ถ้า อ.ปู่ออกมาตั้งแต่ตอนแรกๆเพราะเรื่องรุ่นเยาว์นี่ เขาคงไม่มีเวลาว่างทำไรแล้วครับ
สเกลอายุ นับร้อย นับพันปี หลานไม่ได้มีคนเดียว มีลูกเป็นสิบมีหลานเป็นร้อย
อ. ที่สอนดีไม่ใช่ อ.ที่เก่งเสมอไป ถ้าบรรดาลูกหลานยังฝึกไม่ถึงขั้น
ส่วนใหญ่ก็ต้องเรียนกับ อ. ระดับต้นๆไปก่อน
ถ้าระดับ ปรมาจารย์จะสอนซักคนตั้งแต่เนิ่นๆ ปรกติมีแค่กรณีพรสวรรค์สูงสุดในรอบ 100 หรือ1000 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ฮา จริงครับ
แต่ผมหมายถึงเรากลับชาติมาเกิดใหม่ไปในร่างของ อาจารย์ปู่ จากเรื่องที่เราเอ่านมาว่าหลานศิษยืเราจะไปหาเรื่องพระเอกและพระเอกจะเก็บเลเวลมากระทืบตระกูลเราน่ะครับ
ลยในฐานะอาจารย์ปู่ที่รู้เนื้อเรื่องอยู่แล้วเลยตัดไฟเสียแต่ต้นลม...ว่าไปแล้วตอนที่ผมเล่นเกมส์ พอ GM กำหนดว่าให้ต้องใช้เวลาระหว่างวันสะสมลมปราณได้มากแค่ไหน ทำเอาผู้เล่นไม่คิดจะทำอะไรไปห้าเดือนเพื่อให้ได้บรรลุอีกขั้นพลังโดยเร็วที่สุดเลยล่ะครับแต่ต้องบริหารบ้านเมืองเลยทำอย่างนั้นไม่ได้
เลยพอเข้าใจว่าทำไมอาจารยืปู่ถึงปล่อยเรื่องการบริหารให้เป็นเรื่องของพวกลูกกระจ๊อกเพราะเสียเวลาฝึกพลังวัตร
ให้ไอ้พวกเด็กๆบริหารไปก็พอ และพอแก่ตัวขึ้นพวกเด้กก้จะเลิกระรานกันไปเองและเอาเวลามาฝึกลมปราณอย่างพวกคนที่แก่แล้ว..
อีกเรื่องที่ผมเจอคือ GM ให้มีดอกาสฝึกกับท่านปู่ตั้งแต่แรกน ตอนเด็กๆเลยๆน่ะครับ
GM ใ้ห้เลือกว่าจะฝึกกับแม่ที่เป็นนักฆ่าที่มีเทคนิคลอบสังหารยาพิษ พ่อที่ได้ฉายาว่าจอมเจ้าเลห์ หรือท่านปู่ที่มีพลังขั้นสูง
และบอกว่าหากเลือกปู่ จะได้รับการสอนเทคนิคที่ทำให้เขาบรรลุพลังขั้นสุงได้ ดดยการปรับพื้นฐานมาตั้งแต่ขั้นแรกเลย
วิะีการของปู่อาจจะช้า แต่นับว่าเป็นแนวทางมาตรฐาน ไม่มีผิดพลาดธาตุไฟเข้าแทรกเพราะปรับสภาพพลังให้หนักแน่นมาตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน...
อีกเรื่องหนึ่งถ้าอิงสถิติจอมยุทธเทียบกับพวกนักกีฬา ผมว่าน่าจะเป็นกราฟรูประฆังคว่ำที่มีก้นระฆังอยู่ประมาณระดับซักสองหรือสาม ส่วนจอมยุทธระดับสูงขึ้นไปเช่นสิบคือระดับไร้พ่ายหรือระดับอุดมคติเหมือนสร้างไว้แต่ไม่มีใครถึงได้เหมือนเล่นฟุตบอลคนเดียวแต่ชนะผู้เล่นอีกฝั่งสิบเอ็ดคนได้ เก้าก็ประมาณเมซซี่หรือโรนัลโด้ที่โหดจนกล่าวว่าร้อยปีจะมีซักครั้ง แปดนี่ก็ประมาณนักเตะระดับโลกเหมือนกันแต่เมื่อเทียบสองยอดมนุษย์จะคล้ายพระรองมากกว่า เจ็ดก็น่าจะประมาณเล่นบนระดับยูฟ่าได้ ระดับหกสามารถเล่นลีกสูงสุดที่ไหนในโลกก็ได้ ระดับห้าก็ประมาณพวกที่อยู่ก้ำกึ่งลีกสูงสุดกับลีกรองคล้ายทีมที่ชอบขึ้นชั้นตกชั้นทุกปี ระดับสี่ก็ประมาณลีกรอง ที่เหลือก็ไล่ลงมาเรื่อยจนถึงระดับหนึ่งคือประมาณทีมระดับออบต.
