เรื่องแต่งต่างจากเรื่องจริงตรงที่เรื่องแต่งนั้นต้องคำนึงถึงความสมจริงและสมเหตุสมผลแต่เรื่องจริงไม่ต้องครับ
เรื่องจริงทำได้ก็คือทำได้
https://www.toptenz.net/10-battles-won-odd-ways-odds.php
https://listverse.com/2013/10/26/10-amazing-military-victories-against-the-odds/
ก็นั่นล่ะครับ ผมนึกถึงที่บอกว่าเรื่องนายพลลี ไปดูความเห้นอเมริกา
มองว่านายพลลีคือนายพลที่เก่งที่สุดในเหนือใต้นั่นล่ะ แต่ฝ่ายเหนือทรัพยากรเหนือกว่าจึงชนะไป
ทางเทคนิคฝ่ายเหนือมีทั้งประชากร เทคโนโลยี อุตสาหกรรมต่างๆเหนือกว่าทางใต้ แต่สู้กันยาวขนดาดนั้นได้เพระานายพลลีนี่ล่ะ
จากการที่ทั้งแปลและอ่านนิยายสงครามมาบ้างต้องขอบอกว่าการยกทัพไปครั้งละหลายๆแสนมันเป็นเรื่องที่เหมือนกับฝันร้ายของฝ่ายบุก(ฮา) เพราะว่าเราต้องใช้เงินไปเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนทหารระดับสูง-กลาง-ล่าง. แรงงานที่เราเกณฑ์ออกไปก็จะทำให้ขาดแคลนแรงงานในประเทศ. แล้วการขนส่งเสบียงอาหารโดยเฉพาะน้ำดื่มนี่มันนรกชัดๆ ซึ่งถ้าไปเจอการตั้งรับดีๆของฝ่ายตรงข้ามแล้วละก็ขอบอกได้เลยว่าแม่ทัพที่นำทหารไปนี่โคตรซวย. ถ้าจะยกตัวอย่างก็เช่นราชวงศ์สุยส่งทหารไปตายเป็นแสนที่เกาหลีก็ได้ครับ
มันหมายถึงการที่ไม่ต้องคิดแนการอะไรมากน่ะครับ แค่ค่อยๆรุกคืบอย่างมั่นคงก็อาจจะชนะศึกได้แล้วอ้วนเสี้ยวใช้แผนจิตงวิทยาด้วย ไม่ใช่แค่บุกอย่างเดียว
แต่สงครามยืดได้ขนาดนั้นอาจเพระาอ้วนเสี้ยวรวย
[แต่ปัญหาคือหากเอามารบกันจริงๆ เอ็งคิดว่าจะชนะทหารจำนวนมากกว่าได้หรือ?]
ได้สิ ในประวัติศาสตร์ทั้งที่แถวๆนี้ที่ยังไม่เรียกว่าไทย ก็มีออกบ่อย
ในจีนก็มีบ่อยมาก เพราะสงครามมันมีปัจจัยเยอะ ทั้งยิบย่อยอีก เอาแค่
การเดินทัพไปในถิ่นอื่น เจอโรคประจำถิ่นที่ฝ่ายตนเองยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
ทั้งอาจเจอเล่นงานทางด้านการเมือง เช่นกลวิธีเรียกทัพกลับเอย
กลวิธีให้รัฐอื่นมาข่มอีกทิศเอย การสังหารผู้นำนี่ก็เด็ด หรือการที่
ไม่คุ้นภูมิศาสตร์พากันไปตายแค่หนึ่งกอง แต่ทำให้ขวัญเสีย หรือ
ตัดเส้นทางเสบียง คราวนี้ก็แค่ไล่ฆ่าทหารที่หมดแรง หรือการที่
ใช้อาวุธชีวภาพทำให้กองทัพอีกฝ่าย การซื้อตัวแม่ทัพ การข่าวปลอม
เยอะแยะ
คือจะซื้อ ฝ่ายหนึ่งต้อรวยกว่าพอสมควรน่ะครับ
อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะสงครามล่ะมั้งหากมองในแง่นี้สิ่งที่เรามองว่าสมจริงอาจจะไม่สมจริงก็ได้ เพระาในสนามรบบางทีมันก็ไม่สมเหตุผล คนเราเกิดชบ้าขึ้นมาจำได้ว่าโนบุนากะ ต้อนคนจนตรอก จนศึกนั้นเสียหายอย่างหนักก็มีเวลาไปฆ่าสาวกผู้ศรัทธา
พระเจ้าตากเก่งพิชัยสงคราม ก็แพ้ผู้ศรัทธาของพระเจ้าฝาง จนต้องฝใช้วิธีพระเอกอิเซไค เอาปืนใหญ่มายิงต่อสู้
