ผมชอบเรียนประวัติศาสตร์นะ ครูโรงเรียนผมแซบมาก ปากนะชอบเล่านอกเรื่องมาผสมแบบพาเสี่ยงคุกตลอด ทำให้สนุกไปอีกแบบ ผมจำไม่ค่อยได้แล้วครูเล่าส่วนไหนอะไรไปบ้าง เพราะผมรู้ว่าหนังสือประวัติศาสตร์ของพม่าเขียนคนละแบบกับเรา คือเขียนอวยของใครของมันกันเลย
การเรียนประวัติศาตร์ที่ดีจะต้องตั้งคำถามในเรื่องเหตุผลการตัดสินใจของผู้ปกครองว่าทำไมถึงต้องดำเนินนโยบายในลักษณะนั้น ในลักษณะนี้ ถึงแม้คนโบราณจะไม่ได้มีการศึกษาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เท่ากับคนสมัยเรายุคปัจจุบัน แต่พวกเขาไม่ได้โง่นะ บางครั้งการตัดสินใจอาจจะฉลาดกว่าบางเหตุการณ์ของคนยุคปัจจุบันในบริบทสังคมแบบโบราณด้วยซ้ำ
ยกตัวอย่างประวัติศาตร์โรมัน
1.ถ้าใครศึกษาประวัติของจูเลียส ซีซาร์ จะเข้าใจว่าจูเลียส ซีซาร์นอกจากเป็นแม่ทัพโรมันที่เก่งกาจ ยังเป็นนักการเมืองที่เก่งมาก เห็นได้จากตอนที่แย่งตำแหน่งกงศุลซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐโรมันระหว่าง Crassus กับ Pompey
Pompey ต้องการผ่านกฎหมายที่ดินเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนให้แก่ทหารของเขาที่รบที่ชายแดนโรมันตะวันออก ขณะที่ Crassus ต้องการผ่านกฎหมายภาษีเพื่อให้ตนเองและกลุ่มพ่อค้าจ่ายภาษีน้อยลง แต่สมาชิกสภานั้นแบ่งออกเป็นครึ่งต่อครึ่งสนับสนุนแต่ละฝ่ายทำให้ในที่สุดไม่มีใครได้อะไรเพราะยกมือผ่านกฎหมายไม่ผ่านเลยซักฉบับ ซึ่งถ้าเวลาผ่านไปก็ต้องเกิดสงครามกลางเมืองเป็นแน่ และตอนนั้นเองที่จูเลียส ซีซาร์ได้ปรากฎตัวออกมาและได้ขอเป็นคนกลาง โดยจะทำทีเป็นหุ่นเชิดตรายางปั้มผ่านกฎหมายให้แก่ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งคู่ ทำให้ทั้ง Crassus และ Pompey ตัดสินใจให้คนในสภาของตนเองโหวตให้ซีซาร์ได้ตำแหน่งกงศุลและเป็นคนกลางทั้งสองคนในการผ่านกฎหมาย นี่เป็นจุดเริ่มต้นอำนาจทางการเมืองของจูเลียส ซีซาร์ และเป็นบันไดก้าวสำคัญที่ทำให้ซีซาร์มีอำนาจมากที่สุด
2.ใครศึกษาประวัติของจักรพรรดิ Constantin จะทราบว่าทำไมศาสนาคริสต์ที่เคยถูกปราบปรามในยุคก่อนๆของโรมัน(รวมถึงจับเยซูสำเร็จโทษแขวนกางเขนจนเสียชีวิต) กลับสามารถรุ่งเรืองได้ นั่นเพราะในมุมมองของจักรพรรดิ Constantine เล็งเห็นว่าโรมันนั้นเปิดกว้างทางด้านศาสนามากเกินไป ทำให้มีศาสนาท้องถิ่นมากมายจนเกิดความขัดแย้งระหว่างวัฒนธรรมและศาสนา จักรพรรดิ Constantine ก็เลยสนับสนุนศาสนาคริสต์เพื่อให้คนโรมันนับถือศาสนาเดียว และรวมถึงชำระคำสอนเยซูกับนักบุญเปาโลที่เล่าต่อๆกันมาให้เป็นรูปเล่ม จนเรียกว่า "คัมภีร์พันธสัญญาใหม่" หรือ New Testament
หลายคนอาจจะงงว่า พันธสัญญาเก่า กับ พันธสัญญาใหม่ต่างกันอย่างไร
พันธสัญญาเก่าจะว่าด้วยเรื่องของ ประวัติศาสตร์ชนชาติยิวเช่นกษัตริย์ดาวิด วันสิ้นโลก เรือโนอาร์ เป็นต้น สำคัญที่สุดคือกล่าวถึงการอพยพของคนยิวด้วยการนำของผู้นำยิวคือโมเสส เรียกว่า Exodus และบัญญัติ 10 ประการ
ส่วนพันธสัญญาใหม่จะว่าด้วยเรื่องของ เยซู เพียงอย่างเดียว ทั้งประวัติ การสนทนากับคนอื่นและคำสอนของเยซู
ดังนั้นถ้าอิงจากพันธสัญญาเก่า จะเห็นได้ว่าถ้ามองดีๆ ก็คือประวัติศาตร์การปลดแอกชาวยิวจากการเป็นทาส ชาวยิวภาคภูมิใจกับการปลดแอกตนเองจากการเป็นทาสมาก
ขณะที่เยซูก็คือผู้ที่เป็นอาจารย์สอนศาสนาแก่ชาวยิวเช่นกัน แต่เป็นนิกายที่สอนเรื่องให้ชาวยิวทำตามบัญญัติ 10 ประการ เพราะกลัววันสิ้นโลก เป็นนิกายวันสิ้นโลกอย่างหนึ่ง
ส่วนการกำเนิดศาสนาคริสต์นั้นเครดิตนี้ให้นักบุญเปาโลเลยครับ เนื่องจากแกตีความใหม่ว่า เยซูไม่ใช่แค่อาจารย์สอนศาสนา แต่เป็นพระบุตรที่เป็น Messiah(ผู้ส่งสารจากพระเจ้า) และเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ผู้นับถือยูดายจะต้องเป็นแค่กลุ่มคนชาวยิว แต่กระจายเผยแพร่ไปทุกชาติพันธุ์ผ่านการตีความใหม่ของนักบุญเปาโล(St.Paul)