ซึ่งพอผมมานั่งคิดดูดีๆแล้วเนี่ย คนที่เก่งๆจะต้องมีประสบการณ์ต่อสู้เยอะๆหน่อยจะอาศัยวิชาเทพอย่างเดียวก็ไม่ได้ เหมือนเด็กป.ตรีจบใหม่จะสู้เด็กปวส.ที่ทำงานมานานแล้วไม่ไหว เหมือนวิชาที่เรียนมามีเยอะแต่ปรับใช้ไม่ถูกเพราะไม่แทบไม่เคยใช้จริง
กลับกันถ้าเด็กป.ตรีได้ลองทำงานเป็นเวลาสิบปีเท่าเด็กปวส. เด็กป.ตรีมักจะเก่งกว่าเพราะมีมุมมองที่กว้างกว่าจากวิชาที่เรียนมา ถ้าเปรียบเทียบเชิงยุทธคล้ายกับว่าจอมยุทธ A มีวิชาฝ่ามือพิชิตมังกรแต่ไม่เคยสู้จริง จอมยุทธ B ใช้ได้แค่หมัดคุนลุ้นธรรมดาแต่สู้เยอะฆ่าคนมามากทำให้มีประสบการณ์การต่อสู้สูง ผมว่าหลายคนคงเดาออกว่าใครจะชนะ
เพราะ B มีประสบการณ์จึงรู้ว่าสถานการณ์นี้ควรใช้ท่าไหนและออกท่าอย่างเป็นธรรมชาติ ผิดกับ A ที่ต้องมานึกว่าตูจะเริ่มด้วยท่าไหนดีและจะต่อด้วยท่าไหน แล้วท่าต่อของต่ออีกทีจะใช้ท่าอะไรจนดูเงอะงะ
ใช่แล้วครับ
พวกพระเอกเป็นพวกที่ผมนึกถึงกราฟไอคิวน่ะครับ ระฆงคว่ำอย่างที่ว่า
ว่ามาตรฐานอยู่แถวหนึ่งร้อย หนึ่งร้อยยี่สิบนั้นก็เรียกว่าน้อย ร้อยสี่สิบนี่ก็เรียกว่าเป็นพวกนักฟิสิกส์ ส่วนร้อยแปดสิบนี่คุยกับคนทั่วไปไม่รู้เรื่อง
หากให้เปรียบเปรยกับแนว xiฟืปรฟ 180 นี่ก็คงหมอเทวดาล่ะครับ ที่ประมาณสนใจแต่เรื่องที่ตนเองเก่งที่เหลือไม่สนใจ แต่ในเรื่องที่สนใจนั้นเรียกว่าเก่งเอามากๆ
เรื่องระดับพลังและการต่อสู้ ผมเคยเจอ GM ที่ผมเล่นบอกมาอย่างนี้น่ะครับ
ตอนที่เลือก the sword ที่บรรยายว่าจะกลายเป็นคนที่สุ้เก่งที่สุดตามสัญชาติญาณถ้าเลือกของโกงอันนี้
แต่ผู้เล่นก็โวยวายเพราะตอนช่วงหลังเกมส์ GM ดันบอกว่าเอาไปสู้พวกพลังสูงไม่ได้ตามระบบขั้นวิชา
คือ
Gm ขั้น 3.99 สักห้าหกคนหากสุ้แบบป้องกันอาจขับไล่ขั้น 4.00 ให้หรนีไปได้แต่ค้องมีคนเสียสละและสู้แบบป้องกัน
แต่ขั้น 5ต่อขั้น 4 นั้นก็ยิ่งทำอย่างนั้นได้ยาก
และความแตกต่างของขั้น 7 กับ 6 ก็ยิ่งมากกว่าความแกต่างของขั้น 4กับขั้น 3
เทียบตัวเลขแล้วมันแปลว่ายิ่งระดับสูงๆ กระบวนท่านั้นไม่มีประโยชน์เท่ากับช่วงแรกๆ ช่วงหลังพลังที่เหนือกว่าอย่างท่วมท้นของขั้น 8 สามารถตบขั้น 7 ที่มีอยุ่หลายคนเพราะพลังต่างกันมากเกินไปกวง่าความต่างของขั้นแรกๆ
ที่ทักษะและเทคนิคนั้นยังเป็นส่วนตัดสินผลได้อยู่