อัพเดตข่าวสงครามยูเครน วันที่ 192 ของสงคราม Part 33. ต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้ว ไม่นานหลังจากที่ G7 ประกาศมาตรการเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซีย บริษัท “แกสพรอม” (PJSC Gazprom) รัฐวิสาหกิจด้านกิจการน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย จึงได้ประกาศออกมาว่าทางบริษัทจำต้องเลื่อนการจ่ายก๊าซผ่านโครงข่ายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” (Nord Stream 1) ให้แก่เยอรมนีโดยไม่มีกำหนด โดยอ้างว่ามีสาเหตุมาจากน้ำมันรั่วไหลภายในสถานีส่งก๊าซในรัสเซีย
เท้าความก่อนว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทาง “แกสพรอม” ได้ทำการยุติการจ่ายก๊าซผ่านท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” ให้แก่เยอรมนีเป็นระยะเวลา 3 วัน โดยอ้างว่าทางบริษัทถึงกำหนดต้องทำการซ่อมบำรุงระบบการจ่ายก๊าซ และเดิมมีกำหนดการจะกลับมาเปิดใช้งานตามปกติภายในวันนี้
แน่นอนว่าหลังประกาศออกมา ทางบริษัท “ซีเมนส์เอเนอร์จี้” (Siemens Energy AG) บริษัทย่อยของเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ “ซีเมนส์” (Siemens AG) จากเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการวางระบบการทำงานของโครงข่ายท่อส่งก๊าซ “นอร์ดสตรีมวัน” ได้ทำการประกาศว่าข้ออ้างของทางรัสเซียนั้นไม่มีน้ำหนัก เนื่องจากการรั่วไหลของน้ำมันหรือก๊าซสามารถแก้ไขได้โดยง่ายเพียงการอุดรูรั่ว อีกทั้งการรั่วไหลของน้ำมันหรือก๊าซยังไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์กังหันที่ใช้ในการขับเคลื่อนระบบการส่งก๊าซ จึงไม่มีเหตุผลใดที่ทาง “แกสพรอม” จะต้องยุติการจ่ายก๊าซให้กับเยอรมนีโดยไม่มีกำหนด
ไม่ใช่แค่เยอรมนี ก่อนหน้านี้ในวันอังคารที่ผ่านมา “แกสพรอม” ยังได้ประกาศยุติการจ่ายก๊าซให้แก่บริษัท “เอนจี้” (Engie SA) ของฝรั่งเศส โดยกล่าวว่าทาง “เอนจี้” ละเมิดข้อตกลงโดยการไม่ยอมชำระเงินค่างวดการส่งก๊าซประจำเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับเยอรมนีนั้น นายโรเบิร์ต ฮาเบ็ค (Robert Habeck) รมว.กิจการด้านเศรษฐกิจและสภาพภูมิอากาศและรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมากล่าวประณามการกระทำของรัสเซีย ขณะที่นายเคลาส์ มูลเลอร์ (Klaus Müller) อธิบดีกรมโครงข่ายสาธารณูปโภค (Federal Network Agency) ได้กล่าวว่าทางการเยอรมนีมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองมากเพียงพอ อีกทั้งรัฐบาลยังเร่งดำเนินงานเพื่อวางระบบการนำเข้าก๊าซเหลว (LNG) รวมถึงการวางมาตรการต่างๆ เพื่อประหยัดการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ ในระยะสั้นจึงยังไม่มีความกังวลใดๆ
ทางด้านฝรั่งเศสนั้นโชคดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าในประเทศฝรั่งเศสนั้นพึ่งพาพลังงานจากก๊าซธรรมชาติเพียง 7% เท่านั้น ผลกระทบที่ได้รับจากการยุติการส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียจึงค่อนข้างน้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ พลังงานไฟฟ้าในประเทศฝรั่งเศสประมาณ 67% มาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งในตอนนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ส่วนใหญ่ของฝรั่งเศส จำนวน 32 แห่งจากทั้งหมด 56 แห่งในประเทศ มีกำหนดการต้องทำการปิดปรับปรุงระบบการทำงานในประเทศเป็นการชั่วคราว ทำให้เกิดความกังวลว่าฝรั่งเศสจะมีพลังงานไฟฟ้าไม่พอใช้ภายในฤดูหนาวที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ดี นางแอกเนส์ ปานเนียร์-รูนาแชร์ (Agnès Pannier-Runacher) รมว.การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของฝรั่งเศส ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่านับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป รัฐบาลฝรั่งเศสจะเริ่มดำเนินการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 32 แห่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการปิดปรับปรุง โดยจะทำการเปิดใช้งานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หนึ่งโรงต่อสัปดาห์ และดำเนินงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดกลับมาทำงานเต็มกำลัง
4. ทางด้านรัสเซียเองก็มีเรื่องให้ต้องกังวลเช่นกัน เมื่อรองประธานธนาคารกลางสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ภาคการเงินการธนาคารของรัสเซียต้องสูญเสียเงินไปกว่า 1,500,000 ล้านรูเบิล (24,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 912,000 ล้านบาท) นับเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดปีที่เกิดปรากฎการณ์เช่นนี้
เมื่อวานนี้นายดมีตรี ตูลิน (Dmitry Tulin) รองประธานธนาคารกลางสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว “อาร์บีซี” (RBC Daily) ของรัสเซีย ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ภาคการเงินการธนาคารของรัสเซียต้องสูญเสียเงินทั้งหมดกว่า 1,900,000 ล้านรูเบิล (31,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 1,150,000 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อทำการหักลบกับรายได้จำนวน 400,000 ล้านรูเบิล (6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 243,400 ล้านบาท) แล้ว จะเท่ากับว่าภาคการเงินการธนาคารของรัสเซียมียอดเงินติดลบจำนวนมากถึง 1,500,000 ล้านรูเบิล (24,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 912,000 ล้านบาท)
นายตูลินกล่าวว่าส่วนใหญ่ของยอดเงินติดลบ หรือเท่ากับ 1,000,000 ล้านรูเบิล (16,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 608,000 ล้านบาท) เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะหมายถึงการคว่ำบาตรและการอายัดทรัพย์สินของชาติพันธมิตรยูเครน รวมถึงธนาคารประมาณ 1/4 ของธนาคารรัสเซียทั้งหมดที่ประสบปัญหาสูญเงินนั้นเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกรรมการเงินในต่างประเทศเป็นหลัก และยืนยันว่าธนาคารส่วนใหญ่ประมาณ 3/4 จากทั้งหมด 329 แห่งในประเทศยังสามารถสร้างผลกำไรได้ตามปกติ
อย่างไรก็ดี นายตูลินมั่นใจว่า
“มีโอกาสมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์” ที่ยอดการสูญเสียเงินของภาคการเงินรัสเซียในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ร้ายแรงเท่าช่วงครึ่งปีแรก ตูลินยังกล่าวอีกว่าภาคการเงินการธนาคารนั้นมียอดเงินคงคลังสำรองรวมแล้วกว่า 7,000,000 ล้านรูเบิล (116,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ / 4,600,000 ล้านบาท) และทางธนาคารกลางได้ทำการดึงเงินสำรองบางส่วนมาเพื่อพยุงภาคการเงินการธนาคารของรัสเซียแล้ว
ที่มา: