ในแบบที่ผมคิด คือผู้อำนวยการโรงเรียนครับ คุณสมบัติเป็นเศรษฐีคนรวย1.ในช่วงดำรงตำแหน่ง มีการรับแป๊ะเจี๊ยะ ให้เด็กที่สอบเข้าโรงเรียนไม่ได้แต่ต้องการเข้ายัดเงินเพิ่มดังนี้...
20,000 บาทสำหรับห้อง 1-9
25,000 บาทสำหรับห้องควีนส์(10) เกรดสมัยประถม 2.75 ขึ้นไป
30,000 บาทสำหรับห้องคิงส์(11) เกรดสมัยปฐม 3.00 ขึ้นไป
ส่วนกิฟต์เตท-EP ตามความสามารถเท่านั้นไม่มียัดเพิ่มทุกกรณี
โดยห้องนึงเดิมได้ห้องละ 40 คน แต่สมัย ผอ ก็มีการต่อเติมให้รับได้ 50คน/ห้องเพื่อรองรับเด็กยัด
2.ถ้าทำผิดวินัยเล็กๆอย่างการมาสายหรือโดดเรียน หากต้องการแก้คะแนนพฤติกรรมอย่างรวดเร็วให้จ่ายเงิน 5คะแนน/10บาท ส่วนกรณีใหญ่ๆอย่างทะเลาะวิวาท อันนี้ 1,000บาท/กรณีถ้าไม่อยากโดนตัดคะแนน(แต่ถ้าไม่มีเงินจ่าย โดนตัดไปแล้ว ผอ สืบได้ว่าเป็นคนโดนก่อนก็จะแอบช่วยโดยการเอาเงินที่ฝ่ายเกเรจ่ายมาให้สายเอาไปเล่นละครคนดีช่วยเป้าหมายเอาเงินนี้มายื่น ผอ) ทำอุปกรณ์ของโรงเรียนเสียหายอันนี้ต้องซื้อใช้แถมค่าปรับ 5 เท่าจากราคามูลค่าของที่ทำเสีย
แต่ถึงยังงั้นผลงานดีๆก็มีพอสมควร เช่น ...3.เปลี่ยนห้องคอมจากเดิมเป็นห้องพัดลม แถมเครื่องเสียรายวันจนต้องเรียนหลายคน/1เครื่องบ่อยๆ บางวันถึงกับต้องเรียนพิมพ์ดีดสไตล์เกาหลีเหนือ(พิมพ์ทั้งที่จอไม่ติด)ก็ยกเครื่องแก้ไข จ้างช่างประจำ ติดแอร์ห้องคอม
4.รถรับ-ส่งนักเรียนเดิมเป็นรถตู้ รถสองแถว ก็เปลี่ยนเป็นรถบัสขนาด 8-12 เมตร มีทั้งรถพัดลมและรถแอร์ มีการรับคนที่ไม่ใช่สมาชิกรถโรงเรียน แต่ต้องจ่ายเพิ่มหัวละ 20บาทสำหรับรถร้อน และ 30บาทสำหรับรถแอร์ เงินจ่ายด้วยบัตรนักเรียนเพื่อให้เข้ากองกลาง+แบ่งกับคนขับรถ
5.ขึ้นเงินเดือนแม่บ้าน/รปภ และให้สิทธิถ้านักเรียนทำผิดต่อความสะอาด เช่น ทิ้งขยะในห้องน้ำ ขีดเขียนกำแพง แม่บ้านมีสิทธิลงโทษและตัดคะแนนได้
6.ปรับปรุงถนนและฟุตบาทภายในโรงเรียน
7.ฟื้นฟูสระว่ายน้ำที่ร้างมาเกือบ 10 ปี ปัดฝุ่นหลักสูตรว่ายน้ำใหม่
8.ฟื้นฟูเล้าเลี้ยงสัตว์ที่ร้างมาหลายปี แม่ค้าโรงขายอาหารที่ต้องการวัตถุดิบจากสัตว์ เช่น ไข่ นม สามารถมาซื้อได้ ที่นี่ขายถูกกว่าราคาท้องตลาด(ทั้งนี้ก็ตัดข้ออ้างเรื่องต้นทุนแพงไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าได้)