พูดถึงการเมืองผมชอบแนวคิดแบบคัมภีร์เต๋าแฮะ การปกครองที่ดีที่สุด คือผู้นำที่ไร้ตัวตน แต่กลับควบคุมคนผ่านกลไกทางอ้อม เช่นยุคเราก็ไล้่ซึ้อหุ้นสื่อ หุ้นบริษัทน้ำ บริษัทอาหาร ปกครองผ่านการควบคุมทางกลไกทางเคมีและชีวภาพ ถ้าแนวภาพยันตร์ก็พฏติกรรมของผู้มีอำนาจในเมทริกซ์
ผู้ปกครองประเทศที่เก่งที่สุด คือผู้ปกครองที่บริหารประเทศโดยประชาชนแทบไม่รู้ว่ามีผู้ปกครองเขาอยู่
รองลงมาคือผู้ปกครองที่ประชาชนรักและสรรเสริญ
รองลงมาคือผู้ปกครองที่ประชาชนเกรงกลัว
ที่เลวสุดคือผู้ปกครองที่ประชาชนรังเกียจ และกระด้างกระเดื่อง
ผู้ปกครองที่ไม่เชื่อศรัทธาในประชาชนของตน ประชาชนก็จะไม่เชื่อศรัทธาในผู้ปกครองนั้นเช่นกัน
ผู้ปกครองชั้นยอดไม่เรียกร้องความสนใจ หรือใช้คำพูดสิ้นเปลือง เมื่อเขาลงมือทำภารกิจใดสำเร็จ ประชาชนใต้ปกครองกลับรู้สึกภารกิจที่สำเร็จเป็นเพราะฝีมือของพวกเขาเอง
แล้วการที่มีผู้ปกครองชั้นยอดที่สุดตามคำภีร์เต๋าจะเป็น Dystopia ได้ไง
สมมติว่าคุณเป็นแฮคเกอร์มือสมัครเล่น แต่ฝีมือระเทพ วันดีคืนดีคุณแฮคไปเจอบางอย่าง สมมติว่าเป็นโปรแกรมที่ทำนายหวยได้ถูกทุกงวด แล้วมีแฮคเกอร์ลึกลับเตือนคุณถึงอันตรายของการใช้โปรแกรมนี้ และพยายามนัดเจอคุณ แต่ทันได้นั้นคุณถูกกลุ่มคนลึกลับจับตัว พาไปสอบสวน และพยายามให้คุณเลิกยุ่งกับแฮคเกอร์ลึกลับ แล้วก็ปล่อยตัวคุณมา ในที่สุดคุณก็ได้เจอแฮคเกอร์ลึกลับคนนั้นซึ่งๆ หน้า ซึ่งเขาเปิดเผยว่าโลกที่คุณอยู่ เป็นแค่โลกเสมือนจริง ที่มีคอมพิวเตอร์ควบคุม หรือจะเรียกว่าปกครองทุกชีวิตในนั้นอย่างลับๆ แต่ตัวตนที่แท้จริงของคุณอยู่นอนอยู่ในถังที่ต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อจะสร้างพลังงานไฟฟ้าให้คอมพิวเตอร์ใช้ ส่วนโลกที่แท้จริงถูกทำลายไปแล้วจากสงครามมนุษย์และหุ่นยนต์ ซึ่งหุ่นยนต์ชนะ ทีนี้แฮคเกอร์ลึกลับให้ทางเลือกสองทางกับคุณ คือหนึ่งลืมเรื่องทั้งหมดไปซะ หรือตื่นขึ้นมาในโลกแห่งความจริงที่โหดร้าย คุณจะเลือกอะไร
ผมว่าอ่านมาถึงตรงนี้คงเดากันถูกว่าผมขโมย Plot เรื่องมาจาก The Matrix
Dystopia แบบนี้แทบจะไม่มีอะไรต่างจากโลกปกติ เว้นแต่คุณจะซวย และดื้อพอที่จะไปสืบหาสิ่งผิดปกติที่เกิดรอบๆ ตัว จนได้ไปรู้ความจริงที่โหดร้าย แต่ถ้าคุณเป็นมนุษย์ธรรมดา ทำตามกระแสสังคม ทำตามสิ่งที่คนทั่วไปทำ คุณจะอยู่ในโลกแบบนี้ได้อย่างปกติ เหมือนไม่ใช่ Dystopia แต่อย่างใด
ถ้าไม่อยากให้ Dystopia แบบนี้เกิดขึ้น เราต้องดูแลเทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนจริงดีๆ เราต้องระวังเรื่องการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ แต่ไม่แน่เราอาจจะอยู่ในโลกเสมือนแบบ The Matrix ณ ตอนนี้ก็ได้ ไม่มีใครรู้เหอๆๆๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง จงตามก้นชาวบ้าน อย่าแตกแถว คุณจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ หึๆๆๆ
ถ้าอยากรู้เพิ่มเติม แนะนำหนังเรื่อง The Matrix, Vanilla Sky/Abre los ojos และ Dark city
ปล. ถ้ากระทู้นี้ไปเกี่ยวกับการเมืองบ้านเรา ก็เป็นเพราะความบังเอิญนะครับ ผมไม่ได้จงใจ.....จริงจิ้ง
ผมนึกถึงแนวความคิด anarchy แฮะ
เอาแบบตีความในแง่ดีที่ไม่ใช่พวกคนเถื่อนแดนเหนือใน game of throne ที่จะข่มขืนหรือลักพาตัวอหญิงสาวก็คือแนวความคิดเรื่องของการมองว่าองค์การบริหารหรือกลไกต่างๆ
ควรจะมีแต่น้อยที่สุดหรือหากมีและหมดความจำเป็ํนก็ต้องยุบทิ้งโดยเร็วที่สุด
ปัญหาคือจากเรื่อง Yes,minister ซีรี่ย์จากอังกฤษในระบบยราชการ
บอกว่าคนมองว่า ระบบราชการมีเส้นนแดง red tape อยู่เยอะแยะ ทำให้การทำงานล่าช้า แต่หารู้ไม่ว่า เส้นแดงระเบียบเหล่านีั้ล่ะที่ทำให้รัฐเดินนต่อไปได้แบบออโต้
คือสภาพที่คนไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็จะมีระเบียบไว้ให้ดูและให้ทำงานโดยอัตโนมัติ
..
ว่าด้วยเรื่องคอมมิวนิสม์ เจอคนวืิเคราะห์อย่างหนึ่งว่า
ทำไมทาเนียกับพระเจ้าถึงอยู่ข้างเดียวกันเมื่อเผชิญกับคอมมี่
เพราะศาสนาและทุนนิยมเห็นตรงกันว่าคอมมิวนิสม์เป็นอันตรายต่อระบบของตนเอง
จากที่ได้ยินมาจากพี่ๆทหาร ก็บอกว่าเสียดายที่ไม่มีคอมมิวนิส์แล้วศาสนาเลยเป็นใหญ่เลยน
ซึ่งก็เรื่องจริง คอมมิวนิสม์คืออุดมการณ์ที่ทำลายธรรมเนียมความเชื่อพื้นฐานดั้งเดิมที่มีอยู่ทั้งหมดในสังคมได้แม้แต่ พระเจ้าหรือศาสนาก็ตาม
เป็นเรื่องตลกร้ายที่คนเขียน คาร์โล เซ็นก็ไม่น่าจะรู้ตคัวว่า ทาเนียอยู่ข้างเดียวกับพระเจ้านั่้นล่ะ
ในทางทฤษฎี คอมมิวนิสม์ ไม่ควรจะมีระบบราชการอย่างที่ผมยกตัวอย่างว่านั่นคืออุดมการณ์
แต่ความเป็นจริง มันจะพัฒนากลายเป็นระบบที่กลืนกินความเห็นต่างทุกอย่าง
เพราะการต่อสู้กับวัฒนธรรมดั้งเดิม ต้องอาศัยวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งกว่า ไม่ยบอมหใ้ความคิดอื่นรุ่งเรือง
ซึ่งก็ได้ผลจริงๆทำให้แนวคิดคอมมิวนิสม์เป็นแนวคิดหลัก
แต่ผลที่ตามมาคือการฆ่าล้างคนที่ีไม่เห็นด้วย กักพวกมุสลิมไว้ในค่ายคุมประพฤติและประท้วงในฮ่องกง
การประท้องในฮ่องกงหากเป็นประัเทศฝรั่งเศสคนจะมองเป็นเรื่องธรรมดา
แต่มันอยู่ในฮ่องกงคนเลยมองเป็นเรื่องรุนแรง
แปม้จะมีการประท้วงยาวนานกว่าฮ่องกงในฝรั่งเศส แปต่คนก็ไม่คิดว่าจะมีการฆ่าล้างวเผ่าพันธ์กันในผรั่งเศสแบบเทียนอันเหมิน
ก็เพราะระบบประชาธิปไตยบ ออกแบบไว้เพื่อให้คนนคนทะเลาะกันได้ ระแวงกันได้แบบพรรคมารนั่นล่ะ
ยิอ่งทะเลาะกันยิ่งดี ยิ่งแตกแยกเสียงไม่รวมกันก็ยิ่งดี
มันออกแบบไว้เพื่อทนความแตกแยกแตกต่างทางความคิดอยู่แล้ว
ว่าทุกคนจะไม่ได้สิ่งที่ตนเองต้องการแต่ต้องประนีประนอมในบางประเด็น และจบได้ด้วยการไม่ต้องผลักคนนับล้านเข้าค่ายกักกัน