แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำนายอนาคต-ทุกท่านทำนายอนาคตของคริปโตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ?  (อ่าน 989 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
หลายคนอาจจะมองว่าตนเองจะเป็นเศรษฐี แต่ผมเป็นคนที่เรียกว่าชอบตกรถและคุมสติไม่ดี
เลยพยายามมองแบบประวัติศาสตร์

ทุกท่านมองว่าคริปโตจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ?

เอากันทางเทคนิค ค่าเงินปัจจุบัน ก็ไม่ต่างกับคริปโต ในแง่ที่ไม่มีการประกันด้วยทองคำกันแล้ว แต่ประกันด้วยความเชื่อถือใน institution  องค์กรซึ่งในที่นี้ก็คือรัฐนั่นเอง

ผมพยายามจะมองคริปโตในแง่ดี

แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว อย่างที่เหรียญทองคำต้องมีหน้าจูเลียสซีซ่านั่นล่ะครับ
เมืองของชาวยิว เยรูซาเล็ม ที่พยายามจะสร้างเหรียญของตนเอง ทำลายเหรียญของจักรพรรดิโรม ก็โดนทำลายทิ้ง

เพราะค่าเงินคือกำลังทหารของรัฐนั้นๆ
ไม่มีรัฐไหนยอมได้ในแง่นี้

แจ็กหม่าที่โดนเล่นงานก็ไม่ใช่เพราะเรื่องแนวคิดอะไร แต่อาลีเพย์นั้นกลับกลายจะมีเงินหมุนเวียนมากกว่าเงินเหรินเหมินปี้ของจริง
ที่คุกคามธนาคารกลางของจีน
อันเป็นสิ่งที่กระทบอำนาจรัฐโดยตรง
พูดแบบหนังจีนคืออยู่เหนือจ้าวชีวิตนั่นเอง

ของไทยเราก็มีการเริ่มเข้าไปควบคุมแพล็ตฟอร์มกันแล้ว

โลกเริ่มบีบเข้ามาในทุกทาง
อเมริกาก็เริ่มลงดาบบางส่วนกระชับวงล้อมกันแล้ว

ทุกท่านคิดว่าทิศทางจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ?
คือผมไม่เก่งด้านเทคนิคแคต่พยายามจะอธิบายจากแง่ประวัติศาตร์โบราณ

ว่าค่าเงินนั้นคือแบบเดียวกับพลังงาน

เป็นสิ่งที่หากแตะขึ้นมา รัฐจะสังหารเราทันทีไม่เจรจาา ???

ทุกท่านมองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปครับ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2021, 11:02:24 PM โดย samuison »
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442
ของอเมริกา เท่าที่ฟังจากคนที่เล่นนอก คอมเม้น คือ ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไร


เห็นเขาอธิบายกันว่าขึ้นภาษีอีกหน่อย ซึ่งปกติขาใหญ่คลิปโตเขาก็เสียกันอยู่อยู่แล้
 กับใครที่โอนจ่ายจำนวนนึงต้องแสดงตัว


มีคนอธิบายไว้ว่า คือมันก็ไม่ได้ต่างจากเดิม มากนักประมาณว่าปรับเปรี่ยนกฏบางเรื่องเท่านั้น
เพราะยังไงซะ มันต้องเสียภาษีกันอยู่แล้ว   

ผมยังสงสัยเลยว่า ภาษีอเมริกาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสินะ


อเมริกาต่างจากบ้านเรานะครับ จะหาเสียงห้าวเป๋งว่าจะทำนั่นทำนี่ สุดท้ายแล้วเขามาจริงๆ ถามนายทุนก่อน
กับถามคนอเมริกาผู้รักปืนยิ่งชาติ อีกด้วยเพราะผิดหูอะไรเข้านี่เละได้ง่ายๆ 


ปู่โจแกหาเสียงว่าจะควบคุมปืน สุดท้ายลงไปควบคุม อะไหล่ปืนผี (คืออะไหล่แต่งปืนที่ทำ โมกันเองไม่ได้ขายมาจากโรงงาน  :) [size=78%]) [/size]
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
ของอเมริกา เท่าที่ฟังจากคนที่เล่นนอก คอมเม้น คือ ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไร


เห็นเขาอธิบายกันว่าขึ้นภาษีอีกหน่อย ซึ่งปกติขาใหญ่คลิปโตเขาก็เสียกันอยู่อยู่แล้
 กับใครที่โอนจ่ายจำนวนนึงต้องแสดงตัว


มีคนอธิบายไว้ว่า คือมันก็ไม่ได้ต่างจากเดิม มากนักประมาณว่าปรับเปรี่ยนกฏบางเรื่องเท่านั้น
เพราะยังไงซะ มันต้องเสียภาษีกันอยู่แล้ว   

ผมยังสงสัยเลยว่า ภาษีอเมริกาไม่ใช่เรื่องล้อเล่นสินะ


อเมริกาต่างจากบ้านเรานะครับ จะหาเสียงห้าวเป๋งว่าจะทำนั่นทำนี่ สุดท้ายแล้วเขามาจริงๆ ถามนายทุนก่อน
กับถามคนอเมริกาผู้รักปืนยิ่งชาติ อีกด้วยเพราะผิดหูอะไรเข้านี่เละได้ง่ายๆ 


ปู่โจแกหาเสียงว่าจะควบคุมปืน สุดท้ายลงไปควบคุม อะไหล่ปืนผี (คืออะไหล่แต่งปืนที่ทำ โมกันเองไม่ได้ขายมาจากโรงงาน  :) [size=78%]) [/size]
ฮืม ถ้ามองอย่างนี้แสดงว่าทางอมเริกาเองในแง่ของรัฐอาจจะยอมให้มีเองก็ได้
ผมไปอ่าเนจอคนโชว์สถิติ ว่าคนถือครองคริปโตมากที่สุดคืออเมริกาเองนี่ล่ะ ??? อเมริกาคงพยายามไม่จัดการรุนแรงแบบจีนในเคสแจ็กหม่าและอาลีเพย์
แต่พี่มาร์คของเราก็ต้องไปตอบคำถามรัฐสภาในเคสการที่จะผลิตค่าเงิน ไลบร้า ในคราวนั้นเหมือนกัน
อเมริกา ใช้ระบบเก็บภาษีค่าต๋ง อาจจะดีไปอีกแบบก็ได้ หากมองในแง่หนึ่ง
...คือผมไปอ่านแนวคิดวอรเนบัฟเฟตที่ไม่ชอบคริปโตมาน่ะครับอาจจะเพระาคนที่ชอบอะไรตรงไปตรงมา มองว่าคริปโตไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็เป็นไปได้แต่ก้มีคนวิจารณ์ว่า บัฟเฟตคิดอย่างนั้นได้เพราะรวยแล้ว สามารถเลือกทางไม่เสี่ยงในการเพิ่มเงินของตนเองได้ส่วนคนจนก็ต้องเสี่ยงกับคริปโตนี่ล่ะ ???
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,886
  • ถูกใจแล้ว: 2932 ครั้ง
  • ความนิยม: +206/-1
เมกาทำไรคริปโตยังไม่ได้ แต่เล่นคนเมกาที่เกี่ยวข้องได้


สุดท้ายยังไงก็เสียภาษี เพียงแต่จะเป็นยังไงรอดูต่อไป


อย่างกฏหมายที่เขาคิด การเก็บภาษีกำไรที่ยังไม่เป็นกำไร
โดนด่าเละเทะไปละ ส่วนคริปโต กฏหมายยังไม่จบ
รอดูไปก่อน


แต่ที่แน่ๆหยุดไม่ได้ละ ;D
 

ออฟไลน์ uma007

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 34
  • ถูกใจแล้ว: 24 ครั้ง
  • ความนิยม: +1/-1
เดาว่า พวกสถาบันการเงินระดับประเทศคงออกเงินคริปโตฯของตัวเองเช่นหยวนดิจิฯ เพื่อให้ตัวเลขเงินพวกนี้เข้าระบบคือรู้ที่มาที่ไปทั้งหมด

แล้วคริปโตฯสกุลเดิมๆจะเสื่อม เมื่อคริปโตฯสกุลใหม่ครบวงจรคือมีใช้ทั่วโลกแล้วก็จะมีมาตรการกีดกันต่างๆทำให้คริปโตฯเดิมไร้ค่า (อาจจะหลายปีข้างหน้า)

