บทที่ 2 การศึกจริงอยู่ว่าหลายคนจะจำอมตะวาจาของซุนวูว่า
"รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง"แต่มันยังมีต่อไปจากนั้น คือ
"การชนะทั้งร้อยมิใช่วิธีการอันประเสริฐแท้ แต่การชนะโดยไม่ต้องรบเลย จึงถือเป็นวิธีการที่วิเศษที่สุด""การชนะที่ดีที่สุดคือชนะด้วยอุบาย รองลงมาคือใช้วิธีการทูต ถ้าไม่ได้ผลให้ใช้กำลังที่มากกว่าข่มขู่ และเลวร้ายที่สุดคือการใช้กำลังรบ"แต่เมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้แล้ว ก็จำเป็นจะต้องจบศึกให้ได้เร็วที่สุด ไม่ควรทำสงครามยืดเยื้อ เพราะ การทำสงครามมีต้นทุนค่าใช้จ่ายมหาศาล ได้แก่
1.กำลังพล ที่จะต้องบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตในการทำศึก
2.ยุทโธปกรณ์และเสบียงอาหาร ที่จะผลิตและจัดซื้อจัดหามาให้แก่กำลังทหาร
3.เศรษฐกิจ การเกณฑ์มาจากแรงงานมาทำสงครามนั้นทำให้ประเทศขาดแรงงาน กำลังผลิตของประเทศก็จะลดลง การเก็บภาษีก็จะน้อยลงตาม
ซึ่งถ้าสงครามยืดเยื้อและกินเวลายาวนาน ประเทศก็จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หรืออย่างแย่ที่สุดคือต้องไปกู้เงินต่างชาติมาทำสงครามเฉกเช่นที่ฮิตเลอร์และรัฐบาลนาซีทำคือไปกู้เงินจากสวิตเซอร์แลนด์มาทำสงคราม
ในด้านธุรกิจก็เช่นเดียวกัน เมื่อคุณมีการทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งก็จะมีการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งของตลาดและฐานลูกค้าในสินค้าประเภทเดียวกัน
การที่คุณเปิดศึกซึ่งหน้าแย่งส่วนแบ่งการตลาดมันก็จะทำให้คุณต้องมีรายจ่ายเพิ่ม เช่น การโฆษณา การบีบลดต้นทุน เพื่อที่จะสามารถเอาชนะคู่แข่งทางการตลาด แต่การทำเช่นนี้ก็เท่ากับเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้นถ้าสามารถเจรจาผลประโยชน์กับคู่แข่งการตลาดได้ก็จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ต้องเผชิญหน้าแข่งขันกันในธุรกิจเดียวกัน แต่ละคนขยายธุรกิจกันไปคนละทาง เพื่อไม่ทำให้ Blue Ocean กลายเป็น Red Ocean