แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์ได้สูบน้ำมาใช้จนทำให้โลกเอียงเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 80 เซนติเมตร  (อ่าน 1140 ครั้ง)

ออฟไลน์ moneyisgod

  • เครื่องปั้มแห่งห้องรับแขก
  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,901
  • ถูกใจแล้ว: 2931 ครั้ง
  • ความนิยม: +313/-0


ปัญหาการสูบน้ำใต้ดินอาจส่งผลกระทบกับโลกมากกว่าที่คิดเสียแล้วครับ เมื่อล่าสุดนี้สหภาพธรณีฟิสิกส์อเมริกันได้ออกมาเปิดเผยผลวิจัยใหม่ที่บอกว่า

ในปัจจุบันมนุษย์ได้สูบน้ำมาใช้จนทำให้โลกเอียงเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 80 เซนติเมตรแล้ว

ในงานวิจัยนี้นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่าในช่วงปี 1993-2010 มนุษย์ได้สูบน้ำใต้ดินมาใช้กว่า 2 ล้านล้านตัน (ซึ่งหากเอามาเทลงทะเลระดับน้ำทะเลจะเพิ่มขึ้นราวๆ 6 มิลลิเมตร)

ซึ่งน้ำหนักที่หายไปของน้ำพวกนี้ก็มากพอที่จะทำให้ขั้วการหมุนโลกเคลื่อนไปด้วยความเร็วเฉลี่ยถึงราวๆ 4.36 เซนติเมตรต่อปี จนรวมๆ โลกก็เอียงมากขึ้นถึง 78.5 เซนติเมตรแล้ว

นับว่าเป็นโชคดีมากที่โดยปกติแล้วแก่นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปมาหลายเมตรในหนึ่งมี ดังนั้นนักวิจัยจึงคาดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้คงไม่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล

แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบกับเรื่องอื่นๆ เช่นสภาพอากาศหรือไม่นั้น ดูจะยังเป็นสิ่งที่เราต้องศึกษากันต่อไปก่อน อย่างน้อยก็ในปัจจุบัน

#เหมียวศรัทธา

https://news.agu.org/press-release/weve-pumped-so-much-groundwater-that-weve-nudged-the-earths-spin?fbclid=IwAR0-V3nnEH97WOPkjN2JYQHZXo3kCbeMeg4pc0uhR0h8WQNHnuwyw94q_QU

https://www.forbes.com/sites/davidbressan/2023/06/16/humans-are-pumping-so-much-water-out-of-the-ground-that-earths-tilt-is-changing/?fbclid=IwAR2sB1I3ZuoAZm4tNdQEv_ke22jUaAUryTuBRZiKM4fvNU5aypcBo3YBugQ&sh=176bfdc25ce2

https://www.space.com/earth-tilt-changed-by-groundwater-pumping?fbclid=IwAR34qVoQtx9qElyr71qTtgmb0xueO6lGcQGqv90qfM4lOUhwcJNEkj418Ug

https://www.scientificamerican.com/article/rampant-groundwater-pumping-has-changed-the-tilt-of-earths-axis/?fbclid=IwAR06sXCP-FCnDNsxdWRNoSwpUbGzbVI5oK7Jk27bFXBBSby-qYPQRtlR2fk

https://web.facebook.com/photo/?fbid=124039717382252&set=a.107652265687664

 ??? ??? ??? ??? ???
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,100
  • ถูกใจแล้ว: 4638 ครั้ง
  • ความนิยม: +306/-441
เส้นผ่าศูนกลางโลก 12000 กม เอียงไปตั้ง80เซน  ???

 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
เอิ่มคือแม่งปกติดาวทังหลายมันก็เบนออกจากวงโครจรที่ละนิดอยู่แล้วนะอย่างดวงจันเองก็เบนออกจากโลกที่ละนิดเหมือนกัน จะบอกว่ามีใครไปสูบน้ำบนดวงจันงันเหรอ

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,100
  • ถูกใจแล้ว: 4638 ครั้ง
  • ความนิยม: +306/-441
เส้นผ่าศูนกลางโลกราวๆ 12,000 กม เปลือกโลกเราหนาอย่างมากก็30กม. ได้นินว่าในบางพื้นที่อาจหนาแค่ราวๆ 10 กิโลเมตร ลงไปข้างล่างคือ เนื้อโลก หรือ แม็กม่า หินหลอมหลว


