เอาจริงนะเวลาเสวนากับใครอย่าโยนเขาไปฝ่ายตรงข้ามนักมันเเสดงถึงการไม่น่าเสวนาคุย
หากจะต้องการให้เขารับฟังอย่างเเรก
เท่าเทียมครับ
ผมว่าสมัยนี้ไม่มีใครบ้าซ้ายจัดขวาจัดหรอกมันไม่ใช้การ์ตูนที่มีตัวร้ายต้องคอยอัดนะครับมองโลกหลายมุมบ้าง
@isdogtr001หรือจะให้เด็กรุ่นใหม่ไปขอร้องก้มกราบกับเผด็จการอย่างสุภาพเหรอครับ "ลุงๆคะ ลุงๆครับ ช่วยคืนประชาธิปไตยให้แก่พวกหนูหน่อยนะคะ/ครับ"
อย่างนี้เหรอครับ ที่เรียกว่าสุภาพน่าฟัง พูดจาไพเราะ
ขอโทษเถอะครับ ถ้ามันได้ผลจริง เขาทำกันไปตั้งนานแล้วครับ
คุณทำมาเป็นบอกว่าหยาบคายอย่างนี้รับไม่ได้ พูดจาแรงอย่างโน้นรับไม่ได้ ขอโทษเถอะครับ
สิ่งที่คุณรับไม่ได้ คือ "รับความจริงต่างหากครับ" เพราะถ้าคุณสามารถเถียงผมได้ คุณก็จะไปค้นข้อมูลมาเพื่อถกกับผมต่อเรื่อยๆ
แต่พอผมลงหลักฐานต่างๆนานา แต่คุณรู้แก่ใจดีว่าคุณน่ะมันไม่มีอะไรเลยที่เป็นหลักฐานทางเอกสารหรือวัตถุมาถกกับผมต่อไงครับ
คุณถึงออกอาการฟึดฟัดรับไม่ได้อย่างโน้น รับไม่ได้อย่างนี้ สิ่งนี้ Sigmund Freud เขาเรียกว่า "Self-Defence"
เอาจริงๆนะ ถ้าคุณเห็นผมโพสต์มานาน ทุกคนในบอร์ดนี้จะรู้ว่าวิธีการโพสต์ของผมออกจะอธิบายไปในในทางฝ่ายขวาที่เรียกกันว่า "ทุนนิยม" เสียด้วย
ผมพลงเรื่อง ภาษี VAT ภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลได้ ภาษีสรรพสามิต Short Selling หุ้นเอย กองทุนเอย โดยเฉพาะเรื่อง VAT ผมลงโพสต์น่าจะหลายหนแล้วถ้าใครจำกันได้
แถมผมยังลงเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์การลงทุน ด้วย NPV กับ IRR , SWOT หรือแม้แต่ Porter's Five Force มันคือหลักการที่มาจากทุนนิยมหมดเลยนะครับ Data ฝ่ายขวาทั้งนั้น
ผมเขียนแต่ละเรื่องจากมุมมองของฝ่ายขวาเสียด้วยซ้ำ เพื่อให้ฝ่ายขวาเข้าใจง่ายๆย่อยง่ายๆเสียด้วยซ้ำ ผมโพสต์เน้นแต่เรื่องในทางปฏิบัติจริงใช้จริงด้วยซ้ำ
ขณะที่คุณบอกเกลียดคอมมิวนิสต์อย่างโน้น เกลียดคอมมิวนิสต์อย่างนี้ พอผมซักหนักๆเข้า คุณก็ไม่รู้ตัวเองว่าเกลียดคอมมิวนิสต์ เพราะอะไร
ผมถึงว่ามันอันตราย เพราะคุณกำลังเชื่อในสิ่งที่เขาบอกต่อๆกันมา ไม่ได้เกิดจากการเรียนรู้และเข้าใจหลักการคอมมิวนิสต์ด้วยตนเอง
อย่างผมนะ ถ้ามีคนถามว่าระหว่างประชาธิปไตย กับ คอมมิวนิสต์ คุณจะเลือกอะไรและเพราะอะไร? ผมสามารถตอบได้เต็มปากว่า ผมเลือกประชาธิปไตย
และเหตุผลที่ผมเลือกผมก็สามารถตอบได้เต็มปาก เพราะมันเกิดจากการเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่เกิดจากการท่องจำ
