นั่นสิน้า~ เอาจริงๆเรื่องแนวนี้ก็เป็นเรื่องที่เราชอบพูดถึงด้วยล่ะน้า~ (แต่ไม่มีคนอยากพูดด้วย)
เอาจริงๆนะ ปัญหาทางด้านศีลธรรมมันไม่ได้มีแค่เรื่องง่ายๆอย่างที่ว่า "ไม่ควรล่วงลำอำนาจของพระเจ้า" อย่างเดียวหรอก แถมมันยังมีปัญหาอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมด้วยอีกต่างหาก...
อย่างแรกเลย ปัญหาที่จะตามมาก็คือการชี้ให้ชัดไปว่าอะไรคือสิ่งที่เป็น "ลักษณะที่ดี" ที่ควรจะทำการคัดเลือกกัน?
ทันทีที่ Eugenic พ้นจากเรื่องที่ว่าควรทำไม่ควรทำมาได้ก็จะมาเจอปัญหาในข้อนี้เอาเต็มๆ เป็นการบีบบังคับให้ต้องเลือก กับพวกพืชหรือปศุสัตว์คงไม่เท่าไหร่หรอก
แต่กับสังคมที่มีการเคลื่อนไหวอะไรแปลกๆอย่าง SJW ที่ส่งเสริมให้คนอ้วนมีบทบาทเด่น มากเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าปกป้องจากการรังแก (ทั้งๆที่โรคอ้วนส่งผลต่อสุขภาพชัดเจน)
หรือการเหยียดสีผิว (ทั้งๆที่ก็เห็นว่าเหยียดเอเชียมาตลอดทั้งปีทั้งชาติ) เรื่องที่ว่าการที่ทุกคนมี IQ เยอะกันหมดจะเป็นเรื่องดีจริงๆหรือเปล่าคงเป็นอะไรที่เราข้ามกันไปไม่ถึงแน่ๆ
แต่ก็น่าคิดว่าถ้ามนุษย์ไม่มีความหลากหลายอีกต่อไปเราจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ยังไงกัน? ความแปลกใหม่จะหายไปจากโลกนี้เลยหรือเปล่า?
ที่สำคัญก็คือ ปัญหาทางเทคนิคที่ว่าจริงๆแล้วผลจาก Eugenic มันยังเชื่อถือไม่ค่อยได้นี่สิ
ทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าผลจากพันธุกรรมมันส่งผลแค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด แถมเรายังไม่ค่อยเข้าใจว่าพันธุกรรมมันทำงานยังไงกันแน่ ทั้งๆที่เป็นแค่คู่เบส 4 ตัวแท้ๆ
อีกอย่างหนึ่งการแก้ไขพันธุกรรมยังเป็นเรื่องที่เทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถแก้ไขให้เสถียรได้ง่ายๆด้วย แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคตล่ะนะ ที่สำคัญเลยคือต่อให้พันธุกรรมมันดีแค่ไหน
สิ่งมีชีวิตมันก็ยังคงมีข้อจำกัดของมันอยู่ อืม... ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็เหมือนการปรับ Status ด้วย Point ที่มีอยู่จำกัดล่ะนะ?
สรุปก็คือ ข้อจำกัดการที่เรายังไม่เข้าใจมันดีพอจริงๆ การที่อาจส่งผลทำลายความหลากหลายของประชากร (ซึ่งเป็นข้อห้ามในอันดับต้นๆที่ห้ามทำถ้าไม่อยากสูญพันธ์ุ)
กับการที่พอเรื่องนี้โผล่มาในระยะสายตาเมื่อไหร่ สงครามเหยียดเผ่าพันธ์ุ (ที่ปัจจุบันก็ดูจะไม่ค่อยมีสาระเท่าไร)ก็ยิ่งจะทวีความรุนแรงขึ้น
อืม... ตอนนี้ก็คิดได้เท่านี้ล่ะนะ? ที่เหลือก็น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วล่ะนะ
ผมกำลังแต่งนิยายและเจอกับปัญหาเรื่องศีลธรรมเหมือนกัน
ว่าพ่อแม่มีสิทธิเลือกพันธุรรมที่ดีให้กับลุกหรือนักกีฬาให้กล้ามเนื้อแข็งแรง กักเก็บออกซิเจนได้มากผลจะเป็นอย่างไร?
