แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล  (อ่าน 3971 ครั้ง)

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,207
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 03:30:57 PM »
จริงๆ แล้วเรื่องศีล 5 มันเป็นสิ่งที่บัญญัติขึ้นมาในภายหลัง หรือ นึกภาพง่ายๆ มันคือบะหมีกึ่งสำเร็จแหละ


ซึ่งถ้าคุณอาศัยการท่องจำ ไม่ได้อาศัยความเข้าใจมันก็ไม่ประโยชนหรอกครับ อัตราอาชญากรรมมันก็พุ่งสูงเหมือนเดิม


ผมทำงานต่างประเทศทั้งประเทศที่เคร่งศาสนาและไม่เคร่งศาสนา ซึ่งผมพบว่าประเทศที่ไม่เคร่งศาสนากลับมีอัตราอาชญกรรมน้อยกว่าประเทศที่เคร่ง



ปัญหาของพุทธศาสนาในไทย คือ การอาศัยการท่องจำและบูชาตัวบุคคล แต่ไม่ได้อาศัยความเข้าใจครับ


ทุกคนทั่วโลกต่างรู้้ว่า Buddhism เป็น อเทวนิยม(ไม่ได้นับถือพระเจ้า)


แต่คุณลองกวาดตาดูการกระทำของคนนับถือพุทธในไทยสิครับ หนักข้อกว่าพวกเทวนิยมเสียอีก


บูชาอย่างกับเป็นพระเจ้า ลบหลู่แตะต้องไม่ได้ สรุปนี่คือศาสนาอเทวนิยมหรือเทวนิยมกันแน่?


จริงๆ ถ้าคุณศึกษาประวัติของ Buddha ดีๆ Buddha ก็คือ ผู้ที่เชื่อในมนุษยนิยมสุดหัวใจ


เข้าใจในธรรมชาติ(สันดาน)ของมนุษย์ และเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์พอๆกัน


ณ ช่วงเวลาของ Buddha ยังมีชีวิตอยู่ บริบทของสังคม ณ ขณะนั้นคือทุกคนต่างตัดจบคำอธิบายที่อธิบายไม่ได้ว่าคือพระเจ้าไปซะหมด


แต่ Buddha บอกว่าไม่ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างมีเหตุและผลด้วยน้ำมือของมนุษย์นี่แหละ ซึ่งหลักการมันล้ำสมัยกว่าบริบททางสังคม ณ ขณะนั้น


แท้จริงแล้ว หลักการอริยสัจ 4 หรือ The 4 Noble Truths มันเป็นอะไรที่แบบมนุษยนิยมขั้นสุด ตรงกับที่ใน Buddha มังงะ Record of Ragnarok Ep45


"ว่าความสุขนั้นให้กันไม่ได้ แต่มันเกิดจากการที่ตัวเราจะเข้าถึงหรือเข้าใจด้วยตัวของตัวเอง เนื่องจากความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน"


ทุกข์(Dukka) "เรียนรู้" ความทุกข์ของตัวเราเอง


สมุทัย(Samudaya) "เข้าใจ" ต้นกำเนิดของความทุกข์ของตัวเรา


นิโรธ(Nirodha) "หยุด" พฤติกรรมของตัวเราที่จะทำให้ก่อเกิดความทุกข์


มรรค(Makka) "ค้นหา" หนทางแห่งความสุขของตัวเราเอง


คุณเห็นคีย์เวิร์ดอะไรซ้ำกันมากที่สุด นั่นก็คือคำว่า "ของตัวเรา"



Buddha ก็อุตส่าย้ำนักย้ำหนาว่า หนทางแห่งดับทุกข์และหนทางแห่งความสุขมันก่อกำเนิดจากตัวเราเองไงละ


สวดมนต์ร้อยบท สวดให้ตายอย่างไร มันก็ไม่พบความสุขหรอก เพราะ มันคือการท่องจำ มันไม่ใช่การใช้ความเข้าใจต่อตัวเอง


แถมบทสวดส่วนใหญ่ แม่งก็ถูกแต่งขึ้นมาในภายหลังเพื่อที่จะยกยอบูชาตัวบุคคล แทนที่จะเชื่อมั่นในตัวของเราเองว่าเราจะหาทางหาความสุขด้วยตนเองได้


ถ้าพุทธศาสนาของไทย มันมีนิยามความหมายว่ามันคือ การท่องจำและบูชาตัวบุคคลแล้วละก็


ผมยอมให้คนอื่นเรียกตัวผมเองว่าเป็น "เอทิสท์" หรือ อศาสนาเสียดีกว่า





"ความสุขน่ะนะ..มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถให้หรือได้รับจากผู้อื่นหรอกนะ แต่มันเป็นบางสิ่งที่คุณจะต้องเข้าถึง(บรรลุ)ด้วยตัวของเธอเอง"


นั่นแหละ คือ เหตุผลที่คนเราควรจะดำเนินชีวิตด้วยการใช้ความเข้าใจต่อตนเอง ไม่ใช่บูชาตัวบุคคลแล้วหวังว่าจะมีความสุข
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, sariora123, sechan และมีอีก 2 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ name123

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 268
  • ถูกใจแล้ว: 132 ครั้ง
  • ความนิยม: +2/-4
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 03:36:39 PM »
บ้านเรามันไม่เข้าใจปัญหาโครงสร้างเชิงระบบคับ เพราะระบบไทยมันเสร็จไว้ให้ผู้มีอำนาจแสวงหาผลประโยชย์[/size] ทั้งนั้นหละ แล้วมีไว้เพื่อตอบสนองการสำเร็จความใคร่ทางศึลธรรม



เดี๋ยวนะ!!  ทำไมในอักษรเล็กมันเขียนว่า  [เพราะระบบไทยมันเสร็จไว]  พออ่านถึงข้อความนี้แล้ว
รู้สึกคิดดีไม่ได้  คิดอกุศล  รู้สึกคิดแนว18+  :P
//สงสัยที่คิดเป็นเพราะอ่านมังงะในโลกที่อ่อนโยนหลายรอบแน่ๆ  :-[
//ทำสายตาบ๊องแบ๊ว 
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: deaddy, sariora123, Taw และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 04:04:20 PM »
จริงๆ แล้วเรื่องศีล 5 มันเป็นสิ่งที่บัญญัติขึ้นมาในภายหลัง หรือ นึกภาพง่ายๆ มันคือบะหมีกึ่งสำเร็จแหละ


ซึ่งถ้าคุณอาศัยการท่องจำ ไม่ได้อาศัยความเข้าใจมันก็ไม่ประโยชนหรอกครับ อัตราอาชญากรรมมันก็พุ่งสูงเหมือนเดิม


ผมทำงานต่างประเทศทั้งประเทศที่เคร่งศาสนาและไม่เคร่งศาสนา ซึ่งผมพบว่าประเทศที่ไม่เคร่งศาสนากลับมีอัตราอาชญกรรมน้อยกว่าประเทศที่เคร่ง



ปัญหาของพุทธศาสนาในไทย คือ การอาศัยการท่องจำและบูชาตัวบุคคล แต่ไม่ได้อาศัยความเข้าใจครับ


ทุกคนทั่วโลกต่างรู้้ว่า Buddhism เป็น อเทวนิยม(ไม่ได้นับถือพระเจ้า)


แต่คุณลองกวาดตาดูการกระทำของคนนับถือพุทธในไทยสิครับ หนักข้อกว่าพวกเทวนิยมเสียอีก


บูชาอย่างกับเป็นพระเจ้า ลบหลู่แตะต้องไม่ได้ สรุปนี่คือศาสนาอเทวนิยมหรือเทวนิยมกันแน่?


จริงๆ ถ้าคุณศึกษาประวัติของ Buddha ดีๆ Buddha ก็คือ ผู้ที่เชื่อในมนุษยนิยมสุดหัวใจ


เข้าใจในธรรมชาติ(สันดาน)ของมนุษย์ และเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์พอๆกัน


ณ ช่วงเวลาของ Buddha ยังมีชีวิตอยู่ บริบทของสังคม ณ ขณะนั้นคือทุกคนต่างตัดจบคำอธิบายที่อธิบายไม่ได้ว่าคือพระเจ้าไปซะหมด


แต่ Buddha บอกว่าไม่ ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างมีเหตุและผลด้วยน้ำมือของมนุษย์นี่แหละ ซึ่งหลักการมันล้ำสมัยกว่าบริบททางสังคม ณ ขณะนั้น


แท้จริงแล้ว หลักการอริยสัจ 4 หรือ The 4 Noble Truths มันเป็นอะไรที่แบบมนุษยนิยมขั้นสุด ตรงกับที่ใน Buddha มังงะ Record of Ragnarok Ep45


"ว่าความสุขนั้นให้กันไม่ได้ แต่มันเกิดจากการที่ตัวเราจะเข้าถึงหรือเข้าใจด้วยตัวของตัวเอง เนื่องจากความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน"


ทุกข์(Dukka) "เรียนรู้" ความทุกข์ของตัวเราเอง


สมุทัย(Samudaya) "เข้าใจ" ต้นกำเนิดของความทุกข์ของตัวเรา


นิโรธ(Nirodha) "หยุด" พฤติกรรมของตัวเราที่จะทำให้ก่อเกิดความทุกข์


มรรค(Makka) "ค้นหา" หนทางแห่งความสุขของตัวเราเอง


คุณเห็นคีย์เวิร์ดอะไรซ้ำกันมากที่สุด นั่นก็คือคำว่า "ของตัวเรา"



Buddha ก็อุตส่าย้ำนักย้ำหนาว่า หนทางแห่งดับทุกข์และหนทางแห่งความสุขมันก่อกำเนิดจากตัวเราเองไงละ


สวดมนต์ร้อยบท สวดให้ตายอย่างไร มันก็ไม่พบความสุขหรอก เพราะ มันคือการท่องจำ มันไม่ใช่การใช้ความเข้าใจต่อตัวเอง


แถมบทสวดส่วนใหญ่ แม่งก็ถูกแต่งขึ้นมาในภายหลังเพื่อที่จะยกยอบูชาตัวบุคคล แทนที่จะเชื่อมั่นในตัวของเราเองว่าเราจะหาทางหาความสุขด้วยตนเองได้


ถ้าพุทธศาสนาของไทย มันมีนิยามความหมายว่ามันคือ การท่องจำและบูชาตัวบุคคลแล้วละก็


ผมยอมให้คนอื่นเรียกตัวผมเองว่าเป็น "เอทิสท์" หรือ อศาสนาเสียดีกว่า


[img/]


"ความสุขน่ะนะ..มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถให้หรือได้รับจากผู้อื่นหรอกนะ แต่มันเป็นบางสิ่งที่คุณจะต้องเข้าถึง(บรรลุ)ด้วยตัวของเธอเอง"


นั่นแหละ คือ เหตุผลที่คนเราควรจะดำเนินชีวิตด้วยการใช้ความเข้าใจต่อตนเอง ไม่ใช่บูชาตัวบุคคลแล้วหวังว่าจะมีความสุข


ถ้าพูด อ้างกันถึงเรื่องศาสนา  ถ้ามีสติจริงๆ ควรจะรู้ว่าคัมภีพุทธเรานั้น จริงมันก็มีเนื้อหาที่ขัดกันอยู่ข้างใน 




