การเปลี่ยนแปลงของโลกของสังคมทำให้นิยามหลายๆอย่างเปลี่ยนไป การกระทำของคนเราก็ไม่ต่างกัน เมื่อก่อนหากเราท่านจะพูดชมใครเราสามารถพูดได้เลย แต่ปัจจุบันการจะชมหรือหยอกล้อใครต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะหากพูดหรือพิมพ์ในโซเซี่ยลไป บางทีอาจถูกด่าว่าโรคจิตก็ได้ ถึงแม้คำชมของเราท่านจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม
ที่แย่สุดๆเลยคือวันนี้ผมบังเอิญไปเจอเด็กสาววัยรุ่นล้ม ก็เลยเข้าไปช่วยด้วยการดึงแขนให้เธอลุกขึ้น กลับถูกญาติหรืออาจเป็นแม่ของเด็กมาดึงมือผมออกแล้วบอกผมว่าโรคจิต ผมนี่อะไรวะ?เลย คือผมไม่รู้เลยว่าจากนี้ไปเวลาเจอเรื่องทำนองนี้อีก จะทำยังไงช่วยหรืออยู่เฉยๆ? แต่ที่แน่ๆคือวันนี้เฟลมากครับ
นึกถึงรุ่นน้องที่ทำงานผมเลย ตัวใหญ่หน้าโหดแต่ใจดี ตอนเดินผ่านหน้าโรงแรม มีคนญี่ปุ่นเข็นรถเข็นแล้วมองไม่เห็นทางต่างระดับ
ผลคือรถเข็นคว่ำข้าวของกระจัดกระจาย ไอ้รุ่นน้องผมด้วยที่มันเป็นคนดีโดยสัญชาตญาณมันก็พุ่งเข้าไปช่วยเก็บของให้
แต่โดนผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมองจิกแบบคิดว่าจะไปขโมยของเขา แทนที่มันจะโมโหกลายเป็นผมที่ดันเป็นฝ่ายโมโหแทน
แล้วบอกให้ช่างหัวผู้หญิงคนนั้นไม่ต้องไปช่วยหรอก มันก็ยังอุตส่าห์ช่วยเก็บจนเสร็จแต่ก็ยังโดนมองจิกไม่เลิก
จนผมทนไม่ไหวต้องเข้าไปพูดว่า ทางนี้ก็แค่อยากช่วยทำไมต้องมองด้วยสายตาแบบนั้นด้วย
กลายเป็นรุ่นน้องผมต้องมาห้ามผมไม่ให้ไปทะเลาะกันเขาอีก...สรุปก็คือถ้ามองโลกในแง่ดีมันก็สบายใจเหมือนรุ่นน้องผมแหละไม่ต้องคิดมาก
ไอ้ผมที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยแต่ดันเป็นเดือดเป็นร้อนก็เลยกลายเป็นฝ่ายมีทุกข์เองซะงั้น