คุณถามผมกี่หน ผมก็วาดรูปนี้และอธิบายคุณได้ตลอดเนื่องจากผมใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่ท่องจำ ระบบประชาธิปไตยมันกระจายอำนาจ เป็น 3 อำนาจ คือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
แล้ว 3 อำนาจ มันจะคานอำนาจและตรวจสอบการใช้อำนาจอีก 2 อำนาจที่เหลือ พูดง่ายๆ คือ ทุกฝ่ายอำนาจ ต่างทำหน้าที่ตรวจสอบกันเอง เหมือนกับงูกินหาง ไปเรื่อยไม่มีวันจบ
ระบบมันก็จะ Run ไปของมันได้
เขาถึงสรุป Key Word สั้นๆ ว่า ประชาธิปไตย = คนเท่ากัน + กระจายอำนาจ
จะต้องมีทั้งสองอย่าง เขาถึงจะเรียกว่า ประชาธิปไตยได้อย่างเต็มปาก
แล้วที่นี้ผมอยากให้มาดูการจำกัดความของคนเท่ากันมันคืออะไร มันก็คือ การที่คนทุกคนได้รับการจัดสรรทรัพยากร
หรือในที่นี้ก็คืองบประมาณพื้นฐานในจำนวนที่เท่าๆกัน ส่วนจะมีมากกว่านี้ก็แล้วแต่ครอบครัวนั้นๆ
หรือกล่าวได้ว่า อย่างน้อยไม่ว่าพ่อแม่เขาจะเป็นคนจนลำบากยากแค้น หรือ เป็นหนี้แค่ไหน
แต่คนเป็นลูกจะต้องไม่มีต้นทุนชีวิตที่ติดลบ อาจจะไม่ได้เลิศหรูถึงขั้นเรียนจบปริญญาเอก
แต่อย่างน้อยๆ เขาต้องมีการศึกษาที่เพียงพอออกไปประกอบสัมมาอาชีพและใช้ชีวิตในสังคมโดยที่ไม่มีใครเดือดร้อน
อย่างเรื่องวัคซีนซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของพื้นฐานมากๆ ว่ารัฐจะต้องสนับสนุนสาธารณสุข
ตามมาตราที่ 55 "บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขของรัฐ บุคคลยากไร้มีสิทธิได้รับการบริการสาธารณสุขจากรัฐ
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ บุคคลย่อมมีได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย"
คุณ
@isdogtr001 ทราบมั้ยว่ารัฐธรรมนูญแต่ละมาตรามันหมายถึง คำสัญญาหรือคำมั่นที่รัฐจะให้กับประชาชนชนชาตินั้นๆนะครับ
รัฐมีหน้าที่เติมเต็มคำสัญญาตามมาตราที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และทุกคนต้องได้รับการเติมเต็มคำสัญญาเหมือนๆกันเท่าๆกัน
เนี่ยแหละ คือ ความหมายที่แท้จริงของคำว่า "คนต้องเท่าเทียมกัน"
ส่วนกระจายอำนาจ ก็เป็นไปอย่างรูปภาพด้านบนที่ 3 อำนาจ คานอำนาจและตรวจสอบกันเอง
สององค์ประกอบนี้ ทำให้เป็นประชาธิปไตย ดังนั้นต่อให้ได้ผู้นำเฮงซวย แย่แค่ไหน คุณก็จำเป็นต้องเติมเต็มคำสัญญาตามรัฐธรรมนูญ
แล้วมาว่าเรื่องคอมมิวนิสต์กัน ทำไมคอมมิวนิสต์ถึงเป็นเหรียญๆเดียวกันกับประชาธิปไตย(เรื่องนี้แม้แต่อเมริกาก็ยอมรับนะครับ เพราะมันคือเรื่องจริง แต่มันคือเหรียญที่อยู่คนละด้าน)
