
เมื่อไม่นานมานี้ โลกออนไลน์ของจีนร้อนระอุหลังมีภาพแชทหลุดจากบทสนทนาระหว่างผู้สมัครงานรายหนึ่งกับ HR ของบริษัทค้าแห่งหนึ่งในเมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง ที่แสดงให้เห็นคำพูดหยาบคายและดูถูกผู้สมัครอย่างรุนแรงเพียงเพราะอีกฝ่ายถามว่า “บริษัทมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือไม่”
คำตอบที่ได้กลับกลายเป็นคำด่าทออย่าง “คุณไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรทั้งนั้น” “คุณเป็นแค่คนชั้นล่าง” และ “แค่มีงานให้ทำก็บุญแล้ว ยังจะเรียกร้องอีก” ซึ่งยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่พูดคำเหล่านี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลของบริษัทนั้นเอง!
เรื่องนี้กลายเป็นกระแสในชั่วข้ามคืน ชาวเน็ตพากันประณามพฤติกรรมดังกล่าวว่าเป็นการแบ่งชนชั้นในที่ทำงานอย่างรุนแรง และเรียกร้องให้บริษัทออกมาแสดงความรับผิดชอบ
❗️บริษัทรีบถอนตัว - HR ออกแถลงการณ์ขอโทษ
ในคืนวันที่ 22 เมษายน เวลาประมาณ 5 ทุ่ม “หวัง XX” ผู้เกี่ยวข้องได้โพสต์จดหมายขอโทษผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “รู้สึกละอายใจอย่างยิ่งต่อคำพูดที่ไม่เหมาะสมซึ่งเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ” พร้อมขออภัยต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านั้น
เขาอธิบายว่า การพูดจาดูหมิ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ผู้สมัครตอบโต้ด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่น “ไม่มีปัญญาเปิดบริษัท อย่ามาทำให้อับอาย” และ “ไสหัวไป” ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และเลือกใช้วิธีโต้กลับที่เลวร้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม ภาพแชทที่หลุดออกมาชี้ชัดว่า ถึงแม้ผู้สมัครจะแสดงความไม่พอใจ ก็ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ HR จะสามารถพูดจาหยาบคายและดูหมิ่นแบบนั้นได้
การที่ผู้สมัครถามเรื่องวันหยุด เป็นเพียงการสอบถามสิทธิพื้นฐาน ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใด การที่บางคนต้องการทำงานแม้ไม่มีวันหยุด ในขณะที่บางคนเลือกที่จะไม่ทำงานแบบนั้น ก็ถือเป็น “การเลือกซึ่งกันและกัน” ที่ควรเกิดขึ้นในระบบแรงงานที่มีความเคารพต่อกัน

?วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ไม่ใช่ของขวัญ แต่คือ “สิทธิขั้นพื้นฐาน”
ตามข้อกำหนดของคณะรัฐมนตรีจีนและกฎหมายแรงงาน กำหนดให้เวลาทำงานปกติคือ “วันละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 5 วัน” หรือไม่เกิน 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งหมายความว่า การมีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์คือ “มาตรฐาน” ที่นายจ้างควรจัดให้ มิใช่ของแถมหรือบุญคุณที่ลูกจ้างต้องร้องขอ
แต่คำถามก็คือ ทำไมการถามว่า “มีวันหยุดไหม” ถึงกลายเป็นเรื่องต้องห้ามในบางวงการ?
คำตอบคือ มันสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังลึกในองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่ง ที่มองว่า “การทำงานหนักคือบุญ” หรือ “วัฒนธรรมหมาป่า” ที่เน้นการแข่งขันและการเสียสละส่วนตัวเพื่อองค์กร
⭐️คำพูดดูถูก ไม่ใช่แค่เรื่องอารมณ์ แต่คือการแบ่งแยกชนชั้น
สิ่งที่ชาวเน็ตวิจารณ์มากที่สุด ไม่ใช่แค่การปฏิเสธให้วันหยุด แต่คือคำพูดอย่าง “คุณไม่มีสิทธิ์” และ “คุณเป็นคนชั้นล่าง” ซึ่งเป็นการแบ่งแยกชนชั้นแรงงานอย่างชัดเจน
มันไม่ใช่แค่การพูดไม่ดี แต่คือทัศนคติที่มองว่าการรับคนเข้าทำงานคือการ “โปรดปราน” ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมในตลาดแรงงาน
แม้เจ้าตัวจะอ้างว่า “ถูกกระทำก่อน” และตอนนี้ “กำลังถูกไซเบอร์บูลลี่” แต่แก่นแท้ของปัญหาคือ การที่ HR ใช้คำพูดดูหมิ่นก่อน จนเกิดกระแสสังคมตีกลับ

?บทเรียนของเรื่องนี้: เคารพกันไว้ ไม่มีวันเสียเปรียบ
สุดท้าย แม้ว่าตอนนี้บริษัทได้ลบประกาศรับสมัครงานออกจากทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงลบโพสต์ขอโทษออกจากโซเชียลแล้ว แต่ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัทก็ได้รับความเสียหายไปแล้วอย่างหนัก
เจ้าหน้าที่จากกรมทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมเมืองฝอซานระบุว่า เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในสัญญาจ้าง จึงยังไม่ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ทางแรงงานอย่างเป็นทางการ กรณีนี้จึงจัดเป็นข้อพิพาททางแพ่งที่ต้องไกล่เกลี่ยกันเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรจดจำจากเหตุการณ์นี้คือ – การเคารพผู้อื่นไม่ทำให้คุณด้อยค่า แต่การดูหมิ่นผู้อื่นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเองในท้ายที่สุด
ที่มาข่าว - netease news
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1202142981367503&set=a.306679910913819
