แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อกี้ไปเจอบทความเด้งขึ้นมาจากเฟซบุ๊ค เกี่ยวกับทายาทเจ้าสัวซีพี...  (อ่าน 2852 ครั้ง)

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445
[quote/] เปียโนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินเยอะมากๆครับ ค่าสอนก็แพง. อุปกรณ์ก็โคตรแพง. โอกาสประสบความสำเร็จคือน้อยมากๆ แนะนำให้ไปหาหนังญี่ปุ่นเรื่องโนดาเมะคันตาบิเล่ดูแล้วจะรู้เลย. กีฬาที่ลงทุนใกล้เคียงกับเปียโนผมคิดว่ามียิงปืนกับกอล์ฟ


เพลงเดียวกัน คนเล่นต่างกัน คุณภาพเปียนโนต่างกัน ฟังคลละอารมณ์เลยแหละ  :D
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,389
  • ถูกใจแล้ว: 4070 ครั้ง
  • ความนิยม: +347/-403
[quote/]

ก็อย่างที่ผมยกมา ว่าความรู้ ความรู้มันคือข้อมูล ไม่ใช่หรือครับ
มันไม่ใช่ความ ฉลาดหรือเฉลียว ในการนำข้อมูลไปใช้ เสียหน่อย


ผมนึกถึงนักร้องไทยที่ไปเรียนเมืองนอกแล้วแกเล่าว่า ไปน่ะภาษาได้หลักๆ คืออ่าน
แต่ฟังกับพูดนี่ ไม่ไหว สรุปคือเรียนในห้องเรียนไม่รู้เรื่อง ได้แต่อ่านตำรา
ผลคือสอบมาเกียรตินิยม     
ตรงนี้ผมมองว่า คะแนนสอบมันไม่ได้วัดเรื่องความฉลาด แต่มันวัดเรื่องวิชาการ
เก่งวิชาการไม่ได้แปลว่าจะเอาไปใช้จริงได้นิครับ 



ก็อย่างที่ผมเล่าไงว่า พวกสถาบันดีๆ มันไม่ใช้แค่สอนตามตำราแต่มันมีวิธีอื่นๆ อีกที่ทำได้คนเรียนได้ประโยชน์มากกว่าตำรา


นึกถึงมหาลัยเก่า ที่ผมเรียน ดังอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือหุ่นยนต์กับ IT   คณะ IT คณะนี้ขึ้นชื่อเรื่องจบยาก(ส่วนมากหนีไม่มาเรียนต่อกันตอนปี 4 )   พวกยังเล่าว่าอาจารย์เขารับงานมา บางทีงานนั่นแหละ มาใช้สอนนักเรียน
เรียกได้ว่า เจอประสปการณ์จริงตั้งแต่ยังไม่จบ    ส่วนมากจะออกกันตอนปี 4 เพราะไม่ไหว ประมาณว่า แค่นี่กูพอล่ะ ทำมาหาแดกได้ล่ะ ไม่เอาวุฒแม่งล่ะ  ซะเป็นส่วนมาก 

อีกท่านเป็นอาจารย์ภาษาพวกเล่าให้ฟังว่า หนังฝรั่งสมัยก่อน นี่ไม่ต้องสงสัยฝีมือการแปลอาจารย์แกเพียบ
ค่ายดังๆ บางค่ายมาจ้างแกแปลออกจะบ่อย


อาจารย์ในคณะผมไปรับงานนอกมายังไม่ยักกะเอามาแบ่งนักเรียน หรือสอน บ้างเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าสอนกันแต่วิชาการแหละ :D


แต่สุดท้ายมีข้อมูลก็ดีกว่าไม่มีอยู่ดีครับและความรู้มันนำไปไช้ได้ครับแต่ความรู้เท่ากันจะเอาไปไช้ได้มากน้อยต่างกันเท่านั้น อย่างบุดด้าก็ไม่ได้สร้างวิชาใหม่อะไรจากที่เรียนจากอจ.แต่ความรู้เท่ากันกลับชนะอจ.ทุกวิชาที่สอนได้ ภายหลังจึงรวมความรู้มาประยุคใหม่จะบอกว่าอจ.ที่สอนบุดด้ามีความรู้แล้วเอาไปไช้ประโยชน์ไม่ได้เหรอครับ ป่าวเลยอจ.พวกนั้นเก่งจนราชายอมรับต่างหากแต่แค่ความรู้เดียวกันคนไช้งานได้ไม่่เท่ากันต่างหาก จะว่าไปบุดด้าไม่ได้ปติเสธพวกวิชาอาคมเหนือมนุษย์นะแต่ผมคิดว่าอาคมมันเอาชนะตีนบุดด้าไม่ได้ต่างหาก บินได้เจอปาหินไส่ยิงธนูไส่ก็ตายทนร้อนนังบนไปเจอตีนกระทืบก็ตาย รู้ล่วงหน้าแต่เจอคนที่ยังไงชนะไม่ได้รู้ล่วงหน้าก็ไม่มีประโยชน์ความรู้ของบุดด้าสมัยนั้นน่าจะราวๆนี้แหละ แต่ผมบอกเลยว่าบุดด้าไม่ได้สร้างชุดความรู้ใหม่แค่ไช้ความรู้ที่เรียนมานั้นแหละดังนั้นความรู้มีค่ามีประโยชน์ครับ ทุกคนสามารถไช้งานได้แต่จะมากจะน้อยมันอีกเรื่องหนึ่งแต่นะครับข้อมูููลนะรู้ย่อมดีกว่าไม่รู้อยู่แล้วครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445
ประมาณนั้นแหละครับ ท่าน
 

ออฟไลน์ isdogtr001

  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,036
  • ถูกใจแล้ว: 1156 ครั้ง
  • ความนิยม: +82/-143
[quote/]

ก็อย่างที่ผมยกมา ว่าความรู้ ความรู้มันคือข้อมูล ไม่ใช่หรือครับ
มันไม่ใช่ความ ฉลาดหรือเฉลียว ในการนำข้อมูลไปใช้ เสียหน่อย