นิยามขิงโลกเรานี่อาจเรียกได้ว่า หินหลอมเหลวที่เปียก


จำไม่ผิด ปรากฏการ  ขั่วโลกกลับทิศ เกิดขึ้รทุกๆ กี่แสนปีผมก็ไม่ทราบนะ แต่มาที ก็ชิบหายที
 

ออฟไลน์ cemeteryzx

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 847
  • ถูกใจแล้ว: 216 ครั้ง
  • ความนิยม: +8/-5
  • เพศ: ชาย
น่าสนใจ .... ดูดน้ำใต้ดินมาปีละ สองล้านๆตัน :)
แต่วัฏจักรของน้ำที่ไหลคืนลงใต้ดินปีละเท่าไหร่ไม่เอามาคิด ;D มันไม่ใช่น้ำมันนะจะได้มีเท่าไหร่เท่านั้น สูบมาหมดไปสูบของเก่าใช้ วัฏจักรมันก็วนกลับไปดองไว้ใต้ดินเหมือนเดิมถึงแม้ว่าบางที่จะมีข่าวเรื่องดินทรุดเพราะสูบน้ำมาก็เหอะ แต่มันก็ผลระยะสั้น ระยะยาวเดี๋ยวน้ำมันก็ไหลกลับลงไปดองใต้ดินเหมือนเดิมธรรมชาติไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้้น และไม่ได้อ่อนโยนเช่นกันพูดถึงการเปลียยนแปลงมวลน้ำที่จะมีผลกับการหมุนติ้วๆของโลกนี่ไอ้มวลน้ำมหาศาลที่วิ่งขึ้นๆลงๆตามแรงดึงดูดของดวงจันทร์ในมหาสมุทรยังจะดูน่ากลัวกว่าอีก ทั้งปริมาณและความเร็วในการเปลี่ยนแปลง
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
[quote/]
คือถ้าย้อนไปเป็นยุคไดโนเสาร์ เหมือนขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้สลับกันเลยละนะ ของแบบนี้มันเคลื่อนทีละนิดด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่ที่เขาเน้นคือความสุดยอดของมนุษย์ที่ใช้เวลาแค่10กว่าปีก็ทำให้แกนโลงเอียงเปลี่ยนแปลงได้ตั้ง80cm ต่างหาก


- แกนโลกก็เอียง แถมตอนจะเอียง หมุนเหลื่อมๆ1-2 องศาอยู่แล้ว  แต่นี่เพิ่ม80cm ถาวรเข้าไปนะ


- เดิมทีเคลื่อน80cmตามธรรมชาติก่อนมนุษย์พัฒนาอุตสาหกรรมนี่ใช้กี่แสนปีละนั่น


- เท่าที่ดำengในลิ๊งค์นั่น การสูบน้ำมหาศาลจะมีผลให้มวลในแผ่นดินใหญ่ลดลง ส่งผลยังไงไม่รู้ให้น้ำทะเลสูงขึ้น(โดยนี่ไม่ได้รวมเรื่องน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน)


- ส่งผลต่อช่องว่างในแผ่นดินที่อาจโยงไปถึงแผ่นดินทรุด การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก แผ่นดินไหว ที่อาจกระทบต่อภูเขาไฟปะทุ และทำลายระบบนิเวศน์วงจรของการหมุนเวียนธรรมชาติใต้ภิภพ ซึ่งคนที่อยู่บนผิวดินมักตระหนักแต่การเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์บนผิวดินที่ส่งผลต่อมนุษย์


ประเด็นคือรู้ได้ยังไงต่างหากว่าสูบน้ำแล้วแกนโลกเอียงการสร้างตึกผมว่ายังจะมีผลกว่าสูปน้ำอีกเพราะน้ำ มันยังไหลกลับแต่ขุดดินสร้างตึกนี่เอาออกมาถาวรที่ผมแย้งคืออาจไม่ไช่เพราะสูปน้ำก็ได้กิจกรรมการเปรี่ยนจุดศูนย์ถ่วงโลก ผมว่ามีอย่างอื่นที่ส่งผลมากกว่าสูบน้ำเยอะข้อมูลที่ว่าก็มีแค่สูบน้ำมาไช้เยอะแค่นั้นเลย แต่แค่การสูบน้ำมามันไม่ได้ทำไห้มวลของโลกเปรี่ยนอีกทังน้ำยังไหลกลับคืนอีกต่างหาก ถ้าเอาการสูบน้ำมาบอกว่าทำไห้โลกเอียงผมว่าการขุดดินสร้างตึกยังจะมีเหตุผลมากกว่าอีก แต่กิจกรรมทังหมดมันก็ยังอยู่บนโลกมันไม่ได้ทำไห้น้ำหนักเปรี่ยนแต่อย่างใด ถ้าเอาของที่สมเหตุผลที่สุดคือการขุดน้ำมันก๊าสและส่งจรวดขึ้นอวกาศพวกนี้ต่างหาก ที่ส่งผลต่อมวลโลกโดยตรงเมื่อขุดน้ำมันก๊าสต่างๆมาไช้มันไม่กลับลงดินครับอีกทังยังจะหลุดออกไปในอวกาศได้อีกพวกจรวดนี่ไม่ต้องถาม ส่งไปแค่ไหนก็ลดแค่นั้นของพวกนี้มีเหตุผลกว่าสูบน้ำเยอะ

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,100
  • ถูกใจแล้ว: 4638 ครั้ง
  • ความนิยม: +306/-441
[quote/]
ประเด็นคือรู้ได้ยังไงต่างหากว่าสูบน้ำแล้วแกนโลกเอียงการสร้างตึกผมว่ายังจะมีผลกว่าสูปน้ำอีกเพราะน้ำ มันยังไหลกลับแต่ขุดดินสร้างตึกนี่เอาออกมาถาวรที่ผมแย้งคืออาจไม่ไช่เพราะสูปน้ำก็ได้กิจกรรมการเปรี่ยนจุดศูนย์ถ่วงโลก ผมว่ามีอย่างอื่นที่ส่งผลมากกว่าสูบน้ำเยอะข้อมูลที่ว่าก็มีแค่สูบน้ำมาไช้เยอะแค่นั้นเลย แต่แค่การสูบน้ำมามันไม่ได้ทำไห้มวลของโลกเปรี่ยนอีกทังน้ำยังไหลกลับคืนอีกต่างหาก ถ้าเอาการสูบน้ำมาบอกว่าทำไห้โลกเอียงผมว่าการขุดดินสร้างตึกยังจะมีเหตุผลมากกว่าอีก แต่กิจกรรมทังหมดมันก็ยังอยู่บนโลกมันไม่ได้ทำไห้น้ำหนักเปรี่ยนแต่อย่างใด ถ้าเอาของที่สมเหตุผลที่สุดคือการขุดน้ำมันก๊าสและส่งจรวดขึ้นอวกาศพวกนี้ต่างหาก ที่ส่งผลต่อมวลโลกโดยตรงเมื่อขุดน้ำมันก๊าสต่างๆมาไช้มันไม่กลับลงดินครับอีกทังยังจะหลุดออกไปในอวกาศได้อีกพวกจรวดนี่ไม่ต้องถาม ส่งไปแค่ไหนก็ลดแค่นั้นของพวกนี้มีเหตุผลกว่าสูบน้ำเยอะ


ถ้า ผมตามข่าวไม่ผิด ต่างประเทศ พยายาโจมตี การพึ่งพาตัวเอง อย่าง ทำสวร ปลูกผัก หาแหล่งน้ำเอง


พวกนี้โดนโจมตีเรื่อยๆ


เคยเล่าไว้ล่ะ แม่งบอกปลูกผักืเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ::)
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
[quote/]


ถ้า ผมตามข่าวไม่ผิด ต่างประเทศ พยายาโจมตี การพึ่งพาตัวเอง อย่าง ทำสวร ปลูกผัก หาแหล่งน้ำเอง


พวกนี้โดนโจมตีเรื่อยๆ


เคยเล่าไว้ล่ะ แม่งบอกปลูกผักืเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ::)
นั้นแหละครับผมถึงบอกว่าไอ้ที่ว่าโลกเอียงอะไรนั้นสรุปก็มีแค่ข้อมูลการไช้น้ำแค่นั้นผมมองว่าแม่งเป็นเรื่องปันเหมือนเดิม เป็นวิชาการที่ไร้การพิสูตรไม่มีหลักฐานอะไรเหมือนที่ว่าดื่มน้ำเย็นไม่ดีต่อสุขภาพซึ่งแม่งไม่มีความจริงเลย การดื่มน้ำในอุณภูมิต่างๆมีผลต่อร่างกายในสถานะการ์ณต่างๆกันแต่ไม่ไช่น้ำเย็นคือสิ่งไม่ดี

