่า ฟื้นคืนจากความตาย แล้วสภาพก็สติไม่ปรกติเพราะฤทธิ์ยา
เลยกลายเป็นเรื่องเล่าไป
ส่วนไปเรื่องเต้นจนตาย เค้าว่าเกิดจากเชื้อราชนิดนึง ในขนมปัง ทำให้เลือดแข็งตัว
คนเลยผิวคล้ำเพราะเส้นเลือดดำอุดตัน
ถึงสาเหตุจะไม่ถูก แต่ผลลัพธ์ ก็ตรงตามเรื่องเล่า
เพราะงั้นทุกเรื่องก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งดีกว่าครับ
คนโบราณถึงชอบพูดว่าไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่ เพราะหลายเรื่องเกิดขึ้นจริงแค่ยังหาสาเหตุไม่ได้เฉยๆ
เพราะในมุมมองคนทั่วไป ถ้าทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ไม่มีการเผยแพร่
คนก็คงคิดว่าวิชาการต่างๆเป็นมนต์ดำ
นักวิทยาศาสตร์เป็น พ่อมดแม่มด