ลองทดลองในการเล่นกมส์ จินตนาการดู
ผลคือคนที่ไม่เข้าหาการตัดแต่งพันธุกรรม จะไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้
ผมยอมรับเรื่องความไม่แน่นอน ณ ปัจจุบันล่ะครับล
แต่อย่างน้อยในเคสเรื่องของการแก้กระดูกพรุนหรือแนวความคิดเรื่อง การเพิ่มกล้ามเนื้อนั้นอย่างที่บอกว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะมีเงินและผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เนื่องจากการแข่งขันกีฬาและยาโด๊ป
SJW รังเกียจชาวเอซียนอยู่แล้วครับ
เพราะเป็นชนกลุ่มน้อยตัวอย่าง เคารพกฎสังคม.งถ้าเทียบกับคนดำ ฮิสปานิคต่างๆ
คะแนนาจากฮาวาร์ด เอเชียก็โดนกดมากกว่าคนขาวอีก ที่มีคดีฟ้องกันอยู่
หลักๆคือผมพยายามจะจินตนาการเพื่อเอามาเขียนนิยายน่ะครับ
ไปเจอคนบอกว่า ข่านแห่งสตาร์เทรค ทุกคนดูแต่พลักำลัง แต่สิ่งที่สำคัญคือไอคิวต่างหาก
แน่นอน ตามแนวความเป็นจริงมันก็ไม่เว่อขนาดนั้น
แต่หากจินตนาการว่า เอ ส่วนดีของแต่ละคนมารวมกันล่ะ ประมาณ ฉลาดแบบชาวยิว จับภาพสามมิติแบบเอเชีย ความคิดสร้างสรรค์คนขาว กล้ามเนื้อคนดำ?
พอยต์อาจจะมีจำกัด แต่เราก็สาารถผสมกันจนได้สิ่งที่เหนือกว่าปรกติ
ที่ผมทเจออีกยอ่างหนึ่งคือแนวคิดเรื่อง ไบโอเคมีไม่มีประสิทธิภาพมากพอ
เปแปลี่ยนสมองเป็นเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไปเลย
ปัจจุบันคนส่วนมากยังไม่ยอมรับเรื่องตัดต่อพันธุกรรมมนุษย์เท่าไหร่ เพราะเรื่องศีลธรรมเนี่ยแหละ(ถึงพี่จีนจะทำไปแล้วก็เถอะ)
แต่มันมีวิธีการนึงที่ใกล้เคียงกับการตัดต่อพันธุกรรมอยู่นะครับ(มั้ง ไม่แน่ใจเท่าไหร่ขอรับ)
เห็นว่าเป็นพวกคลีนิคเกี่ยวกับเรื่องการฝากครรภ์เด็กรึไงนี่แหละครับ แต่อันนี้เขาแค่คัดเลือกอสุจิและไข่ที่แข็งแรงไว้ก่อน
แล้วก็เลี้ยงไปจนได้ระยะหนึ่ง เขาจะเริ่มมาทำการตรวจดูพวกโครโมโซม ดูว่าถ้าเอาอสุอันนี้ไปผสมกับไข่อันนี้จะเกิดเด็กแบบไหนขึ้น จริง ๆ ทำแบบนี้เพื่อคัดเลือกลักษณะด้อยทั้งหลายออกไปครับ อย่างเช่นถ้ามีอันไหนที่หากผสมกันแล้วจะทำให้เด็กเป็นโรคบางอย่างขึ้นมา เขาจะคัดออกครับ
แล้วที่ผมเคยได้ยินคือ กระบวนการนี้สามารถคัดเลือกเอาเฉพาะลักษณะเด่น ๆ ออกมาได้ (ด้อยทิ้งหมด) อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าเด็กที่เกิดมาจะไม่ค่อยมีลักษณะด้อยครับ
วิธีการนี้เป็นกระบวนการทางแพทย์ ยังไม่ใกล้เคียงกับการตัดต่อพันธุกรรมโดยตรง แค่คัดเลือกโครโมโซมดี ๆ จากไข่และอสุไว้เฉย ๆ ครับ วิธีนี้มีคนยอมรับได้มากกว่าการตัดต่อพันธุกรรมตรง ๆ
ในไทยมีคลีนิคประเภทนี้นะครับ คนรู้จักผมเคยไปคลินิกนี้ ผมถึงรู้ว่ามันมี(ฮา) อยู่ในกลุ่มคลีนิคสำหรับผู้มีบุตรยาก
ผมเองก็ชอบสายGenetic นะครับ น่าสนใจดี ส่วนข้อมูลที่ผมยกตัวอย่างมาผิดถูกยังไงก็ขออภัย
ในอนาคต เรื่องการตัดต่อพันธุกรรมนี่อาจจะได้รับการยอมรับไปเองแหละครับ ขึ้นอยู่กับผู้คนในช่วงเวลานั้น (แน่นอนว่าเทคโนโลยีก็ต้องสูงพอด้วย)
ความจริงกัยพืชกัยสัตวื
เราก็ใช้กระบวนการสังเกตเป็นเวลานานเพื่อเลือกหาพันธุ์ชั้นดีมาตลอดหลายร้อยปีแล้วล่ะครับ
เรื่องมนุษย์ก็มีมาตั้งแต่กรีกโบราณแล้ว
ประมาณ พลาโต้มั้ง ที่แนวคิดว่า มนุษย์ที่หน้าตาดีควรจะอย่ด้วยกันให้มากที่สุด
เรียกว่าความแตกต่างของมนุษย์คือสิ่งที่เรียกว่า "สามัญสำนึก"เลยก็ว่าได้มาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล
แต่การที่มาถึงจุดที่เราเจอสถานการณ์ที่เรียกว่า ความเป็นไปได้ในการควบคุมเ้ด็กที่เกิดมาเริ่มเห็นชัดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน
ผมว่าเป็นเรื่องของอำนาจกับเงินทองมากกว่านะครับ
อย่างของกรณีพืช GMO นั่นนะ จริง ๆ ตอนที่ทำครังแรกมีคนหนุนนะครับ แต่ทีนี้เกิดกรณีผูกขาดทางการค้าแบบหบึ่งขึ้นมา (สมมุติ นาย ก กับนาย ข นะครับ)
นาย ก ทำข้าวโพด GMO ขึ้นมาเอามาปลูกในไร่ของตน (จดสิทธิบัตรแล้ว) แต่ไร่ของนาย ก ติดกับไร่นาย ข ซึ่งก็ปลูกข้าวโพดเหมือนกันแต่ปลูกข้าวโพดพื้นบ้าน (เก็บเมล็ดเอง) พอข้าวโพดออกฝักปรากฏว่าข้าวโพดนาย ข มียีน (การแสดงออกของยีนที่พบในข้าวโพดของนาย ก) ของข้าวโพดนาย ก เมื่อนาย ก มาเห็นก็ฟ้องนาย ข ว่าละเมิดสิทธิบัตร
จากมุมมองนี้ยังไงพวกนายทุนมันมักจะเอาแบบนี้มาทำกันนะครับ แล้วเวลาฟ้องร้องกันนายทุนมักจะชนะเพราะอำนาจเงินครับ แล้วคิดดูหากนำมาทำในมนุษย์ เนี่ยเกิดยีนหลุดขึ้นมาใครจะโดนล่ะ
ส่วนถามว่าปรับปรุงพันธุ์มนุษย์เนียมีทำแน่ ๆ ครับ ตอนนี้ก็ทำกันอยู่โดยเฉพาะการแก้ไขยีนของมนุษย์นี้แหละ
ส่วนการแก้ไขแบบการ์ตูนนี่มีคนทำจริง ๆ https://www.bbc.com/thai/international-46470628นะครับ
ใช่แล้วครับเรื่องของธุรกิจ พอมีคนคิดพันธุ์ดีได้ อาจจะมีการกีัดกันก็ไ/ด้
เชข่น ต่อไปยีนส์ต้นแบบมนุษย์ ห้ามจดพันธุกรรม
แต่ยีนส์ที่ผสมกันจนเทพๆ โดยเฉพาะเจาะจงอาจมีการจดสิทธิบัตร กีดกันกันได้สถานการณ์ไม่น่าที่มนุษย์ทุกคนจะเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน
ผมว่ามันยังไกลเกินไปครับเอามาไช้จริงจังไม่ได้ เรายังไม่สามารถมุ่งหวังการดัดแปลงพันธุกรรมไห้เกิดประโยชน์แบบการ์ตูนได้ เต็มที่ก็ป้องกันโรคซึ่งมันก็ไม่ได้ทุกโรคอีกจะมีข้อด้อยไหมก็ยังไม่่รู้เรียกว่าแทบจะดำมืดเลย
เท่าที่ผมจำได้ เกี่ยวกับโรคได้ หกล้านสายจากหกพันล้านล่ะมั้งครับ หนึ่งในพัน แต่ผมมองว่าการค้นคว้าจะเร็วขึ้นเป็นทวีคูณยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้าน่ะครับ
ที่ได้ชัวร์แล้วก็อย่างที่ผมบอกคือ กระดูกพรุน กล้ามเนื้อกีฦา แบคทีเรียในช่องท้องฯลฯ น่ะครับ
รู้หรือไม่ สาเหตุใหญ่ๆๆ ที่ยีนส์เรากลายพันธุ์ และพัฒนา ขึ้น ก็เพราะไวรัส เรียได้ว่าทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษล่ะนะ
ใช่แล้วครับ ไปอ่านเจอมา ที่จะเปลี่ยนหลังจากคลอดมาแล้ว คือการใช้ไวรัสที่ตายแล้วตัดแต่งให้เข้าไปในร่างกายนี่ล่ะครับ ในเคสของเด็กที่เป็นโรคกระดูก
แล้วแต่ว่าจะมองคนเป็นเผ่าพันธ์หรือมองคนในระดัยปัจเจกครับ ถ้าเป็นทรานฮิสแมนิตส์อะถูกแน่ การดัดแปลงพัีนธุกรรม ซึ่งผมก็เป็นทรานฮิวแมนิตส์
ผมมองว่ามันเหมือนกับมือถือ คอมพิวเตอร์น่ะครับ
คนที่ไม่ยอมเปลี่ยนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เราอาจะไม่กล้า กลัวต่างๆ แต่คนกล้า่จะชิงควาไมด้เปรียบในยุคต่อไป
ต้องขอบอกใว้ก่อนนะครับ ว่า DNA ในร่างกายของเรา มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะสร้างทุกอย่างขึ้นมาได้
ภูมิคุ้มกัน ความจริงแล้วดีเอ็นเอของมันมีแค่นิดเดียวเอง แต่ร่างกายอาศัยการตัดต่อโปรตีนที่สร้างเสร็จแล้วมาต่อกัน จับคู่ใหม่เพื่อให้ไปรองรับกับโรคได้หลายชนิด
สมมุติว่ามีเทปวีดีโอ1ม้วน เป็น DNA1 เส้น ร่างกายมันตัดวีดีโอเความยาว2ชั่วโมงออกให้เหลือครึ่งนาที 120อัน แล้วเอา 120อันมาเรียงกันใหม่เกิดเป็นวีดีโอใหม่หลายร้ายล้านรูปแบบ
ลำพังแค่ DNA ที่เรามีไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เยอะขนาดนั้นแน่นอนครับ
ความฉลาดก็เหมือนกัน ร่างกายแค่โปรแกรมวิธีการสุ่มจับกันของ Axon ส่วนความฉลาด ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ที่ตามมาหลังจากนั้นล้วนๆที่ทำให้โครงสร้างเส้นใยสมองของแต่ละคนแตกต่างกัน
ตอนแรกเกิดนี่เส้นประสาทโยงกันมั่วไปหมดเลยนะครับ แล้วค่อยๆตัดอันที่ไม่ใช่ออก และเสริมแกร่งอันที่ใช้ ยิ่งคิดมากเท่าใหร่ กระบวนการคิดยิ่งพัฒนา
ความสูง รูปร่าง ดีเอ็นเอโปรแกรมการเติบโตมาให้เรา ในขณะที่อาหารการกิน กิจกรรมที่ทำ ชีวิตความเป็นอยู่ พวกนี้เป็นตัววัดว่าสูงไม่สูง
ต่อให้มีดีเอ็นเอนักบาสระดับโลก แต่วันๆเอาแต่กินมันฝรั่ง กินโค้ก กินเฟรนฟราย หน้าตาที่ออกมาก็คือไอ้อ้วนเตี้ยพุงพลุ้ย ไขมันหนา3ชั้นอยู่ดี
ดังนั้นตามปกติแล้ว ดีเอ็นเอส่วนมากมีไว้คุมครับว่าเราจะโตมาในทิศทางใหน แต่ไปคุมว่าผลสุดท้ายเราจะออกมาเป็นอย่างไรไม่ได้ครับ (ยกเว้นพวกดีเอ็นเอทำงานผิดปกติ)
คำถามคือถ้าเกิดมันทำได้ขึ้นมาล่ะ
คนที่เกิดมายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า หรือเราจะทำการแบ่งแยกว่าพวกนั้นเป็นมนุษย์ดัดแปลง กดขี่ข่มเหงพวกมัน แล้วปล่อยให้พวกนั้นขึ้นมาปฎิวัติเหมือนในหนัง หรือว่าจะยกย่องเชิดชูมันว่ามันเป็นคนพิเศษ จนมันเหลิง แล้วก่อปฏิวัติขึ้นมา
หรือว่าเราจะยอมรับคนพวกนั้นเหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แล้วค่อยๆปล่อยให้มนุษยุคเดิมสูญพันธ์ไป แล้วปล่อยให้ดีเอ็นเอของมนุษย์ดัดแปลงยุคใหม่กลายเป็นผู้สืบทอดความรุ่งเรืองแทน
ใช่ครับผมที่ผมอ่านเจอคือ epigenetic ที่มีสารเคมที าภาวะต่างๆที่ทำให้พันธุกรรมไม่แสดงผลออกมา
แต่การที่ศึกษาเรื่องนี้ก็ทำห้เรารู้วิธีการและทำ positive เสริมสร้เางพันธุกรรมที่ดี ลดพันธุกรรมที่เสียได้น่ะครับ
ที่ผมเจอแนวคิดพยายามจะสร้างกล้ามเนื้อ ก็ต้องใช้เวลาอย่างต่ำหกเดือนพร้อมออกกำลังกายด้วยนั่นล่ะ
ไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่าง อย่างน้อยก็ช่วงนี้
แต่พวกวงการกีฬา มองความเป็นไปได้เรื่อง กล้ามเนื้อ อ็อกซิเจนที่มีความเป็นไปได้จริงๆน่ะครับ
เรียกว่ามันอยู่ในช่วงที่กำลังพิจารณาจะแบนวิธีนี้กันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่เพ้อฝัน อย่างน้อยก็ในวงการกีฬาล่ะครับ