อย่าลืมนะว่า ไตรปิฏก เขียนขึ้นมาได้ยังไง เพื่ออะไรและเขียนตอนไหน


สรุปคือ  สมัยที่ Buddha ยังอยู่นั้นเวลามีปัญหาอะไร สงสัยตรงไหนก็ยังไปถามท่านได้
แต่พอตายแล้วไม่อยู่ล่ะจะไปถามใครที่ไหน เลยต้องรวบรวมเอาคำสอนมาเป็นคัมภีเอาไว้


ตรงนี้ ควรจะเอะ ใจไหมว่า แล้วจะมี พระอรหันต์1000กว่าองค์ไว้ทำแมวน้ำอัลไร
ในความเห็นผม แม้แต่เหล่าสาวกใกล้ชิดบุดด้า นี่ยังเริ่มสงสัยไม่มั่นใจในความรู้ของตัวเองกันเลย ถึงได้รวมคำสอนมาเขียนเป็มคัมภีกันน่ะ


ก็นี่แหละนะ มันก็ตั้ง 2500กว่าปี มาแล้วพุทธ มันจะมี Bug เยอะก็ไม่แปลกเขียน สังฆายณา มาตั้งกี่สิบรอบแล้วล่ะ
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 04:54:27 PM »
อย่างแรกคนต้องมาก่อนครับไม่ว่าจะระบบดีหรือแย่แค่ไหนคนต่างหากที่เป็นคนไช้ ระบบดีคนแย่มันก็ชี้นกเป็นไม้แบบไทยนี่แหละครับบอกไว้ก่อนนะครับ ระบบการทำงานของไทยผมบอกเลยว่าดีที่สุดในโลกขนาดเอาคนทำงานไม่เป็นมาบริหารแบบกู้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองเกือบสิบปีประเทศยังทำงานต่อไปได้ เจ๋งกว่าอเมริกาที่ทรัมป์อวดว่าต่อไห้ตัวเองไปเที่ยวสักปีระบบก็รันไปเองได้ เจอไทยเอาคนทำงานไม่เป็นเอาคนคอรัปชันเต็มสภาเกือบสิบปีระบบยังทำงานได้ดี ท่านคิดว่าในโลกมีระบบที่ดีกว่าไทยด้วยเหรอโควิทระบาททังโลก รัฐโง่แค่ไหนระบบก็รันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาป้องกันได้ดีระดับโลกถ้าไม่ติดว่าอภิสิทชน ทำตามใจเปิดบ่อนเที่ยวรับรองแขกแบบไม่สนใจมันจะระบาดทัวประเทศเหรอ ระบบของไทยดีที่สุดในโลกเเล้วครับต่อไห้คนไช้ห่วยแค่ไหนก็ยังไม่เจ็ง

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: nosta

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,207
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 05:28:12 PM »
อย่างแรกคนต้องมาก่อนครับไม่ว่าจะระบบดีหรือแย่แค่ไหนคนต่างหากที่เป็นคนไช้ ระบบดีคนแย่มันก็ชี้นกเป็นไม้แบบไทยนี่แหละครับบอกไว้ก่อนนะครับ ระบบการทำงานของไทยผมบอกเลยว่าดีที่สุดในโลกขนาดเอาคนทำงานไม่เป็นมาบริหารแบบกู้เงินเข้ากระเป๋าตัวเองเกือบสิบปีประเทศยังทำงานต่อไปได้ เจ๋งกว่าอเมริกาที่ทรัมป์อวดว่าต่อไห้ตัวเองไปเที่ยวสักปีระบบก็รันไปเองได้ เจอไทยเอาคนทำงานไม่เป็นเอาคนคอรัปชันเต็มสภาเกือบสิบปีระบบยังทำงานได้ดี ท่านคิดว่าในโลกมีระบบที่ดีกว่าไทยด้วยเหรอโควิทระบาททังโลก รัฐโง่แค่ไหนระบบก็รันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาป้องกันได้ดีระดับโลกถ้าไม่ติดว่าอภิสิทชน ทำตามใจเปิดบ่อนเที่ยวรับรองแขกแบบไม่สนใจมันจะระบาดทัวประเทศเหรอ ระบบของไทยดีที่สุดในโลกเเล้วครับต่อไห้คนไช้ห่วยแค่ไหนก็ยังไม่เจ็ง




อันนี้เข้าใจผิดแล้วครับ ระบบไทยเองมันก็มีปัญหามากครับ ถ้าใครอยู่หรือเคยทำงานใกล้ชิดจัดซื้อจัดจ้างของระบบราชการไทย


จะรู้ว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากกว่าจะจัดซื้อจัดจ้างได้กินเวลาไม่รู้กี่ขั้นตอน แถม Waste Time มากๆ


ขณะที่ระบบเอกชนที่มีคอรัปชั่นน้อยกว่าภาครัฐยังมีระบบไม่กี่ขั้นตอนเอง


เดี๋ยวผมจะอธิบายระบบจัดซื้อจัดจ้างเอกชนให้ครับ อันนี้เอาแบบมาตรฐานของสากลโลกเลยนะ


ขั้นแรก ผู้ปฏิบัติงานตรวจสอบกับ Store แล้วไม่มีของ ให้เขียนใบต้องการให้จัดซื้อจัดจ้าง เรียกว่า Purchase Indent หรือ PI แก่ Store
ขั้นสอง Store รับรองและส่งให้แผนก Procurement(จัดซื้อจัดจ้าง) ทำการสืบราคาและเทียบราคา ส่วนใหญ่เทียบกัน 3 เจ้าเป็นอย่างน้อย และผู้มีอำนาจยืนยัน Approve อนุมัติคำสั่งซื้อ
ขั้นสาม หลังจากได้เจ้าที่ต้องการ แผนก Procurement จะทำใบสัญญาสั่งซื้อ เรียกว่า Purchasing Order หรือ PO
ขั้นสี่ Store รอรับของที่มาส่ง เมื่อ Supplier มาส่งของแล้ว Store ก็จะทำเอกสารรับสินค้าเข้า เรียกว่า Good Receipt Purchasing Order และเอกสารนี้ข้อมูลจะต้องสัมพันธ์กับ PO ที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้า ทั้ง Unit Rateและปริมาณ
ขั้นห้า แผนกบัญชีทำเอกสารใบบัญชีเจ้าหนี้ เรียกว่า Account Payable หรือ AP (ส่วนกรณีเก็บตังจากเจ้าของงานจะใช้ Account Receive หรือ AR)
ขั้นหก จ่ายเงินหรือโอนเงินแก่ Supplier และทำเอกสาร Outgoing


เป็นอันจบพิธี นี่คือหลักการจัดซื้อจัดจ้างสากลโลก แค่ 6 ขั้นตอนนี้ก็สามารถสืบค้นตรวจสอบได้หมด เอกสาร PI, PO, GRPO, AP, Outgoing มันจะสัมพันธ์กันหมด ยิ่งถ้าใครใช้ระบบบัญชี SAP ชีวิตยิ่ง Easy


แต่ของไทยนี่มากกว่า 10 ขั้นตอนเสียอีก ต้องมีการตั้งกรรมการสืบราคา ต้องตั้งกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องตั้งกรรมการงบประมาณ ฯลฯ พูดง่ายๆแทงเรื่องขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ กว่าจะได้ซื้อ ขณะที่สากลโลกเขาใช้เวลากันไม่เกิน 1 สัปดาห์(ส่วนใหญ่กินเวลาจากขั้นตอนการสืบราคา) แต่ระบบราชการไทยแค่โต๊ะเก้าอี้โง่ๆ ตัวเดียวใช้เวลาครึ่งปี


ยังจะบอกว่าระบบมันดีอีกเหรอ?


อ๋อ อีกอย่าง เนื่องจากระบบบัญชีราชการไทย แม่งโครตจะล้าหลัง คือ มีบัญชีแค่ขาเดียวคือ รายรับ กับ รายจ่าย


แต่เวลาจะทำบัญชีสากลโลก เขาจะต้องมี 2 บัญชีมาเทียบกัน
1.บัญชีงบดุล(Balance Sheet)
2.บัญชีกำไร-ขาดทุน(Profit&Loss Statement)


ระบบราชการมีแค่งบประเภท 2 แล้วมันจะตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรกันละ


งบกำไรขาดทุน หรืองบรายรับรายจ่าย มันบอกแค่ กำไรสะสม = รายได้ - รายจ่าย แค่นั้นเอง


ซึ่งมันจะสมบูรณ์มันต้องไปเทียบกับ งบดุล ซึ่งก็อย่างที่ผมเคยลงตั้งหลายครั้งว่า


ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ส่วนของทุน


ซึ่งส่วนของทุน = ส่วนของความเป็นเจ้าของ + กำไรสะสม


ดังนั้นมันจะได้สมการบัญชีว่า ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ส่วนของความเป็นเจ้าของ(รัฐ) + กำไรสะสม


ระบบที่ล้าหลังมันทำให้มันเสียเวลาการทำงานไปโดยใช่เหตุ และพอมันล้าหลังตรวจสอบไม่ได้ มันก็เลยต้องเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบอีก


นี่แค่ยกตัวอย่างเรื่องเดียวนะ คือ เรื่องระบบบัญชี จริงๆมีอีกหลายเรื่อง


ในเมื่อคิดเองไม่ได้ มันจะยากอะไรก็แค่ใช้ระบบสากลที่ทั่วโลกยอมรับ แค่นั้นจบ EZ GGWP


แทนที่จะไปทำให้มันยากด้วยการเพิ่มขั้นตอนตรวจสอบสิบกว่าขั้นตอน มันคือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเล่น


เรื่องง่ายๆ ไม่ทำ ชอบทำให้มันเป็นเรื่องยาก


แล้วผมยังไม่พูดถึงระบบค่าเสื่อมนะ ผมถามว่าถ้าไม่มีงบดุล แล้วจะตัดจ่ายค่าเสื่อมของทรัพย์สิน(Fixed Asset)อย่างไร?


ผมจำได้ว่า นิยายเรื่อง ลูกสาวดยุค หรือ ราชาทาสโซมะ หรืออะไรนี่แหละที่เคยเขียนเอาไว้


ว่าเวลาตรวจสอบบัญชีโดยไม่เพิ่มขั้นตอนวุ่นวายคือต้องใช้ หลักการบัญชี 2 ขา หรือ ก็คือ งบดุล กับ งบกำไร-ขาดทุน ร่วมกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2021, 05:38:20 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ ricca chan

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 150
  • ถูกใจแล้ว: 26 ครั้ง
  • ความนิยม: +3/-53
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 05:29:18 PM »
[quote/]


มันก็ทั้งถูกและไม่ถูกครับ คือจริงอยู่ว่าเราควรพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
แต่อะไรล่ะคือสิ่งที่ดีกว่า :)


ในการเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่มันไม่ได้มีแต่สิ่งที่ดี มันมีข้อเสียด้วย


จากประสพการณ์ที่ผมเริ่มมีอายุระดับนึงที่สัมผัสมาทั้งมุมมองคนแก่และคนหนุ่ม


คำพูดของทั้ง 2 ฝั่งมันถูกทั้งคู่ครับ แต่คำว่าถูกมันขึ้นกับว่าเราอยู่ในกลุ่มไหน


มุมมองคนหนุ่มผมคงไม่ต้องพูดถึงนะครับเพราะคาดว่าคงทราบแล้ว
แต่ลองมองในมุมมมองคนมีอายุนะครับ


อย่างระบบอาวุโส ที่คนหนุ่มชอบต่อต้าน
ในการบริหารหลายๆอย่างทำไมเลือกให้พวกอาวุโสมากๆตัดสินใจ


ลองไปดูในตลาดทุนได้ครับ คนจบใหม่เรียนวิชามาสูงแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่รอดมาเยอะแยะครับ
แต่คนที่อยู่ในตลาดทุนมานานๆ ถึงเค้าจะไม่ได้เรียนวิชาใหม่ๆใช้สูตรเดิมๆมา 30-40 ปี
แต่คนที่เอาตัวรอดจนมาเป็นเจ้าสัวได้เค้าก็รวยเพิ่มขึ้นอยู่ดีครับ ในขณะที่ 80% ของมือใหม่ขาดทุนแทบเลิกเล่นเลยครับ
ส่วนที่รอดไปเป็นคนที่ประสพผลสำเร็จ


สรุปง่ายๆคือ คนที่ประสพผลสำเร็จ และมีประสพการณ์ยาวนาน ไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่เค้าก็ใช้วิชาที่สะสมมาชนะการเปลี่ยนแปลงได้สบายๆ
แต่คนรุ่นใหม่ที่ชอบการเปลี่ยนแปลง กลับเอาตัวไม่รอดกัน เกือบหมด ส่วนคนที่รอดก็นับเป็นคนเก่ง
ที่อาจจะชนะคนแก่ๆได้ในตอนนั้น แต่ก็เป็นแค่ ไม่กี่คนที่รอดมาจากการสังเวยนับร้อยๆคน


แต่การสร้างระบบเพื่อใช้กับคนนับสิบๆล้านจะใช้วิธีที่คน 80% เจ๊งหรอครับ

เพราะงั้นจะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็มีข้อเสียที่ความเสี่ยง จึงไม่แปลกที่คนกลุ่มนึงไม่ชอบให้เปลี่ยนแปลง








ดูอย่างพม่าได้ครับ ในใจประชาชนคงอยากได้ผู้นำใหม่ ที่มาจากระบบประชาธิปไตย
แต่ผลลัพธ์ แนวโน้มที่กำลังจะเกิด จะกลายเป็นระบบ ประชาธิปไตยรึเปล่ายังไม่รู้เลย
เผลอๆกลายเป็นแบ่งแยกการปกครองครองแทน เผลอๆอาจจะกลายเป็น 3-4 ประเทศ :( 
ไม่ก็เผลอๆ โดนจีนยึดครองประเทศแทน :o


นี่แหล่ะครับการเปลี่ยนแปลง มันมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ


ในใจของนักเรียกร้องประชาธิปไตยอาจจะแค่เอาคนลงถนนขับไล่กดดันให้ผู้นำออกไป
แต่สิ่งที่เกิดจริงคือสงคราม มีทั้งรถถัง เฮลิ เครื่องบินทิ้งระเบิด
เห็นข่าววันก่อน ค่ายทหารพม่าโดนเก็บเรียบไป 2-3 แห่งละ


ให้ผมเดา อาจจะเป็นความเห็นชอบจาก รบ.จีน ที่จะแทรกแทรง เพื่อผลักดันให้เกิดรบ.ใหม่ที่นำโดยคนจีนแทน :o
จากตอนแรก รบ.จีนคงวางแผนแค่ประสานผลประโยชน์กับ รบ.พม่า
แต่พอรบ.พม่าเริ่มเสียเปรียบ การที่ซูจีที่เข้าทางฝั่งตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด
อาจจะทำให้ จีนเสียประโยชน์ ทำให้แทนที่จะปล่อยให้พม่ากลายเป็นนอมินีตะวันตก
ก็เข้าแทรกแทรงส่งอาวุธให้เกิดการปฏิวัติแม่มเลย :(


ปัญหามันอยู่ที่ว่าให้ผู้ใหญ่ที่แก่กว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือใครก็ตามแต่มีอำนาจมากไปไงครับเช่น กฏที่ว่ารุ่นพี่ถูกเสมอมันเป็นไปได้เหรอครับที่คนๆนึงจะทำอะไรไม่มีวันผิดเลยน่ะครับ
หรือเวลาผู้ใหญ่จะตัดสินใจทำอะไรแล้วเด็กแย้งก็หาว่าเด็กเถียงแล้วก็ไม่ชี้แจงเหตุผลเลยว่าการตัดสินใจนั้นมันดียังไงมันถูกยังไง  หรือว่าเวลาผู้ใหญ่ทำตัวเหี้ยๆโดนเด็กด่าก็มาพูดว่าเป็นเด็กมาด่าผู้ใหญ่ได้ยังไงแบบนี้มันใช่เหรอครับสรุปว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำตัวเหี้ยๆยังไงก็ได้เหรอครับ???


ในความเห็นส่วนตัวผมผมมองว่าควรคุยกันด้วยเหตุผลและแย้งกันด้วยเหตุผลมากกว่าทั้งฝั่งเด็กและฝั่งผู้ใหญ่แต่ปัญหาคือหลายๆครั้งในไทยผู้ใหญ่มันชี้แจงเหตุผลไม่ได้มันถึงยกข้ออ้างพวกนี้ขึ้นมาเอาตัวอย่างคนใกล้ตัวผมเลยนะก็คือพ่อผมไงเวลาพ่อตัดสินใจทำอะไรแล้วโดนลูกไปซักไซ้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจสิ่งที่พ่อถนัดเลยคือการอ้างว่าพ่อเป็นพ่อมาถามแบบนี้ได้ไงหรือแม่มาซักไซ้ก็จะมีข้ออ้างอื่นมาอ้างเพราะข้ออ้างที่ว่า พ่อเป็นพ่อนะมาซักไซ้อย่างนี้ ได้ไงมันใช้ไม่ได้แล้วแบบนี้มันใช่เหรอครับ???และก็เพิ่มเติมอีกอย่างนึงผมมองว่าสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่มีกับคนแก่มีมันต่างกันสิ่งที่คนแก่มีคือประสบการณ์ตรงที่ได้มาจากการเผชิญโลกแต่ไม่มีแนวคิดหัวสมัยใหม่แต่คนรุ่นใหม่หลายๆคนไม่มีประสบการณ์แต่มีแนวคิดใหม่ๆซึ่งมันสอดคล้องและใช้ได้ดีในยุคปัจจุบันผมถึงว่าควรคุยและโต้แย้งกันด้วยเหตุผลเหมือนที่พิมไปข้างบน


อ้อแล้วมีอีกอย่างนะอันนี้คือสิ่งที่ผมเห็นรอบๆตัวเลยคือพ่อแม่มักรักลูกที่มีความสามารถด้านการเรียนเก่งมากกว่าลูกที่มีความสามารถด้านอื่นและให้การสนับสนุนและอวยลูกเรียนเก่งมากกว่าลูกเก่งด้านอื่นผมจึงถามพ่อผมคำตอบที่ได้คือ" สำหรับคนที่ไม่มีสมบัติอะไรไม่มีเส้นสายการเรียนเก่งถือว่าเป็นตัวกำหนดอนาคตได้มากเพราะการเข้าทำงานที่ต่างๆสอบแข่งกันเป็นหลักจึงทำให้คนมีโอกาสได้งานคือคนเรียนเก่ง " ทีนี้ถ้าถามว่าคำตอบที่พ่อตอบมาผิดไหมสำหรับผมในยุคก่อนล่ะก็ถูกต้องเพราะยุคก่อนจากที่เห็นคนที่มีเงินมีทองซื้อบ้านดีๆ ซื้อรถดีๆ มักเป็นคนที่ประกอบอาชีพมนุษย์เงินเดือนที่รายได้สูงซึ่งการเข้าไปเป็นมนุษย์เงินเดือนกลุ่มนี้ได้ต้องเรียนเก่งเช่น สอบไปเป็นหมอ เป็นนักบิน เป็นต้น  แต่ถ้าเป็นยุคนี้ผมว่าโลกมันเปลี่ยนไปเรียนเก่งในยุคนี้มันก็ได้เปรียบอยู่แต่มันไม่เท่ายุคก่อนแล้วมีอาชีพหลายอาชีพที่สามารถทำเงินได้เยอะโดยไม่ต้องเรียนเก่งมากกมายเช่น ดารา นักร้อง ขายของออนไลน์ ยูทูปเบอร์ และอาชีพพวกนี้เงินดีกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปเยอะเลยคนบางคนรับราชการไลน์สดขายของรายได้จากการขายมากกว่าเงินเดือนตั้งเยอะก็มี  สุดท้ายแล้วสิ่งที่อยากจะบอกหลังจากมายาวๆก็แค่ปัญหามันอยู่ตรงที่คนรุ่นเก่าบางคนค่อยที่จะยอมปรับตัวน่ะครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Taw

ออฟไลน์ yamamaya

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,956
  • ถูกใจแล้ว: 1333 ครั้ง
  • ความนิยม: +156/-113
  • รักทะเลและคุณทวด
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 06:22:27 PM »
[quote/]


ปัญหามันอยู่ที่ว่าให้ผู้ใหญ่ที่แก่กว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือใครก็ตามแต่มีอำนาจมากไปไงครับเช่น กฏที่ว่ารุ่นพี่ถูกเสมอมันเป็นไปได้เหรอครับที่คนๆนึงจะทำอะไรไม่มีวันผิดเลยน่ะครับ
หรือเวลาผู้ใหญ่จะตัดสินใจทำอะไรแล้วเด็กแย้งก็หาว่าเด็กเถียงแล้วก็ไม่ชี้แจงเหตุผลเลยว่าการตัดสินใจนั้นมันดียังไงมันถูกยังไง  หรือว่าเวลาผู้ใหญ่ทำตัวเหี้ยๆโดนเด็กด่าก็มาพูดว่าเป็นเด็กมาด่าผู้ใหญ่ได้ยังไงแบบนี้มันใช่เหรอครับสรุปว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำตัวเหี้ยๆยังไงก็ได้เหรอครับ???


ในความเห็นส่วนตัวผมผมมองว่าควรคุยกันด้วยเหตุผลและแย้งกันด้วยเหตุผลมากกว่าทั้งฝั่งเด็กและฝั่งผู้ใหญ่แต่ปัญหาคือหลายๆครั้งในไทยผู้ใหญ่มันชี้แจงเหตุผลไม่ได้มันถึงยกข้ออ้างพวกนี้ขึ้นมาเอาตัวอย่างคนใกล้ตัวผมเลยนะก็คือพ่อผมไงเวลาพ่อตัดสินใจทำอะไรแล้วโดนลูกไปซักไซ้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจสิ่งที่พ่อถนัดเลยคือการอ้างว่าพ่อเป็นพ่อมาถามแบบนี้ได้ไงหรือแม่มาซักไซ้ก็จะมีข้ออ้างอื่นมาอ้างเพราะข้ออ้างที่ว่า พ่อเป็นพ่อนะมาซักไซ้อย่างนี้ ได้ไงมันใช้ไม่ได้แล้วแบบนี้มันใช่เหรอครับ???และก็เพิ่มเติมอีกอย่างนึงผมมองว่าสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่มีกับคนแก่มีมันต่างกันสิ่งที่คนแก่มีคือประสบการณ์ตรงที่ได้มาจากการเผชิญโลกแต่ไม่มีแนวคิดหัวสมัยใหม่แต่คนรุ่นใหม่หลายๆคนไม่มีประสบการณ์แต่มีแนวคิดใหม่ๆซึ่งมันสอดคล้องและใช้ได้ดีในยุคปัจจุบันผมถึงว่าควรคุยและโต้แย้งกันด้วยเหตุผลเหมือนที่พิมไปข้างบน


อ้อแล้วมีอีกอย่างนะอันนี้คือสิ่งที่ผมเห็นรอบๆตัวเลยคือพ่อแม่มักรักลูกที่มีความสามารถด้านการเรียนเก่งมากกว่าลูกที่มีความสามารถด้านอื่นและให้การสนับสนุนและอวยลูกเรียนเก่งมากกว่าลูกเก่งด้านอื่นผมจึงถามพ่อผมคำตอบที่ได้คือ" สำหรับคนที่ไม่มีสมบัติอะไรไม่มีเส้นสายการเรียนเก่งถือว่าเป็นตัวกำหนดอนาคตได้มากเพราะการเข้าทำงานที่ต่างๆสอบแข่งกันเป็นหลักจึงทำให้คนมีโอกาสได้งานคือคนเรียนเก่ง " ทีนี้ถ้าถามว่าคำตอบที่พ่อตอบมาผิดไหมสำหรับผมในยุคก่อนล่ะก็ถูกต้องเพราะยุคก่อนจากที่เห็นคนที่มีเงินมีทองซื้อบ้านดีๆ ซื้อรถดีๆ มักเป็นคนที่ประกอบอาชีพมนุษย์เงินเดือนที่รายได้สูงซึ่งการเข้าไปเป็นมนุษย์เงินเดือนกลุ่มนี้ได้ต้องเรียนเก่งเช่น สอบไปเป็นหมอ เป็นนักบิน เป็นต้น  แต่ถ้าเป็นยุคนี้ผมว่าโลกมันเปลี่ยนไปเรียนเก่งในยุคนี้มันก็ได้เปรียบอยู่แต่มันไม่เท่ายุคก่อนแล้วมีอาชีพหลายอาชีพที่สามารถทำเงินได้เยอะโดยไม่ต้องเรียนเก่งมากกมายเช่น ดารา นักร้อง ขายของออนไลน์ ยูทูปเบอร์ และอาชีพพวกนี้เงินดีกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปเยอะเลยคนบางคนรับราชการไลน์สดขายของรายได้จากการขายมากกว่าเงินเดือนตั้งเยอะก็มี  สุดท้ายแล้วสิ่งที่อยากจะบอกหลังจากมายาวๆก็แค่ปัญหามันอยู่ตรงที่คนรุ่นเก่าบางคนค่อยที่จะยอมปรับตัวน่ะครับ


ขอถามว่าไอ้ที่ยกตัวอย่างมา พวก ดารา ยูทูปเบอร์ ขายของออนไลน์
ตัวคุณประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ยกมาหรือยัง แล้วประชากรส่วนใหญ่
มีโอกาสสำเร็จในหนทางที่ว่าทุกคนไหม


ที่พ่อคุณตอบนั่นคือการกระจายความเสี่ยงในอนาคต
เพราะถึงมีอาชีพในฝันแต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็เป็นได้แค่ฝัน
แล้วถ้าฝันสลายจะทำไงต่อเพราะชีวิตมันต้องหาเงินต้องกินต้องใข้ตลอดเวลา


ขีวิตมันไม่รอให้คุณฝันไปเรื่อยหรอกนะฮะ


แต่ก็เห็นเด็กหลายคนก็เลือกจมอยู่กับฝันไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
แล้วปล่อยให้พ่อแม่รับภาระดิ้นรนหาให้กินให้ใช้ต่อไป









เราเกิดมาในโลกที่มีปัญหา เติบใหญ่จนเฒ่าชราก็เลยมีปัญหา
แย่งชิงกันเพื่ออำนาจวาสนา  แต่ตัวข้ารักเพียงการดื่มกิน...
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 06:41:47 PM »
[quote/]


อันนี้เข้าใจผิดแล้วครับ ระบบไทยเองมันก็มีปัญหามากครับ ถ้าใครอยู่หรือเคยทำงานใกล้ชิดจัดซื้อจัดจ้างของระบบราชการไทย


จะรู้ว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากกว่าจะจัดซื้อจัดจ้างได้กินเวลาไม่รู้กี่ขั้นตอน แถม Waste Time มากๆ


ขณะที่ระบบเอกชนที่มีคอรัปชั่นน้อยกว่าภาครัฐยังมีระบบไม่กี่ขั้นตอนเอง


เดี๋ยวผมจะอธิบายระบบจัดซื้อจัดจ้างเอกชนให้ครับ อันนี้เอาแบบมาตรฐานของสากลโลกเลยนะ


ขั้นแรก ผู้ปฏิบัติงานตรวจสอบกับ Store แล้วไม่มีของ ให้เขียนใบต้องการให้จัดซื้อจัดจ้าง เรียกว่า Purchase Indent หรือ PI แก่ Store
ขั้นสอง Store รับรองและส่งให้แผนก Procurement(จัดซื้อจัดจ้าง) ทำการสืบราคาและเทียบราคา ส่วนใหญ่เทียบกัน 3 เจ้าเป็นอย่างน้อย และผู้มีอำนาจยืนยัน Approve อนุมัติคำสั่งซื้อ
ขั้นสาม หลังจากได้เจ้าที่ต้องการ แผนก Procurement จะทำใบสัญญาสั่งซื้อ เรียกว่า Purchasing Order หรือ PO
ขั้นสี่ Store รอรับของที่มาส่ง เมื่อ Supplier มาส่งของแล้ว Store ก็จะทำเอกสารรับสินค้าเข้า เรียกว่า Good Receipt Purchasing Order และเอกสารนี้ข้อมูลจะต้องสัมพันธ์กับ PO ที่เราทำเอาไว้ก่อนหน้า ทั้ง Unit Rateและปริมาณ
ขั้นห้า แผนกบัญชีทำเอกสารใบบัญชีเจ้าหนี้ เรียกว่า Account Payable หรือ AP (ส่วนกรณีเก็บตังจากเจ้าของงานจะใช้ Account Receive หรือ AR)
ขั้นหก จ่ายเงินหรือโอนเงินแก่ Supplier และทำเอกสาร Outgoing


เป็นอันจบพิธี นี่คือหลักการจัดซื้อจัดจ้างสากลโลก แค่ 6 ขั้นตอนนี้ก็สามารถสืบค้นตรวจสอบได้หมด เอกสาร PI, PO, GRPO, AP, Outgoing มันจะสัมพันธ์กันหมด ยิ่งถ้าใครใช้ระบบบัญชี SAP ชีวิตยิ่ง Easy


แต่ของไทยนี่มากกว่า 10 ขั้นตอนเสียอีก ต้องมีการตั้งกรรมการสืบราคา ต้องตั้งกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ต้องตั้งกรรมการงบประมาณ ฯลฯ พูดง่ายๆแทงเรื่องขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆ กว่าจะได้ซื้อ ขณะที่สากลโลกเขาใช้เวลากันไม่เกิน 1 สัปดาห์(ส่วนใหญ่กินเวลาจากขั้นตอนการสืบราคา) แต่ระบบราชการไทยแค่โต๊ะเก้าอี้โง่ๆ ตัวเดียวใช้เวลาครึ่งปี


ยังจะบอกว่าระบบมันดีอีกเหรอ?


อ๋อ อีกอย่าง เนื่องจากระบบบัญชีราชการไทย แม่งโครตจะล้าหลัง คือ มีบัญชีแค่ขาเดียวคือ รายรับ กับ รายจ่าย


แต่เวลาจะทำบัญชีสากลโลก เขาจะต้องมี 2 บัญชีมาเทียบกัน
1.บัญชีงบดุล(Balance Sheet)
2.บัญชีกำไร-ขาดทุน(Profit&Loss Statement)


ระบบราชการมีแค่งบประเภท 2 แล้วมันจะตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรกันละ


งบกำไรขาดทุน หรืองบรายรับรายจ่าย มันบอกแค่ กำไรสะสม = รายได้ - รายจ่าย แค่นั้นเอง


ซึ่งมันจะสมบูรณ์มันต้องไปเทียบกับ งบดุล ซึ่งก็อย่างที่ผมเคยลงตั้งหลายครั้งว่า


ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ส่วนของทุน


ซึ่งส่วนของทุน = ส่วนของความเป็นเจ้าของ + กำไรสะสม


ดังนั้นมันจะได้สมการบัญชีว่า ทรัพย์สิน = หนี้สิน + ส่วนของความเป็นเจ้าของ(รัฐ) + กำไรสะสม


ระบบที่ล้าหลังมันทำให้มันเสียเวลาการทำงานไปโดยใช่เหตุ และพอมันล้าหลังตรวจสอบไม่ได้ มันก็เลยต้องเพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบอีก


นี่แค่ยกตัวอย่างเรื่องเดียวนะ คือ เรื่องระบบบัญชี จริงๆมีอีกหลายเรื่อง


ในเมื่อคิดเองไม่ได้ มันจะยากอะไรก็แค่ใช้ระบบสากลที่ทั่วโลกยอมรับ แค่นั้นจบ EZ GGWP


แทนที่จะไปทำให้มันยากด้วยการเพิ่มขั้นตอนตรวจสอบสิบกว่าขั้นตอน มันคือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเล่น


เรื่องง่ายๆ ไม่ทำ ชอบทำให้มันเป็นเรื่องยาก


แล้วผมยังไม่พูดถึงระบบค่าเสื่อมนะ ผมถามว่าถ้าไม่มีงบดุล แล้วจะตัดจ่ายค่าเสื่อมของทรัพย์สิน(Fixed Asset)อย่างไร?


ผมจำได้ว่า นิยายเรื่อง ลูกสาวดยุค หรือ ราชาทาสโซมะ หรืออะไรนี่แหละที่เคยเขียนเอาไว้


ว่าเวลาตรวจสอบบัญชีโดยไม่เพิ่มขั้นตอนวุ่นวายคือต้องใช้ หลักการบัญชี 2 ขา หรือ ก็คือ งบดุล กับ งบกำไร-ขาดทุน ร่วมกัน
ไช่ครับโดยระบบไทยในตัวมันเองมีการตรวจสอบถ่วงดุลหลายฝ่ายป้องกันการธุจริดแบบหลายชั้นมาก แต่ด้วยความโกงของคนมันก็ยังโกงในระบบที่มีการตรวจสอบเข้มข้นได้ ท่านว่ามันยุ่งยากซับซ้อนและไช้เวลามากแต่ในขณะเดียวกันมันก็ตรวจสอบเข้มข้นกว่า ประเทศอื่นแบบเถียงไม่ได้ดังนั้นระบบไทยนะสุดยอดแล้วมีแค่คนที่แย่ การจัดซื้อของไทยผมยกตัวอย่างgt200ด้วยระบบเรารู้ว่าฟิสสต็อปซื้อมาในราคาเครื่องละราวๆห้าแสน ประมาณหมื่นเครื่องเราสามารถตรวจสอบที่มาของเงินตังแต่คำสังซื้อยันปลายทาง ว่าเบิกจากใครบิ้กคนไหนอนุมัติใครจัดซื้อจัดส่งดำเนินงานเรียกว่าเอารายชื่อมากางได้หมด แต่อย่างที่บอกเมื่อจะโกงระบบดียังไงก็เอาผิดไม่ได้ทังๆที่รู้ว่าราคาจริงมันเครื่องละห้าสิบบาท เจ้าของยอมรับว่าเป็นของปลอมพร้อมชดไช้ ทังที่ด้วยระบบไทยรู้ชื่อคนสังคนอนุมัติคนเบิกคนจ่ายคนไช้งานครบหมด เอาจริงๆรู้ขนาดนี้ยังเอาผิดอะไรไม่ได้คุณกล้าบอกว่ามีระบบประเทศไหนบอกคุณได้ขนาดนี้ ว่ามีคนสังของกินงบราคาเท่านี้เข้ากระเป๋าโต้งๆแบบไทยได้ตังแต่วันเเรกที่โกงบ้าง ระบบนะโคตรดีแค่คนต่างหากที่เชี่ย

