[quote/]
อันนี้ตอบไม่ยาก
1. ไม่ถึงกับแปลกมากเท่าไหร่ เพราะกระทั่งแฮร์รี่ก็ใช้วิธีแก้ไขความจำมักเกิ้ล
2. เนื่องจากแหล่งที่มาของพลังเวทมันเป็นแหล่งเดียวกัน ดังนั้นยิ่งมีคนใช้มาก ก็ยิ่งทำให้สัดส่วนมันน้อยลง แง่หนึ่งก็พอเข้าใจอยู่น่ะนะ(เปรียบเทียบเหมือนน้ำมันก็ได้)
3. โบสถ์ไม่ได้เป็นศัตรูกับสมาคมจอมเวทโดยตรง(บ่อยครั้งที่ร่วมงานกัน) แม้จะไม่ถึงกับรักใคร่กันเพราะโบสถ์มองว่าจอมเวทใช้/เชื่อในสิ่งนอกเหนือจากคำสอน แต่ก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะฆ่ากันหรอก โบสถ์กำจัดแวมไพร์เพราะถือว่าสร้างความแปดเปื้อนให้กับงานของพระเจ้า(เพราะแวมไพร์เกิดจากมนุษย์และแพร่เชื้อสู่มนุษย์ต่อได้) แต่สมาคมจอมเวทไม่ได้ห้ามการเป็นแวมไพร์(ที่จริงแล้วตัวเอ้ในสมาคมก็เป็นแวมไพร์อยู่แน่ๆคนนึง) จอมเวทบางคนก็ตกเป็นเป้าของทั้งสมาคมทั้งโบสถ์(เช่นพ่อของคิริทสึงุ เพราะแกเป็นกำหนดผนึก(ผู้มีความโดดเด่นทางเวทมากจนต้อง"เก็บรักษาไว้") กับทดลองเกี่ยวกับแวมไพร์) อีกด้านหนึ่ง จอมเวทที่ร่วมมือกับโบสถ์ก็มี เช่น ชิออนกับรีซไบเฟ่ หรือบาเซ็ตต์กับคิเรย์
1.ฟิคที่ผมเขียนก็เอามา ครอสโอเวอร์กับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ล่ะครับ ผมเขียนเอาแนวคิดเรื่องเลือดบริสุทธิ์ จากตระกูลมัลฟอยมาใช้ พวกตระกูลเก่าแก่นี่นิสัยคล้ายกันคือ ๑ ภูมิใจที่เป็นพ่อมด ๒. ภูมิใจที่เป็นมัลฟอยและ ๓.ภูมิใจที่เป็นเลือดบริสุทธิ์
พยายามเอาแนวคิดมาใช้กัน ว่าแม้แต่ พ่อมด ที่ดีที่สุด ก็ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมักเกิ้ลหรือมองว่าพวกนั้นไม่รู้เรื่องราว
การแก้ไขความทรงจำเป็นเรื่องธรรมดา แต่ผมพยายามจะมองในมุมมองของมักเกิ้ลน่ะครับ เพื่อเอามาเขียนเป็นประเด็นในเรื่องเพิ่มขึ้น
2.ตกลง เวทย์นี่ใช้มุกของโทลคีนที่ว่าโลกมีเวทมนตร์อยู่ แต่ใช้แล้วจะหมดไปสินะครับ?
ผมมีข้อสงสัยตรงนี้คือ แล้วเวทย์เสริมพลัง เปลี่ยนสภาพ จำลองวัตถุ ทำไมถึงยังใช้ได้เหมือนเดิมครับ?
ตรงนี้ผมมีบางทฤษฎีว่าจะอธิบายในเรื่อง
ทฤษฎีแรกคือ การที่บอกว่าไม่ให้เปิดเผยออกไปเพราะเวทย์จะด้อยลงเป็นเรื่อง โกหกทางการเมือง การไม่เปิดเผยเวทย์ของตนเองคือการรักษาความลับของตระกูลให้มีอยู่แต่ในตระกูลเท่านั้น
ทฤษฎีที่สอง คือ เวทย์พื้นฐาน จำลองวัตถุ แปรสภาพ และเสริมพลังนั้น เป็นเวทย์พื้นฐานที่คนใช้กันได้ อาณุภาพเลยไม่ด้อยลงเพราะทุกคนเชื่อเหมือนกันว่าทำได้ ทำให้ตอนแรกเวทย์หายไปเพราะมีคนใช้ได้เยอะ แต่ก็กลับมีคนใช้ได้จนเป็นเรื่องธรรมดาเพราะ ทุกคนเชื่อเหมือนกันว่า "ใครๆก็ทำได้" จึงเป็นแนวความเชื่อของทุกคนเปลี่ยนแปลงกฎไปดดยไม่รู้ตัว
ทฤษฎีที่สามคือ ทั้งสองอย่างรวมกันคือ เวทย์พื้นฐานนั้นไม่ได้มีความลึกล้ำมากนัก เพราะเป็นการควบคุมพลังเวทย์ทั่วไป ไม่ได้ซับซ้อน แต่เวทย์ที่มีอาณุภาพมากนั้น อาศัยขั้นตอนที่แปลกพิเศษ การเข้าถึงได้หลายคนจะทำให้พลังลดลง
คิดว่าในแฟนฟิค ควรจะอธิบายด้วยทฤษฎีไหนดีครับ?
3. ผมเห็นแวบๆว่ามันร่วมมือกันเป็นบางครั้ง แต่เดี๋ยวก็ตีกันน่ะครับ อย่างพิธีกรรม Alesbury ที่จะปลุกชีพ ดาร์คซิค ทั้งสามฝ่ายก็คานอำนาจกันอยู่ ไม่ร่วมมือกันจัดการก๊วนแวมไพร์ไปก่อน
ในแฟนฟิคที่ผมเขียนคือ โทซากะเป็นพวกที่ถือว่าแปลกแยกกว่านักเวทย์ทั่วไป ที่มีความสนิทสนมกับพวกทางโบสถ์
เซลเร็ธ ไม่นับเพราะไม่มีแกก็ไม่มีสมาคมเวทย์
พ่อของคิริสึงุ ผมมองว่าแกเป็นพวกนอกรีตของสมาคมน่ะครับ ไม่ใช่แนวทางหลักถึงได้โดนตามเก็บ
คิเรย์นี่แกตบตาชาวบ้านว่าออกจากโบสถ์ไม่ใช่หรือครับ? แล้วตบตาว่าทะเลาะกับโทคิโอมิอีกทีหนึ่ง
กำหนดว่าอยู่ประมาณสงครามเย็น แบบอเมริกา จีน รัสเซียดีหรือเปล่าครับคือ? ไม่มีฝ่ายไหนอยากฆ่ากันเพราะรู้ว่าจะตายกันหมด แต่ในแต่ละฝ่ายก็มีการปฏิบัติภารกิจเพื่อผลประโยชน์องค์กรของตนเองที่จะมีการขัดขากันอยู่ในที?
http://typemoon.wikia.com/wiki/Van-Femมี่บอกว่า แวนเฟม ใช้มักเกิ้ลทำงานโบสถ์เลยไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ก็เลยมีการคุมเชิงกันอยู่ ทั้งที่รู้ว่าอัญเชิญตัวโหดมาก็ได้มีหายนะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ร่วมมือกันอย่างเต็มที่
อย่างที่ผมบอกครับคือ ผมมองว่าตัวละครมีชื่อในเรื่อง คือ สถานการณ์พิเศษ ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วไปและไม่ใช่มาตรฐานของคนหรือนักเวทย์ธรรมดาในเรื่อง
ผมมีทฤษฎีอยู่ว่า หอนาฬิกาหรือสมาคมเวทย์น่ะ ไม่ได้ต้องการค้นคว้าเวทย์เป็นเป้าหมายหลักอย่างจริงจังหรอก แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงคือ "อย่าให้ใครคิดค้นของที่อันตรายและแพร่กระจายไปสู่โลกภายนอก"
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล ผมพยายามจะให้เรื่องมันเข้ากันได้ถ้าบรรยายไปเรื่องความสัมพันธ์ของหอนาฬิกาน่ะครับ