คิดในแง่ดีสุดๆ ก็อาจจะมีการรับแลกคริปโตฯสกุลเก่ากับสกุลใหม่เพื่อป้องกันเงินหายจากระบบเร็วเกินไป (แต่ก็มีบางที่เค้าพิมพ์ใหม่เอาเลยเห็นๆอยู่)
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 12,178
  • ถูกใจแล้ว: 4978 ครั้ง
  • ความนิยม: +402/-442



คงไม่ได้ล่ะมั้ง


อย่างลืมต้นกำเนิด ว่า คลิปโตเกิดจากอะไร 


มันมีโจทย์ที่ว่า


หากรัฐ น่าเชื่อถือ  โปรงใส สามารถไว้ใจเชื่อถือได้
แล้วเราจะใช้คลิปโต ไปเพื่ออะไร


หากรัฐหรือสถาบันการเงินคิดจะออกคลิปโดเองล่ะก็ แก้โจทย์นั้นไม่ได้ ยังไม่นิยมเท่าเขาเก่า
เว่นแต่จะออกกฏหมาย ให้การมีคลิปโตผิดกฏหมาย แบบทองสมัยก่อน


หากเป็นอเมริกา ทำแบบนั้นแล่ะก็ มีคนแห่ถือปืนออกมาเดินตามถนนแน่ๆ

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: nutza110, Put1996

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
เมกาทำไรคริปโตยังไม่ได้ แต่เล่นคนเมกาที่เกี่ยวข้องได้


สุดท้ายยังไงก็เสียภาษี เพียงแต่จะเป็นยังไงรอดูต่อไป


อย่างกฏหมายที่เขาคิด การเก็บภาษีกำไรที่ยังไม่เป็นกำไร
โดนด่าเละเทะไปละ ส่วนคริปโต กฏหมายยังไม่จบ
รอดูไปก่อน


แต่ที่แน่ๆหยุดไม่ได้ละ ;D
คือผมไม่ใช่กูรู เลยพยายามจำที่คนใหญ่ๆอย่างบัฟเฟตพุดเอาไว้น่ะครับแน่นอน เราอาจจะมองว่าพวกนี้คือบุมเมอร์ ที่ตามเทคโนโลยีใหม่ไม่ทัน แต่ผมเข้าใจแนวคิดของคนรอบคอบแบบพวกนี้อยู่
ส่วนพวกยุคใหม่จะมองว่า วางแผนหลายสิบปีอย่างพวกนี้ไม่ทันกินกันแน่ๆ ???
อย่างที่ท่านหรือหลายคนที่บ่นว่ากำไรหายไปหลายต้องคัททลอสต์น่ะครับ



คงไม่ได้ล่ะมั้ง


อย่างลืมต้นกำเนิด ว่า คลิปโตเกิดจากอะไร 


มันมีโจทย์ที่ว่า


หากรัฐ น่าเชื่อถือ  โปรงใส สามารถไว้ใจเชื่อถือได้
แล้วเราจะใช้คลิปโต ไปเพื่ออะไร


หากรัฐหรือสถาบันการเงินคิดจะออกคลิปโดเองล่ะก็ แก้โจทย์นั้นไม่ได้ ยังไม่นิยมเท่าเขาเก่า
เว่นแต่จะออกกฏหมาย ให้การมีคลิปโตผิดกฏหมาย แบบทองสมัยก่อน


หากเป็นอเมริกา ทำแบบนั้นแล่ะก็ มีคนแห่ถือปืนออกมาเดินตามถนนแน่ๆ


อันนี้ผมว่าน่าสนใจ
ว่าระบบของอเมริกาครองโลกปัจจุบันอยู่
แต่คนที่ไม่เชื่อมันระบบของอเมริกา คือคนอมเริกาเอง และดันเป็นประเทศที่สามารถทำของพวกนี้ได้โดยไม่มีกฎข้อห้ามมากนักด้วยน่าสนใจจริงๆ
หากจะมองว่าคือกิ่งไม้ ที่แตกกิ่งก้านแยกออกไปก็อาจจะเป็นไปได้
เดาว่า พวกสถาบันการเงินระดับประเทศคงออกเงินคริปโตฯของตัวเองเช่นหยวนดิจิฯ เพื่อให้ตัวเลขเงินพวกนี้เข้าระบบคือรู้ที่มาที่ไปทั้งหมด