ผมนึกถึงนักร้องไทยที่ไปเรียนเมืองนอกแล้วแกเล่าว่า ไปน่ะภาษาได้หลักๆ คืออ่าน
แต่ฟังกับพูดนี่ ไม่ไหว สรุปคือเรียนในห้องเรียนไม่รู้เรื่อง ได้แต่อ่านตำรา
ผลคือสอบมาเกียรตินิยม     
ตรงนี้ผมมองว่า คะแนนสอบมันไม่ได้วัดเรื่องความฉลาด แต่มันวัดเรื่องวิชาการ
เก่งวิชาการไม่ได้แปลว่าจะเอาไปใช้จริงได้นิครับ 



ก็อย่างที่ผมเล่าไงว่า พวกสถาบันดีๆ มันไม่ใช้แค่สอนตามตำราแต่มันมีวิธีอื่นๆ อีกที่ทำได้คนเรียนได้ประโยชน์มากกว่าตำรา


นึกถึงมหาลัยเก่า ที่ผมเรียน ดังอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือหุ่นยนต์กับ IT   คณะ IT คณะนี้ขึ้นชื่อเรื่องจบยาก(ส่วนมากหนีไม่มาเรียนต่อกันตอนปี 4 )   พวกยังเล่าว่าอาจารย์เขารับงานมา บางทีงานนั่นแหละ มาใช้สอนนักเรียน
เรียกได้ว่า เจอประสปการณ์จริงตั้งแต่ยังไม่จบ    ส่วนมากจะออกกันตอนปี 4 เพราะไม่ไหว ประมาณว่า แค่นี่กูพอล่ะ ทำมาหาแดกได้ล่ะ ไม่เอาวุฒแม่งล่ะ  ซะเป็นส่วนมาก 

อีกท่านเป็นอาจารย์ภาษาพวกเล่าให้ฟังว่า หนังฝรั่งสมัยก่อน นี่ไม่ต้องสงสัยฝีมือการแปลอาจารย์แกเพียบ
ค่ายดังๆ บางค่ายมาจ้างแกแปลออกจะบ่อย


อาจารย์ในคณะผมไปรับงานนอกมายังไม่ยักกะเอามาแบ่งนักเรียน หรือสอน บ้างเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าสอนกันแต่วิชาการแหละ :D


สอบได้เยอะ = ขยัน ครับอย่าบอกน่าว่าตัวเอง  IQ พอๆกับ Forest Gump เเล้วอ่านเท่าไหร่ก็โง่นะ


คนเรียนไม่เก่ง(อย่างผมสมัยก่อน) ชอบคิดว่าตัวเองโง่เราทำไม่ได้เราพยายามเเล้วเเต่จริงๆเราเเค่หลอกตัวเองเท่านั้นละ


เราทำได้ เราทำดีได้หากขยันเพียงพอ ผมก็จบเเบบลุ่มๆดอนจากมหาลัยชื่อดังที่หนึ่งถึงจะจบมาเกือบตายเเต่ผมก็เรียนรู้ว่าหากเราขยันบ้างหุปปากตัวเองที่ทำไม่ได้เราก็สามารถทำได้ครับ


ไม่เอาวุฒิพูดได้เท่ดีนะครับเเต่คิดว่าชีวิตจริงคนไม่ได้วุฒิเปร์เซ็นส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน คนรับจ้าง พนักงานรัฐ พนักงานบริษัทเงินเดือน 2 หมื่นคือตัน


จริงอยู่หากคุณเก่งจริงคุณจะโอ้อวดยังไงก็ได้เเต่โลกความเป็นจริง คนเก่งมันจะมีวุฒิถืออยู่ด้วยทั้งนั้นเหมือนไปสมัครงานบริษัท PTT พูดนะหากไม่มีประสบการณ์โครตเทพคุณโดนตัดสิทธิ์ทันทีเพราะคุณไม่มีวุฒิ เพราะคุณ วุฒิไม่สูงพอ นายใหญ่ PTT เขาดีลกับมหาลัยชั้นนำไว้เเล้วว่าเขาจะเอาคนไหน


การหาเพชนในกองทอง มันง่ายกว่าหาในกองถ่านนะครับ


ภาษาอะไรห็นด้วยว่าต้องเรียนรู้เองเเต่คนที่มีโลจิคดีส่วนใหญ่คือจบสูงนะครับ ไม่งั้นหากไม่เรียนเเล้วเก่งทุกคนโลกเราไม่มีคนจนเเล้วคุณ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123, Put1996, nosta และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ warakornboy

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 471
  • ถูกใจแล้ว: 182 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-9
ผมไปเจอดราม่าเรื่องหนึ่ง
ว่าแม่วางแผนกู้หนี้ยืมสินให้ลุกเรียนเปียโนและบังคับให้ลุกเรียนวันละหลายชั่วโมงเพื่อให้ชนะการแข่งขันเปียโน
...
ผมก็มาคิดว่า...แล้วมันต่างกับพ่อแม่ที่มานั่งเฝ้าลูกแข่งเทนนิสหรือตีกอล์ฟ ว่ายน้ำตรงไหน?
หากมันเป็นอาชีพได้ ต่างอะไรกับบการกู้เงินมาเรียนหมอ ครู วิศวะ?
ถ้าาคิดจะทำเป็นงานอดิเรกน่ะเรียนวันสองวันต่อสัปดาห์ แต่หากอยากเป็นแชมป์น่ะ
วันละสิบชั่วโมงเรื่องปรกติ ???
นึกถึงมุกที่นักเขียนการ์ตูนแซวกันว่า
นักเขียบนการ์ตูนไม่มีกฎหมายแรงงานหรือสิทธิมนุษยชน
ไม่ได้บอกว่าการให้เด็กเรียนและว้อมหามรุ่งหามค่ำเป็นเรื่องดี
แต่จะบอกว่าหากอยากได้แชมป์ อ่านตามประวัติ ทุกคนก็บ้าคลั่งกันประมาณนี้ล่ะ
ทักษะเปียโน ก็ถือว่ามีประโยชน์ หารายได้ได้ดี จะมาโจมตีไปทำไม?จะอบกว่าแม่โหดฝึกบ้าเลือดน่ะโอเค
เพระานี่คือโลกความจริงไม่ใช่แนวโชวเน็นแข่งกีฬาคนจะคิดว่าเอ็งบ้าเลือดไปหรือเปล่าน่ะได้

