โรงงานมีนแพงกว่าค่าส่งเยอะไงครับส่งหนังสือหนึ่งตันไม่กี่พันบาทนะครับ แถมปัจจุบันหนังสือไม่ส่งต่างจังหวัด ถ้าไม่ขายต่างจังหวัดจะมีโรงพิมต่างจังหวัดทำใม
สรุปง่ายๆตังโรงพิมที่เดียวแล้วขยายการผลิตถ้าต้องการผลิตมาก ถูกกว่าไปสร้างโรงงานใหม่เยอะ คุณสามารถผลิตเพิ่ม1000%ด้วยค่าไช้จ่าย1%ของการไปตังโรงงานใหม่ในจังหวัดอื่น การตังโรงงานใหม่มันต้องมีค่าไช้จ่ายเท่ากับโรงงานเดิมหมายความว่าคุณต้องจ่ายเงิน มากกว่าสองเท่าในด้านต้นทุนและการบริหาร ในขณะที่การจัดส่งหนังสือด้วยรถยังกินต้นทุนไม่ถึง1%แม้จะส่งเป็นสิบปี แต่โรงงานแห่งที่2กินต้นทุนทันที่100%หรือมากกว่า และค่าบริหารมันก็กินต้นทุนมากกว่าค่าจัดส่งหลายพันเท่า ผมแจงง่ายๆถ้าคุณสร้างโรงพิมหนึ่งแห่งคุณจ่ายเงินสร้างสิบล้าน ถ้าคุณสร้างอีกแห่งคุณก็ต้องจ่ายอีกสิบล้าน และคุณต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน เท่าๆกับโรงพิมเก่าถ้าคุณมีพนักงานสิบคนต่อหนึ่งโรงพิม คุณต้องจ่ายค่าจ้างเดือนละแสนเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าคุณส่งโดยรถไฟหรือบริการขนส่งอื่นๆคุณจ่ายแค่เดือนละไม่กี่หมื่นเป็นค่าขนส่ง และอาจจ้างพนักงานปลายทางสักสองคน ค่าไช้จ่ายไม่เกินห้าหมื่นต่อเดือน นี่คือถูกกว่าเกินครึ่งแล้วในระยะยาว ต่อไห้คุณซื้อหรือเช่าอาคารมาเป็นสำนักงานกระจายของ ยังไงก็ถูกกว่าโรงพิมเป็นสิบเท่าคำนวนแบบง่อยๆส่งโดยขนส่งถูกกว่าตังโรงพิม99% หรือไช้เงินแค่1%แต่ทำได้เหมือนกัน และยิ่งต้องตังโรงงานทุกจังหวัดค่าไช้จ่ายจะเป็นหมื่นเท่าแสนเท่าของส่งไปขาย ถ้าจะตังโรงงานใหม่จริงๆเหตุผลที่จะทำกันคือของเก่ามันขยายไม่ได้แล้ว จึงออกไปตังที่ใหม่ถ้ามันขายดีจนกำลังผลิตไม่พอ เราก็จะตังโรงงานใหม่โดยพิจารณาจาก ค่าแรงในชุมชน การขนส่งการกระจายสินค้า ไอ้กลุ่มลูกค้าอยู่ไกลก็เป็นตัวเลือกครับแต่เป็นตัวเลือกท้ายสุด เพราะโลกเราไม่ได้เดินทางยากลำบากเหมือนยุคกลางอีกแล้ว ค่าเดินทางขนส่งก็ถูกกว่ามาก ยิ่งขนส่งสินค้าจำนวนมากยิ่งถูกไปอีก
ปล.ถ้าคุณส่งของแห้งเช่นหนังสือประมาณ10-15ตันโดยรถค่าจ้างจะประมาณ5000ในการขนข้ามจังหวัด ถ้าเป็นรถไฟจะถูกลงเหลือหลักร้อยหรือแต่1-2000บาทเท่านั้น มันถูกขนาดนี้เลยแล้วจะตังโรงงานจังหวัดอื่นทำใม
ปล.2เขาไม่ส่งขายจังหวัดอื่นอยู่แล้วแล้วจะไปตังโรงงานจังหวัดอื่นทำใม เอาแค่เชียงใหม่อยากได้หนังสือใหม่ร้านและลูกค้าต้องสังเองและเสียค่าขนส่งเอง