ผมเห็นด้วยกับท่าน Diamos ครับ ว่า"นักออกแบบที่ดีควรคิดเผื่อลูกค้า" แต่ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ว่าทางห้างควรไปฟ้องร้องกับผู้ออกแบบครับ
เพราะการจะฟ้องร้องนั้น ต้องดูว่ามีข้อกำหนดให้ติด Door stopper รึเปล่า และถ้าผมจำไม่ผิดเรื่องนี้ไม่มีในข้อกำหนดการออกแบบอาคาร(ของจีน)
ถ้าหากไม่ได้กำหนดไว้ ก็แปลว่าเขาไม่ผิด ถึงฟ้องศาลก็ยกฟ้องครับ
เขาอาจจะไม่ใช่นักออกแบบที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาออกแบบผิดนะครับ
ผมขอยกตัวอย่างที่ต่างออกไปนิด เช่นหากมีอาคารนึงถล่ม เพราะมีคนขับรถสิบล้อพุ่งชนเสา ถามว่านักออกแบบผิดมั้ยที่ไม่ติดตัวกันกระแทก?
ชัดเจนครับว่าไม่ เพราะข้อกำหนดในการออกแบบนั้น ส่วนใหญ่จะกำหนดในเรื่องระบบอาคาร โครงสร้าง ภัยพิบัติธรรมชาติ(บางอย่าง) และการใช้งานปกติ
แต่ในกรณีนี้ การเปิดประตูจนเลยจุด ถือเป็นการใช้งานที่ ไม่ปกติ
ถึงจะบอกว่าผู้ใช้งานไม่รู้เรื่องข้อกำหนด แต่ถ้าเปิดตามปกติมันก็คงไม่เกิดเหตุ
และที่ดูจากในคลิป ประตูกระจกไม่ได้แตกที่ 90 องศา แต่เลยไปจากนั้นอีกค่อนข้างมาก แปลว่ามีการออกแบบเผื่อเอาไว้แล้ว
และเมื่อมากกว่า 90 ขนาดของการเปิดก็ใหญ่กว่าช่องประตูให้ลอดเข้าไปแล้ว ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไปก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปิดกว้างกว่านี้
ดังนั้นถ้าจะถามว่าผู้ออกแบบหรือห้างผิดมั้ยที่ไม่ใส่ Door stopper โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่เห็นด้วยว่าผิดครับ
และก็ไม่เห็นด้วยว่าเด็กผิด เพราะมันเพึ่ง 6 ขวบเอง แต่ควรจะเป็นผู้ปกครองที่จะต้องรับผิดชอบดูแลอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้รู้จักระวังตัวดูแลรักษาทรัพย์สินและรู้มารยาทครับ
ผมกลับเห็นแย้งนะครับ กรณี อาคารสาธารณะ ควรคำนีงถึงการใข้งานที่อาจเกิดขึ้นได้ในสภาวะปกติด้วย มิเช่นนั้น
ยกตัวอย่างลานจอดรถที่มักเห็นเสาใส่เหล็กฉากตามมุมเสา ก็ไม่ต้องใส่ซิครับ
พวกกันชนประตูต่างๆ คงไม่มีผลิตออกมาแล้วครับ
แล้วประตูแบบสวืง ในห้างใหม่ๆยังก็แทบไม่เห็นแล้ว เพราะโอกาสที่จะเกิดลักษณะที่เกิดขึ้นดังคลิปนี้
ยิ่งเป็น ลักษณะบานกระจกเปลือยด้วยแล้ว ความเสี่ยงค้่อนข้างสูง ผมมองว่าเป็นออกแบบที่ผิดพลาด การมี door stopper อาจช่วยได้ แตควรออกแบบเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติมากกว่าครับ หรือถ้าต้องการลักษณะนี้ ก็ต่องมี doorman ละครับ
สรุป poor design ห้้างควรต้องรับผิดชอบครับ ถ้าเป็นที่อเมริกาละก็ ทนายรวยครับงานนี้