[quote/]สอบได้เยอะ = ขยัน ครับอย่าบอกน่าว่าตัวเอง IQ พอๆกับ Forest Gump เเล้วอ่านเท่าไหร่ก็โง่นะ
คนเรียนไม่เก่ง(อย่างผมสมัยก่อน) ชอบคิดว่าตัวเองโง่เราทำไม่ได้เราพยายามเเล้วเเต่จริงๆเราเเค่หลอกตัวเองเท่านั้นละ
เราทำได้ เราทำดีได้หากขยันเพียงพอ ผมก็จบเเบบลุ่มๆดอนจากมหาลัยชื่อดังที่หนึ่งถึงจะจบมาเกือบตายเเต่ผมก็เรียนรู้ว่าหากเราขยันบ้างหุปปากตัวเองที่ทำไม่ได้เราก็สามารถทำได้ครับ
ไม่เอาวุฒิพูดได้เท่ดีนะครับเเต่คิดว่าชีวิตจริงคนไม่ได้วุฒิเปร์เซ็นส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน คนรับจ้าง พนักงานรัฐ พนักงานบริษัทเงินเดือน 2 หมื่นคือตัน
จริงอยู่หากคุณเก่งจริงคุณจะโอ้อวดยังไงก็ได้เเต่โลกความเป็นจริง คนเก่งมันจะมีวุฒิถืออยู่ด้วยทั้งนั้นเหมือนไปสมัครงานบริษัท PTT พูดนะหากไม่มีประสบการณ์โครตเทพคุณโดนตัดสิทธิ์ทันทีเพราะคุณไม่มีวุฒิ เพราะคุณ วุฒิไม่สูงพอ นายใหญ่ PTT เขาดีลกับมหาลัยชั้นนำไว้เเล้วว่าเขาจะเอาคนไหน
การหาเพชนในกองทอง มันง่ายกว่าหาในกองถ่านนะครับ
ภาษาอะไรห็นด้วยว่าต้องเรียนรู้เองเเต่คนที่มีโลจิคดีส่วนใหญ่คือจบสูงนะครับ ไม่งั้นหากไม่เรียนเเล้วเก่งทุกคนโลกเราไม่มีคนจนเเล้วคุณ
ไม่เอาวุฒิ
เรื่องนี้ไม่ใช่พูดเอาเท่ แต่คณะที่เขาเรียนกัน มันเป็นแบบนั้นจริง เรียนมา 100 คน ปีสุดท้ายเหลือไม่ถึงครึ่งนึง
นอกนั้นออกหมด
รุ่นพี่ประจำหอคนนึง แกเรียนใหม่อีกรอบ เพราะปีสุดท้าย คู่หูแกเลิกไม่เรียนต่อแกเลยซิ่วมาเรียนใหม่ แต่บ้านแกรวยพอตัวไม่ใช่ปัญหา รุ่นพี่คนดังกล่าวแกยังเล่าเลยว่า พวกที่ไม่จบนี่ไปทำงานอะไรกันบ้าง แต่พูดกันคือไม่จบแต่มันหางานทำกันได้มันถึงได้พูดกันไง ว่า พอล่ะไม่เอาแล้ว มีแค่นี้กูพอแล้วหางานทำได้ล่ะ อันนี้พวกที่อยู่ในคณะมันก็เล่าให้ฟัง
เพราะ ตีดอทด้วยกันตอนว่าง ๆ
อันนี้เรื่องเมื่อราวๆ 10กว่าปีก่อนโน้น ตอนที่ไปเรียน สมัยนี้ไม่รู้ว่าเปรี่ยนไปยังไงบ้างแล้ว
เพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันตอนมัธยมมันอยู่ IT จบมามันยังบอกเลยว่า กูไม่เขียนโปรแกรมล่ะ ไม่หางานที่เขียนโปรแกรมแน่นอน เรียกได้ว่า ทั้งคณะ ไอ้คนที่จะทำงานตรงสายจริงๆ มีไม่ถึง 1/5
นอกนั้นเกี่ยวกับคอม ดูแลระบบเอา
แต่ให้ไปพัฒนาโปรแกรม เขียนโปรแกรม แม่งส่ายหัวหมดทุกคน
เงินดีแม่งก็ไม่เอา ส่วนมากฟังแล้วก็แปลกใจกันมึงเรียนเขียนโปรแกรมแต่จบมาไม่เอางานเขียนโปรแกรม
ผมไม่ค่อยเข้าใจว่ามันโดนอะไรมาบ้างแต่ ส่วนใหญ่ เข็ดจนไม่อยากมาเขียนโปรแกรมกันอีก