สรุปเทคโนโลยีสำคัญสุดว่างั้น
[quote/]
ผมกลับมองว่าถ้าประวิงเวลาออกไป อ้วนเสี้ยวน่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเองมากกว่าครับ คนมองกันว่าอ้วนเสี้ยวครอบครองดินแดนในภาคเหนือได้ทั้งหมดนั้นย่อมทรงพลัง เป็นขุนศึกที่ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน แต่นั่นเป็นแค่ภาพลวงตาครับ อ้วนเสี้ยวตอนนั้นพึ่งรบชนะกองซุนจ้านมาหมาดๆ (ศึกกัวต๋อเกิดช่วงปี ค.ศ.200 กองซุนจ้านถูกปราบตอนปี ค.ศ.199) ยังอยู่ระหว่างพักฟื้นกองทัพจากสงครามอยู่ แถมมณฑลอิจิ๋ว-อิวจิ๋วตะวันตกที่อ้วนเสี้ยวปกครองก็ยังไม่สงบราบคาบดี แผ่นดินหลายส่วนยังต้องทำการบูรณะใหม่จากความเสียหายในสงคราม โจรผู้ร้ายยังชุกชุม แถมทางตะวันตกขุนโจรเตียวเอี๋ยนและกลุ่มโจรภูเขาทมิฬนับหมื่นยังคงควบคุมพื้นที่ในแถบมณฑลเป๊งจิ๋ว (Bingzhou) อย่างเหนียวแน่น พูดง่ายๆ ว่าตอนเริ่มศึกกัวต๋อ กองทัพอ้วนเสี้ยวจริงๆ ไม่พร้อมสำหรับการรบอย่างที่หลายคนคิด
ถามว่าแล้วทำไมอ้วนเสี้ยวต้องรีบบุก ? เพราะโจโฉตอนนั้นก็พึ่งทำการควบรวมดินแดนในภาคกลางสำเร็จเหมือนกัน ทั้งเอาชนะลิโป้, เล่าปี่, โตเกี๋ยม, อ้วนสุด จนได้ครอบครองกุนจิ๋ว, อิจิ๋ว, เฉงจิ๋ว, ชีจิ๋ว(เกือบทั้งหมด), สือลี่จิ๋ว (Silizhou) และบางส่วนของยังจิ๋ว (Yangzhou) แถมยังมีองค์ฮ่องเต้อยู่ในกำมืออีก แต่โจโฉก็ประสบปัญหาเดียวกันกับอ้วนเสี้ยว แถมเจอหนักกว่าหลายเท่า ดินแดนที่ได้มายังไม่สงบราบคาบ-โจรผ้าเหลืองยังอาละวาดในแถบยีหลำ-ต้องรอทหารพักฟื้นจากสงคราม-ศัตรูรอบทิศไม่ว่าจะเป็นเล่าเปียว, ซุนเซ็ก, ม้าเท้ง, เล่าปี่ ถ้าอ้วนเสี้ยวไม่รีบโจมตีเสียก่อนตอนนี้ ปล่อยไปนานเข้าจะทำให้โจโฉตั้งตัวติดแล้วมาแว้งกัดตนทีหลังอาจสายเกินแก้ก็ได้
ที่ว่าประวิงเวลาคือแผนของเตียนห้องน่ะครับ
ว่าดินแดนของอ้วนเสี้ยวบริบูรณ์ ตอนแรกควรจะบุก แต่เมือ่โอกาสอันดีคลาดไปแล้วก็ควรจะพักรักษาตัวบำรุงดินแดนให้บริบูรณ์ทำสงครามยืดเยื้อ โจโฉมาซ้ายเราไปขวา ไปรบในที่ที่โจโฉไม่มากฌจะเอาชัยเป็นมั่นเหมาะแนะนำประมาณนี้น่ะครับ
ตามหลักพื้นฐานการรบ ปัจจัยสำคัญของกองทัพคือ
เสบียง - หากขาดไปทหารจะเริ่มขวัญเสียไปหมดเพราะไม่มีแรงแถมรู้ตัวว่า ไม่รอดแน่ ในสามก๊กเน้นตรงนี้มากๆ ขนาดโจโฉ ดวลเดือดกับ อ้วนเสี้ยว ณ ศึกกัวต๋อ ยังต้องใช้กลทางจิตวิทยา เพื่อไม่ให้ทหารขวัญกระเจิงเพราะเสบียงกำลังจะหมดไป เช่นเอาพ่อครัวที่ไม่ได้ทำผิดอะไรมาเป็นแพะแทนพร้อมป้ายสีว่า มันลักลอบขนเสบียงไปใครคิดทำแบบนี้จะไม่ต่างจาก เชือดไก่ให้ลิงดู
กองกำลัง - เหมือนกับอาวุธ ต้องมาคู่กันเสมอ
อาวุธ - หากเสียไปมีกองกำลังเยอะแค่ไหนก็ไร้ความหมาย