ออฟไลน์ ricca chan

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 150
  • ถูกใจแล้ว: 26 ครั้ง
  • ความนิยม: +3/-53
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 06:42:58 PM »
[quote/]


ขอถามว่าไอ้ที่ยกตัวอย่างมา พวก ดารา ยูทูปเบอร์ ขายของออนไลน์
ตัวคุณประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ยกมาหรือยัง แล้วประชากรส่วนใหญ่
มีโอกาสสำเร็จในหนทางที่ว่าทุกคนไหม


ที่พ่อคุณตอบนั่นคือการกระจายความเสี่ยงในอนาคต
เพราะถึงมีอาชีพในฝันแต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็เป็นได้แค่ฝัน
แล้วถ้าฝันสลายจะทำไงต่อเพราะชีวิตมันต้องหาเงินต้องกินต้องใข้ตลอดเวลา


ขีวิตมันไม่รอให้คุณฝันไปเรื่อยหรอกนะฮะ


แต่ก็เห็นเด็กหลายคนก็เลือกจมอยู่กับฝันไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง
แล้วปล่อยให้พ่อแม่รับภาระดิ้นรนหาให้กินให้ใช้ต่อไป










ผมไม่ได้บอกว่าพ่อผมพูดผิดหมดนะเพียงแต่ผมมองว่าการเรียนมันก็สำคัญแต่การมองหาอาชีพเสริมมันก็สำคัญเหมือนกันตรงนี้ข้างบนนั่นอาจจะพิมไม่ละเอียดพอเอาเป็นว่าบอกตรงนี้เลยละกันพ่อผมมีความคิดว่าเรียนให้เก่งๆเข้าไว้ไปเป็นหมอ ผู้พิพากษา อัยการ หรือ จบวิศวะ บัญชี และไปทำงานบริษัทชั้นนำและพ่อผมไม่ได้มองถึงอาชีพเสริมอะไรเลยๆมีแต่ความคิดที่จะกินเงินเดือนอย่างเดียวเลยต้องการอาชีพเงินเดือนสูงๆถ้าถามว่าอาชีพเงินเดือนสูงๆมันดีไหมก็ดีกว่าอาชีพเงินเดือนตำ่อยู่หรอกแต่ผมมองว่าคนเราัมนไม่ได้จบที่ทำงานกินเงินเือนแค่นั้นนี่ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะเป็นเพราะสังคมในที่ทำงานพ่อผมนั้นไม่มีคนทำอาชีพเสริมมีแต่พวกนั่งกินเงินเดือนไปวันๆแต่กลับกันที่ทำงานแม่ผมมีคนทำอาชีพเสริมมากมาย ทั้งขายของออนไลน์  เป็นนายหน้าที่ดิน ซื้อที่ดินมาขายเอากำไร ซึ่งถ้าถามว่าเห็นด้วยพ่อไหมตอบเลยว่าเห็นด้วยแค่ตรงที่เราก็ควรเรียนหนังสือเพื่องานที่มั่นคงแต่ก็ควรมองหาอาชีพเสริมไว้ด้วยแต่พ่อผมสนใจแต่เงินเดือนเป็นพวกอาชีพเสริม หรือการหาประสบการณ์ในชีวิตไม่สนับสนุนแต่ว่าแม่ผมสนับสนุนให้ขอแค่อย่าเสียการเรียนก็พอ
 

ออฟไลน์ yamamaya

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,956
  • ถูกใจแล้ว: 1333 ครั้ง
  • ความนิยม: +156/-113
  • รักทะเลและคุณทวด
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 06:52:37 PM »
[quote/]


ผมไม่ได้บอกว่าพ่อผมพูดผิดหมดนะเพียงแต่ผมมองว่าการเรียนมันก็สำคัญแต่การมองหาอาชีพเสริมมันก็สำคัญเหมือนกันตรงนี้ข้างบนนั่นอาจจะพิมไม่ละเอียดพอเอาเป็นว่าบอกตรงนี้เลยละกันพ่อผมมีความคิดว่าเรียนให้เก่งๆเข้าไว้ไปเป็นหมอ ผู้พิพากษา อัยการ หรือ จบวิศวะ บัญชี และไปทำงานบริษัทชั้นนำและพ่อผมไม่ได้มองถึงอาชีพเสริมอะไรเลยๆมีแต่ความคิดที่จะกินเงินเดือนอย่างเดียวเลยต้องการอาชีพเงินเดือนสูงๆถ้าถามว่าอาชีพเงินเดือนสูงๆมันดีไหมก็ดีกว่าอาชีพเงินเดือนตำ่อยู่หรอกแต่ผมมองว่าคนเราัมนไม่ได้จบที่ทำงานกินเงินเือนแค่นั้นนี่ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะเป็นเพราะสังคมในที่ทำงานพ่อผมนั้นไม่มีคนทำอาชีพเสริมมีแต่พวกนั่งกินเงินเดือนไปวันๆแต่กลับกันที่ทำงานแม่ผมมีคนทำอาชีพเสริมมากมาย ทั้งขายของออนไลน์  เป็นนายหน้าที่ดิน ซื้อที่ดินมาขายเอากำไร ซึ่งถ้าถามว่าเห็นด้วยพ่อไหมตอบเลยว่าเห็นด้วยแค่ตรงที่เราก็ควรเรียนหนังสือเพื่องานที่มั่นคงแต่ก็ควรมองหาอาชีพเสริมไว้ด้วยแต่พ่อผมสนใจแต่เงินเดือนเป็นพวกอาชีพเสริม หรือการหาประสบการณ์ในชีวิตไม่สนับสนุนแต่ว่าแม่ผมสนับสนุนให้ขอแค่อย่าเสียการเรียนก็พอ


ผมก็ไม่ได้ว่าคุณผิดครับ แค่อยากจะสื่อว่า


เด็กที่ประสบความสำเร็จแล้วน่ะไม่ว่าอาชีพอะไร
พ่อแม่ก็ไม่กล้าเถียงหรือบังคับอะไรหรอก
เพราะเด็กคนนั้นได้พิสูจน์แล้วว่าเก่งกว่าพ่อแม่หาเงินได้มากกว่าพ่อแม่


เพราะผมก็ไม่เคยเห็นพ่อแม่ เด็กที่ประสบความสำเร็จแล้ว
มาบังคับให้ลูกเลิกอาชีพที่ตัวเองรัก


แต่ถ้ายังไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพที่ตัวเองเลือก
ก็เป็นธรรมดาที่พ่อแม่จะยึดประสบการณ์ตัวเองมาบอกให้ลูกเดินตาม
เพราะอย่างน้อยทางนี้พ่อแม่ก็ผ่านมาแล้วพิสูจน์แล้วว่าอย่างน้อยก็หาเลี้ยงชีวิตได้



เราเกิดมาในโลกที่มีปัญหา เติบใหญ่จนเฒ่าชราก็เลยมีปัญหา
แย่งชิงกันเพื่ออำนาจวาสนา  แต่ตัวข้ารักเพียงการดื่มกิน...
 

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 07:08:41 PM »
เอาจริงๆการตามความฝันอย่างเดียวไม่พอ
มันต้องเรียนรู้เรื่องอื่นๆด้วย


อย่างคำที่ว่า ขายดีจนเจ๊ง 


ตัวอย่างก็ช่อง ยูทูบเบอร์ช่อง หมีกอด ออกมาประกาศว่าขาดทุนยับเพราะขายของดีเกินไป :o
เห็นว่าขาดทุน 17 ล้านเลยแหล่ะ :(

เพราะงั้นการเรียนมันก็สำคัญเน้อ ;D
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 07:14:40 PM »
[quote/]


ปัญหามันอยู่ที่ว่าให้ผู้ใหญ่ที่แก่กว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือใครก็ตามแต่มีอำนาจมากไปไงครับเช่น กฏที่ว่ารุ่นพี่ถูกเสมอมันเป็นไปได้เหรอครับที่คนๆนึงจะทำอะไรไม่มีวันผิดเลยน่ะครับ
หรือเวลาผู้ใหญ่จะตัดสินใจทำอะไรแล้วเด็กแย้งก็หาว่าเด็กเถียงแล้วก็ไม่ชี้แจงเหตุผลเลยว่าการตัดสินใจนั้นมันดียังไงมันถูกยังไง  หรือว่าเวลาผู้ใหญ่ทำตัวเหี้ยๆโดนเด็กด่าก็มาพูดว่าเป็นเด็กมาด่าผู้ใหญ่ได้ยังไงแบบนี้มันใช่เหรอครับสรุปว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วจะทำตัวเหี้ยๆยังไงก็ได้เหรอครับ???


ในความเห็นส่วนตัวผมผมมองว่าควรคุยกันด้วยเหตุผลและแย้งกันด้วยเหตุผลมากกว่าทั้งฝั่งเด็กและฝั่งผู้ใหญ่แต่ปัญหาคือหลายๆครั้งในไทยผู้ใหญ่มันชี้แจงเหตุผลไม่ได้มันถึงยกข้ออ้างพวกนี้ขึ้นมาเอาตัวอย่างคนใกล้ตัวผมเลยนะก็คือพ่อผมไงเวลาพ่อตัดสินใจทำอะไรแล้วโดนลูกไปซักไซ้ถึงเหตุผลในการตัดสินใจสิ่งที่พ่อถนัดเลยคือการอ้างว่าพ่อเป็นพ่อมาถามแบบนี้ได้ไงหรือแม่มาซักไซ้ก็จะมีข้ออ้างอื่นมาอ้างเพราะข้ออ้างที่ว่า พ่อเป็นพ่อนะมาซักไซ้อย่างนี้ ได้ไงมันใช้ไม่ได้แล้วแบบนี้มันใช่เหรอครับ???และก็เพิ่มเติมอีกอย่างนึงผมมองว่าสิ่งที่เด็กรุ่นใหม่มีกับคนแก่มีมันต่างกันสิ่งที่คนแก่มีคือประสบการณ์ตรงที่ได้มาจากการเผชิญโลกแต่ไม่มีแนวคิดหัวสมัยใหม่แต่คนรุ่นใหม่หลายๆคนไม่มีประสบการณ์แต่มีแนวคิดใหม่ๆซึ่งมันสอดคล้องและใช้ได้ดีในยุคปัจจุบันผมถึงว่าควรคุยและโต้แย้งกันด้วยเหตุผลเหมือนที่พิมไปข้างบน