แล้วคริปโตฯสกุลเดิมๆจะเสื่อม เมื่อคริปโตฯสกุลใหม่ครบวงจรคือมีใช้ทั่วโลกแล้วก็จะมีมาตรการกีดกันต่างๆทำให้คริปโตฯเดิมไร้ค่า (อาจจะหลายปีข้างหน้า)

คิดในแง่ดีสุดๆ ก็อาจจะมีการรับแลกคริปโตฯสกุลเก่ากับสกุลใหม่เพื่อป้องกันเงินหายจากระบบเร็วเกินไป (แต่ก็มีบางที่เค้าพิมพ์ใหม่เอาเลยเห็นๆอยู่)

ใช่ครับ

เจอครวิเคราะห์มาประมาณนั้นน่ะครับ
ว่า ที่แจ็กหม่าดนเล่นงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่คือความที่อาลี มีเงินไหลในระบบของตนเองมากเกินไป
กระทบต่อการเงินของประเทศจีน เป็นเรื่องที่เจรจาไม่ได้
คือผมมองว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ ที่คนที่ตุนคริปโตมากที่สุด คืออเมริกันชนเองน่ะครับ

...

คือผมมองว่า พวกคนแก่ๆอย่างงบัฟเฟต
มองว่าคริปโตเป็นอะไรที่ไม่ซื่อสัตย์ พวกอาชญากร
ด่าว่าคนที่ซื้อคือคนทำบาป สนับสนุนอาชญากรเลยว่าอย่างนั้นน่ะครับ
นับว่าน่าสนใจในเรื่องแนวคิดดีเหมือนกัน
อาจจะเพระาพวกรุ่นเราที่เคยผ่านการซื้อเงินแร็กนาร็อกมาแล้ว เลยไม่คิดมากเท่าคนแก่ก็เป้นไปได้ :P
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ Yuki

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 51
  • ถูกใจแล้ว: 9 ครั้ง
  • ความนิยม: +2/-9
อยากได้แค่กฏหมายห้ามขุดคริปโตแค่นั่นพอครับ ให้เทรดเอาได้อย่างเดียว
 

ออฟไลน์ richter

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,096
  • ถูกใจแล้ว: 1317 ครั้ง
  • ความนิยม: +50/-25
อยากได้แค่กฏหมายห้ามขุดคริปโตแค่นั่นพอครับ ให้เทรดเอาได้อย่างเดียว

น่าจะยากครับ จริงๆ ที่ว่าขุดๆ กันนั้นเรียกเพื่อให้เข้าใจง่ายแต่ไม่ใช่คำอธิบายที่ถูกนัก
ที่จริงที่ว่าขุดๆ กันนั้นคือกระบวนการร่วมยืนการแลกเปลี่ยนเงินคลิปโตจาก A ไป B ครับ
โดยผู้เข้าร่วมยืนยันนั้นจะได้ค่าธรรมเนียมจากผู้ทำการแลกเปลี่ยนเป็นค่าตอบแทน
ถ้าหากไม่มีกระบวนการยืนยันนี้ใครๆ ก็เสกเงินคริปโตสกุลนั้นๆ ได้ซึ่งทำให้มันไร้ค่าครับ เมื่อมันไร้ค่าก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้
และเหตุที่ระบบมันออกแบบมาให้คนขุดกันเยอะๆ เพราะถ้าคนขุดน้อยก็เหมือนคนยืนยันไม่กี่คน
ซึ่งสามารถสมรู้ร่วมคิดกันปลอมแปลงมูลค่าของการแลกเปลี่ยนนั้นๆ ได้ครับ

มองอีกมุมหนึ่งนั้น ณ ตอนนี้ตลาดค้าเทรดคริปโตมันก็เป็นตลาดหุ้นระดับโลกที่ไม่มีกฏอะไร
นอกเสียจากการรับประกันว่าเมื่อเทรดจาก A ไป B นั้นเกิดขึ้นอย่างถูกต้องจริงโดยคณะชาวขุด