อีกคณะ ไม่รุ้เรียกคณะอะไรเพราะไม่คุ้นด้วย พวกนี้เก่งเรื่องหุ้นยนต์ ปัญหาเรื่องจบไม่จบก็ไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ ทำงานกันมาแล้วแค่มาเรียนต่อ เรียกได้ว่าส่วนมากคณะนี่คนที่เขาทำงานแล้วทั้งนั้น มาเอาวุฒิเพิ่ม ส่วนมากยังไงก็จะเรียนให้จบ
ส่วนเรื่องขีดจำกัดของ คนเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน เอาไว้ท่านเจอคนที่ จะเรียกยังไงดีวะ
เคยเกือบตาย เพราะใช้ยาฆ่าแมลงผิดวิธี ออกโรงพยาบาลมาแล้ว ไม่นานก็ทำแบบเดิม ลำบากตูห้ามอีก
หรือ จะกินยาฆ่าเชื้อ(ล้างมือ)เอาไปต้านโควิต (ฉลากแม่งก็เขียนแดกไม่ได้)
หรือ จุดยากันยุงในห้อง (เบื่อจะห้ามชิบหาย)
คอมเครื่องเดียว 10 กว่าปีแล้วยังปิดไม่เป็น
ตอนนั้นท่านจะรู้ว่า คนเรามันมีมาเหมือนๆ กัน หู ตา มือ ขา สมอง แต่บางอย่างมันมีขีดจำกัด ไม่เท่ากัน
[quote/]
กระทู้ของท่านนี่ทำเอาผมนึกถึง; ญาติน้องสาวเลย 2 วรรคแรกมันเหมือนผ้าที่โดนสีทาพู่กันทั้งจาน สาดใส่เต็มๆก่อนที่จะลงมือละเลงให้เป็นรูปในจินตนาการเสียอีก หนังสือประเภท ‘ธุรกิจ - แรงบันดาลใจ’ ให้คนอยากเห็นเงินล้าน
ผมนี่หันหน้าหนีตลอด จนไปอ่านประวัติของ Millionaire หลายคนที่ยังมีชีวิต แล้วเจอกับการงานที่เลวร้ายจนออกวงการงานที่ตัวเองสร้างชื่อไปเลยก็มีอย่าง Bill Gates - ผู้สร้าง Google บางคนสมัครใจทิ้งการงานตัวเอง
จุดนี้เลยฉุกคิดได้นี่แหละว่าวลี ‘เงินทองล้นฟ้า ไม่มีความสุข’ - ‘อัจฉริยะเสียของ’ บางอันหลายคนยอมรับมันเป็นคำชมนะ เพราะพวกเขารู้ว่าหากตัวเองใช้ศักยภาพเพื่อชื่อเสียง - และเงินทอง สุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่แหผืนหนึ่งที่กลุ่มธุรกิจเอาไปหว่าน คนฐานะปานกลางเกือบพินาศหรือยาจกให้เป็นคนอยากรวย และจับพวกเขาไว้เลี้ยงเหมือนปลาแล้วขยายพันธุ์ ขายต่อเป็นทอด ตัวอย่างสำหรับเศรษฐีที่โตได้ด้วยการค้าขายไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิต
[quote/]
สำหรับวรรค 3 ลงมาผมยอมรับนะว่า บางคนหวังทำเงินเพราะโฆษณาเซียนเกมจริง ประสบการณ์ส่วนตัว ผมเจอคนที่ไม่ฟัง บทความวิพากษ์ ขณะที่เล่นเอาเองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาของเกมด้วยตัวเอง + วิจารณ์ได้ดีกว่าบางเว็บที่เหมือยโดนจ้างมาอีกที ซึ่งส่วนมากเป็นคลิปที่ไม่หวังกำไร
มีเพื่อนคน นึงแม่งเก่ง ตีดอท คือมันเล่นกับคนเก่ง แล้วเขาสอนมันด้วยแหละ
แต่หลักๆ มันบอกดู รีเพล์ จุตตายของนักตีดอทส่วนมาก คือ ขีเกียจดู รีเพล์ตัวเองนี่แหละ