[quote/]
นั่นก็เพราะคุณมองจากมุมที่อยู่สูงกว่ากว้างกว่าไงครับ คุณเลยรู้สึกว่าผู้หญิงโง่เขลาและหูเบา
อย่างแรกคุณต้องลองมองในมุมมองของเขาจริงๆ คือ ลองสมมุุติว่าตนเองเป็นตัวเขาดูก่อนครับ
อย่ามองจากมุมมองของตนเอง แต่ลองจินตนาการว่าตนเองอยู่ในฐานะของผู้หญิงคนนั้นดูครับ
ผมเห็นคนด่าคนที่ความรักทำให้ตาบอดว่าโง่บ้างละ หูเบาบ้างละมาเยอะนะครับ นั่นเพราะเขาไม่เคยเจอกับตัวเอง
แต่พอเจอเข้ากับตัวเอง ผมเห็นมาเยอะแล้วครับว่าไม่ได้ต่างกัน นั่นก็เพราะความกังวลใจ ความทุกข์ใจทำให้วิสัยทัศน์แคบลง มองโลกแคบลง
แม้แต่ตัวคุณเองก็เถอะครับ ขนาดผมโยน Data ข้อเท็จจริงมาใส่โครมๆ คุณเองก็ยังรับไม่ได้เลย และคุณเองก็หาอะไรมาแย้งผมกลับไม่ได้ด้วย
เชื่อเถอะครับ คนดูเก่งเสมอครับ แต่พอได้เจอกับตัวเองจริงๆ หลายคนร้องไม่ออกเลย
ผมสงสัยว่าหัวข้อที่ท่านกล่าวถึงนั้นควรแยกไป 2 ประเด็นต่างหากนะ ได้แก่
1. คดีของนายซีอุย แซ่อึ้ง; นั่นคือตัวอย่างที่ดี 1 รูปแบบของวิธีที่ชาวบ้านให้กำเนิดพวกเรื่องเล่าพื้นบ้าน (Folklore) — เรื่องเล่าสากล (Myth) ซึ่งอาจจะความสนใจที่น้อยและไม่ได้รับการพิสูจน์ จนมีร่องรอยของการแต่งเนื้อหาเพิ่ม แต่กลายเป็นว่าบางอย่างห้ามแตะต้องจนกว่าจะมีคนพิสูจน์และเรื่องเล่านี้จะเป็นตำนานที่ตาย
2. จากการศึกษาส่วนตัวผมพอจะเข้าใจบ้าง; เนื้อหาของ Manga / Comic — Novel สมัยใหม่โดยเฉพาะเรื่องที่เคยดังมาแล้วอย่าง Peter Pan ปัญหาทั้งหมดนั้นเกิดจากการสร้างตัวละครให้ผู้อ่านนั้นสวมบทบาท วิธีแต่งอย่างนั้นจะทำให้คนแต่งต้องยึดตัวเอกเป็นศูนย์กลาง จะไม่มีใครเก่งหรือเฉลียวฉลาดกว่าตัวเอกนั้นเพื่อให้มีอุปสรรคเป็นเป้าหมายของเนื้อเรื่อง
สิ่งนี้สูตรเบื้องต้นสำหรับการแต่งเนื้อหาโดยไม่คำนึงถึง Realistic จึงเหมาะกับ Theme Fantasy หรือ จินตนาการมากกว่าอย่าง The Little Prince นั้นก็ใช่เพราะเนื้อเรื่องไม่มีคุณค่าทาง Politics มาก และเมื่อมีการวิเคราะห์จึงเข้าใจได้ว่าเป็น Social Parody ด้วยนั่นเอง
Classic Manga;
อย่างไรก็ตาม Manga, Novel — Anime & Electronic Games สื่อเหล่านี้พัฒนาไปย่ิงกว่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และกฎหมายที่อำนวยแก่การแต่งเนื้อหาที่มีเสรีภาพค่อนข้างสูง นักแต่งนิยายและManga เลยเน้นไปที่ Political & Social Parody หรือแม้แต่ War & Apocalypse
ซึ่งผมเห็นหลายคนเป็นนักแต่งเนื้อหาที่พอใช้ได้ แต่ศิลปะการสร้างตัวละครและกระจายบทนั้นแย่มาก ผลจึง = เนื้อหา Isekai แบบไหนก็ตามที่จะสร้างปัญหาให้ตัวเอกได้ไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชีวิตส่วนตัวต่างๆ ความปลอดภัย — การเงิน Relationships จึงถูกนำมาใช้
วิเคราะห์แนว Love Romance & Cheating; ส่วนของ Manga ที่กระทู้นำเสนอนั้นผมให้ส่วนที่แต่งมักง่าย:ของจริงเป็น 8:2/10 เนื่องจากประสบการณ์ที่พบเจอมาก่อน มีนักเรียนมากมายที่สนใจเรียนเพื่อตัวเองมากกว่าเพื่อนเพศตรงข้ามที่พัฒนาความสัมพันธ์จนเป็นแฟน (Fanatic) ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เมื่อ 1 ใน 2 คนตีตัวออกห่างไปจะทำให้อีกคนที่ถูกทิ้งจะหมดอาลัยแบบนั้น
ในกรณีนี้มันเริ่มจาก 2 คนเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน มีปัญหาก็ยังช่วยเหลือตลอด อย่างไรก็ตามความพยายามเองก็มีขีดจำกัด ยังไม่นับเรื่องที่จะทำให้คนที่ยอมช่วยคนอื่นมีอันตรายไปด้วย และในเมื่อฝ่ายที่ถูกช่วยเริ่ม ‘ทรยศ’ ‘ความพยายาม’ ของคนที่ช่วยก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้บาดหมางกันได้
Personal Opinion; สิ่งที่นักแต่งแนว Adventure Romance มักจะละเลยเสมอมาโดยเฉพาะ School Life ก็คือ ความรู้ที่ได้จากการเรียน + หนังสือ VS Realistic Experience กล่าวคือในระบบการศึกษาผู้เรียนนั้นต้องคอยศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับตัวเองเพื่อโอกาสเรียนใน มหาวิทยาลัย — จบการศึกษาและการหางาน
ส่วนประสบการณ์อื่นจากนี้อย่าง Sexual Intercourse, Emotion & Behavior ของอย่างนี้เป็นความสนใจเฉพาะตัว หากจะให้การอ่านหนังสือเหล่านี้เป็นผลดีในระยะยาวคือ ต้องนำความรู้จากหลายเล่มมาตีความด้วยกัน เหมือนอย่าง คณิต+วิทย์ — ชีววิทยา + จิตวิทยา + ศิลปศาสตร์ หัวข้อมีความเข้ากันได้อย่างแยกไม่ออก
แต่หากผู้ศึกษามีความเข้าใจเพียงพอ การศึกษาหลักการวิจัยจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะงานวิจัยล้วนแต่ถูกวิพากษ์ - วิจารณ์ได้หากวิธีการศึกษาและอ้างอิงไม่ถูกต้อง เนื่องจากนั่นหมายถึงการประยุกต์ใช้จริง