การสื่อสาร - สำคัญไม่แพ้เสบียง ใน Dr Stone เซ็นคูยังต้องสร้างโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพลิกเกมเอาชนะสึคาสะเลยเพราะสงครามในโลกยุคหิน การสื่อสารและการลอบชิงลงมือก่อนคือตัวพลิกเกมได้ทันที
ไปเจอมุกคือ
"มอบวิทยุสื่อสารให้ทหารโรมัน"
ในการที่จะสร้างตนเองเป็นจ้าวพิชัยสงครามน่ะครับ
มีทหารมีวินัยและการช่างอย่างโรมันและสื่อสารได้อีก เรียกว่าชนะไปแล้วครึ่งหนึ่งเหลือแค่ลุกน้องบุกไปก็พอ
ตัดเสบียงครับ
ทหารยิ่งเยอะ ยิ่งต้องใช้เสบียงเยอะ
กลยุทธ์ Scorched Earth ถึงได้เกิดขึ้นมาเพื่อไม่ให้ศัตรูเติมเสบียงได้
ป.ล. การโจมตีแนวหลังข้าศึกนี่พื้นฐานเลยนะครับ(ทั้งแบบที่โจมตีทหารแนวหลังโดยตรง ทั้งการก่อวินาศกรรมแหล่งผลิตทรัพยากรสงคราม รวมไปถึงการใช้การเมืองตัดกำลังกองทัพด้วย)
นอกเหนือจากนั้นก็กลยุทธ์ใช้ธรรมชาติช่วยโจมตี เช่นน้ำท่วม(รวมถึงการทำลายเขื่อนให้เกิดน้ำซัด) รวมถึงกลยุทธ์ใช่ไฟทำลายทัพต่างๆ
มุกแรมซีในมหาศึกชิงบัลลังก์ที่ลอบปล้นค่ายก็ถูกสินะครับ
ตัดเสบียงกองทัพทีเ่หนือกว่าก้ศามารถเอาชัยชนะได้
กำลังคิดอยู่ว่าหากกดเราเป็นฝ่ายเยอะกว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไรดี?
สั่งทหารม้ากองหนึ่งให้ทำตัวเป็นมองดกลไปเลย?
ที่ปล้นได้ปล้น ฆ่าได้ฆ่าสงครามไม่มีพื้นที่ให้คนใจอ่อนจริงๆแฮะ
- ในสงครามโลกโบราณจนถึงสมัยก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม การรบในสนามรบจริง แต่ละฝั่งมักมีกำลังรบแค่ไม่กี่หมื่นนายครับ ที่เหลือส่วนมากจะเป็นหน่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัว ช่างอาวุธ คนเลี้ยงม้า หมอ-พยาบาล คนส่งสาร คนแบกของ แรงงาน-ทาส ฯลฯ ซึ่งมีจำนวนราว 1/3 จนถึงครึ่งหนึ่งของกำลังทัพทั้งหมด ฉะนั้นกองทัพนับแสนที่ว่า พอหักลบหน่วยสนับสนุนออกไป อาจเหลือทหารจริงๆ เพียง 50,000 - 70,000 นายเท่านั้น*
- การมีทัพขนาดใหญ่มากอาจฟังดูน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น คุณไม่สามารถยกกำลังทหารทั้งหมดออกไปรบได้โดยทิ้งเมืองคุณให้โล่งว่างจนไร้การป้องกัน ฉะนั้นคุณย่อมทิ้งทหารจำนวนหนึ่งไว้ป้องกันเมืองของคุณ ยิ่งดินแดนใหญ่มากเท่าไหร่ กำลังทหารที่ต้องใช้เฝ้าระวังก็ต้องเพิ่มขึ้นตาม อย่างอ้วนเสี้ยว-โจโฉที่คุยโวว่ามีกำลังรบนับแสนนับล้านคน พอถึงการรบจริงที่กัวต๋อ-เซ็กเพ็กก็ยกกำลังทัพจริงไปแค่แสนกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดด้วยว่ากำลังทหารนับแสนคนที่ว่า เป็นกำลังรบหลักทั้งหมด หรือคนบันทึกข้อมูลบวกรวมจำนวนทหารหน่วยสนับสนุนเข้าไปด้วย หรือจริงๆ แล้วเป็นการคุยโวโอ้อวดเพียงเท่านั้น