ส่วนอนาคตคริปโตนั้นผมว่าตราบใดที่เงินดอลล่ายังอ่อนค่าลงอยู่ก็น่าจะยังคงสดใสอยู่ละครับเพราะคนมีเงินทางนู้นย้ายเงินมาปั่นบิตคอยรักษามูลค่าเงิน

จะว่าไปเทรดตลาดหุ้นไทยเก็บภาษีนี้คนจะหนีไปเทรดตลาดต่างประเทศกันบ้างหรือปล่าวครับนี่
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123, Put1996

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 9,205
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +174/-429
อยากได้แค่กฏหมายห้ามขุดคริปโตแค่นั่นพอครับ ให้เทรดเอาได้อย่างเดียว
[quote/]

น่าจะยากครับ จริงๆ ที่ว่าขุดๆ กันนั้นเรียกเพื่อให้เข้าใจง่ายแต่ไม่ใช่คำอธิบายที่ถูกนัก
ที่จริงที่ว่าขุดๆ กันนั้นคือกระบวนการร่วมยืนการแลกเปลี่ยนเงินคลิปโตจาก A ไป B ครับ
โดยผู้เข้าร่วมยืนยันนั้นจะได้ค่าธรรมเนียมจากผู้ทำการแลกเปลี่ยนเป็นค่าตอบแทน
ถ้าหากไม่มีกระบวนการยืนยันนี้ใครๆ ก็เสกเงินคริปโตสกุลนั้นๆ ได้ซึ่งทำให้มันไร้ค่าครับ เมื่อมันไร้ค่าก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้
และเหตุที่ระบบมันออกแบบมาให้คนขุดกันเยอะๆ เพราะถ้าคนขุดน้อยก็เหมือนคนยืนยันไม่กี่คน
ซึ่งสามารถสมรู้ร่วมคิดกันปลอมแปลงมูลค่าของการแลกเปลี่ยนนั้นๆ ได้ครับ

มองอีกมุมหนึ่งนั้น ณ ตอนนี้ตลาดค้าเทรดคริปโตมันก็เป็นตลาดหุ้นระดับโลกที่ไม่มีกฏอะไร
นอกเสียจากการรับประกันว่าเมื่อเทรดจาก A ไป B นั้นเกิดขึ้นอย่างถูกต้องจริงโดยคณะชาวขุด





ส่วนอนาคตคริปโตนั้นผมว่าตราบใดที่เงินดอลล่ายังอ่อนค่าลงอยู่ก็น่าจะยังคงสดใสอยู่ละครับเพราะคนมีเงินทางนู้นย้ายเงินมาปั่นบิตคอยรักษามูลค่าเงิน

จะว่าไปเทรดตลาดหุ้นไทยเก็บภาษีนี้คนจะหนีไปเทรดตลาดต่างประเทศกันบ้างหรือปล่าวครับนี่
ขอบคุณครับ ผมมองเรื่องแบบเดียวกัลทองคำ
ว่าการยบืนยันค่าเงินคริปโต ทางหนึ่แบบทองคำ คือค่าไฟและความพยายามเวลาต่างๆ การ์ดจอที่ขุดลงไปนั้นนั่นล่ะ คือค่าของคริปดต แบบคนขุดเหมืองจริงๆ ::)
จะว่าไม่มีอะไรรับประกันเลยก็อาจจะไม่ใช่ feature not a bug คือข้อดีไม่ใช่ข้อเสีย
..
ผมมองว่าวอเรนบัฟเฟตรอบคอบมากๆ
แต่อาจจะไม่เข้าใจเด็กยุคใหม่ที่เอาเงินหลายหมื่นซื้อของในเกมแร็ก ???
ผมมองว่าคือการขยายการซื้อของในเกมส์แร็กมาในโลกความเป็นจริง จำได้ว่าธรรมศาสตร์มีคนทำวิทยานิพันะืเรือ่งสินทรัพย์เสมือเรื่องนี้อยู่
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ ichamkung

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,117
  • ถูกใจแล้ว: 338 ครั้ง
  • ความนิยม: +30/-1
ค่าเงินที่แกว่งไปตามสถานการณ์ของคนดัง มันไม่ค่อยจะเสถียรเท่าไร คนที่ถือไว้ตั้งแต่ราคาน้อยๆมันเป็นกำไรแหล่ะ