เนื่องจากคอมมิวนิสต์ก็ถือหลักคนเท่ากันเหมือนกัน ในรูปแบบความเสมอภาค (ประชาธิปไตยคือเสรีภาพ)
เพียงแต่จะต้องถูกทำให้เท่าเทียมจากรัฐส่วนกลาง คอมมิวนิสต์เกือบทั้ง 10 ข้อ จะใช้ Keyword คือ รัฐจากส่วนกลาง
นั่นหมายถึง "อำนาจถูกรวมศูนย์" หรือ พูดง่ายๆว่า ถ้าประชาธิปไตยแยกอำนาจออกเป็น 3 อย่าง
คอมมิวนิสต์ คือ การรวมอำนาจ 3 อย่าง เหลือเพียงหนึ่งอย่าง แล้วทุกกิจการไม่ใช่ว่าเอกชนจะถือครองกรรมสิทธิ์ไม่ได้นะครับ
เอกชนถือกรรมสิทธิ์ได้ครับ แต่รัฐก็จะถือกรรมสิทธิร่วมด้วย
ถ้ายังไม่เห็นภาพ ผมจะยกตัวอย่างในรูปแบบบัญชีสากล งบดุลแบบทุนนิยมให้เห็นภาพชัด สมมุติว่าผมจะลงทุนทำฟาร์มไก่เอ้กอี้เอ้กเอ้ก ด้วยทุน 1 M บาท
เมื่อผมจดทะเบียนสิ่งที่รัฐจะทำคือเอาเงินจากรัฐเข้ามาร่วมทุนด้วยอีก 1 M บาท ถ้าเขียนสมการงบดุลจะได้ดังนี้ (ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ทุน)
Day 1ทรัพย์สิน = 2 M บาท- เงินสด 2 M บาท
หนี้สิน = 0 M บาทส่วนของทุน = 2 M บาท- ส่วนของความเป็นเจ้าของผม 1 M บาท
- ส่วนของความเป็นเจ้าของรัฐ 1 M บาท
Day 2 ผมเอาเงิน 1 M ไปซื้อที่ดิน+เล้าไก่ อีก 1 M ไปซื้อแม่ไก่ไข่ทรัพย์สิน = 2 M บาท- ที่ดิน + อาคาร = 1 M บาท
- แม่ไก่ = 1 M บาท
หนี้สิน = 0 บาทส่วนของทุน = 2 M บาท- ส่วนของความเป็นเจ้าของผม 1 M บาท
- ส่วนของความเป็นเจ้าของรัฐ 1 M บาท
Day 3 แม่ไก่ออกไข่ทองคำทำกำไรได้ทั้งหมด 100k หรือ 0.1 M บาททรัพยสิน = 2.1 M บาท- ที่ดิน + อาคาร = 1 M บาท
- แม่ไก่ = 1 M บาท
- เงินสด = 0.1 M บาท
หนี้สิน = 0 M บาทส่วนของทุน = 2.1 M บาท- ส่วนของความเป็นเจ้าของผม 1 M บาท
- ส่วนของความเป็นเจ้าของรัฐ 1 M บาท
- กำไรสะสม = 0.1 M บาท
เห็นมั้ยครับว่า สมการบัญชี 2 ข้างยังเท่ากันอยู่ คือ 2.1 M = 0 + 2.1 M
Day 4 สมมุติว่าฟาร์มไก่นี้มีนโยบายปันผล 100% ดังนั้นผมก็จะได้เงินปันผล 50,000 บาท ขณะที่รัฐก็ได้ปันผล 50,000 บาท จากกำไรสะสมทั้งหมด 100,000 บาทเนี่ยคือหลักการของคอมมิวนิสต์ในการตีความแบบเศรษฐศาสตร์แบบที่คาร์ล มาร์กอยากจะให้มันเป็น ไม่ใช่แบบที่สตาลินหรือเหมาเจ๋อตุงทำ คือ สมมุติว่าคุณลงทุนไป รัฐมันจะเข้ามาเพิ่มทุน เพื่อแชร์ผลกำไรและปันผลจากคุณด้วย แน่นอนว่าถ้าคุณเจ๊ง รัฐเจ๊งด้วย คุณได้กำไร รัฐได้กำไรด้วย หรือ กล่าวง่ายคือรัฐจะร่วมถือความเป็นเจ้าของร่วมกับเอกชน แล้วเวลามีการโหวดนโยบายต่างๆ รัฐก็มีสิทธิ์เข้าไปโหวตนโยบายร่วมกันกับคุณด้วย เพราะรัฐถือหุ้นเป็นหุ้นส่วนของกิจการของคุณด้วย