- ในการรบจริงนั้น ไม่ใช่ทุกครั้งเสมอไปที่แม่ทัพจะยกทหารทั้งหมดออกรบประจัญหน้ากับศัตรู โดยส่วนมากแม่ทัพจะต้องเก็บทหารส่วนหนึ่งไว้เป็นกองยามเฝ้าป้อมค่าย โดยเฉพาะสำหรับกองทัพที่เป็นฝ่ายรุกรานดินแดนชาวบ้านด้วยแล้ว นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ต้องทำ เพราะถ้าไม่มีทหารเฝ้าระวังป้อมค่ายหลังทัพ กองทัพคุณจะเสี่ยงถูกศัตรูยกมาโอบล้อมจากด้านหลังโดยไม่รู้ตัว หรือโดนศัตรูลอบโจมตีกองส่งเสบียงแนวหลังได้หมด ตอนโจโฉยกทัพนับแสนบุกเกงจิ๋ว โจโฉจะให้แม่ทัพและทหารจำนวนหนึ่งเฝ้าระวังเมืองในแนวหลังของตนไว้ตลอดเพื่อป้องกันทหารเกงจิ๋วลอบตีตลบหลัง (เช่นซิหลงที่ซงหยง โจหยินที่กุนจิ๋ว) พอไปถึงที่เซ็กเพ็ก โจโฉก็เหลือทหารจริงๆ ไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น
- ภูมิประเทศ-ภูมิอากาศเป็นหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการรบได้ แม้มีกำลังน้อยกว่า หากรู้จักใช้พื้นที่-สภาพอากาศให้เป็นคุณ ย่อมทำให้ตนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที ในการศึกที่อาแซ็งกูร์ (Agincourt) ระหว่างอังกฤษ-ฝรั่งเศส ก่อนหน้าการรบจะเริ่ม เกิดฝนตกหนักลงมาทำให้สภาพพื้นที่โดยรอบกลายเป็นดินโคลน อังกฤษใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ดังกล่าวทันทีโดยการตั้งทัพรอในเส้นทางโล่งแคบ ขนาบด้วยป่าหนาทึบทั้งสองด้าน แล้วสร้างแนวเครื่องกีดขวางด้านหน้าทัพ ด้วยฝ่ายฝรั่งเศสมีกำลังหลักเป็นพลม้าอัศวิน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งเข้าชาร์จใส่ฝ่ายอังกฤษโดยตรง แต่พอเจอกับแนวสิ่งกีดขวาง สภาพพื้นดินโคลน และเส้นทางที่แคบมาก ทำให้กองทัพฝรั่งเศสเบียดเสียดกันแน่นและสูญเสียความได้เปรียบเรื่องจำนวนไป
- นอกจากนี้ ทัพที่มีขนาดใหญ่ย่อมต้องการเสบียงอาหารจำนวนมาก ไม่ใช่แค่ของคน แต่รวมถึงของม้าและวัว-ควายที่ใช้ในการรบหรือเป็นพาหนะอีก ลองจินตนาการว่าคุณจะยกทัพจำนวนกว่าแสนนายไปปราบศัตรู คุณต้องใช้เวลาในการทำศึกนานแค่ไหน แล้วจินตนาการต่อถึงจำนวนเสบียงอาหารที่คุณต้องเลี้ยงกองทัพอีก ซึ่งแน่นอนว่าหากศัตรูรู้ถึงจุดเก็บเสบียงหรือเส้นทางลำเลียงเสบียงของฝ่ายคุณและวางแผนดักโจมตีขึ้นมา คุณจะทำยังไง ตอนศึกกัวต๋อ ที่อ้วนเสี้ยวถอยทัพไม่ใช่เพราะรบแพ้แต่เพราะคลังเสบียงที่อู่เจ๋า (Wuchao) ถูกโจโฉลอบโจมตีจนพินาศ สูญเสียเสบียงไปทั้งหมดจนต้องถอยทัพ**