อย่างรัฐฟลอริด้า มีซีตี้คอย์นอย่าง MiamiCoin (mia) ได้กำไรแล้วจ่ายคือให้ประชาชน  :'(

 
 

ออฟไลน์ natask

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,649
  • ถูกใจแล้ว: 635 ครั้ง
  • ความนิยม: +46/-23
  • เพศ: ชาย
  • หาไม่เจอหรือเธอว์มีดุ้น
Altcoin ก็จะตายก่อนแหละ นึกภาพวิทาลิกหรือชาร์ลโดนรัฐซักที่อุ้มหรือโดนควบคุมนโยบายบังคับให้เหรียญทำ hard fork ให้ความเป็นส่วนตัวน้อยลงหรือทำให้ transaction โดนผู้มีอำนาจtrackได้
ในยุคท้ายๆคงเหลือไม่กี่เหรียญที่จะไปสู่ระดับ P2P กันโดยสมบูรณ์ได้ คือไม่จำเป็นต้องขายเป็น fiat แลกเปลี่ยนสินค้ากันได้เลย แค่โอนคริปโตให้กัน และก็อีกนั่นแหละ เหรียญไหนมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนก็จะโดนก่อน


ก่อนที่ BTC จะกลายเป็นเงินได้คงต้องผ่านบททดสอบอีกหลาย10ปี ช่วงนี้เป็นช่วง discovery price ราคาในระยะสั้นมันก็จะแกว่งๆ คงต้องลองพิสูจน์อีกซัก 2 halving ว่าราคา dip รอบนี้เมื่อเทียบกับ 4 ปีก่อนมันต่างกันขนาดไหน ถ้าเทียบแล้วเป็นบวก ในอนาคตก็คงแปลสภาพเป็นเหมือน store of value หรือมองคล้ายๆ bond ที่ maturity ในรอบ 5หรือ10ปีข้างหน้า เมื่อ marketcap มันสูงขึ้นเรื่อยๆความผันผวนก็จะลดลงเอง


เดิมทีเราใช้ gold standard อยู่ดีๆ ต่อมาก็โดนโกงจาก fiat ที่เป็น layer2ของ gold ที่พิมพ์เพิ่มโดยไม่หยุด ใครถือทองก็ดีไป แต่ใครไม่ถือก็จะจนลงเรื่อยๆ  :) 
เมื่อก่อนเราใช้ทองซื้อสินค้าลำบากเลยต้องซอยออกมาเป็นส่วนเล็กๆก็คือเงินกระดาษ(ที่ให้แบ็คมูลค่าโดยลูกปืนและน้ำมัน)  ใครอยู่ใกล้เครื่องพิมพ์เงินก็จะรวยๆหน่อย ดูเสาไฟกินรีบ้านเราเป็นตัวอย่างได้




จะว่าไปรุ่นพวกเรากับรุ่นพ่อแม่เรานี่โดนรัฐกล่อมซะอยู่หมัดเลย เวลาจะคิดมูลค่าอะไรก็ต้องมีคนมีอำนาจคอยกำหนดถูกผิดให้เนี่ย....
 

ออฟไลน์ richter

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,096
  • ถูกใจแล้ว: 1317 ครั้ง
  • ความนิยม: +50/-25
หลักๆ ที่บิตคอยน์มันมูลค่ายังไม่เสถียรก็เพราะ market cap มูลค่ารวมของมันยังมีมากไม่พอครับ
เหมือนน้ำในถังเล็กๆ เอาขันตักน้ำออกหรือเทน้ำเข้าก็จะทำให้ระดับน้ำในถังเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
แต่ถ้าเอาขันเดียวกันนี้ไปตักน้ำในอ่างเก็บน้ำชลประธานแล้วก็จะไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำครับ
การเทรดก็เช่นกัน พวก market cap น้อยๆ เจ้าลงทีนี่ราคาพุ่งดังใจทีเดียว

