ผมเห็นเศรษฐกิจและปากท้องคนในประเทศสำคัญกว่าประยุทธและ.... ครับ
ผมนึกไม่ออกเลยนะ... ให้อะไรกับประเทศบ้างในขณะที่เขากอบโกยอะไรไป มันเหมือนคุณจ่ายเงิน 1000 บาทให้คนเก็บขยะเอาขยะ1ถังหน้าบ้านคุณไปทิ้ง... แม่งโคตรเป็นพระคุณจนต้องกราบไหว้บูชาเลียตีนแพรบแพรบ... อารมณ์มันประมาณนี้แหละ คุณรู้ไหมแค่เสี่ยบางคนจ่ายส่วยแก โครงการบ้าบอคอแตกงบเป็น5ล้าน6ล้าน ทุกวันๆ 365 วัน เงินเสี่ยคนเดียวจ่ายให้พี่แกยังเหลือเลย แล้วเสี่ยคนอื่นอีกจ่ายอีกล่ะ (งานประจำปีบางปีแกพูดเองถวายให้เท่าไหร่ในที่ประชุม โดยมีรัฐมนตรีสายทหารอยู่ในงาน เสี่ยไหนผมไม่บอกอย่างน้อยผมก็ยังค้าขายของแกอยู่ lol)ไม่รวมส่วนที่ภาษีประชาชนที่ดึงไปใช้เป็นหมื่นล้าน เสร็จแล้วนี่เห็นไหม พระคุณท่านมากมายขนาดไหน.... อย่างที่บอกทำงานแค่เก็บถังขยะหน้าบ้าน แต่เอาเงินที่ใช้ในการเก็บไปยิ่งกว่าขายทองให้ แล้วให้เราไปกราบตีนจนเป็นพระคุณ...
....สายพันธ์แท้คงบอกว่า อิจฉาท่านซินะที่ล่ำรวย แต่บังเอิญผมไม่ใช่... ผมคงบอกว่า มึงกินข้าวไข่เจียวจานละ 1000 มีข้าวขาวธรรมดาไข่หนึ่งลูก ทอดด้วยน้ำมันเก่า เสร็จแล้วโดนบังคับต้องไปกราบตีนพ่อครัว แล้วมึงไม่พอใจไปฟ้องสคป มึงโดนจับยัดคุก แปลว่ามึงอิจฉาพ่อครัวซินะ
เรื่องทำตามหน้าที่ กับการทำเพื่อประชาชนต่างกันมากครับ ถ้าทำตามหน้าที่คือเช้าชามเย็นชามครับ
ทำตามหน้าที่ไม่มีหรอกครับโครงการใหม่ๆ มีแต่งานประจำ
อย่าง รพ.ต่างๆ ตอนคนป่วยมาเยอะ บางทีเค้าก็ยอมล่วงเวลากัน ส่วนค่าล่วงเวลาน่ะ
ถ้าเลือกได้หลายคนอยากจะไม่ทำงานล่วงเวลาแล้วตังไปหาข้างนอกดีกว่า
แล้วข้าราชการหลายคนก็ทำแบบไม่ได้โอทีด้วย
ตอนไปต่อใบขับขี่ล่าสุดนี่โครตเซ็ง เหลือแต่ถ่ายรูป คนถ่ายรูปกลับบ้านตั้งแต่ก่อนบ่าย 3
เลยต้องเสียเวลาลางานอีกวันเพื่อมาถ่ายรูปที่เสร็จใน 10 นาที
คือไม่ได้ไปช้านะ แต่เพิ่งสอบข้อเขียนเสร็จบ่าย 3 กว่า
ส่วนเรื่องเอาตังไป แล้ว ต้องมาช่วยฉันมันปรกติ ก็ต้องบอกว่า ชาวบ้านหลายๆท้องที่ ได้รับงบประมาณเพื่อมาพัฒนา
สูงกว่าภาษีที่เค้าจ่ายไปเยอะมากๆ เพราะงั้นการที่เค้าจะรู้สึกขอบคุณบ้างก็ไม่แปลก
ส่วนนคนรวยที่รู้สึกว่า จ่าย พัน ได้ ร้อย ก็ไม่แปลก เพราะภาษีตัวเองมันถูกเอาไปช่วยคนอื่นจริงๆ แถมโดนค่าหัวคิวอีก
---------------
[quote/]
ถามผม ถ้าให้ตอบจริงๆก็ไม่รู้จะยังไงเหมือนกันฮะ
เพราะสภาพครอบครัวมันต่างกันด้วยมั้ง
อย่างบ้านผมพ่อแม่ดูเนชั่น แต่หลานสาวผมผูกโบว์ขาว
สวนพี่สาวผมทำแต่งานไม่รู้มันเลือกข้างไหน
พ่อแม่ผมก็คงเหมือนบ้านอื่นๆคือดูไปด่าไป
แต่ก็ยังหันมาถามหลานสาวผมว่ารำคาญไหมลูก
เดี๋ยวตากับยายเข้าไปดูในห้องก็ได้
ส่วนหลานสาวผมก็ไม่เห็นมันลุกมาเถียงตายาย
เอาเป็นเอาตายก็คุยปกติ ส่วนผมอยู่สายไหล
คุยกับพ่อแม่ก็ไหลไปเชียร์ลุง
อยู่กับหลานก็เชียร์หลานแต่บอกไม่ให้มัน
ไปเสี่ยงชุมนุมมันก็เชื่อ
ถ้าสภาพครอบครัวมันปกติสุขดีแบบนี้อย่างอื่นผมก็ไม่สนครับ
ที่เหลือก็ตามสถานการณ์ ถ้าอนาคตประเทศจะล่มจม
ผมรู้แค่ว่าผมทำได้ทุกอย่างให้ครอบครัวรอดก็พอ
บ้านผมก็มีคนเห็นต่างครับ ไม่ว่าจะการเมือง การใช้ชีวิต ทะเลาะกันก็บ่อย
แต่ถ้าเค้าเดือดร้อนขอยืมตังก็ให้เหมือนเดิม
คนในครอบครัวน่ะ ตราบเท่าที่ไม่ทำความผิดร้ายแรงจริงๆ ผิดยังไงก็ปล่อยผ่านได้หมด
ระบบการศึกษาไทย เน้นท่องจำมากกว่าคิดหรือสร้างสรรค์นะ iq วัดจากการแก้ปัญหาจากสิ่งที่มีให้เลือก ประเด็นคือ ทางเลือกมันแคบลงเรื่อยๆน่ะ ระบบการศึกษาไทย lol
เมื่อวานไปเจอคนอวยเด็กว่า เขาสู้เพื่ออนาคต เพราะเขาจะไม่มีงานทำ เจอ...บอกว่า เพราะมึงเลือกงาน ถ้าไม่เลือกงานมึงก็ไม่อดตาย... งานกรรมกร ครับที่เหลืออยู่ไอ้สัด... มันเหลืองานพวกนี้แล้ว เพราะงานบริหารงานจัดการบ้านเราพึ่งบริษัทต่างประเทศส่วนมากที่มาร่วมทุน วันนี้บริหารจนเขาหนีกันหมด ไอ้ที่ทุ่มเงินส่วนลดภาษีโคตรการล่อพวกนี้ไว้ทั้งหมดของรัฐบาลเก่าๆ เขาอัดเงินให้ผลประโยชน์พวกนี้ทำไม ก็เพราะบ้านเราโครงสร้างงาน มันมีแค่การเกษตรเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งการแปรรูป หรือโครงสร้างอุตสาหกรรม พึ่งการลงทุนร่วมต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพวกนี้แหละจะไปจ้างพวกเรียนจบปริญญามาทำงาน ปัจจุบันเป็นไงหนีหมด หนีเพราะอะไรก็เพราะแม่งไม่บริหาร เน้นเพียงแต่โครงการสิทธิพิเศษพี่จีนอยู่อย่างเดียวไง ค่าแรงแพงก็ไปลดส่วนอื่นให้พวกนี้ได้เช่นภาษี มันมีอีกเพียบที่เป็นกลไกใช้ได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทหารทำก็คือ ให้ข้าราชการทำ ไอ้..บอก มึงไม่เลือกงานก็ไม่อดตาย คนไปเรียนจ่ายเงินเป็นแสนเรียนหลายปีกว่าจะจบ ให้ไปขายลูกชิ้นน้ำเต้าหู้ เซลขายของเงินเดือนต่ำๆ ไม่อดตายครับ แต่พวกนี้แม่งก็หืดขึ้นคออยู่แล้วพวกมึงรู้กันบ้างเปล่า พวกที่มีงานทำอยู่ก็กลัวจะโดนปลดกันอยู่ พวกเซลที่มาขายของที่ร้านคุยกัน พวกมึงไปอยู่ดาวอังคารไหนมาวะ บริษัทที่มีอยู่หาทางลดคนงานกันรัวๆ ประเทศไทยตอนนี้อย่างที่บอกพึ่งการแปรรูปส่งออกไปต่างประเทศเป็นหลักการบริโภคในประเทศมันล้น ร้านอาหารก็ปิดกันรัวๆ ตามึงเอาไปไหน งานที่มีให้เลือกเหลืออยู่ก็กรรมกร ซึ่ง กรรมกร กูก็ไม่อยากเพิ่มตอนนี้เหมือนกัน.... จบกันมาเป็นแสนทุกๆปี แต่งานมันหายไปเรื่อยๆ ถ้าตำแหน่งที่เหลืออยู่คือต้องไปทำงานเดียวกับคนจบ ม.3... แล้วจะเรียนไปทำห่าอะไร
การศึกษานี่ต้องบอกว่าปรกติครับ เพราะมันปล่อยเสรีเรื่องปริมาณ
แล้วงานหลายอย่าง ก็มีเพิ่มขึ้นลดลงในแต่ละปี แต่พอมันหลายมหาลัย มันก็ควบคุมไม่ได้
ที่มหาลัยทำได้คือคุณภาพ
แต่ก็เรื่องจริงครับที่งานหายากขึ้น แต่ก็มีแต่จะยากขึ้นเรื่อยๆครับ เป็นกันทุกประเทศนั่นแหล่ะ
อย่างล่าม แต่ก่อนจำเป็นมาก สมัยนี้เริ่มสื่อสารด้วยโปรแกรมแปล
งานธนาคาร ก็ลดกำลังคน งานภาคเกษตร ก็ลดจำนวนคน
มันลดหมดนั่นแหล่ะครับ แค่จะมาช้ารึไว สิ่งที่สำคัญไม่ใช่ลุ้นให้ รบ.สร้างงานให้
แต่ตอนเรียน ต้องพยายามไปอยู่กลุ่มผู้ถูกเลือกให้ได้ ไปเรียนสาขาขาดแคลน ที่มันก็มักคะแนนสูงลิ่ว
เพราะตามอัตราการสร้างงานปรกติมันมีจำกัดอยู่แล้ว
ต่อให้รัฐดึงงานเข้ามาได้ก็ต้องคิดว่า ถ้าเงินดีต่างชาติก็เข้ามาแข่งอยู่ดี เพราะประเทศเราเป็นระบบทุนนิยม
ถ้านายทุนเห็นของดีราคาถูกกว่า เค้าก็เปลี่ยนได้หมด พร้อมลุยหมด
เลยกลายเป็นประเทศไทยมีแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานมากมาย
แล้วถ้าเราเก่งกว่าเราก็ไปขุดเงินในต่างประเทศได้เหมือนกัน
แต่ผมก็อยากให้มีโควต้าสายงานนะ เช่น สภาวิศวกร กำหนดมาเลยว่า จะให้ผลิต นักศึกษาได้จำนวนจำกัดในแต่ละปี
โดยแบ่งอัตราส่วนตามผลงานมหาลัย เว้นแค่หลักสูตรอินเตอร์ คือถ้าไม่มีงานในประเทศก็ไปทำต่างประเทศสิ
ส่วนหลักสูตรปรกติ ให้เฉพาะบางมหาลัยที่มีคุณภาพพอ แล้วโควต้าวัดอัตราส่วนตามผลงานในปีก่อนๆ
แล้วก็กำหนดจำนวนใบอนุญาติที่จะให้ต่อปีเลย