ผมสังเกตนะ คนที่เป็นแชมป์ได้ ต้องมีครอบครัวสนับสนุนคุ้นๆว่าภราดร พ่อเองก็เป็นโค้ชให้ตั้งแต่เด็กนั่นล่ะ
มันกลายมาเป้นสิ่งที่เรียกว่า "ครอบครัวนักกีฬา"หากผ่านมาอีกรุ่นหนึ่งเลยล่ะ หากพ่อแม่ตั้งใจจะปั้เนลุกของตนให้เข้าวงการ

กระทู้ของท่านนี่ทำเอาผมนึกถึง; ญาติน้องสาวเลย 2 วรรคแรกมันเหมือนผ้าที่โดนสีทาพู่กันทั้งจาน สาดใส่เต็มๆก่อนที่จะลงมือละเลงให้เป็นรูปในจินตนาการเสียอีก หนังสือประเภท ‘ธุรกิจ - แรงบันดาลใจ’ ให้คนอยากเห็นเงินล้าน


ผมนี่หันหน้าหนีตลอด จนไปอ่านประวัติของ Millionaire หลายคนที่ยังมีชีวิต แล้วเจอกับการงานที่เลวร้ายจนออกวงการงานที่ตัวเองสร้างชื่อไปเลยก็มีอย่าง Bill Gates - ผู้สร้าง Google บางคนสมัครใจทิ้งการงานตัวเอง


จุดนี้เลยฉุกคิดได้นี่แหละว่าวลี ‘เงินทองล้นฟ้า ไม่มีความสุข’ - ‘อัจฉริยะเสียของ’ บางอันหลายคนยอมรับมันเป็นคำชมนะ เพราะพวกเขารู้ว่าหากตัวเองใช้ศักยภาพเพื่อชื่อเสียง - และเงินทอง สุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่แหผืนหนึ่งที่กลุ่มธุรกิจเอาไปหว่าน คนฐานะปานกลางเกือบพินาศหรือยาจกให้เป็นคนอยากรวย และจับพวกเขาไว้เลี้ยงเหมือนปลาแล้วขยายพันธุ์ ขายต่อเป็นทอด ตัวอย่างสำหรับเศรษฐีที่โตได้ด้วยการค้าขายไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิต


ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย เช่นเกม หากคุณต้องการเล่นเกมให้เก่ง เก่งขึ้นมากว่าระดับปกติ ทั่วๆ ไปแล้วล่ะก็


นอกจากพรสวรรค์แล้ว
มันไม่ใช่ว่าแค่ต้องเล่นบ่อยๆ เยอะๆ มันต้องการอุปกรณ์ หรือการได้รับการชี้แนะจากคนมีความรู้อีกเช่นกัน


มันต้องมีเครื่องอัดหน้าจอ อัดไว้เอาไว้มาวิเคราะห์หลังจบเกม หรือต้องศึกษาจาก ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเก่งมากด้วย


บางทีเราอาจไปไม่ถึงระดับพรสวรรค์บางคน ที่แม่งเล่นกันโครตโหดแบบ ว่ายังไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเกิดอะไร แม่งยิงดับไป 2 แล้วอย่างนี้ แม่งไวเกินจนมองไม่ทัน
อย่างน้อยๆ เอาแบบฝีมือเสมอต้นเสมอปลาย คาดหวังผลงานได้ก็ถือว่าเยี่ยมล่ะ 
ระดับโปรเพล์เยอะในทีมเกมต่างๆ บางคนผมเห็นฝีมือการเล่นไม่ได้หวือหวาโดดเด่นแบบ คนอื่น แต่ฝืมือแก คงที่คงเส้นคงวา ไม่ผีเข้าผีออก นี่ก็มีส่วนสำคัญแล้วล่ะนะ

มันไม่ใช่แค่มีเวลาเล่น อุปกรณ์มันต้องมีด้วยเช่นกัน สำหรับเกมที่มันไม่ได้มี เซฟ รีเพล์อ่ะนะ
เครื่องอัดหน้าจอ แพงพอตัว
สำหรับวรรค 3 ลงมาผมยอมรับนะว่า บางคนหวังทำเงินเพราะโฆษณาเซียนเกมจริง ประสบการณ์ส่วนตัว ผมเจอคนที่ไม่ฟัง บทความวิพากษ์ ขณะที่เล่นเอาเองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาของเกมด้วยตัวเอง + วิจารณ์ได้ดีกว่าบางเว็บที่เหมือยโดนจ้างมาอีกที ซึ่งส่วนมากเป็นคลิปที่ไม่หวังกำไร
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445
[quote/]สอบได้เยอะ = ขยัน ครับอย่าบอกน่าว่าตัวเอง  IQ พอๆกับ Forest Gump เเล้วอ่านเท่าไหร่ก็โง่นะ


คนเรียนไม่เก่ง(อย่างผมสมัยก่อน) ชอบคิดว่าตัวเองโง่เราทำไม่ได้เราพยายามเเล้วเเต่จริงๆเราเเค่หลอกตัวเองเท่านั้นละ


เราทำได้ เราทำดีได้หากขยันเพียงพอ ผมก็จบเเบบลุ่มๆดอนจากมหาลัยชื่อดังที่หนึ่งถึงจะจบมาเกือบตายเเต่ผมก็เรียนรู้ว่าหากเราขยันบ้างหุปปากตัวเองที่ทำไม่ได้เราก็สามารถทำได้ครับ


ไม่เอาวุฒิพูดได้เท่ดีนะครับเเต่คิดว่าชีวิตจริงคนไม่ได้วุฒิเปร์เซ็นส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน คนรับจ้าง พนักงานรัฐ พนักงานบริษัทเงินเดือน 2 หมื่นคือตัน


