[quote/]
อันนี้สำหรับผมหล่ะกัน เป็น คคห.ส่วนตัว ขอถอดล็อคอินแล้วสร้างใหม่เพื่อตอบกระทู้นะ
ผมน่าจะมีทรัพย์สินเยอะที่สุดแบบทิ้งห่างเหล่าหมีทุกท่านมากๆๆๆๆๆ
สำหรับผมแล้ว เงินไม่สำคัญ สำคัญที่จะรู้จักปล่อยวางหรือไม่ และโซ่ตรวนต่างๆที่รัดตัวเราไว้
ที่เราจะยอมช่างแม่ง คนที่พึ่งพิงตัวเรา(ไม่อยากเรียกพวกเขาว่าลูกน้องหรือพนักงาน) สายตาที่
พวกเขามองตาละห้อย ถ้าเราละทิ้ง ยอมเห็นแก่ตัว
หลายกิจการที่ผมไม่อยากรับผิดชอบ บางกิจการยกให้(แบบไม่ฟรี ให้คนเก่าคนแก่ที่มีประสิทธภาพ
เอาไปบริหารเอง แล้วทยอยคืนทุน) บางอย่างไม่ถนัด ไม่อยากเป็นเป็ด อยากมุ่งเน้นแค่
ที่ตัวเองถนัด นี่ยังดีที่ผมแค่ดูแลขับเคลื่อนนโยบายเฉยๆ มอบแค่แนวทางเฉยๆ
แต่ถ้าให้ปล่อยวางหล่ะก็ ขอแค่บ้านเล็กๆ มีที่ดินนิดหน่อย มีเงินพอจ่ายค่าน้ำไฟอินเตอร์เน็ท
กับมีเงินใช้จ่ายส่วนตัวสักหมื่นเดียวก็ได้ บางอาชีพอย่างคนเกษียณราชการยังได้มากกว่านี้เยอะ
แต่ผมไม่โลภเพราะไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร เป็นคนกินไม่เยอะ ไม่สนเที่ยว ชอบอ่านหนังสือ
มากกว่า เงินเก็บฉุกเฉินสักล้านก็พอ ถ้าเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่คิดจะได้รับการรักษาที่ดีกว่าใคร
ขอให้รักษาเหมือนๆกับชาวบ้านทั่วไป
อาจตอบไม่ตรงคำถาม [เงินเท่าไหร่ที่จะทำให้ท่านอยากเปลี่ยนงาน] เพราะเมื่อคนเรามีถึงจุดๆนึงแล้ว
จะไม่มองเงินเป็นเงิน เห็นมันเป็นแค่ตัวเลข ^^
ใช่ครับพอถึงจุดๆนึงเงินเป็นแค่ตัวเลขจริงๆ
เพราะถ้าเทียบเมื่อ 10 ปีก่อน กับปัจจุบัน
เงินที่ใช้ในชีวิตปรกติ กลับลดลงด้วยซ้ำ
คือไม่ได้หมายถึงตัวเลข แต่หมายถึงสิ่งที่จ่ายออกไป
ไม่นับการลงทุนนะ
ตอนนี้เอาแค่ผลตอบแทนการลงทุนเดือนนี้ก็เท่ากับเงินเดือนทั้งปีแล้ว
เวลามูลค่าปรับลงก็เท่ากับเงินเดือน 3-4 เดือนหายไป
ถ้ายึดติดมากๆก็คงนอนไม่หลับแน่ๆ
แต่ที่ถามเรื่องตัวเลข เพราะเป็นการสื่อสารให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ร่วมกัน
ตามประสพการณ์ผม การลงทุนมีความเสี่ยง
ต่อให้คนที่เก่งสุดๆในโลก ถ้าลงทุนแบบไม่ระวังเค้าก็พลาดแทบหมดตัวได้
เพราะงั้นรายได้ที่ไม่มั่นคงถึงจะได้มาเยอะแค่ไหนมันก็ไม่ใช่จุดเซฟ
แต่พอมีเงินมากพอแล้วก็แค่กดเซฟด้วยการเอาเงินที่ได้ปรับไปลงทุนสินทรัพย์ที่ปลอดภัยขึ้น