ออฟไลน์ สุทธชา

  • นักปราชญ์แห่งเขาเซนนิคุมะ
  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 657
  • ถูกใจแล้ว: 3988 ครั้ง
  • ความนิยม: +66/-56
น่าสนใจ .... ดูดน้ำใต้ดินมาปีละ สองล้านๆตัน :)
แต่วัฏจักรของน้ำที่ไหลคืนลงใต้ดินปีละเท่าไหร่ไม่เอามาคิด ;D มันไม่ใช่น้ำมันนะจะได้มีเท่าไหร่เท่านั้น สูบมาหมดไปสูบของเก่าใช้ วัฏจักรมันก็วนกลับไปดองไว้ใต้ดินเหมือนเดิมถึงแม้ว่าบางที่จะมีข่าวเรื่องดินทรุดเพราะสูบน้ำมาก็เหอะ แต่มันก็ผลระยะสั้น ระยะยาวเดี๋ยวน้ำมันก็ไหลกลับลงไปดองใต้ดินเหมือนเดิมธรรมชาติไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้้น และไม่ได้อ่อนโยนเช่นกันพูดถึงการเปลียยนแปลงมวลน้ำที่จะมีผลกับการหมุนติ้วๆของโลกนี่ไอ้มวลน้ำมหาศาลที่วิ่งขึ้นๆลงๆตามแรงดึงดูดของดวงจันทร์ในมหาสมุทรยังจะดูน่ากลัวกว่าอีก ทั้งปริมาณและความเร็วในการเปลี่ยนแปลง

ใช่ครับ วัฏจักรน้ำไหลคืนเท่าไหร่


- แต่ท่านลืมคิดไปรึเปล่า? ว่านี่คือการสูบน้ำจากใต้ดินที่ลึกกว่าแค่ขุดบ่อน้ำในอดีต
- และตามธรรมชาติน้ำใต้ดินนั่นมันแทบจะไม่สามารถมาหมุนเวียนขึ้นชั้นบรรยากาศอะไรได้เลยถ้ามนุษย์ไม่มาเจาะสูบ
- และท่านต้องคิดดูว่าน้ำมันหมุนเวียนซึมลงไปยังแหล่งน้ำใต้ดินลึกร้อยหรือพันเมตรเมตรได้ซักเท่าไหร่ พื้นชั้นดินชั้นหินไม่ใช่ทรายนะ

-  การเกษตรไทยยังพอว่า  แต่การขุดเจาะสูบใช้ระดับอุตสาหกรรมนี่ซิ คนละระดับเลยนะ


- ที่ท่านพูด นะ มันออกจะเป็นการหมุนเวียนบนน้ำเหนือผิวดินมากกว่า
- คิดว่าน้ำฝนที่ตกลงจะซึมถึงแหล่งน้ำใต้ดินที่ลึกไปเป็นกิโลได้ง่ายขนาดนั้นฤา? 
- และเอาจริง ฝนร่วม80%นะตกกลางทะเลซะเยอะนะ ไอ้ที่ว่าตกเยอะบนแผ่นดินนะแค่ส่วนน้อย ไหนจะเป็นหิมะอีก น้ำที่สูบมาบนแผ่นดินแต่ไปตกที่ทะเล แผ่นดินได้คืนคุ้มไหม? เพราะต้องเข้าใจ20%ที่ตกบนแผ่นดินก็กระจายตกไปทั่วไม่ได้ตกแค่ตรงจุดที่สูบ


- ถ้ามันหมุนเวียนเติมได้ง่ายขนาดนั้น คงไม่มีประเภทสูบน้ำจนแผ่นดินทรุดแม้ไม่ได้ปลูกสิ่งก่อสร้างตรงนั้น ฝนตกแล้วไงมันไม่ได้ซึมไปเติมแหล่งน้ำใต้ดินได้ง่ายๆ ขนาดนั้น บางทีตกทั้งฤดูฝนและพายุ ไม่ใช่ฤดูแล้ง แต่ก็ชดเชยเท่าที่คนสูบมากเกินไปไม่ได้
- เหมือนธารน้ำแข็งนั่นแหละใช้เวลาสะสมหลายแสนปีแต่มาสิ้นสุดในหนึ่งศตวรรษของมนุษย์ แค่โลกไม่ร้อนสองสามปีช่วยไรไม่ได้
- 2ล้านล้านตันที่เราสูบใน1ปีจะกลับคืนสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้ซัก10%รึเปล่า จะคืนได้เร็วเท่ากับที่สูบรึเปล่า มันจะทบไปเรื่อยๆ  ยิ่งบางทีเจาะลึกแหล่งน้ำในชั้นหินที่เกิดจากเปลือกโลกเคลื่อนทิ้งคาอย่างนั้นมาหลายหมื่นหลายแสนปี  น้ำฝนไม่น่าหมุนวนให้ได้ง่ายๆหรอก?