จริงอยู่หากคุณเก่งจริงคุณจะโอ้อวดยังไงก็ได้เเต่โลกความเป็นจริง คนเก่งมันจะมีวุฒิถืออยู่ด้วยทั้งนั้นเหมือนไปสมัครงานบริษัท PTT พูดนะหากไม่มีประสบการณ์โครตเทพคุณโดนตัดสิทธิ์ทันทีเพราะคุณไม่มีวุฒิ เพราะคุณ วุฒิไม่สูงพอ นายใหญ่ PTT เขาดีลกับมหาลัยชั้นนำไว้เเล้วว่าเขาจะเอาคนไหน


การหาเพชนในกองทอง มันง่ายกว่าหาในกองถ่านนะครับ


ภาษาอะไรห็นด้วยว่าต้องเรียนรู้เองเเต่คนที่มีโลจิคดีส่วนใหญ่คือจบสูงนะครับ ไม่งั้นหากไม่เรียนเเล้วเก่งทุกคนโลกเราไม่มีคนจนเเล้วคุณ

ไม่เอาวุฒิ เรื่องนี้ไม่ใช่พูดเอาเท่ 
แต่คณะที่เขาเรียนกัน มันเป็นแบบนั้นจริง  เรียนมา 100 คน ปีสุดท้ายเหลือไม่ถึงครึ่งนึง
นอกนั้นออกหมด  รุ่นพี่ประจำหอคนนึง แกเรียนใหม่อีกรอบ เพราะปีสุดท้าย คู่หูแกเลิกไม่เรียนต่อ
แกเลยซิ่วมาเรียนใหม่ แต่บ้านแกรวยพอตัวไม่ใช่ปัญหา
    รุ่นพี่คนดังกล่าวแกยังเล่าเลยว่า พวกที่ไม่จบนี่ไปทำงานอะไรกันบ้าง แต่พูดกันคือไม่จบแต่มันหางานทำกันได้
มันถึงได้พูดกันไง ว่า พอล่ะไม่เอาแล้ว มีแค่นี้กูพอแล้วหางานทำได้ล่ะ  อันนี้พวกที่อยู่ในคณะมันก็เล่าให้ฟัง
เพราะ ตีดอทด้วยกันตอนว่าง ๆ
    อันนี้เรื่องเมื่อราวๆ 10กว่าปีก่อนโน้น ตอนที่ไปเรียน สมัยนี้ไม่รู้ว่าเปรี่ยนไปยังไงบ้างแล้ว


เพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันตอนมัธยมมันอยู่ IT  จบมามันยังบอกเลยว่า กูไม่เขียนโปรแกรมล่ะ ไม่หางานที่เขียนโปรแกรมแน่นอน  เรียกได้ว่า ทั้งคณะ ไอ้คนที่จะทำงานตรงสายจริงๆ มีไม่ถึง 1/5
นอกนั้นเกี่ยวกับคอม ดูแลระบบเอา
แต่ให้ไปพัฒนาโปรแกรม เขียนโปรแกรม แม่งส่ายหัวหมดทุกคน
 เงินดีแม่งก็ไม่เอา  ส่วนมากฟังแล้วก็แปลกใจกันมึงเรียนเขียนโปรแกรมแต่จบมาไม่เอางานเขียนโปรแกรม
   ผมไม่ค่อยเข้าใจว่ามันโดนอะไรมาบ้างแต่ ส่วนใหญ่ เข็ดจนไม่อยากมาเขียนโปรแกรมกันอีก




อีกคณะ ไม่รุ้เรียกคณะอะไรเพราะไม่คุ้นด้วย พวกนี้เก่งเรื่องหุ้นยนต์ ปัญหาเรื่องจบไม่จบก็ไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ ทำงานกันมาแล้วแค่มาเรียนต่อ เรียกได้ว่าส่วนมากคณะนี่คนที่เขาทำงานแล้วทั้งนั้น มาเอาวุฒิเพิ่ม  ส่วนมากยังไงก็จะเรียนให้จบ




ส่วนเรื่องขีดจำกัดของ คนเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน เอาไว้ท่านเจอคนที่ จะเรียกยังไงดีวะ


เคยเกือบตาย เพราะใช้ยาฆ่าแมลงผิดวิธี ออกโรงพยาบาลมาแล้ว ไม่นานก็ทำแบบเดิม ลำบากตูห้ามอีก
หรือ จะกินยาฆ่าเชื้อ(ล้างมือ)เอาไปต้านโควิต (ฉลากแม่งก็เขียนแดกไม่ได้)
หรือ จุดยากันยุงในห้อง (เบื่อจะห้ามชิบหาย)
คอมเครื่องเดียว 10 กว่าปีแล้วยังปิดไม่เป็น

ตอนนั้นท่านจะรู้ว่า  คนเรามันมีมาเหมือนๆ กัน หู ตา มือ ขา สมอง แต่บางอย่างมันมีขีดจำกัด ไม่เท่ากัน


[quote/]
กระทู้ของท่านนี่ทำเอาผมนึกถึง; ญาติน้องสาวเลย 2 วรรคแรกมันเหมือนผ้าที่โดนสีทาพู่กันทั้งจาน สาดใส่เต็มๆก่อนที่จะลงมือละเลงให้เป็นรูปในจินตนาการเสียอีก หนังสือประเภท ‘ธุรกิจ - แรงบันดาลใจ’ ให้คนอยากเห็นเงินล้าน


ผมนี่หันหน้าหนีตลอด จนไปอ่านประวัติของ Millionaire หลายคนที่ยังมีชีวิต แล้วเจอกับการงานที่เลวร้ายจนออกวงการงานที่ตัวเองสร้างชื่อไปเลยก็มีอย่าง Bill Gates - ผู้สร้าง Google บางคนสมัครใจทิ้งการงานตัวเอง


จุดนี้เลยฉุกคิดได้นี่แหละว่าวลี ‘เงินทองล้นฟ้า ไม่มีความสุข’ - ‘อัจฉริยะเสียของ’ บางอันหลายคนยอมรับมันเป็นคำชมนะ เพราะพวกเขารู้ว่าหากตัวเองใช้ศักยภาพเพื่อชื่อเสียง - และเงินทอง สุดท้ายก็จะกลายเป็นแค่แหผืนหนึ่งที่กลุ่มธุรกิจเอาไปหว่าน คนฐานะปานกลางเกือบพินาศหรือยาจกให้เป็นคนอยากรวย และจับพวกเขาไว้เลี้ยงเหมือนปลาแล้วขยายพันธุ์ ขายต่อเป็นทอด ตัวอย่างสำหรับเศรษฐีที่โตได้ด้วยการค้าขายไม่ใช่อุตสาหกรรมการผลิต