ถ้าถามว่าประเทศไหนใกล้เคยงความเป็นคอมมิวนิสต์ในแบบที่ลุงคาร์ล มาร์กอยากจะให้เป็นที่สุด คำตอบคือเวียดนามครับ (แต่ก็ยังไม่ใช่คอมมิวนิสต์ 100% นะครับ)
ซึ่งปัญหาของคอมมิวนิสต์คือ อำนาจมันถูกรวมศูนย์ มันก็จะไม่มีอำนาจอะไรมาคานอำนาจผู้นำ เวลาได้ผู้นำแย่ๆ
คือผมเป็นคนมองโลกสีเทานะครับ Personalities ผมคือ INFJ นะครับ ผมมองว่าคนมันมีด้านดีกับด้านเลวเป็นสีเทา ไม่มีขาวไม่มีดำ
ดังนั้นการที่คุณให้อำนาจมากเกินไป อำนาจอาจจะ Corrupt เขาให้กลายเป็นคนชั่วร้ายได้ เพราะแนวคิดของคอมมิวนิสต์ มันยังไม่มีอะไรมาเบรกเลย เวลาผู้นำเป็นคนไม่ดีหรือจากดีกลายเป็นไม่ดี
แล้วผมมักพูดเสมอว่าผมเป็นวิศวกร ผมไม่ชอบเสี่ยงดวง คราวนี้ได้ผู้นำดี คราวหน้าได้ผู้นำไม่ดี เพราะผมก็กำหนดไม่ได้ และก็ไม่รู้ว่าเนื้อแท้จริงๆของเขาเป็นอย่างไร
ดังนั้นในทางปฏิบัติผมถึงไม่อยากเสี่ยงดวงทอยหัวก้อย หรือ ทอยเต๋าอะไรทั้งสิ้น ผมเลือกประชาธิปไตย
เพราะต่อให้ผู้นำมันเฮงซวยเลวร้าย เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะอำนาจเขาจะถูกจำกัดและตรวจสอบจาก 2 ฝ่ายที่เหลือ คือ นิติบัญญัติ และตุลาการอยู่ คอยขัดการใช้อำนาจของเขา
เนี่ยคือเหตุผล เพราะเหตุผลของผม คือการมองโลกในแง่ร้าย เอาจริงๆ ผมมองในแง่ร้ายในระดับที่ว่าประเทศอาจจะได้ผู้นำที่ไม่ดีติดต่อกันเป็นยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำ
แต่ระบบที่ดีมันจะทำให้ผมมั่นใจว่า เฮ้ย อย่างน้อยต่อให้มันเลว มันก็จะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะถูกระบบคานอำนาจและจำกัดอำนาจ ถูกตรวจสอบตลอดเวลาไงครับ
ขณะที่คอมมิวนิสต์ทำแบบนี้ไม่ได้
เห็นมั้ยครับว่าผมเลือก เพราะ ผมเข้าใจหลักการและกลไกการทำงาน ไม่ใช่เลือกเพราะว่าคนอื่นบอกว่าประชาธิปไตยมันดี ผมเลือกเพราะมันเลวร้ายน้อยที่สุดในเวลาเลวร้ายมากที่สุดต่างหากครับ
คุณ
@isdogtr001 ครับ ถ้าผมไม่รักและเป็นห่วงคุณ ผมจะมานั่งเสียเวลาพิมพ์อธิบายหลักการและกลไกต่างๆทำไมครับ ผมทำเพราะผมห่วงคุณจากใจจริง หาข้อมูลก็เพื่อคุณ เพราะถ้าผมไม่ห่วงคุณ ไม่ใยดีคุณ ผมเงียบไม่พูดด้วยเลยนะ ยิ่งผมเป็น INFJ ผมเทคือเทเลยนะ ผมสามารถปล่อยให้คุณจมไปกับสิ่งที่คุณเชื่อตามที่เขาบอกตามๆกันมาอย่างผิดๆไปแล้ว แต่เพราะผมเป็นห่วงคุณมาก ผมถึงเอาข้อมูลต่างๆมาแปะ ผมไม่ได้คิดจะเอาชนะคุณ แม้แต่นิดเดียว แต่ผมทำทั้งหมดเพื่อให้คุณเข้าใจในหลักการที่แท้จริง ไม่ใช่ตามหนังสือเรียนที่ถูกเขียนจากฝ่ายรัฐที่มี Bias หรือ ตามคนที่เล่าต่อๆกันมาโดยไม่ได้คำนึงถึงหลักฐานข้อเท็จจริง