ประเด็นที่มันส่งผลให้น่ากลัวคือ มันติดง่าย เเละ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันมันนี่เเหละ ถึงจะบอกว่ายอดคนตายมันน้อยมากๆ เเต่อนาคตมันไม่มีอะไรการันตีว่า ถ้ามันติดมากๆ เป็นกันเยอะๆ จนไวรัสชนิดนี้ "สามารถที่จะพัฒนาต่อไปได้อีก" นี่ เรือหายเลยนะ นอกจากจะหาวัคซีนรักษาไม่ได้ เเต่ต้องเจอกับปริมาณผู้ติดเชื้อที่มีเเต่จะเพิ่มขึ้น เเละเสี่ยงที่ไวรัสจะพัฒนาไปอีกระดับนี่ ไม่ตลกเลยนะนั้น
อ่านข่าวจีนเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทั้งหมอทั้งพยาบาลตอนลากับครอบครัวเหมือนลาไปสนามรบเลยแฮะ
ภาพแต่ละภาพ คำแต่ละคำที่พูดตอนลาก็ซึ้งๆทั้งนั้น พยาบาลหญิงก็พร้อมใจกันยอมตัดผมสั้นเพื่อป้องกัน
เชื้อ
บรรดาเจ้าหน้าที่จีน ที่ติดเชื้อแล้วหายป่วยก็พร้อมใจกลับมาทำงานต่อ วัคซีนก็ยังคงพัฒนาต่อไป แต่ไวรัส
มันก็พัฒนาตัวเองจนได้ เรียกว่าฟรีสเซอร์ร่างสองดีมั๊ยนะ ฮา (ล้อเลียนดรากอนบอลหน่ะ ตอนได้ยินข่าว
มันชวนให้นึกถึง) แต่คนที่ถูกคอนเฟิร์มว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ติดจากคนสู่คนนี่ก็ อายุตั้ง60กว่าปีแล้ว
รู้สึกติดเชื้อมานานมาก เพราะไปรับนั่งท่องเที่ยวทัวร์จีนสองกลุ่ม งี้มันก็แปลได้ว่า ขณะนั้นผู้เป็นพาหะโรค
ทั้งกรุ๊ปทัวร์นั้น และคนญี่ปุ่น ก็กระจายเชื้อเป็นวงกว้างเรียบร้อยหล่ะ
ที่สำคัญอย่างนึง ผู้เสียชีวิตนอกจากอัตราตายจะสูงในผู้สูงอายุแล้ว ผู้ที่ตายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่มีโรค
ประจำตัวอยู่แล้ว อย่างโรคเกี่ยวกับปอดเอย หรือโรคที่ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงเอย จนทำให้ภูมิคุ้นกัน
อ่อนแอ จนเชื้อไวรัสชนะร่างกายทำให้เสียชีวิต ใครแข็งแรงก็เป็นเพียงพาหะนำโรคเฉยๆ แต่แค่เป็น
พาหะนำโรคก็น่ากลัวหล่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะไปแพร่สู่คนสุขภาพอ่อนแอที่ไหนบ้าง