[quote/]
สำหรับวรรค 3 ลงมาผมยอมรับนะว่า บางคนหวังทำเงินเพราะโฆษณาเซียนเกมจริง ประสบการณ์ส่วนตัว ผมเจอคนที่ไม่ฟัง บทความวิพากษ์ ขณะที่เล่นเอาเองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาของเกมด้วยตัวเอง + วิจารณ์ได้ดีกว่าบางเว็บที่เหมือยโดนจ้างมาอีกที ซึ่งส่วนมากเป็นคลิปที่ไม่หวังกำไร

มีเพื่อนคน นึงแม่งเก่ง ตีดอท คือมันเล่นกับคนเก่ง แล้วเขาสอนมันด้วยแหละ
แต่หลักๆ มันบอกดู รีเพล์  จุตตายของนักตีดอทส่วนมาก คือ ขีเกียจดู รีเพล์ตัวเองนี่แหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2021, 08:24:40 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ isdogtr001

  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,036
  • ถูกใจแล้ว: 1156 ครั้ง
  • ความนิยม: +82/-143
ขีดจำกัดมันมาพร้อมความเตรียมใจของเราด้วยครับ(เเละความชอบด้วยคนเราหากไม่ชอบก็ไม่อยากเรียนเเหละ)


ตอนเรียนเครียดชิบหายอยากกระโดดไปให้รถชนก่อนสอบเหมือนกันเเหละ ???




เเต่เอาจริงคุณพูดไม่ถูกว่าวุฒิไม่มีก็ได้นะเพราะยังไงความเป็นจริงที่โหดร้ายวุฒิมันสำคัญจริงมันคือใบเบิกทางอันหนึ่งสู่อนาคต


อนาคตที่คุณคาดฝันไว้เเบบไหนครับ อยากออกนอกประเทศไหม อยากทำงานมชั้นนำไหม อยากหายจนไหม


จริงอยู่ที่มันอาจจะไมใช่ทั้งหมดเเต่มันก็เป็นตั๋วรถไฟอันหนึ่งที่จะทำให้หลายคนออกจากวงจรอุบาทของครอบครัวเหมือนกันนะ

ทำงานได้เเล้วทำงานถึงจุดไหนครับ อยากมีเป้าที่ยิ่งใหญ่คุณต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเรื่องนี้คือความจริงของโลก


ผมไม่อยากให้เด็กหลายคนหลงกับคำพูดเท่ๆในเน็ตว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน จบมาเท่ากัน ไม่จบรวยกว่าคนจบ


เพราะจริงๆเเล้วไอ้คนที่มาพูดเท่ๆมันคือยอดคนที่จะหาได้คงหนึ่งในสิบล้าน


เพื่อนพ่อผมสมัยก่อนเอาเเต่เที่ยวไม่ทำงาน สอบมหาลัยไม่เอา เอาเเต่เที่ยวๆเพราะมีสกิลดัดเหล็กเเล้วทำงานได้เขาพึ่งกินผงซักฟอกตายไปเมื่อประมาณปีก่อนเหมือนกันนะครับ


ผมอยากให้หลายคนไม่อยากพูดกับตัวเองว่ารู้งี้ เรียนดีกว่า เพราะพอเเก่ไปเเล้วมันย้อนไปไม่ได้นะ





 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445



ไอ้พวกที่บอก ว่าเรียนไม่จบก็รวยได้ ผมว่า ผมเคยแซะไปหลายคนแล้วนะว่า อย่าเอาไปเทียบกับยอดมนุษย์ พวกนี้ระดับมันต่างกัน  คือแม่งเก่งกันอยู่แล้ว บิลเกต หรือ จ็อบ ผมเคยบอกแล้วว่าแม่งมันยอดมนุยษ์อยู่แล้วไอ้พวกนี้


มู้เก่าๆ ผมบอกไว้อย่างบ่อย 


ส่วนเรื่อง คณะ IT อันนี้มันเหตุการณ์จริงครับ ตั้งแต่ยุคที่โน้น ทักกี้ยังอยู่โน้น ยังไม่มีพวกหนังสือสอนรวย
หรือไอ้พวก แบบว่า ไม่เรียนก็รวยได้   ปัญหาของคณะคือส่วนใหญ่จะไม่จบกัน(ครึ่งนึงแหละ) แต่พวกที่ไม่จบมันก็หางานทำกันได้นะ   และผมเล่าไว้แล้วว่าเป็น 2 คณะที่ขึ้นชื่อที่สุดของ ม. แล้วด้วย

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: isdogtr001, pol, Put1996 และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,053
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-2



ไอ้พวกที่บอก ว่าเรียนไม่จบก็รวยได้ ผมว่า ผมเคยแซะไปหลายคนแล้วนะว่า อย่าเอาไปเทียบกับยอดมนุษย์ พวกนี้ระดับมันต่างกัน  คือแม่งเก่งกันอยู่แล้ว บิลเกต หรือ จ็อบ ผมเคยบอกแล้วว่าแม่งมันยอดมนุยษ์อยู่แล้วไอ้พวกนี้


มู้เก่าๆ ผมบอกไว้อย่างบ่อย 


ส่วนเรื่อง คณะ IT อันนี้มันเหตุการณ์จริงครับ ตั้งแต่ยุคที่โน้น ทักกี้ยังอยู่โน้น ยังไม่มีพวกหนังสือสอนรวย
หรือไอ้พวก แบบว่า ไม่เรียนก็รวยได้   ปัญหาของคณะคือส่วนใหญ่จะไม่จบกัน(ครึ่งนึงแหละ) แต่พวกที่ไม่จบมันก็หางานทำกันได้นะ   และผมเล่าไว้แล้วว่าเป็น 2 คณะที่ขึ้นชื่อที่สุดของ ม. แล้วด้วย