- แบบตัดไม้กับปลูกต้นไม้นั่นแล ชดเชยไม่ทันหรอก


- ส่วนเรื่องสูบจนแกนโลกเอียงไหม ช่างมัน  แต่ท่านก็อย่าลืมว่าแค่ตัดไม้มากไปก็ทำดินถล่มหรือฝนแล้งในพื้นที่นั้น สูบน้ำบางจุดมากไปจนเคยทำแผ่นดินทรุด ขุดอุโมงค์ไม่ดีก็ถล่มแน่


- เพียงแต่สเกลระดับโลกนี่เราที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพูดยาก ผลกระทบต่อโลกเนี่ย?


ออฟไลน์ cemeteryzx

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 847
  • ถูกใจแล้ว: 216 ครั้ง
  • ความนิยม: +8/-5
  • เพศ: ชาย
[quote/]
ใช่ครับ วัฏจักรน้ำไหลคืนเท่าไหร่


- แต่ท่านลืมคิดไปรึเปล่า? ว่านี่คือการสูบน้ำจากใต้ดินที่ลึกกว่าแค่ขุดบ่อน้ำในอดีต
- และตามธรรมชาติน้ำใต้ดินนั่นมันแทบจะไม่สามารถมาหมุนเวียนขึ้นชั้นบรรยากาศอะไรได้เลยถ้ามนุษย์ไม่มาเจาะสูบ
- และท่านต้องคิดดูว่าน้ำมันหมุนเวียนซึมลงไปยังแหล่งน้ำใต้ดินลึกร้อยหรือพันเมตรเมตรได้ซักเท่าไหร่ พื้นชั้นดินชั้นหินไม่ใช่ทรายนะ

-  การเกษตรไทยยังพอว่า  แต่การขุดเจาะสูบใช้ระดับอุตสาหกรรมนี่ซิ คนละระดับเลยนะ


- ที่ท่านพูด นะ มันออกจะเป็นการหมุนเวียนบนน้ำเหนือผิวดินมากกว่า
- คิดว่าน้ำฝนที่ตกลงจะซึมถึงแหล่งน้ำใต้ดินที่ลึกไปเป็นกิโลได้ง่ายขนาดนั้นฤา? 
- และเอาจริง ฝนร่วม80%นะตกกลางทะเลซะเยอะนะ ไอ้ที่ว่าตกเยอะบนแผ่นดินนะแค่ส่วนน้อย ไหนจะเป็นหิมะอีก น้ำที่สูบมาบนแผ่นดินแต่ไปตกที่ทะเล แผ่นดินได้คืนคุ้มไหม? เพราะต้องเข้าใจ20%ที่ตกบนแผ่นดินก็กระจายตกไปทั่วไม่ได้ตกแค่ตรงจุดที่สูบ


- ถ้ามันหมุนเวียนเติมได้ง่ายขนาดนั้น คงไม่มีประเภทสูบน้ำจนแผ่นดินทรุดแม้ไม่ได้ปลูกสิ่งก่อสร้างตรงนั้น ฝนตกแล้วไงมันไม่ได้ซึมไปเติมแหล่งน้ำใต้ดินได้ง่ายๆ ขนาดนั้น บางทีตกทั้งฤดูฝนและพายุ ไม่ใช่ฤดูแล้ง แต่ก็ชดเชยเท่าที่คนสูบมากเกินไปไม่ได้
- เหมือนธารน้ำแข็งนั่นแหละใช้เวลาสะสมหลายแสนปีแต่มาสิ้นสุดในหนึ่งศตวรรษของมนุษย์ แค่โลกไม่ร้อนสองสามปีช่วยไรไม่ได้
- 2ล้านล้านตันที่เราสูบใน1ปีจะกลับคืนสู่แหล่งน้ำใต้ดินได้ซัก10%รึเปล่า จะคืนได้เร็วเท่ากับที่สูบรึเปล่า มันจะทบไปเรื่อยๆ  ยิ่งบางทีเจาะลึกแหล่งน้ำในชั้นหินที่เกิดจากเปลือกโลกเคลื่อนทิ้งคาอย่างนั้นมาหลายหมื่นหลายแสนปี  น้ำฝนไม่น่าหมุนวนให้ได้ง่ายๆหรอก?