เงินสกุลประจำชาติต่างๆ หรือ fait เองก็ไม่ต่างกันนักเพียงแค่ธนคารประจำประเทศเป็นเจ้าแทน
สมัยก่อนพวกกองทุนรวมถึงได้ลงขันกันเทเก็งกำไรค่าเงินประเทศต่างๆ
กรณีปี 2540 ของไทยนี่ตายคู่ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนรวม เหล่าแร้งมุงอิ่มครับรอบนั้น
ตอนนั้นเจ้าหรือธนคารแห่งประเทศไทยขีดเส้นไว้ที่ราคา 25 บาทต่อ 1 ดอลล่ามะกัน

ตัวอย่างการขีดเส้นราคาซื้อขาย สีแดงข้างบนขาย สีเขียวข้างล่างซื้อ
ตัวเลข 3 แถวด้านซ้ายคือ มูลค่า หน่วยบิตคอยน์ และราคาต่อบาทต่อ 1 บิตคอยน์


ซึ่งเขียวกับแดงนี้จะดันกันแบบโต้พลังในดราก้อนบอลโดยมีมูลค่าเป็นค่าพลัง
โดยตรงกลางที่ราคาซื้อกับขายเท่ากันก็จะเกิดการเทรดแล้วหักมูลค่าของทั้ง 2 สีออกจากรายการ ถ้าอันไหนมูลค่าเหลือก็อยู่ในรายการต่อไป
โดยสีแดงก็จะด้านล่างบวกก่อน สีเขียวก็ด้านบนบวกก่อน
ทีนี้ท่านจะเห็นว่ามันจะมีอยู่ 2 ที่ซึ่งมูลค่าสูงมาก ร้องโอเวอร์ 9000 แบบเบจิต้าทีเดียว สีแดงเกือบ 5 ล้านบาทและสีเขียวกว่า 16 ล้านบาท

ซึ่งหมายความว่าใครจะตั้งราคาขายสูงกว่าเจ้าเกือบ 5 ล้านนั้นจะต้องรอคนซื้อเจ้าเกือบ 5 ล้านนั้นให้หมดก่อนถึงเขาจะมาซื้อของตัวเองได้
เช่นเดียวกับสีเขียว ใครจะซื้อราคาถูกกว่าเจ้า 16 ล้านนั้นคนขายต้องขายให้กับเจ้า 16 ล้านนั้นหมดก่อนถึงจะขายใหักับเจ้าที่ซื้อถูกกว่าได้
แน่นอนว่าทั้ง 2 เจ้าของเขียวและแดงสามารถยกเลิกคำสั่งซื้อขายนี้ได้ก่อนมูลค่าของตัวเองจะเป็น 0 หากโดนถล่มแล้วคิดว่าไม่คุ้ม

กลับมาที่ธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งในสมัยก่อนที่ตรึงราคาเงินที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าก็ทำแบบนี้แหละครับ
โดยเอาเส้นแดงและเขียวไว้ใกล้ๆ กันแถวๆ ราคา 25 บาทแล้วอัดมูลค่าตัวเองไปเยอะๆ

ทีนี้พวกกองทุนรวมก็ค่อยๆ ทะยอยซื้อเงินบาทเก็บแอบดำลงไปในโซนสีเขียวจนมูลค่าของตัวเองมีมากพอ
จากนั้นก็พุ่งถล่มเส้นแดงเพื่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทยขยับเส้นแดงที่ขีดเอาไว้สูงขึ้นซึ่งจะทำให้เงินบาทที่ซื้อเอาไว้ขายได้แพงขึ้น
แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอม สู้จนสุดมูลค่าของเส้นแดงซึ่งฝ่ายกองทุนรวมมูลค่าหมดก่อน
แต่มูลค่าเส้นแดงของธนาคารแห่งประเทศไทยก็เรียกได้ว่าแทบไม่เหลือ ผลก็คือคนอื่นตามน้ำกองทุนรวมถล่มจนทะลุเส้นแดง

หลังจากนั้นท่านก็จะได้เห็นการเทรดแบบบิตคอยน์ ณ ปัจจุบันที่เทรดกับเงินบาทไทยแทน
เด้งจาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าไปทะลุได้ถึง 50 บาทต่อ 1 ดอลล่ากว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะดองเงินดอลล่าพอให้กลับมาขีดเส้นแดงได้