มีหนังสือสอนรวยสอนพัฒนาตัวเองเยอะแยะครับ
แต่สมัยก่อนเวลาอยู่ต่างจังหวัดหาซื้อหนังสือยากมาก
ส่วนใหญ่เค้าจะรับมาแต่หนังสือที่จะขายออก


อย่างผมจะหาหนังสือแนวข้อสอบโอลิมปิควิชาการ
ผมไปดูร้านหนังสือ 3 จังหวัดถึงเจอครับ
ไม่ได้ไปหาพร้อมกันนะแบบมันควรจะวางไว้ตลอดทั้งปีไง


สมัยก่อนความเหลื่อมล้ำสูงปรี๊ดเลยแหล่ะครับ
ไม่มี อ.สอนความรู้ที่ซับซ้อน ไม่มีหนังสือ
ไม่มีคนแน่ะนำ ทุกอย่างต้องคิดหาทางเอง


พอสมัยนี้ อินเตอค์เน็ตเพียบ อยากรู้อะไรถามอากู๋
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงก็โพสถามตามโซเชี่ยล
หนังสือสั่งซื้อออนไลน์ อ.ซื้อคอสออนไลน์


คือแบบไม่รวยไม่ว่า แต่ถ้าสุดท้ายยังจนอยู่ต้องโทษตัวเองล้วนๆเลย


 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445



ในคลิป ไม่จริง  ;D
ผมทำงาน โรงงานมา 3-4 แห่ง ขยันทำงานแล้วไง สุดท้ายสู้ไอ้พวกเลียเก่ง ไม่ได้ทุกที่


เอาน่าคิดไรมาก  ผมลาออกมาแล้ว ทุุกที่หลังจากนั้นไม่เกิน 2 ปีแม่งขายกิจการหมดเลย
โรงงานญี่ปุ่นซะด้วยนะ  โรงสุดท้ายที่ทำ ขายโรงงานให้ 3k  ออกมาได้ไม่ถึงปี ด้วยซ้ำ
ทำมาตั้งแต่เริ่มตั้งโรงงาน   :D



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2021, 12:30:38 AM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
[quote/]


อ้างอิงตามหลักวิท สมอง เด็กแทบทุกคนมีลักษณะ เหมือนกันเกือบ หมด กรือก็คือในภาวะเริ่มแรก เด็กทุกึน มีความเป็น อัจฉริยะในตัว ที่้หลือ การเลี้ยงดูกัยสภาพ แวดล้อมทางสังคม


ยีไงคนมีตังก็ได้เปรียบกว่า


มันแย่กว่านั้นอีกครับ เพราะ iq มาจากพันธุกรรม เยอะมาก
คุณลองเซิร์จ iq ใน  wiki  ดูตรงข้อ 4  เค้ามีการวิจัยมาแล้ว สมองเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กคนดำ iq เฉลี่ยต่ำจนถูกจัดส่าเป็น retard  จนภายหลังฝรั่งต้องลดเกณฑ์ retard ลง มันมีคนที่หัวไม่ดีเรียนอะไรไม่เข้าอยู่จริง







 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
เรื่อง ความรู้ไม่เท่ากันโทษความห่วยของระบบการศึกษาไปครับ  ;D


ถ้าระบบการศึกษาดีความรู้มันจะพอๆ กันเพราะตำราเล่มเดียวกัน


ปัญหาคือตัวบุคคลผู้สอน ที่อาจสร้างทัศนวิศัย หรือวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ได้ต่างกันตามสถาบัน


โดยหลักแล้วความรู้มันควรเท่ากันครับ



ในความเป็นจริงไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีโอกาสทางการศึกษาให้เด็กอย่างเท่าเทียมเลยครับยกเว้นคอมมิวนิสติ เพราะคนรวยมันต้องมีเรียนพิเศษ หรือเข้า ม เอกชนดีๆอยู่แล้ว แต่ที่ไทยถือว่าเท่าเทียมกว่าฝรั่งมาก อย่างน้อย รร ระดับท็อปม ระดับท็อปเป็นของรัฐที่ค่าเทอมต่ำมาก ต่างจากต่างประเทศที่ตัวท๊อปเป็นของสถาบันเอกชน ซึ่งค่าเรียนแพงนรก คนจนต้องสอบทุนให้ได้ หรือไม่ก็ต้องกู้เรียน ซึ่งต้องเป็นภาระหนักมาก ขนาดเกิดปัญหา เด็กมูมเมอแรงที่ต้องกลับมาอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่ทำงานแล้ว เพราะสู้ค่าเช่าบ้าน+ ค่ากู้เรียนไม่ไหว

วิธีที่ทำให้เท่าเทียมกันมันมีครับ แต่มันจะสร้างปัญหาร้ายแรงขึ้นมา เพราะไม่มีประเทศไหนที่ทำให้คนฉลาดอย่างเท่าเทียมได้ แต่ทำให้คนโง่อย่างเท่าเทียมมันง่ายกว่ามาก อย่างไทยเราเกือบออกกฎหมายห้ามเรียนพิเศษแล้ว แต่โชคดีที่โดนเบรคไว้ก่อน ที่จริงระดับ รร รัฐไทยมีความเท่าเทียมสูงมาก ตำราเล่มเดียวกันสอนเหมือนกัน ครูก็จับฉลากว่าไปสอน รร ไหน แต่เด็กเข้าไปมันก็ไม่เท่ากันอยู่ดี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 24, 2021, 12:57:30 AM โดย nosta »
 

ออฟไลน์ deaddy

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY3
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,053
  • ถูกใจแล้ว: 3014 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-2
[quote/]


ในความเป็นจริงไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีโอกาสทางการศึกษาให้เด็กอย่างเท่าเทียมเลยครับยกเว้นคอมมิวนิสติ เพราะคนรวยมันต้องมีเรียนพิเศษ หรือเข้า ม เอกชนดีๆอยู่แล้ว แต่ที่ไทยถือว่าเท่าเทียมกว่าฝรั่งมาก อย่างน้อย รร ระดับท็อปม ระดับท็อปเป็นของรัฐที่ค่าเทอมต่ำมาก ต่างจากต่างประเทศที่ตัวท๊อปเป็นของสถาบันเอกชน ซึ่งค่าเรียนแพงนรก คนจนต้องสอบทุนให้ได้ หรือไม่ก็ต้องกู้เรียน ซึ่งต้องเป็นภาระหนักมาก ขนาดเกิดปัญหา เด็กมูมเมอแรงที่ต้องกลับมาอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่ทำงานแล้ว เพราะสู้ค่าเช่าบ้าน+ ค่ากู้เรียนไม่ไหว

วิธีที่ทำให้เท่าเทียมกันมันมีครับ แต่มันจะสร้างปัญหาร้ายแรงขึ้นมา เพราะไม่มีประเทศไหนที่ทำให้คนฉลาดอย่างเท่าเทียมได้ แต่ทำให้คนโง่อย่างเท่าเทียมมันง่ายกว่ามาก อย่างไทยเราเกือบออกกฎหมายห้ามเรียนพิเศษแล้ว แต่โชคดีที่โดนเบรคไว้ก่อน ที่จริงระดับ รร รัฐไทยมีความเท่าเทียมสูงมาก ตำราเล่มเดียวกันสอนเหมือนกัน ครูก็จับฉลากว่าไปสอน รร ไหน แต่เด็กเข้าไปมันก็ไม่เท่ากันอยู่ดี


เกาหลีใต้ทำได้ครับ การเรียนพิเศษทุกอย่าง รบ.สนับสนุน


สิ่งที่เกิดคือ นร.เรียนกันตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน
ใครขี้เกียจไปเรียนก็อย่าหวังสอบติดเพราะทุกคนเรียนกันถึง ดึกเป็นเรื่องปรกติ


แต่สุดท้ายคนที่รวยก็มีแต่ตระกูลใหญ่ๆครับ
ก็เพราะการเรียนที่รบ. สนับสนุนเต็มที่ขนาดนั้น
สิ่งที่เกิดคือทุกคนแย่งกันไปเป็นลูกจ้าง บ.ดีๆ


พอคนจะทำสตาร์ทอัพ แน่นอนความเก่งเฉลี่ยของลูกจ้าง บ.ชั้นนำก็สูงมากจน บ.สตาร์ทอัพไม่ได้เกิด


ทุกคนต้องพัฒนากันเฉพาะทางจนสุดทาง
เช่น อยากเป็นนักร้อง ก็ต้องทิ้งการเรียน
อยากเป็น หมอก็ต้องทิ้งกิจกรรม


พอเต็มไปด้วยพวกสุดโต่ง พวกสายผสมก็จะไม่ค่อยรอด
ซึ่งสายผสมจะเหมาะกับเป็นผู้บริหารธุระกิจ
แต่พวกสายผสมจะหาตังจากไหนมาจ้างคนเก่งๆในเมื่อพอเป็นสายผสมก็ไม่ได้งานรึสอบมหาลัยไม่ติด

กลายเป็นมีแต่ลูกคนรวยถึงจะเป็นผู้บริหารได้ :o

แน่นอนว่า ประเทศเจริญอย่างรวดเร็ว
แต่ก็แลกมากับสภาพนรกของคนรุ่นใหม่

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 24, 2021, 07:18:54 AM โดย deaddy »
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 13,118
  • ถูกใจแล้ว: 5317 ครั้ง
  • ความนิยม: +445/-445
[quote/]


เกาหลีใต้ทำได้ครับ การเรียนพิเศษทุกอย่าง รบ.สนับสนุน


สิ่งที่เกิดคือ นร.เรียนกันตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน
ใครขี้เกียจไปเรียนก็อย่าหวังสอบติดเพราะทุกคนเรียนกันถึง ดึกเป็นเรื่องปรกติ


แต่สุดท้ายคนที่รวยก็มีแต่ตระกูลใหญ่ๆครับ
ก็เพราะการเรียนที่รบ. สนับสนุนเต็มที่ขนาดนั้น
สิ่งที่เกิดคือทุกคนแย่งกันไปเป็นลูกจ้าง บ.ดีๆ


พอคนจะทำสตาร์ทอัพ แน่นอนความเก่งเฉลี่ยของลูกจ้าง บ.ชั้นนำก็สูงมากจน บ.สตาร์ทอัพไม่ได้เกิด


ทุกคนต้องพัฒนากันเฉพาะทางจนสุดทาง
เช่น อยากเป็นนักร้อง ก็ต้องทิ้งการเรียน
อยากเป็น หมอก็ต้องทิ้งกิจกรรม


พอเต็มไปด้วยพวกสุดโต่ง พวกสายผสมก็จะไม่ค่อยรอด
ซึ่งสายผสมจะเหมาะกับเป็นผู้บริหารธุระกิจ
แต่พวกสายผสมจะหาตังจากไหนมาจ้างคนเก่งๆในเมื่อพอเป็นสายผสมก็ไม่ได้งานรึสอบมหาลัยไม่ติด

กลายเป็นมีแต่ลูกคนรวยถึงจะเป็นผู้บริหารได้ :o

แน่นอนว่า ประเทศเจริญอย่างรวดเร็ว
แต่ก็แลกมากับสภาพนรกของคนรุ่นใหม่


ไม่จริง เกาหลีเหนือต่างหาก
ประเทศที่ เคลมได้ 100% ว่าประชากรทุกคนอ่านออกเขียนได้
แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว เกือบทั้งหมดยังไม่กล้า เคลมอัตราการอ่านออกเขียนได้ 100%  ;D

[quote/]


ในความเป็นจริงไม่มีประเทศไหนในโลกที่มีโอกาสทางการศึกษาให้เด็กอย่างเท่าเทียมเลยครับยกเว้นคอมมิวนิสติ เพราะคนรวยมันต้องมีเรียนพิเศษ หรือเข้า ม เอกชนดีๆอยู่แล้ว แต่ที่ไทยถือว่าเท่าเทียมกว่าฝรั่งมาก อย่างน้อย รร ระดับท็อปม ระดับท็อปเป็นของรัฐที่ค่าเทอมต่ำมาก ต่างจากต่างประเทศที่ตัวท๊อปเป็นของสถาบันเอกชน ซึ่งค่าเรียนแพงนรก คนจนต้องสอบทุนให้ได้ หรือไม่ก็ต้องกู้เรียน ซึ่งต้องเป็นภาระหนักมาก ขนาดเกิดปัญหา เด็กมูมเมอแรงที่ต้องกลับมาอยู่กับพ่อแม่ทั้งที่ทำงานแล้ว เพราะสู้ค่าเช่าบ้าน+ ค่ากู้เรียนไม่ไหว

วิธีที่ทำให้เท่าเทียมกันมันมีครับ แต่มันจะสร้างปัญหาร้ายแรงขึ้นมา เพราะไม่มีประเทศไหนที่ทำให้คนฉลาดอย่างเท่าเทียมได้ แต่ทำให้คนโง่อย่างเท่าเทียมมันง่ายกว่ามาก อย่างไทยเราเกือบออกกฎหมายห้ามเรียนพิเศษแล้ว แต่โชคดีที่โดนเบรคไว้ก่อน ที่จริงระดับ รร รัฐไทยมีความเท่าเทียมสูงมาก ตำราเล่มเดียวกันสอนเหมือนกัน ครูก็จับฉลากว่าไปสอน รร ไหน แต่เด็กเข้าไปมันก็ไม่เท่ากันอยู่ดี

นอกประเด็น ล่ะมั้งครับ ที่ผมบอก คือ

ความรู้ มันควรมีในระดับที่พอๆ กัน   แต่ทว่า ความรู้ไม่ใช่ความฉลาด

ผมก็ยกตัวอย่างไปแล้วนะ มีความรู้พอๆ กัน แต่ความฉลาด เฉลียวหรือความสามารถในการนำไปใช้มันต่างกัน

ขี้เกียจพูดถึงเรื่องข้อสอบบางประเทศ ที่เคยมีบางท่านบ่นเอาไว้แล้ว ว่าหนังสือสอนแบบนึง แต่ข้อสอบออกไอ้ที่ไม่มีในหนังสือ 
 ;D ;D ;D ;D 
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 24, 2021, 05:31:51 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
[quote/]


เกาหลีใต้ทำได้ครับ การเรียนพิเศษทุกอย่าง รบ.สนับสนุน


สิ่งที่เกิดคือ นร.เรียนกันตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน
ใครขี้เกียจไปเรียนก็อย่าหวังสอบติดเพราะทุกคนเรียนกันถึง ดึกเป็นเรื่องปรกติ


แต่สุดท้ายคนที่รวยก็มีแต่ตระกูลใหญ่ๆครับ
ก็เพราะการเรียนที่รบ. สนับสนุนเต็มที่ขนาดนั้น
สิ่งที่เกิดคือทุกคนแย่งกันไปเป็นลูกจ้าง บ.ดีๆ


พอคนจะทำสตาร์ทอัพ แน่นอนความเก่งเฉลี่ยของลูกจ้าง บ.ชั้นนำก็สูงมากจน บ.สตาร์ทอัพไม่ได้เกิด


ทุกคนต้องพัฒนากันเฉพาะทางจนสุดทาง
เช่น อยากเป็นนักร้อง ก็ต้องทิ้งการเรียน
อยากเป็น หมอก็ต้องทิ้งกิจกรรม


พอเต็มไปด้วยพวกสุดโต่ง พวกสายผสมก็จะไม่ค่อยรอด
ซึ่งสายผสมจะเหมาะกับเป็นผู้บริหารธุระกิจ
แต่พวกสายผสมจะหาตังจากไหนมาจ้างคนเก่งๆในเมื่อพอเป็นสายผสมก็ไม่ได้งานรึสอบมหาลัยไม่ติด

กลายเป็นมีแต่ลูกคนรวยถึงจะเป็นผู้บริหารได้ :o

แน่นอนว่า ประเทศเจริญอย่างรวดเร็ว
แต่ก็แลกมากับสภาพนรกของคนรุ่นใหม่




คนรวยๆมันก็ต้องเรียนพิเศษที่ดีกว่าอยู่แล้วครับ ขนาดจ้างครูเก่งๆมาสอนส่วนตัวยังได้ ถึงเรียนพิเศษได้ก็ใช่ว่าแต่ละที่จะเท่ากัน แล้วคนจาก ตจว ก็ไม่ค่อยมี รร พิเศษดีๆให้เลือกหรอกครับ มันก็ต้องมีคนเรียนจบท็อปไฟคนเรียนแย่เป็นแรงงานปนกันละครับ ทุนนิยมไม่มีความเท่าเทียม
 

ออฟไลน์ nosta

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,522
  • ถูกใจแล้ว: 1150 ครั้ง
  • ความนิยม: +106/-145
[quote/]
ไม่จริง เกาหลีเหนือต่างหาก
ประเทศที่ เคลมได้ 100% ว่าประชากรทุกคนอ่านออกเขียนได้
แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้ว เกือบทั้งหมดยังไม่กล้า เคลมอัตราการอ่านออกเขียนได้ 100%  ;D

[quote/]

นอกประเด็น ล่ะมั้งครับ ที่ผมบอก คือ

ความรู้ มันควรมีในระดับที่พอๆ กัน   แต่ทว่า ความรู้ไม่ใช่ความฉลาด

ผมก็ยกตัวอย่างไปแล้วนะ มีความรู้พอๆ กัน แต่ความฉลาด เฉลียวหรือความสามารถในการนำไปใช้มันต่างกัน

ขี้เกียจพูดถึงเรื่องข้อสอบบางประเทศ ที่เคยมีบางท่านบ่นเอาไว้แล้ว ว่าหนังสือสอนแบบนึง แต่ข้อสอบออกไอ้ที่ไม่มีในหนังสือ 
 ;D ;D ;D ;D 
   


ความรู้ก็ไม่มีทางเท่าเทียมกันหรอกครับ เนื่องจากคนเรียนและคนสอนฉลาดไม่เท่า คนรวยทั้งฉลาดกว่า และจ้างคนเก่งไมาสอนได้มันต้องได้เปรียบอยู่แล้วไม่ว่าประเทศไหน
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก