[quote/]+1 ทหารเราเข้าหาจีนมากไป ก่อนนี้ถ้าใครสังเกตุดีๆ มีช่วงนึงไม่นานมานี้ ท่าน.....(ผู้หญิงในรูป)ไปเมืองจีนบ่อยมากในช่วงนึงหน่ะ
เราเข้าจีนด้วยเหตุผลนึง แต่มันทำให้เิดผลเสียมากมาย ซ้ำตอนนี้ได้รู้ซึ้งว่าจนเป็นยังไง จะผิดสัญญากับจีนเรื่องคำมั่นก็ไม่ได้ ตอนนี้ก็ทำได้แค่ค่ยๆคลายตัว
เอ๊ะ! หรืออเมริกายังไม่หายโกรธตอนที่ไทยเป็นจ้าภาพอาเซียน ที่รวมหัวแกล้งปล่อยให้อเมริกาเป็นตัวตลก ฮา (ยังจำภาพในงานดินเนอร์ได้ ฮา)
@trashอันที่จริง ในสงครามเย็นภาคพื้นเอเชียซับซ้อนครับ คอมมิวนิสต์กันเองยังตีกันเองเลย
ช่วงยุคสงครามเย็น หลังจากจีนเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์โดยประธานเหมาเจ๋อตุงโดยยึดแบบอย่างโจเซฟ สตาลิน ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันต่อมาจอมเผด็จการฟาสซิสต์โจเซฟ สตาลินก็ได้เสียชีวิต ผู้นำรัสเซียคนต่อมาเข็ดหลาบกับสิ่งที่สตาลินทำ จึงพยายามยกเลิกลัทธิบูชาตัวบุคคล(ฟาสซิสต์)และอิทธิพลของโจเซฟ สตาลินออกไป เรียกช่วงนี้ว่า Destarlinization มันทำให้ประธานเหมาซึ่งศรัทธาในแนวทางความคิดของสตาลินไม่เห็นด้วย และเริ่มไม่พอใจสหภาพโซเวียดที่เปลี่ยนแนวทางคอมมิวนิสต์
ตรงจุดนี้ทำให้สหภาพโซเวียดและจีนเริ่มบาดหมางต่อกัน เมกาเองซึ่งถลำส่งทหารไปรบในเวียดนามก็เริ่มถูกคนเมกันเดินขบวนประท้วงให้ถอนทหารกลับมา แต่ทำอย่างไรที่เมกาจะถอนทหารจากเวียดนามโดยไม่เสียหน้า เวียดนามเป็นคอมมิวนิสต์สายโซเวียตจึงไม่ชอบจีนเป็นทุนเดิมทั้งด้านประวัติศาสตร์ที่รบกันมาตลอดและจีนยึดแนวทางของฟาสซิสต์ เมกาที่ไม่อยากให้โซเวียดขยายอิทธิพลจึงไปจับมือกับจีน เพื่อให้จีนรอแทงข้างหลังเวียดนาม ทำให้อิทธิพลเวียดนามแนวทางโซเวียดไม่สามารถรุกคืบไปต่อได้ เพราะจีนจะแทงข้างหลังเวียดนามได้ตลอดเวลา
ภาพเติ้งเสี่ยวผิงจับมือกับปธน.ริชาร์ด นิกสัน เพื่อเป็นพันธมิตรกันชนให้เมกาถอนทหารออกจากเวียดนาม และจีนไปรบกับเวียดนามต่อแทน โดยปธน.นิกสัน ประกาศให้จีนคอมมิวนิสต์เป็นจีนที่แท้จริงแทนไต้หวัน รวมถึงให้เปิดการค้าขายกับจีนแผ่นดินใหญ่ ดึงจีนแผ่นดินใหญ่เป็นสมาชิกถาวรของ UN
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเมกาจับมือเป็นมิตรกับคอมมิวนิสต์จีน ฝ่ายเจ้าไทยและทหารไทยในช่วงหลังสงครามเย็นจึงทำตามลูกพี่ใหญ่เมกาเข้าหาจีนคอมมิวนิสต์ทั้งการค้าเสรี+การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
ปัญหาหลักๆ ที่ฝ่ายเจ้าไทย+รัฐบาลไทยกำลังเผชิญคือการเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง ที่ฝ่ายเจ้าไทย+รัฐบาลไทยปรับตัวไม่ทัน ในยุคทรัมป์เมกามองจีนเป็นภัยเสียยิ่งกว่ารัสเซีย แน่นอนว่าการผ่านกฎหมายด้านภาษีนั้นไม่ใช่แค่ส.ส.ของพรรครีพับรีกันที่เห็นด้วย อย่าลืมว่าพรรคเดโมแครทเองก็เห็นด้วยที่จะเปิดสงครามการค้ากับจีน พูดง่ายๆ มันคือมติของทั้งประเทศเมกาก็ว่าได้ที่ต้องการเปิดสงครามการค้าใส่จีนที่ตอนนี้เป็นภัย
ถามว่าจีนเริ่มเป็นภัยตอนไหน ก็ตอนที่สีจิ้นผิงเป็นปธน.มีอำนาจสูงสุดในจีน สีจิ้นผิงยกเลิกนโยบาย 2 ระบบ 1 ประเทศ และ Focus นโยบายจีนเดียวมากขึ้น ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ในตอนนี้กำลังดำเนินนโยบายจักรวรรดินิยม(Empirism) คือ การขยายดินแดน ล่าเมืองขึ้น แต่จีนไม่ได้ล่าเมืองขึ้นด้วยกำลังทหารแบบในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเหมือนอังกฤษและฝรั่งเศษ หากแต่ใช้ด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก นั่นคือการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในประเทศที่กำลังพัฒนา และยื่นเงื่อนไข TOR บางอย่าง เช่น การขอเช่าที่ดิน 99 ปี
การเช่าที่ดิน 99 ปี นั้น มันคือหลักฐานแสดงการล่าอาณานิคมในอดีตที่อังกฤษกับฝรั่งเศษเคยทำ ของไทยสัญญาสนามม้านางเลิ้งก็พึ่งจะหมดได้ไม่นานนัก ทว่าฝ่ายเจ้าไทย+รัฐบาลไทยที่ปรับตัวไม่ทัน เพราะ ฝ่ายเจ้าไทยและรัฐบาลไทยได้ผลประโยชน์จากนักธุรกิจไทยสายเลือดจีนที่มีคอนเนคชั่นกับรัฐบาลจีน เช่น CP ของ ธนิน เจียรวนนท์ Thai Bev ของ เจริญ สิริวัฒนภักดี Sino-Thai ของอนุทิน ชาญวีรกุล (Sino-Thai เป็นบริษัทลูกของบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดและเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ชื่อว่า Sino-Hydro) ฯลฯ มันจึงทำให้ฝ่ายเจ้าและรัฐบาลไทยอยู่ในสภาวะกำลังจับปลาสองมือ จะไปทางไหนก็ไม่ได้ เพราะนี่คือชะงักที่ติดหลัง
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสงครามเย็นมากขึ้นลองดูคลิปความรู้ประกอบ
และจะเข้าใจว่าฝ่ายรัฐบาลไทย+ฝ่ายเจ้าไทยกำลังทำผิดพลาดอะไร