แล้วมันไปเป็นวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างไร ตอนนั้นดอกเบี้ยเงินฝากไทยแพงมาก 8% ต่อปี
ทั้งคนและบริษัทหัวหมอก็ไปกู้เงินดอลล่าจากต่างประเทศมาฝากทำกำไรกัน
ทีนี้พอเงินที่ต้องจ่ายดอก จ่ายต้น ME้เป็นดอลล่ามันก็ต้องจ่ายเป็นดอลล่า
แต่คนถือดอลล่าเขาไม่ซื้อเงินบาทที่ 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าแล้ว เขาขายราคาเท่าไหรก็ต้องซื้อไม่งั้นส่งดอกไม่ตรงเรื่องยาว
กุมขมับกันสิครับ ME้หนี้มา 10 ล้านกลายเป็นหนี้ 20 ล้านในพริบตา
พวกนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าทั้งหลายก็เหงิบ ตกลงราคาแล้ว จ่ายเงินกันแล้ว จู่ๆ ต้นทุนขึ้นเท่าตัว

ดังนี้มูลค่าเงิน fiat เงินของประเทศต่างๆ นั้นจะเสถียรแค่ไหน จะผันผวนแค่ไหนนั้นอยู่ที่ฝีไม้ลายมือของแต่ละประเทศว่าจะคุมเส้นเขียวเส้นแดงนี้อย่างไร
ส่วนการด้อยค่าของเงินนั้นนอกจากราคาซื้อขายเงินบาทของประเทศเราแล้ว ยังต้องดูประเทศอื่นใครพลาดบ้างด้วย
เพราะเส้นแดงสูง เงินอ่อนค่า ส่งออกมีแรงทุ่มตลาดได้มากเพราะต้นทุนเป็นเงินในประเทศแต่ขายเป็นดอลล่า
ทำให้ต้นทุนเท่าเดิมแต่ขายได้แพงขึ้นซึ่งสามารถลดกำไรตัดราคาชาวบ้านได้
ซึ่งพอขายได้มากก็จะดึงเงินต่างประเทศเข้ามือธนาคารประเทศนั้นๆ ไปโปะเส้นแดงได้มากขึ้น

เส้นแดงสูงเกินไปทำให้เหล่าคนออมเงิน คนรวยที่มีทรัพย์สินในประเทศไทยซะมากนั้นมีมูลค่าทรัพย์สินลดลง
คนจนและคนชั้นกลางลำบากเพราะสินค้านำเข้าแพงส่งผลให้สินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศราคาสูงขึ้น
แต่ก็ยังพออยู่ได้เพราะกลุ่มส่งออก นักลงทุน นักท่องเที่ยวเฮโลกันมากระจายทรัพย์เพราะเงินบาทถูก
อย่างไรก็ดีถ้าระเบิดเส้นแดงแบบซิมบัพเวย์ละก็ตายเกลือนทุกชนชั้นล่ะครับ

เส้นเขียวต่ำเกินไปก็จะทำให้เงินแข็งค่า ส่งออกแย่ นำเข้าทะลัก ทำลายธุรกิจในประเทศ
เงินมีค่าเยอะก็จริงแต่ไม่มีงานให้ทำ ไม่มีเงินให้ใช้ คนจน คนชั้นกลางตายเรียบเหลือแต่คนรวยมีเงินเก็บที่พอไปได้ซักระยะ(เงินเก็บหมดก็ตามกันมา)
ถ้าไม่รีบเอาดอลล่าที่มีไปใช้หนี้ต่างประเทศก็พิมพ์เงินเพิ่มเพื่อยกเส้นเขียวให้สูงขึ้น ให้ไม่โดนทุ่มตลาดจนเละ

ส่วนทองคำสำรองและเงินสกุลต่างประเทศสำรองนั้น เอาไว้กรณีเงินดอลล่าหมดแล้วเอาไปขายเป็นเงินดอลล่ามาให้คนซื้อเงินบาท
เงินสกุลอื่นๆ นี่ง่ายหน่อยถ้าขายเงินบาทเป็นเงินสกุลนั้นๆ ก็ไม่ต้องดึงมูลค่าจากเส้นแดงดอลล่าออกมา

ดังนี้มูลค่าเงินบาทในกระเป๋าของเรานั้นมันไม่เคยนิ่งเช่นเดียวกับราคาทองคำและที่ดิน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก