สองคำนี้อาจจะคล้ายๆกันในหลายๆความรู้สึกของหลายๆคนจนอาจจะกลายเป็นคำเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงนั้นสองคำนี้มีข้อแตกต่างกัน ตามที่ผมวิเคราะห์ก็จะประมาณนี้...
ช่างเลือก จะออกแนวเลือกสิ่งที่ดีที่สุด แต่พิจารณาจากสิ่งที่ข้อเสียน้อยที่สุดด้วยแนวคิดที่ว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ100%
เรื่องมาก เลือกสิ่งที่สมบูรณแบบ ปราศจากข้อเสีย ทุกอย่างจะต้องPerfect
สองแนวคิดนี้มีจุดต่างกันประมาณนี้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการชี้ถูก-ผิดอะไร เพราะทั้งสองแนวคิดเองก็มีทั้งจุดบอดและจุดด้อย แล้วแต่ว่าจะใช้กับสถานการณ์ไหน
อย่างเช่นช่างเลือก ที่ว่าเลือกสิ่งที่ข้อเสียน้อยที่สุด แต่ปัญหาตรงนี้คือถ้าใช้ไปเลือกกับตัวบุคคลที่จะมาอยู่ร่วมชีวิตอาจจะกลายเป็นปัจจัยที่ควยคุมยาก เช่น ชอบแฟนที่ดีกับเราทุกอย่าง เคมีตรงกับเรามากๆ มีข้อเสียคือชอบสูบบุหรี่ แต่ก็เลือกมาทำพันธุ์เพราะรับข้อเสียได้ แต่อยู่ไปสักพักก็ลายออก ติดบุหรี่จัดๆ ขนาดลูกเล็กอยู่ตรงหน้ายังสูบ เตือนไปก็อ้างว่าเดี๋ยวก็ต้องไปเจอควันรถอยู่ดี แม้ว่าอย่างอื่นจะเชื่อฟังเราทุกอย่างก็ตาม แต่อย่างนี้ก็นับว่า Toxic ไม่น้อยเมือนกัน
ในขณะที่แนวคิดเรื่องมากที่หลายๆคนปรามาส แต่บางสถานการณ์ก็ถือว่ามีประโยชน์เช่นกัน เช่น ส่วนประกอบสำคัญของรถไฟความเร็วสูงและเครื่องบิน ซึ่งทุกอย่างต้องเป๊ะ ห้ามมีรอยบุบรอยแตกแม้แต่นิดเดียว เพราะนั่นอาจหมายถึงชีวิตของผู้โดยสารนับร้อย เสียหรือบุบแตกนิดเดียวต้องเข้าอู่ทันทีห้ามออกมาวิ่งรับ-ส่งคนโดยเด็ดขาด เคยโดนน้ำท่วมทำลายทิ้งซื้อใหม่เลย อย่าเอามาเสี่ยงซ่อมแล้ววิ่งต่อ
หากมีข้อมูลเพิ่มเติม เสนอได้ครับ
สนับสนุนโดย
1.สายการบินไฮดร้า พาไปหายมบาลทุกเที่ยวบิน
2.รถไฟความเร็วสูสายชิโรซากิ เป็นปกติที่เราจะพาผู้โดยสารเยือนต่างโลกยกขบวน
3.ฮานะคอมปนี จัดหาคู่ให้คนโสดทุกเพศวัย จับให้คนแบบลุงตู่มาเป็นคู่ของท่านคือมาตรฐานของฮานะคอมปนี
4.น้ำผลไม้สูตรมิสซิสมอลตี้ ขี้แตกตั้งแต่ได้กลิ่น กินเข้าไปไส้ทะลักกองกับพื้น