อ้อแล้วมีอีกอย่างนะอันนี้คือสิ่งที่ผมเห็นรอบๆตัวเลยคือพ่อแม่มักรักลูกที่มีความสามารถด้านการเรียนเก่งมากกว่าลูกที่มีความสามารถด้านอื่นและให้การสนับสนุนและอวยลูกเรียนเก่งมากกว่าลูกเก่งด้านอื่นผมจึงถามพ่อผมคำตอบที่ได้คือ" สำหรับคนที่ไม่มีสมบัติอะไรไม่มีเส้นสายการเรียนเก่งถือว่าเป็นตัวกำหนดอนาคตได้มากเพราะการเข้าทำงานที่ต่างๆสอบแข่งกันเป็นหลักจึงทำให้คนมีโอกาสได้งานคือคนเรียนเก่ง " ทีนี้ถ้าถามว่าคำตอบที่พ่อตอบมาผิดไหมสำหรับผมในยุคก่อนล่ะก็ถูกต้องเพราะยุคก่อนจากที่เห็นคนที่มีเงินมีทองซื้อบ้านดีๆ ซื้อรถดีๆ มักเป็นคนที่ประกอบอาชีพมนุษย์เงินเดือนที่รายได้สูงซึ่งการเข้าไปเป็นมนุษย์เงินเดือนกลุ่มนี้ได้ต้องเรียนเก่งเช่น สอบไปเป็นหมอ เป็นนักบิน เป็นต้น  แต่ถ้าเป็นยุคนี้ผมว่าโลกมันเปลี่ยนไปเรียนเก่งในยุคนี้มันก็ได้เปรียบอยู่แต่มันไม่เท่ายุคก่อนแล้วมีอาชีพหลายอาชีพที่สามารถทำเงินได้เยอะโดยไม่ต้องเรียนเก่งมากกมายเช่น ดารา นักร้อง ขายของออนไลน์ ยูทูปเบอร์ และอาชีพพวกนี้เงินดีกว่ามนุษย์เงินเดือนทั่วๆไปเยอะเลยคนบางคนรับราชการไลน์สดขายของรายได้จากการขายมากกว่าเงินเดือนตั้งเยอะก็มี  สุดท้ายแล้วสิ่งที่อยากจะบอกหลังจากมายาวๆก็แค่ปัญหามันอยู่ตรงที่คนรุ่นเก่าบางคนค่อยที่จะยอมปรับตัวน่ะครับ


กลุ่มชาติพันธ์ ที่สุ้กับ รบ.ทหารพม่า ตอนนี้ ถ้าความรู้ผมไม่ผิด มันก็มีกลุ่มที่จีนหนุนหลังปนๆ อยู่ด่วย
พวกที่ไม่ได้เข้าร่วมก็
     ว้า ใช่มิ กับฉานเหนือ (เรียกถูกป่าววะ) ใส่เกียร์ว่าง ก็จริง แต่ลับหลังจริงๆ แอบช่วยอะไรหรือไม่ก็ไม่ทราบ หรืออาจไม่มีอะไรก็ได้ 

         สรุปจีนแทงกั๊กไว้หมดนั่นแหละ ใครจะอยู่จะไปยังไงตูก็มีทางไป จะเผด็จทหาร ตูก็ OK จะ ปชต. ยังไงก็มีช่องทางเจรจาร
        เห็นว่ากลุ่มชาติพันธ์ หรือสหพันธรัฐ มีโค๊ชเป็นคนที่เค๊ย เคยเป็นหน่วยพิเศษของบางประเทศที่อยู่อีกซีกโลกนะ
 ;D ;D ;D ;D 


    สุดท้ายอาจเหมือน อิรักไง  ขาใหญ่เขาคุยกันลับๆหลังเวที แบ่งๆกันไป ได้ลงตัว ได้กันไปคลละส่วน  แล้วทุกอย่างก็เงียบไปในสายลม ซัดดัมแม่งซวย 
 :P
พม่า มีทางลงทะเลให้จีน แล้วก็มีบ.ตะวันตกเข้าไปทำธุรกิจด้วยเช่นกัน คนที่ซวย มิน อ่อง ไลน์
 ;D

เอาจริงๆการตามความฝันอย่างเดียวไม่พอ
มันต้องเรียนรู้เรื่องอื่นๆด้วย


อย่างคำที่ว่า ขายดีจนเจ๊ง 


ตัวอย่างก็ช่อง ยูทูบเบอร์ช่อง หมีกอด ออกมาประกาศว่าขาดทุนยับเพราะขายของดีเกินไป :o
เห็นว่าขาดทุน 17 ล้านเลยแหล่ะ :(

เพราะงั้นการเรียนมันก็สำคัญเน้อ ;D


ถ้าผมจำไม่ผิด คำนวน อะไรบางอย่าง พลาด ไม่ได้บวก ราคาเข้าไป สรุปขายจนเจ๊งนั่นแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2021, 07:17:36 PM โดย sariora123 »
 

ออนไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,583
  • ถูกใจแล้ว: 18893 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-454
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 08:07:54 PM »
[quote/]

เดี๋ยวนะ!!  ทำไมในอักษรเล็กมันเขียนว่า  [เพราะระบบไทยมันเสร็จไว]  พออ่านถึงข้อความนี้แล้ว
รู้สึกคิดดีไม่ได้  คิดอกุศล  รู้สึกคิดแนว18+  :P
//สงสัยที่คิดเป็นเพราะอ่านมังงะในโลกที่อ่อนโยนหลายรอบแน่ๆ  :-[
//ทำสายตาบ๊องแบ๊ว 
หื่น!(ฮา)
ส่วนเรื่องศาสนาพุทธที่ท่านblack7บอกนี่ผมคิดว่าในเมืองไทยมันเป็นศาสนาพุทธปนผีไปนานแล้วครับ ทั้งๆที่ตัวศาสดาเองนี่ไม่ได้คิดแนวศาสนานะแต่เขาคิดแบบนักวิทยาศาสตร์เลยครับ. ปัญหาต้องหาสาเหตุ-หาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่บูชาพระเจ้าแล้วปัญหาจะหายไป. แล้วก็หัดให้สงสัยแม้กระทั่งที่เขาสอนเองก็อย่าเชื่อให้ไปคิดเองว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123, Black7nos, name123 และมีอีก 0 หมีที่ถูกใจสิ่งนี้

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,207
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 10:48:30 PM »
[quote/]หื่น!(ฮา)
ส่วนเรื่องศาสนาพุทธที่ท่านblack7บอกนี่ผมคิดว่าในเมืองไทยมันเป็นศาสนาพุทธปนผีไปนานแล้วครับ ทั้งๆที่ตัวศาสดาเองนี่ไม่ได้คิดแนวศาสนานะแต่เขาคิดแบบนักวิทยาศาสตร์เลยครับ. ปัญหาต้องหาสาเหตุ-หาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่บูชาพระเจ้าแล้วปัญหาจะหายไป. แล้วก็หัดให้สงสัยแม้กระทั่งที่เขาสอนเองก็อย่าเชื่อให้ไปคิดเองว่ามันเป็นจริงหรือเปล่า


จริงๆ ผมกับเพื่อนเองก็กำลังทำ Research แบบไม่เป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องพุทธสายมูเตลู มันมีข้อสมมุติฐานที่น่าสนใจอยู่สองข้อ


1.ตามที่คุณ @pol กล่าวนั่นแหละคือพุทธมาก่อนและผสมผีที่หลัง
2.เรานับถือผีแต่แรก แต่แค่ตอนนั้นพุทธกำลังเป็นเทรนด์ก็เลยจับผสมกัน คล้ายๆกับที่จีนนับถือกวนอิมมาก่อน พอพุทธมาก็ผสมพุทธเข้ากับกวนอิมเพื่อที่ความเชื่อและค่านิยมเดิมยังคงสามารถอยู่ต่อไปได้หรือเปล่า นี่คือการตั้งข้อสังเกตของผมนะ


ส่วนคุณ @ricca chan การมีความฝันเป็นเรื่องที่ดีครับ และคุณควรจะทำมันไปเลย เหมือนที่โยดาบอกว่าไม่มีการลังเลว่าจะลองหรือไม่ลอง มีแต่ทำหรือไม่ทำ


เล่าเรื่องผมคร่าวๆนะ หลังจากที่ผมสิ้นหวังกับวงการก่อสร้างอยู่ช่วงเวลาหนึ่งจนรู้สึกขยาด ช่วงนั้นผมเลยเอาเงินเก็บไปลงทุนสร้างที E-Sport Dota 2 เองเลย


เพราะผมเชื่อว่าผมก็มีความสามารถการเล่นซัพพอร์ทในระดับที่มั่นใจอยู่เหมือนกัน แล้วก็เริ่มเชิญชวนจากเว็บบ้าง คนที่เคยเล่นกันบ้างมาสร้างทีม


โดยเป้าหมายสูงสุดคือ สร้างทีมให้เข้ารอบคัดเลือก TI หรือรายการแข่งขันระดับอาเซียนเพื่อสร้างชื่อเสียงในการขอสปอนเซอร์


จริงๆ อยู่ที่ผลสุดท้าย มันจะจบที่ล้มเหลว ผมตกรอบสองตอนคัด TI เพราะเจอทีมที่มีผู้เล่นระดับแนวหน้าของอาเซียน แต่ทีมผมก็ดึงเกมส์ลากยาวไปจนถึง 2 ชั่วโมงจนมันก็เหนื่อยเหมือนกัน 555


แต่ว่าพอมามองย้อนดูผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดมันไม่ใช่เราไม่ได้อะไรเลยนะครับ ถึงแม้จะเสียเงินเก็บจากการลงทุนทำหลายอย่างก็ตาม


สิ่งที่ผมได้
1.เนื่องจากผมเป็นกัปตันทีม มันทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น และต้องคิดถึงใจเขาใจเรามากขึ้น E-Sport นั้น สภาพจิตใจของนักกีฬามีผลอย่างมากต่อผลการแข่ง ยิ่งกำลังใจดี อารมณ์ดี ผลการแข่งจะดีตาม
2.วินัยในการซ้อม คือการเป็นนักกีฬา E-Sport คุณต้องมีวินัยมาก ต้องตื่นแต่เช้าและก็นั่งซ้อมฝีมือกับการลง Rank ถึงเที่ยง จากนั้นก็ซ้อมทีมจนถึงเย็น เอาผลการซ้อมมานั่งวิเคราะห์ ต้องมาระดมสมองคิดแผนการเล่น และก็ซ้อมทีมอีกทีจนถึงเที่ยงคืน มันโหดเอาเรื่องนะ ยิ่งคุณมีวินัยมากเท่าไหร่ ฝีมือและทีมเวิร์คมันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
3.การที่ผมเป็นกัปตันทีม มันทำให้ผมต้องหยิบวีดีโอการแข่งของ Pro Player มานั่งดูตลอดเมื่อมีเวลาว่าง เพื่อเอาแผนของเขามาปรับใช้กับทีมเรา ผมเปิดเว็บ Dotabuff แทบจะตลอดเพื่อดูข้อมูลการวิเคราะห์ฮีโร่ต่างๆ ความเป็นไปได้ในการหา Playstyle
4.การรับมือแรงกดดัน ผมบอกเลยว่าการเล่นแข่งครั้งแรก และผมเป็นกัปตันดราฟตัว ผมมือสั่นเลย แรงกดดันขนาดเล่นแบบรอบออนไลน์กับเพื่อนมันมหาศาลมาก ทุกการดราฟฮีโร่ของเราเพื่อนเราฝากความหวังเอาไว้ เพราะกว่าครึ่งของเกมส์ Dota คือการเฉือนกันที่จังหวะดราฟตัว เพราะมันมีตัวชนะทางแพ้ทางกัน คุณต้องหาเวลาไปศึกษาฮีโร่ที่ถนัดของคู่แข่ง Playstyle ของคู่แข่ง เพื่อที่จะหาทางทำลายแผนของเขา ไม่แบน ก็ดราฟแย่งตัวถนัดอีกฝ่ายมาเล่นเอง
5.ได้ประสบการณ์จากที่ต้องเป็นเจ้าของทีมเอง ต้องติดต่อธุรกิจ เดินขอสปอนเซอร์(ไม่ได้เลย 555) ต้องหัดนั่งเรียนรู้และทำบัญชีเอง ผมเรียนวิศวฯ ไม่ได้เรียนบัญชี แต่พอได้ลองเรียนรู้บัญชี ท้ายที่สุดผมก็สามารถทำงานสายงานลูกผสมอย่าง Cost Engineer หรือ Contract Engineer ได้ เหมือนที่ผมทำงานอยู่ตอนนี้ก็ได้มาจากตอนศึกษาการทำบัญชีตอน Dota นี่แหละ


อันนี้คือสรุปคร่าวๆ แต่ Detail มันมีมากกว่านี้ แม้ผมจะล้มเหลว แต่มันไม่่ใช่ผมไม่ได้อะไรกลับมาเลย ทุกการกระทำมันเป็นบทเรียนให้เราจดจำและเรียนรู้ ได้ฝึกทักษะเรา มันจะขัดเกลาเราให้เก่งขึ้นในด้านต่างๆ ซึ่งพอผมกลับไปทำงานวิศวกร ก็ต้องยอมรับว่าทำงานได้ดีขึ้นและมีทัศนคติที่ดีกว่าเดิมมาก เพราะเราได้ลองทำสิ่งต่างๆมาแล้ว


มีคนถามผมว่าถ้าให้ย้อนเวลากลับไปจะลองทำทีม Dota ทั้งที่รู้ว่าล้มเหลวอีกมั้ย คำตอบผมคือผมทำครับ เพราะสิ่งที่ผมได้มาเป็นบทเรียนนั้น ผมถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยที่จะทำ


อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมเป็นอศาสนาอยู่แล้ว ดังนั้นผมเชื่อว่าชีวิตของเราเกิดมามีหนเดียวตายหนเดียว ไม่มีชาติหน้า ไม่มีโอกาสครั้งที่สอง หรือง่ายๆผมเป็นสาย YOLO


ดังนั้นเวลาทำอะไรผมจะใส่ให้สุด เพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลัง และยิ่งเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมาย


ไม่ใช่สัตว์ในปศุสัตว์ที่กิน,ขี้,ผสมพันธุ์และนอนรอวันถูกเชือดเป็นอาหารจานโปรด


พอในท้ายที่สุด ต่อให้มันจะล้มเหลว พอคุณลองมองย้อนกลับมา คุณก็ยังรู้สึกภูมิใจและหัวเราะไปกับมันที่ได้ทำสิ่งนั้น


อย่างเรื่องเผ่ามังกรฟ้า เรื่องเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่คนตาย ผมบอกเลยว่าผมไม่เคยเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว


เพราะอย่างไรมนุษย์ก็ต้องตายอยู่แล้ว จะตายแบบได้ทำอะไรซักอย่างแบบไม่เสียใจภายหลัง หรือแก่ตายแบบสูญเปล่าเหมือนปศุสัตว์


ก็คือต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครหนีความตายได้ ทำไมเราไม่ลองท้าทายขีดจำกัดของตัวเองดูหน่อยละ


ก่อนตายจะได้มีอะไรไว้คุยโม้กับคนอื่นว่าได้ลองทำอะไรบ้าๆแบบที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน555


เกิดมามีชีวิตเดียว ทำไมเราต้อง Play Safe อยู่ในกรอบที่คนเขาสร้างขึ้นด้วย


สู้เสี่ยงทำให้สำเร็จและกลายเป็นตำนานเล่าขานแก่ชนรุ่นหลังไม่ดีกว่าเหรอ
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol, Taw

ออฟไลน์ Taw

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,352
  • ถูกใจแล้ว: 584 ครั้ง
  • ความนิยม: +47/-605
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 11:06:56 PM »
[quote/]


จริงๆ ผมกับเพื่อนเองก็กำลังทำ Research แบบไม่เป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องพุทธสายมูเตลู มันมีข้อสมมุติฐานที่น่าสนใจอยู่สองข้อ


1.ตามที่คุณ @pol กล่าวนั่นแหละคือพุทธมาก่อนและผสมผีที่หลัง
2.เรานับถือผีแต่แรก แต่แค่ตอนนั้นพุทธกำลังเป็นเทรนด์ก็เลยจับผสมกัน คล้ายๆกับที่จีนนับถือกวนอิมมาก่อน พอพุทธมาก็ผสมพุทธเข้ากับกวนอิมเพื่อที่ความเชื่อและค่านิยมเดิมยังคงสามารถอยู่ต่อไปได้หรือเปล่า นี่คือการตั้งข้อสังเกตของผมนะ


ส่วนคุณ @ricca chan การมีความฝันเป็นเรื่องที่ดีครับ และคุณควรจะทำมันไปเลย เหมือนที่โยดาบอกว่าไม่มีการลังเลว่าจะลองหรือไม่ลอง มีแต่ทำหรือไม่ทำ


เล่าเรื่องผมคร่าวๆนะ หลังจากที่ผมสิ้นหวังกับวงการก่อสร้างอยู่ช่วงเวลาหนึ่งจนรู้สึกขยาด ช่วงนั้นผมเลยเอาเงินเก็บไปลงทุนสร้างที E-Sport Dota 2 เองเลย


เพราะผมเชื่อว่าผมก็มีความสามารถการเล่นซัพพอร์ทในระดับที่มั่นใจอยู่เหมือนกัน แล้วก็เริ่มเชิญชวนจากเว็บบ้าง คนที่เคยเล่นกันบ้างมาสร้างทีม


โดยเป้าหมายสูงสุดคือ สร้างทีมให้เข้ารอบคัดเลือก TI หรือรายการแข่งขันระดับอาเซียนเพื่อสร้างชื่อเสียงในการขอสปอนเซอร์


จริงๆ อยู่ที่ผลสุดท้าย มันจะจบที่ล้มเหลว ผมตกรอบสองตอนคัด TI เพราะเจอทีมที่มีผู้เล่นระดับแนวหน้าของอาเซียน แต่ทีมผมก็ดึงเกมส์ลากยาวไปจนถึง 2 ชั่วโมงจนมันก็เหนื่อยเหมือนกัน 555


แต่ว่าพอมามองย้อนดูผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดมันไม่ใช่เราไม่ได้อะไรเลยนะครับ ถึงแม้จะเสียเงินเก็บจากการลงทุนทำหลายอย่างก็ตาม


สิ่งที่ผมได้
1.เนื่องจากผมเป็นกัปตันทีม มันทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้น และต้องคิดถึงใจเขาใจเรามากขึ้น E-Sport นั้น สภาพจิตใจของนักกีฬามีผลอย่างมากต่อผลการแข่ง ยิ่งกำลังใจดี อารมณ์ดี ผลการแข่งจะดีตาม
2.วินัยในการซ้อม คือการเป็นนักกีฬา E-Sport คุณต้องมีวินัยมาก ต้องตื่นแต่เช้าและก็นั่งซ้อมฝีมือกับการลง Rank ถึงเที่ยง จากนั้นก็ซ้อมทีมจนถึงเย็น เอาผลการซ้อมมานั่งวิเคราะห์ ต้องมาระดมสมองคิดแผนการเล่น และก็ซ้อมทีมอีกทีจนถึงเที่ยงคืน มันโหดเอาเรื่องนะ ยิ่งคุณมีวินัยมากเท่าไหร่ ฝีมือและทีมเวิร์คมันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ
3.การที่ผมเป็นกัปตันทีม มันทำให้ผมต้องหยิบวีดีโอการแข่งของ Pro Player มานั่งดูตลอดเมื่อมีเวลาว่าง เพื่อเอาแผนของเขามาปรับใช้กับทีมเรา ผมเปิดเว็บ Dotabuff แทบจะตลอดเพื่อดูข้อมูลการวิเคราะห์ฮีโร่ต่างๆ ความเป็นไปได้ในการหา Playstyle
4.การรับมือแรงกดดัน ผมบอกเลยว่าการเล่นแข่งครั้งแรก และผมเป็นกัปตันดราฟตัว ผมมือสั่นเลย แรงกดดันขนาดเล่นแบบรอบออนไลน์กับเพื่อนมันมหาศาลมาก ทุกการดราฟฮีโร่ของเราเพื่อนเราฝากความหวังเอาไว้ เพราะกว่าครึ่งของเกมส์ Dota คือการเฉือนกันที่จังหวะดราฟตัว เพราะมันมีตัวชนะทางแพ้ทางกัน คุณต้องหาเวลาไปศึกษาฮีโร่ที่ถนัดของคู่แข่ง Playstyle ของคู่แข่ง เพื่อที่จะหาทางทำลายแผนของเขา ไม่แบน ก็ดราฟแย่งตัวถนัดอีกฝ่ายมาเล่นเอง
5.ได้ประสบการณ์จากที่ต้องเป็นเจ้าของทีมเอง ต้องติดต่อธุรกิจ เดินขอสปอนเซอร์(ไม่ได้เลย 555) ต้องหัดนั่งเรียนรู้และทำบัญชีเอง ผมเรียนวิศวฯ ไม่ได้เรียนบัญชี แต่พอได้ลองเรียนรู้บัญชี ท้ายที่สุดผมก็สามารถทำงานสายงานลูกผสมอย่าง Cost Engineer หรือ Contract Engineer ได้ เหมือนที่ผมทำงานอยู่ตอนนี้ก็ได้มาจากตอนศึกษาการทำบัญชีตอน Dota นี่แหละ


อันนี้คือสรุปคร่าวๆ แต่ Detail มันมีมากกว่านี้ แม้ผมจะล้มเหลว แต่มันไม่่ใช่ผมไม่ได้อะไรกลับมาเลย ทุกการกระทำมันเป็นบทเรียนให้เราจดจำและเรียนรู้ ได้ฝึกทักษะเรา มันจะขัดเกลาเราให้เก่งขึ้นในด้านต่างๆ ซึ่งพอผมกลับไปทำงานวิศวกร ก็ต้องยอมรับว่าทำงานได้ดีขึ้นและมีทัศนคติที่ดีกว่าเดิมมาก เพราะเราได้ลองทำสิ่งต่างๆมาแล้ว


มีคนถามผมว่าถ้าให้ย้อนเวลากลับไปจะลองทำทีม Dota ทั้งที่รู้ว่าล้มเหลวอีกมั้ย คำตอบผมคือผมทำครับ เพราะสิ่งที่ผมได้มาเป็นบทเรียนนั้น ผมถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อยที่จะทำ


อย่างที่ผมเคยบอกว่าผมเป็นอศาสนาอยู่แล้ว ดังนั้นผมเชื่อว่าชีวิตของเราเกิดมามีหนเดียวตายหนเดียว ไม่มีชาติหน้า ไม่มีโอกาสครั้งที่สอง หรือง่ายๆผมเป็นสาย YOLO


ดังนั้นเวลาทำอะไรผมจะใส่ให้สุด เพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลัง และยิ่งเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากมาย


ไม่ใช่สัตว์ในปศุสัตว์ที่กิน,ขี้,ผสมพันธุ์และนอนรอวันถูกเชือดเป็นอาหารจานโปรด


พอในท้ายที่สุด ต่อให้มันจะล้มเหลว พอคุณลองมองย้อนกลับมา คุณก็ยังรู้สึกภูมิใจและหัวเราะไปกับมันที่ได้ทำสิ่งนั้น


อย่างเรื่องเผ่ามังกรฟ้า เรื่องเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่คนตาย ผมบอกเลยว่าผมไม่เคยเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว


เพราะอย่างไรมนุษย์ก็ต้องตายอยู่แล้ว จะตายแบบได้ทำอะไรซักอย่างแบบไม่เสียใจภายหลัง หรือแก่ตายแบบสูญเปล่าเหมือนปศุสัตว์


ก็คือต้องตายเหมือนกัน ไม่มีใครหนีความตายได้ ทำไมเราไม่ลองท้าทายขีดจำกัดของตัวเองดูหน่อยละ


ก่อนตายจะได้มีอะไรไว้คุยโม้กับคนอื่นว่าได้ลองทำอะไรบ้าๆแบบที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน555


เกิดมามีชีวิตเดียว ทำไมเราต้อง Play Safe อยู่ในกรอบที่คนเขาสร้างขึ้นด้วย


สู้เสี่ยงทำให้สำเร็จและกลายเป็นตำนานเล่าขานแก่ชนรุ่นหลังไม่ดีกว่าเหรอ

พอเห็นรีพลายนี้แล้วใจสู้ขึ้นเยอะ ช่วงนี้กำลังเขียนนิยายในเว็ปเขียวอ่อนเกี่ยวกับการเสียดสีสังคมโรงเรียนรัฐ ชื่อตัวละครก็ใช้จากนักการเมืองและคนดังต่างๆ

สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

เช่น ผอ.สุเทพ เป็น ผอ.ที่เบื้องหน้าปากหวาน เบื้องหลังแอบฉ้อโกง มีเมียชื่อคุณหญิงจันทร์ทิพย์ แต่แอบกิ๊กกับคุณนายลิ้มทองผู้เป็นน้องสาว
สปอยส์ ซ่อน ซ่อน:

ช่วงคบกับจันทร์ทิพย์ใหม่ๆนี่ขอบคุณๆมาก ที่ช่วยเสนอไอเดียวเรื่องประวัติ ผอ.สุเทพ เอามาปรับใช้ได้เยอะเลย

นอกจากนี้ก็ยังมีฝ่ายนักเรียน คือโบว์ ลูกสาวพลเอกอภิสิทธิ์ ชอบรังแกคนอื่น มีแฟนชื่อจ๊าบ(จักรภพ) ลูกสารวัตรอานันท์ นิสัยชอบรังแกคนอื่นเหมือนกัน คู่หูคู่เลวประจำห้อง มีเบ๊ประจำตัวคือถนอมกับธนรัชต์ โดยถนอมมีพี่ชายเป็นประธานนักเรียน คือสี(สนธิ) ประธานผู้มีวาทะศิลป์ดี แต่เบื้องหลังแอบโจ๊ะๆกับครูเพื่อผลระโยชน์

ตอนนี้มีไฟสุดๆไปเลย
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 11:35:28 PM »
พูดถึง เรื่องในโรงเรียน แล้วนึกถึงโรงเรียนเก่าผมนะ ก็ตั้งแต่ปี 2548 ปีที่จบนั่นแหละ


เจ๋งไม่เจ๋ง โรงเรียนผมไม่เคยมีผอ. อยู่เกิน 2 ปีเลยสักคน คนล่าสุดเป็นตาลุงไว้หนวดที่ไม่ค่อยมีใครชอบนัก แต่แกอยู่ได้ทนที่สุดแล้ว


ยกตัวอย่างก่อนหน้าๆผอ.คนท้ายสุดที่ผมอยู่ด้วยคือ คือ
ค่าไฟโรงเรียน 8 หลักนะครับ  :P
ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ และย้ำว่า ตั้งแต่สมัย 2545-2548 โน่น
ค่าไฟขนาดนี้ ยังกับเปิดโรงงานเลยแฮะ
 ;D 
 

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 11:37:20 PM »
ตอนอายุน้อยๆอยากเสี่ยงก็เสี่ยงตามสบายเลยครับไม่ต้องกลัว


แต่เอาแค่ปัจจุบันไปเสี่ยงพออย่าเอาอนาคตไปเสี่ยงด้วยเด็ดขาด
โดยเฉพาะ ไม่ตายไม่ถอย ถึงจะไม่ตาย แต่บางคนก็สาหัสไปเลยกว่าจะหาย ก็หลายปี


อย่างบางคนเสี่ยงไม่ใส่ถุง ติดขึ้นมาต้องดูแลไปตลอดชีวิต


หรือบางคนก็ไป....ของคนอื่น สุดท้ายกลายเป็นศพ


เป็นวัยรุ่นล้มก็ลุกใหม่ แต่พอแก่ตัวมาการล้มครั้งนึง
อาจจะหมายถึงความเสียหายนับสิบๆปี


จะเสี่ยงอะไรก็ให้มีวินัยด้วย อย่าเอาอนาคตมาเสี่ยง
จะลุยอะไรก็ให้มองทางถอยไว้ด้วย เผื่อพลาด
คนส่วนใหญ่ที่ตามฝันก็พลาดทั้งนั้น


ดูง่ายๆ มีบ.ที่เปิดบริการเอาเกมเข้ามาให้คนไทยเล่น
แต่ก่อนเฟื่องฟูมาก สุดท้ายเหลือแต่บ.หน้าเดิม


ดาราเกิดใหม่มากมาย แต่คนดูเท่าๆเดิม


นักบอลเด็กไปสมัครเข้าอคาเดมี่ ทีมบุรีรัม ปีนึงๆเป็นหมื่น
แต่คนที่จะได้เป็นอาชีพจริงๆมีแค่ น่าจะราวๆ 30-50 คน
แต่คนที่จะอยู่ดีมีสุขคงไม่เกิน 20-30 คนจาก อายุ20-30 ปี
หรือคนนับแสน สำเร็จไม่เกิน 50 คน


สรุปคือ ไม่ว่าจะฝันอันไหนๆ เกือบทุกฝันที่เด็กฝันจะเป็น
โอกาสคนที่ล้มเหลวคือ 99% ขึ้นไป


แต่การที่พลาดฝันแรกก็อาจไปสำเร็จในฝันต่อๆไปได้


แต่ถ้าไม่เหลือทางเดินอื่นไว้เลยคือหาที่ตายเลยแหล่ะ


ไม่เชื่อดูสิ มีกี่คนกันที่รักครั้งแรกก็ยืนยาวไปจนแก่ ;D
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: เมษายน 18, 2021, 11:44:04 PM »
เคยเห็นคู่เดียว อ่ะนะ สมัยเรียน เป็นแฟนกันมาตั่งแต่ มัธยม จบมาไปทำงานเป็นครูสอน เด็กอนุบาลด้วยกันอีก
 

ออฟไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,207
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: เมษายน 19, 2021, 09:59:05 AM »
ตอนอายุน้อยๆอยากเสี่ยงก็เสี่ยงตามสบายเลยครับไม่ต้องกลัว


แต่เอาแค่ปัจจุบันไปเสี่ยงพออย่าเอาอนาคตไปเสี่ยงด้วยเด็ดขาด
โดยเฉพาะ ไม่ตายไม่ถอย ถึงจะไม่ตาย แต่บางคนก็สาหัสไปเลยกว่าจะหาย ก็หลายปี


อย่างบางคนเสี่ยงไม่ใส่ถุง ติดขึ้นมาต้องดูแลไปตลอดชีวิต


หรือบางคนก็ไป....ของคนอื่น สุดท้ายกลายเป็นศพ


เป็นวัยรุ่นล้มก็ลุกใหม่ แต่พอแก่ตัวมาการล้มครั้งนึง
อาจจะหมายถึงความเสียหายนับสิบๆปี


จะเสี่ยงอะไรก็ให้มีวินัยด้วย อย่าเอาอนาคตมาเสี่ยง
จะลุยอะไรก็ให้มองทางถอยไว้ด้วย เผื่อพลาด
คนส่วนใหญ่ที่ตามฝันก็พลาดทั้งนั้น


ดูง่ายๆ มีบ.ที่เปิดบริการเอาเกมเข้ามาให้คนไทยเล่น
แต่ก่อนเฟื่องฟูมาก สุดท้ายเหลือแต่บ.หน้าเดิม


ดาราเกิดใหม่มากมาย แต่คนดูเท่าๆเดิม


นักบอลเด็กไปสมัครเข้าอคาเดมี่ ทีมบุรีรัม ปีนึงๆเป็นหมื่น
แต่คนที่จะได้เป็นอาชีพจริงๆมีแค่ น่าจะราวๆ 30-50 คน
แต่คนที่จะอยู่ดีมีสุขคงไม่เกิน 20-30 คนจาก อายุ20-30 ปี
หรือคนนับแสน สำเร็จไม่เกิน 50 คน


สรุปคือ ไม่ว่าจะฝันอันไหนๆ เกือบทุกฝันที่เด็กฝันจะเป็น
โอกาสคนที่ล้มเหลวคือ 99% ขึ้นไป


แต่การที่พลาดฝันแรกก็อาจไปสำเร็จในฝันต่อๆไปได้


แต่ถ้าไม่เหลือทางเดินอื่นไว้เลยคือหาที่ตายเลยแหล่ะ


ไม่เชื่อดูสิ มีกี่คนกันที่รักครั้งแรกก็ยืนยาวไปจนแก่ ;D


ได้ทำแล้วล้มเหลวดีกว่าไม่ได้ทำครับ


เหมือนในกระบี่เย้ยยุทธจักร ตอนฟงชิงหยางสอนกระบี่เก้าเดียวดายแก่ตัวเอกเหล่งหูชงโดยเปรียบเทียบกับนักกวีแต่งกลอนว่า ซึ่งกล่าวว่า


"ต่อให้เจ้าได้อ่านบทกลอนร้อยบทพันบท เจ้าก็ไม่สามารถเป็นนักกวีเอกได้ ถ้าเจ้าไม่ฝึกหัดที่จะแต่งกลอนกวีด้วยตัวเอง"


การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการได้ปฏิบัติด้วยตัวเอง เพราะเมื่อตัวเองปฏิบัติแล้วทำผิดก็จะรู้ข้อผิดพลาดเป็นบทเรียนให้นำไปแก้ไขพัฒนาต่อไป


มันไม่มีอะไรที่เสียเปล่าหรอกครับ ทุกครั้งที่คุณล้มเหลว นั่นคือคุณได้รับอะไรบางอย่างมา เพียงแต่คุณจะตระหนักหรือไม่มันเป็ฯอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ yamamaya

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,956
  • ถูกใจแล้ว: 1333 ครั้ง
  • ความนิยม: +156/-113
  • รักทะเลและคุณทวด
Re: ถ้าจะแก้ปัญหา แก้ระบบสำคัญกว่าบุคคล
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: เมษายน 19, 2021, 10:59:42 AM »
บอกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่เสียเปล่านี่ผมนี้เอ็นดูในความใสเลยครับ :)


แต่ถ้าจะเชื่อแบบนั้นแล้วมีกำลังใจสู้ชีวิตก็ไม่ผิดฮะอย่างน้อยก็เป็นการคิดบวก


ส่วนผมต่อให้อยากจะเชื่อแบบนั้นแต่ความจริงมันก็ยัดเยียดให้ผมรู้อยู่ดี
ว่าโลกนี้การหลงไปทำอะไรโง่ๆแล้วความสูญเปล่าน่ะมันมีจริงๆ


ไม่งั้นคงไม่มีคำว่าสิ้นหวังให้ได้ยินหรอกฮะ :)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 19, 2021, 11:15:09 AM โดย yamamaya »


เราเกิดมาในโลกที่มีปัญหา เติบใหญ่จนเฒ่าชราก็เลยมีปัญหา
แย่งชิงกันเพื่ออำนาจวาสนา  แต่ตัวข้ารักเพียงการดื่มกิน...
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก