เอาจริงๆคือหน่วยงานป้องกันเค้าทำงานดีอยู่แล้วครับมันถึงมีคนติดโรคในไทยน้อยและคนติดก็หายแล้วปัณหาของไทยไม่ไช่ระบบ แต่เป็นรัฐที่ทำงานไม่เป็นไม่เข้าใจระบบความจริงถ้ารัฐทำงานเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำคือแถลงการวิธีป้องกันและอวดหน่วยงานที่ป้องกันไห้คนอุ่นใจ ซึ่งในความเป็นจริงหลายคนคิดว่าช่วงไข้หวัดนกทักษินทำได้ดีกว่าแต่ในความเป็นจริงทักกี้ทำได้ดีกว่าแค่แถลงการครับช่วงนั้นโรคละบาทหนักมากการป้องกันห่วยสุดๆหน่วยงานป้องกันก็ไม่มี(เอาจริงๆหน่วยควบคุมโรคมาตังกันจริงจังช่วงนี้แหละ) แต่ถือว่าทักกี้ได้เริ่มไช้งานหน่วยงานป้องกันแต่รัฐชุดนี้ทำงานไม่เป็นมีอาวุธทรงพลังทำงานอัติโนมัตแต่ไม่เคยรู้ว่ามีแม้อาวุธที่ว่าทำงานไปแล้วก็ยังไม่รู้ สิ่งที่รัฐชุดนี้รู้คืออาวุธที่ตัวเองคุ้นเคยอย่างที่เคยบอกผมไม่มีปัณหาเรื่องซื้ออาวุธเข้าประเทศแค่ซื้อมาแล้วไช้งานสู้กับชาวบ้านได้ผมก็โอเค แต่อย่างที่บอกไปรัฐชุดนี้รู้จักแต่อาวุธที่ตัวเองคุ้นเคยจึงซื้อเรือดำน้ำรุ่นใหม่ล่าสุดในยุคของตนมาไช้ซึ่งผมไม่โอเค ของตกยุคแบบนั้นจะเอามาสู้ใครได้แรงขับก็สู้ของใหม่ไม่ได้ช่องบรรจุอาวุธก็น้อย คนไช้งานถ้าจะเอาไปรบได้ต้องเก่งกว่าอีกฝ่ายอย่างน้อยสามเท่า
ส่วนที่ว่าโลกเฉียดหายนะเอาจริงๆผมว่ายังอีกไกลแต่ถึงจะไกล้ผมก็ไม่มีปัณญาจะไปเปรี่ยนแปลงอะไรได้
เจ้าหน้าที่บางคนทำงานดีอันนี้ขอชื่นชม โดยเฉพาะดร.ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเทคนิคการแพทย์ที่เจอโรคนี้ก่อนจีนเสียอีกและประกาศให้รู้แจ้งกับ WHO แต่ที่น่าตำหนิคือผู้บริหารระดับสูงที่ขาดความเข้าใจและตระหนักถึงความสุ่มเสี่ยงที่ยังดำเนินนโยบายรับนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วงตรุษจีนเหมือนเดิม แถมอยากเพิ่มนักท่องเที่ยวด้วยการออกโครงการชิมช้อปใช้อีกซึ่งเป็นการเอาภาษีประชาชนไปให้คนต่างชาติใช้ ทั้งที่เงินรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปี(เพิ่มในอัตราลดลง แต่ก็ยังเพิ่มอยู่)
ตอน PM2.5 หนัก ผมก็ป่วยเพราะฝุ่นเหมือนกันและไปที่รพ. ก็พบว่าผู้มาเข้ารับการรักษาจากฝุ่นละออง PM2.5 มีเยอะจนแถวคนไข้ยาวออกไปนอกประตูอาคาร (ของผมไปที่รพ.พระนั่งเกล้าแถวบ้าน)
ผมก็มานั่งคิดทบทวนดู รัฐอยากประหยัดงบประมาณ แต่แท้จริงแล้วงบประมาณที่ใช้มันก็เพิ่มขึ้นอยู่ดี จากที่ไม่ได้ใช้งบแก้ปัญหา สุดท้ายก็ไปปูดที่งบกระทรวงสาธารณสุขอยู่ดีนั่นแหละครับ
เพราะว่าก็ต้องจ่ายค่ารักษา ค่ายา อื่นๆ ผมกลับมาลองคิดดูเล่นๆ สมมุติว่ารัฐลองไปตกลงคุยกับเจ้าของสัมปทานรถไฟฟ้า(BEM) และ ขสมก. ว่ารัฐจะจ่ายงบตรงนี้ ทำให้ประชาชนได้ใช้รถไฟฟ้าฟรี
กับรถเมล์ฟรี เพื่อลดการผลิตฝุ่น PM2.5 (ฝุ่น PM2.5 เกิดมาจากการเผาไหม้สันดาปของเชื้อเพลิงโดยเฉพาะน้ำมันและถ่าน) ประชาชนก็จะลดการใช้รถยนต์ของตัวเอง หันมาใช้ขนส่งสาธารณะ
ลดปัญหา PM2.5 ไปได้ไม่น้อย (ผมสังเกตตัวเลข วันทำงาน จ-ศ กับ วันหยุด ส-อ นั้น ตัวเลขได้แสดงปริมาณฝุ่นที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เท่าที่สังเกตคือห่างกันประมาณ 30-40 )