- นอกจากเรื่องเสบียงแล้ว ค่าแรงทหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป นับตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจ ค่าแรงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่แม่ทัพในยุโรปต้องคำนึงถึง ตอนช่วงสงครามกลางเมืองยุคปลายสาธารณรัฐโรม กองทัพของแต่ละฝ่ายไม่ว่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์, มาร์ค แอนโทนี, ออคเตเวียน, ปอมปีย์ ต้องพยายามซื้อใจทหารของตนไม่ให้ยอมแพ้-หนีทัพ-แปรพักตร์ด้วยคำสัญญาว่าจะจ่ายค่าแรงย้อนหลังให้อย่างงามบ้าง จะยกที่ดินให้หลังเกษียณบ้าง ค่าทำนุบำรุงรักษากองทัพเองก็เป็นเรื่องน่าปวดหัวไม่น้อย การเรียกระดมกองทัพมาครั้งหนึ่ง คุณย่อมต้องจ่ายค่าแรงทหาร ค่าอาหาร ค่ายา ค่าขนส่ง(ทหาร-เสบียง) ค่าจ้างช่างก่อสร้าง(ป้อม-ค่าย-กำแพง-ปราการ) ค่าจ้างช่างตีเหล็ก(ทำอาวุธ-ชุดเกราะ) ค่าจ้างช่างไม้(ทำเกวียน-กล่องสัมภาระ-เรือ) และค่าอะไรต่อมิอะไรมากมาย มากระดับที่ว่ามหาอำนาจโลกโบราณอย่างจีนและโรมยังไม่มีปัญหาจ่ายค่าทำนุงบำรุงกองทัพได้ตลอดเวลาแบบยุคปัจจุบัน ยามสงบจะมีทหารประจำการณ์เพียงไม่กี่หมื่นนายเท่านั้น แล้วค่อยรับสมัคร-เกณฑ์ทหารเพิ่มหากเกิดสงคราม
*ทั้งนี้มีข้อยกเว้นอยู่ในกรณีของกองทัพโรมัน ที่ใช้ระบบทหารอาชีพ โดยการฝึกทหารให้ทำงานต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ตั้งแต่ซ่อมแซมอาวุธ สร้างป้อมค่าย ขุดคูคลอง สร้างสะพาน ปลูกพืช ขนสัมภาระ ทำให้กองทัพโรมันมีอัตรากำลังรบ-หน่วยสนับสนุนสูงกว่ากองทัพอื่นในโลกโบราณ และได้เปรียบในการรบกับทัพของอาณาจักรอื่นๆ ในระดับหนึ่ง
**นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กองทัพชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไซเธียน ปาร์เธียน ฮัน แมกยาร์ โบลการ์ ซ่งหนู เติร์ก เซียนเป่ย มองโกล แมนจู มีความน่าเกรงขาม เพราะพวกนี้ใช้ชีวิตโดยการเดินทางเร่ร่อนไปมาในทุ่งหญ้ายูเรเซียอันกว้างใหญ่ สมาชิกในเผ่าทุกคนมีประสบการณ์ในการเดินทางไกล อาศัยในบ้านอย่างกระโจมที่สามารถรื้อถอน-ตั้งใหม่ได้ง่าย เลี้ยงสัตว์อย่างแพะ-แกะ-ม้าที่สามารถเดินทางไกลผ่านทุ่งหญ้าได้ดีและใช้เป็นเสบียงเลี้ยงชีพได้ตลอดเวลา สมาชิกชายในเผ่าต้องรับหน้าที่เป็นนักรบและมีม้าประจำตัวของตน เหตุผลโดยรวมนี้ทำให้ทัพม้าเร่ร่อนเดินทางได้ไกลและรวดเร็วมากจนสร้างความตระหนกตกใจให้ศัตรูมานักต่อนักแล้ว
แก้ไขข้อมูล - โจหยินประจำที่ลำกุ๋นนะครับ ไม่ใช่กุนจิ๋ว พอดีรีบไปหน่อย ฮ่ะๆ
หมายความว่าหากเราเนหือกว่าให้ตั้งรับจะดีกว่าหรือครับ? สังเกตจริงๆฝ่ายน้อยกว่าจะล่อฝ่ายเหนือกว่าไปที่ killing field mุ่งสังหาร
ต้องทำแบบสุมาอี้ล่ะมั้ง ปิดเมืองอย่างเดียว ตรูไม่รบด้วย
สังเกตอัจฉริยะคนหนึ่งเจอยอดขุนพลแห่งยุคจะใช้วิธีนี้ตลอด
เตียนห้องแนะนำอาจจะดีกว่าหากเจอคนอย่างโจโฉ คือ ปิดความเสียเปรียบไว้ก่อนใช้วิธีอื่นที่ไม่ใช่กลยุทธสงครามโดยตรงเอาชนะ