แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: [ชวนคิด] Culture War และ ‘เขตปลอดทหาร’  (อ่าน 642 ครั้ง)

ออฟไลน์ Flady

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 432
  • ถูกใจแล้ว: 821 ครั้ง
  • ความนิยม: +54/-15
[ชวนคิด] Culture War และ ‘เขตปลอดทหาร’
« เมื่อ: เมษายน 02, 2021, 11:23:53 AM »
เราจะไม่แก้ตัวหรอกนะว่าเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสถานการณ์ปัจจุบันเลย แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็เชื่อว่าหัวข้อนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจและมีประโยชน์กับคนที่เก็บเอาไปคิดอย่างจริงจังล่ะนะ
เอาล่ะ! อาจจะยาวไปหน่อย (...เหมือนกับทุกๆครั้ง) แต่ก็ขอรบกวนด้วยน้า~  :-[
(ครั้งนี้ ขอล่ะ... จะไม่ตอบหรือว่าไม่อ่านเลยก็ไม่ว่า แต่อย่างน้อยถ้าจะตอบก็ขอให้ช่วยอ่านให้ละเอียดและจับใจความด้วยเถอะ นะ? บทสนทนาที่ดี
...ไม่สิ บทสนทนาน่ะ ต้องเริ่มต้นจากการที่คนตั้งใจรับสิ่งที่คนอื่นพยายามจะสื่อล่ะนะ จริงไหม?)


เอาล่ะ... จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี  :D? อ่า ใช่! Culture War! ถึงจริงๆแล้วเรื่องที่เราจะพูดถึงจริงๆนั้นถูกจำกัดอยู่ที่ความขัดแย้งภายในอเมริกาเป็นหลักก็เถอะ!
เอาเป็นว่าเวลาเราพูดถึง Culture War ให้เข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงความขัดแย้งของมุมมองทางสังคมในอเมริกาอยู่นะ โอเค?
ตัวอย่างประเด็นความขัดแย้งนั้นก็เช่น สีผิว เพศ อาวุธปืน ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเด็นก็เป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูดถึงในครั้งนี้
ประเด็นก็คือว่าหัวข้อพวกนี้ทำให้สังคมอเมริกาเกิดการแตกแยกและแบ่งกลุ่มกันตามมุมมองของแต่ละคนต่อปัญหาทางสังคมและวัฒนธรรม
ซึ่ง... แน่นอนว่าทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา ผลลัพธ์ก็... ตามที่เห็น...  :o


เข้าสู่เรื่องที่เราอยากจะพูดถึงจริงๆสักที ถึงจะบอกว่าเกิดการแบ่ง ‘กลุ่ม’ ขึ้น ในความเป็นจริงแล้ว คนที่มีมุมมองสุดขั้วจนสามารถแบ่งแยกได้ว่าอยู่ ‘กลุ่ม’ ไหนอย่างชัดเจนนั้น
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นเมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือในขณะที่เกือบทุกคนมี ‘ฝั่ง’ เป็นของตัวเองกัน คนส่วนใหญ่ยังอยู่แค่ที่ตรงกลางๆระหว่างทั้งสอง ‘กลุ่ม’
แต่สถานการณ์กลับดูเหมือนว่าแต่ละ ‘ฝั่ง’ แบ่งแยกกันเป็น ‘กลุ่ม’ โดยสมบูรณ์ (อย่างน้อยในอเมริกาก็เป็นอย่างนั้น) ซึ่งก็เป็นการส่งเสริมให้คนของแต่ละ ‘กลุ่ม’ ทำการแบ่งแยกและดึงคนเข้า ‘กลุ่ม’ ของตัวเองมากขึ้น
ทีนี้ปัญหาก็เลยเกิดขึ้นมา คนของแต่ละ ‘กลุ่ม’ ทำการปลุกระดม เชิญชวนและโจมตีใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ยั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของ ‘สงคราม’
แต่ผลที่เกิดขึ้นตามมาจาก ‘สงคราม’ ก็คือประชาชนทั้งสองฝั่งเกิดบาดเจ็บและเหนื่อยล้าจาก ‘สงคราม’ ระหว่าง ‘ฝั่ง’ ซึ่งสิ่งที่พวกเค้าทำในระหว่างที่ ‘สงคราม’ กำลังดำเนินต่อไปนั้นก็คือ
การเข้าไปพักฟื้นใน ‘เขตปลอดทหาร’ ซึ่ง ‘เขตปลอดทหาร’ ในที่นี้ก็คือสื่อบันเทิงและงานอดิเรก อย่างเช่น ภาพยนตร์ นิยาย เกม หรือแม้กระทั่งมังงะและอนิเมะ
รวมไปถึงชุมชนออนไลน์ของกลุ่มคนที่ชื่นชอบสื่อบันเทิงและงานอดิเรกเหล่านี้ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนที่บาดเจ็บและอ่อนล้าจาก ‘สงคราม’ มีแรงใจเผชิญหน้ากับวันพรุ่งนี้ต่อไปได้
สถานการณ์ดูจะค่อยๆดีขึ้น... จนกระทั่งเหล่า ‘ทหาร’ กลับมาจาก ‘แนวหน้า’...  :o


ดูเหมือนว่าเหล่า ‘ทหาร’ จะไม่พอใจที่ประชาชนนอนพักฟื้นอยู่ใน ‘เขตปลอดทหาร’ และไม่ยอมเข้าต่อสู้เพื่อ ‘ฝั่ง’ ของตัวเอง นอกจากจะปลุกระดมเรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นสู้แล้ว
พวก ‘ทหาร’ ยังเปิดฉากระดมยิงกันกลาง ‘เขตปลอดทหาร’ อีกต่างหาก ทั้งที่จริงๆแล้วประชาชนใน ‘เขตปลอดทหาร’ หลายๆคนอยู่ ‘ฝั่ง’ เดียวกันกับพวก ‘ทหาร’ ที่เข้ามาบุกรุก
ประชาชนบางคนเป็น ‘ทหาร’ ที่เพิ่งจะปลดประจำการมาจาก ‘แนวหน้า’ เสียด้วยซ้ำ ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนที่กำลังพักฟื้นอยู่ใน ‘เขตปลอดทหาร’
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจก็คือ หลังจากที่ประชาชนใน ‘เขตปลอดทหาร’ ตั้งหลักได้พวกเค้าก็ลุกขึ้นสู้จริงๆ แต่ไม่ใช่เพื่อ ‘ฝั่ง’ เดิมของตัวเอง ประชาชนทุกคนใน ‘เขตปลอดทหาร’
ร่วมมือร่วมใจกันโดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายต่อสู้ขับไล่ ‘ทหาร’ ที่ไม่รู้จักเคารพ ‘อนุสัญญาเจนีวา’ ออกไป ในบางครั้งพวกเค้าโกรธมากถึงขนาดที่ยอมจับมือกับ ‘ทหาร’ จาก ‘ฝั่ง’ ศัตรู
เพื่อที่จะไล่ผู้บุกรุกออกไปจาก ‘เขตปลอดทหาร’ เสียด้วยซ้ำ   :o


ในที่สุดก็มาถึงคำถามที่เราต้องการจะถามตั้งแต่แรกกันเสียที  :o คนที่ตั้งใจอ่านมาจนถึงตอนนี้คงพอจะจับประเด็นได้แล้วว่าเราต้องการจะสื่อถึงอะไร
แต่เราก็ยังคงจะถามอยู่ดี ทุกคนคิดยังไงกับ ‘เขตปลอดทหาร’? การปลุกระดมหรือว่าเปิดสงครามในสถานที่ที่คนแต่ละฝ่ายละทิ้งความขัดแย้งเอาไว้เบื้องหลังเพื่อที่จะผ่อนคลาย
ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่? มีเหตุผลยังไงถึงบอกว่าได้หรือว่าไม่ได้กัน? หรือว่าแนวคิดเรื่อง ‘เขตปลอดทหาร’ เป็นอะไรไร้สาระมาตั้งแต่แรกแล้ว?  ;)
...ถ้ายังไม่ชัดเจนพอ (ซึ่งเราคิดว่ามันยิ่งกว่าชัดเสียอีก :o)  ‘สงคราม’ กับ ‘เขตปลอดทหาร’ ที่เราพูดถึงนั้นไม่ใช่เรื่องของสงครามร้อนจริงๆ
แต่หมายถึงการที่ผู้คนโจมตีหรือปลุกระดมผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างหาก ‘เขตปลอดทหาร’ ในที่นี้ก็คือแหล่งลี้ภัยจากพิษการเมืองและเรื่องดราม่า
ซึ่งในสมัยก่อนทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเป็น ‘เขตปลอดสงคราม’ แต่การที่บริบทปัจจุบันเปลี่ยนไปทำให้ดูเหมือนว่าจะไม่ใครใส่ใจเรื่องอย่างนี้แล้ว
ความศักดิ์สิทธิ์ของแหล่งลี้ภัยนี้ควรจะถูกเก็บรักษาเอาไว้ไหม? ถ้ามันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง ควรจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร? หรือว่าจะให้ยกเลิก ‘อนุสัญญาเจนีวา’ ไปเลย?
สำหรับคนที่ตามอ่านมาจนถึงจุดนี้และเก็บไปคิดอย่างจริงจัง เราขอขอบคุณจากใจจริงเลยล่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะ  :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 02, 2021, 12:32:12 PM โดย Flady »
LN&Manga Connoisseur(ฝึกหัด) (แต่งตั้งตัวเอง)
อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดบริการแนะนำ(กึ่งยัดเยียด)อาหาร(นิยาย/มังงะ)
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: daily

ออฟไลน์ daily

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 398
  • ถูกใจแล้ว: 157 ครั้ง
  • ความนิยม: +8/-10
Re: [ชวนคิด] Culture War และ ‘เขตปลอดทหาร’
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 02, 2021, 12:05:30 PM »
แนวคิดเขตปลอดทหารที่หมายถึงเขตที่ห้ามมีการขัดแย้ง  ในปัจจุบันก็มีหลายจุด  เป็นสิ่งที่รับได้และควรมี

เหตุผลที่ควรมี  เหตุผลที่รับได้  และเขตปลอดความขัดแย้งนั้นๆบางทีก็คือเขตที่รับรู้กันเป็นการภายใน
รับรู้กันโดยทั่วไปโดยไม่ร่างกฏรองรับก็มี  ก็เพื่อกันดราม่า

เหตุผลที่รับได้ก็เพราะ  มันไม่ใช่ว่าคนจากฝ่ายใดๆจะมีความคิดรุนแรงกันทุกคน  บางคนก็อยากสนับสนุนแบบ
เงียบๆหรือแบบสันติ  หรือบางคนก็ปวดหัวไม่อยากจะอะไร  อยากที่จะอยู่เฉยๆ  เพราะงั้นโดยปกติมันย่อมมี
เขตปลอดทหารเขตห้ามมีการขัดแย้ง  ในแทบทุกที่ของสงคราม  อย่างเกาหลีเหนือใต้ยังมีเขตนี้เลย

จะเรียกว่ามันเป็นเขตกันชนก็ได้  ถ้ามันทำหน้าที่เป็นเขตกันชนด้วย  จะเรียกว่าเป็นเขตทำข้อตกลงก็ได้
หรือเป็นเขตโซนเพื่อมนุษยธรรม  เป็นเขตของผู้ยิ้มเย้ยยุทธจักรก็ได้  ฮา


หลายประเทศทั่วโลกก็ทำตัวเป็นเขตปลอดความขัดแย้งนะ  ในยุโรปก็มี  ส่วนใหญ่ทั่วโลกมักจะเป็น
สถานที่พักผ่อนต่างๆ  ที่กำหนดต่อให้ประเทศใดๆกำลังเขม็งเกรียวใส่กัน  แต่ถ้ามาเจอกันในโซนๆนี้
ก็ห้ามเปิดศึกใส่กัน  ไทยเราก็พยายามทำตัวเป็นแบบนั้น  ผู้คนในประเทศคู่ขัดแย้งเดินชนไหล่กัน
ในสุขุมวิทย่านนานา  ก็ห้ามมีเรื่องกัน  ถ้ามีเรื่องกัน  เชิญขึ้นรถตู้ออกประเทศไป
 

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,379
  • ถูกใจแล้ว: 2053 ครั้ง
  • ความนิยม: +191/-397
  • เพศ: ชาย
Re: [ชวนคิด] Culture War และ ‘เขตปลอดทหาร’
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 02, 2021, 05:02:31 PM »
แนวคิดเขตปลอดทหารที่หมายถึงเขตที่ห้ามมีการขัดแย้ง  ในปัจจุบันก็มีหลายจุด  เป็นสิ่งที่รับได้และควรมี

เหตุผลที่ควรมี  เหตุผลที่รับได้  และเขตปลอดความขัดแย้งนั้นๆบางทีก็คือเขตที่รับรู้กันเป็นการภายใน
รับรู้กันโดยทั่วไปโดยไม่ร่างกฏรองรับก็มี  ก็เพื่อกันดราม่า

เหตุผลที่รับได้ก็เพราะ  มันไม่ใช่ว่าคนจากฝ่ายใดๆจะมีความคิดรุนแรงกันทุกคน  บางคนก็อยากสนับสนุนแบบ
เงียบๆหรือแบบสันติ  หรือบางคนก็ปวดหัวไม่อยากจะอะไร  อยากที่จะอยู่เฉยๆ  เพราะงั้นโดยปกติมันย่อมมี
เขตปลอดทหารเขตห้ามมีการขัดแย้ง  ในแทบทุกที่ของสงคราม  อย่างเกาหลีเหนือใต้ยังมีเขตนี้เลย

จะเรียกว่ามันเป็นเขตกันชนก็ได้  ถ้ามันทำหน้าที่เป็นเขตกันชนด้วย  จะเรียกว่าเป็นเขตทำข้อตกลงก็ได้
หรือเป็นเขตโซนเพื่อมนุษยธรรม  เป็นเขตของผู้ยิ้มเย้ยยุทธจักรก็ได้  ฮา


หลายประเทศทั่วโลกก็ทำตัวเป็นเขตปลอดความขัดแย้งนะ  ในยุโรปก็มี  ส่วนใหญ่ทั่วโลกมักจะเป็น
สถานที่พักผ่อนต่างๆ  ที่กำหนดต่อให้ประเทศใดๆกำลังเขม็งเกรียวใส่กัน  แต่ถ้ามาเจอกันในโซนๆนี้
ก็ห้ามเปิดศึกใส่กัน  ไทยเราก็พยายามทำตัวเป็นแบบนั้น  ผู้คนในประเทศคู่ขัดแย้งเดินชนไหล่กัน
ในสุขุมวิทย่านนานา  ก็ห้ามมีเรื่องกัน  ถ้ามีเรื่องกัน  เชิญขึ้นรถตู้ออกประเทศไป


นานานี่รัสเซียตัวท็อปตามที่เค้าร่ำลือมาเปล่าครับ
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก