อันนี้คือข้อมูลจากสำนักวิชาการฯ
https://library2.parliament.go.th/ebook/content-issue/2562/hi2562-034.pdfขอสรุปเลยนะครับ
เบียร์ 0% มีชื่อทางการว่า “เครื่องดื่มมอลต์ (Malt drink)” มีกรรมวิธีในการผลิต
เช่นเดียวกับเบียร์ทุกประการ ต่างกันเพียงได้ใช้กรรมวิธีเพื่อดึงแอลกอฮอล์ออกไปโดยการนำไปต้ม
ซึ่งคำว่า “ไร้แอลกอฮอล์” จริง ๆ มันไม่ได้ 0% จริง แค่ว่ามีเจือจางมาก ระดับราวน้อยกว่าร้อยละ 0.05 เท่านันครับ
แต่ความที่มันมีแอลกอฮอล์น้อย กับมีปริมาณน้ำตาลน้อย เลยทำให้เครื่องดื่มพวกนี้เป็นทางเลือกของกลุ่มรักสุขภาพ กับกลุ่มที่อยากรับรสเบียร์ แต่คออ่อน หรือไม่อยากเมา อะไรก็ว่ากันไป
สรุปคือเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ตลาดของยุครักสุขภาพ มันเลยทำให้
ตลาดเติบโตขึ้นมามากครับ
ส่วนแบ่งตลาดขายเองก็เพิ่มสูงขึ้นครับ
พูดง่าย ๆ คือ
ตัวเลขของการเติบโตในตลาดมันล่อหูล่อตามากครับทีนี้มาดูในส่วนของกรรมสรรพากรณ์กันบ้างนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ได้เปิดเผยข้อมูลว่า เพื่อความเป็นธรรมในระบบภาษี และป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเยาวชนหันมาบริโภคเบียร์ 0% เพิ่มมากขึ้นตามข้อกังวลของกระทรวงสาธารณสุข กรมสรรพสามิตจึงได้หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อขอเปิดพิกัดภาษีใหม่ สำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ (เบียร์ 0%) โดยตรง...
ฟังให้ดี ๆ นะครับ
"เพื่อความเป็นธรรมในระบบภาษี และป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเยาวชนหันมาบริโภคเบียร์ 0% เพิ่มมากขึ้นตามข้อกังวลของกระทรวงสาธารณสุข"
คือเบียร์ตัวนี้มันไม่ใช่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาครับ มันมีมานานแล้ว แต่ว่าตลาดมันถึงจะมามีสัญญาณเติบโตตอนปี 2015 แล้วมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นรายได้ที่มหาศาลมาก (แล้วมันพึ่งจะม่ตู้มในไทยตอนปี 2019)
เอาง่าย ๆ เลย คือถ้ากรรสรรพกรณ์อ้างเรื่องความเป็นธรรมจริง
มันควรจัดการตั้งแต่แรกตอนเขาจดทะเบียนสินค้าแล้วครับ ไม่ใช่พึ่งเห็นส่วนแบ่งกำไรตลาดมหาศาล แล้วค่อยมาลงมือลงมาจัดการกับมันครับ
แต่ถ้าถามว่าจะจัดเก็บเท่าเบียร์ดีไหม ? ซึ่งในส่วนนี้มันผมมองว่ามันกำกวม เนื่องจากกรรมวิธีการผลิตมันเหมือนเบียร์มากครับ (แต่ถ้าตีความว่ามันคือเบียร์ มันก็ควรจัดเป็นกลุ่มเครื่องดื่มที่ห้ามเด็กอายุไม่ถึง 20 ปีดื่มเช่นกันครับ)
แต่ข้ออ้างเรื่อง "ป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเยาวชนหันมาบริโภคเบียร์ 0% เพิ่มมากขึ้นตามข้อกังวลของกระทรวงสาธารณสุข" อันนี้ผมมองว่ามันบ้ามาก
ในเมื่อเบียร์ตัว 0% มันทำมาเพื่อเป็นเบียร์ทางเลือกให้กลุ่มรักสุขภาพแต่ยังอยากดื่มแต่แรก แล้วจะมาห่วงตรงจุดนี้เพื่ออะไรกัน
ถ้าเป็นห่วงจริง สิ่งที่ควรทำคือการให้ความรู้เยาวชนถึงผลที่จะตามมาถ้าหากว่าดื่มมันเยอะเกินไป
หรือไม่ปรับให้มันอยู่กลุ่มเดียวกับเหล้า อายุ 20 ปีขึ้นไปถึงจะซื้อได้เท่านั้นไปเลยสิ ? แต่นี่อะไร บอกโฆษณาได้เต็มที่ เพราะไม่ถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่จะมาจัดเก็บภาษีระดับเดียวกับแอลกอลฮอล์ ? งงไหมละครับ ?
คือเหตุผลที่ทางกรรสรรพกรณ์อ้าง พอเอามาคิดให้ดี ๆ แม่งมีแต่ขัดแย้งกับหลักปฏิบัติหรือความเป็นจริงทั้งนั้น คนเลยออกมาด่ากันยังไงละครับ
พูดง่าย ๆ ผมว่า
ความจริงคืออยากได้เงินภาษีเพิ่มนั่นละ เลยหาเหตุมาใส่ผลแล้วเก็บพวกนี้ซะ นั่นละครับ
อันนี้ปะเล่น ๆ เกี่ยวกับเบียร์ 0% ของไฮเนเก้นที่เข้ามาเจาะตลาดไทยตอนปี 2019 ครับ
https://www.marketingoops.com/news/brand-move/heineken-0-0-barcade/****
เรื่องประเด็นถุง หึ หึ หึ เดียวถ้าว่างผมจะกลับมาถกอีกทีครับ วะ ฮะ ฮะ ฮะ !