- แบบตัดไม้กับปลูกต้นไม้นั่นแล ชดเชยไม่ทันหรอก


- ส่วนเรื่องสูบจนแกนโลกเอียงไหม ช่างมัน  แต่ท่านก็อย่าลืมว่าแค่ตัดไม้มากไปก็ทำดินถล่มหรือฝนแล้งในพื้นที่นั้น สูบน้ำบางจุดมากไปจนเคยทำแผ่นดินทรุด ขุดอุโมงค์ไม่ดีก็ถล่มแน่


- เพียงแต่สเกลระดับโลกนี่เราที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพูดยาก ผลกระทบต่อโลกเนี่ย?


ลองอ่านดูผมเข้าใจผิดไปแฮะ เข้าใจว่าสูบปีเดียว 2 ล้านๆตัน แต่มันเป็นปริมาณที่สูบตั้งแต่ปี 1993-2010 ไม่ใช่ปีเดียวแฮะบทความนี้เข้าไปอ่านแล้วมันอยู่แค่ในระดับตั้งสมุติฐานเองเรอะความเข้าใจที่ได้ก็ประมาณ

1. แกนโลกเอียงไป 80 ซม. ช่วงปี 1993-2010
2. ปริมาณน้ำใต้ดินที่ใช้ช่วงนั้นรวมๆกันคือ 2000กิกะตัน
3. ทำแบบจำลองเพื่อดูการหมุน แล้วเอาน้ำใต้ดิน 2000กิกะตัน ออกไปจากแบบจำลอง ผลคือ แกนจะเบี้ยวไป 78 ซม.
แน่นอนว่าจู่ๆ"มวล"หายไปจากระบบ 2000 กิกะตันมันย่อมต้องส่งผลกระทบต่อการหมุนอยู่แล้วถึงจะนิดหน่อยก็เหอะแต่ในความเป็นจริง การสูบน้ำขึ้นมาใช้นี่ "มวล"ของน้ำไม่ไม่ได้หายไปจากพื้นผิวซะทีเดียวนา แค่ย้ายที่จากล่างมาบน ไม่ก็ไหลไปที่อื่น ตามทางระบายน้ำ?
แน่นนอนผมจะไม่บอกว่าไอ้การสูบมาใช้นี่ไม่มีปัญหาเลย อย่างที่บอกในระยะสั้นๆไม่กี่ปีก็มีปัญหาดินทรุด ตามมาอยู่แล้วแต่ต่อให้ดินทรุดไปรัศมีสักหลายสิบกม. เมืองทั้งเมืองจมลงไป มันก็เป็นปัญหาใหญ่ในมุมมองของผู้อยู่อาศัยแค่นั้น ปัญหามันไม่ได้ใหญ่ขึ้นระดับโลก
กรณีของบทความนี้ที่พูดถึงการสูบน้ำใต้ดินส่งผลกระทบต่อการหมุนอย่างน้อยที่สุดเท่าที่นึกออก มันต้องมีการเทียบข้อมูลสถิติตั้งแต่ก่อนยุคอุตสาหกรรมที่ไม่มีการสูบน้ำหนักๆว่า แกนหมุนของโลกมีการเคลื่อนที่ในอัตราเท่าไหร่แล้วค่อยเอามาเทียบกับปัจจุุบันว่ามันเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน แล้วค่อยมาฟันธงว่ามันมีผลแน่ๆอ่ะยังไม่สาย แต่เท่าที่อ่านขั้นตอนนี้ยังอยู่ในระหว่า"ดำเนินการ" มั้งนะเห็นมีพูดถึงข้อมูลศตวรรษที่19 อยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นข้อมูลการเบี่ยงเบนของแกนหมุน หรือเป็นแค่ข้อมูลอ่างเก็บน้ำ
ไม่งั้นการทดลองนี้ก็จะเหมือนการทดลองขำๆในวงเหล้า
เอาโซดา 1/4 แก้วผสมเหล้าขาว 1 แก้ว = เมา
เอาโซดา 1/2 แก้วผสมเหล้าขาว 1 แก้ว = เมา
เอาโซดา 1 แก้วผสมเหล้าขาว 1 แก้ว = เมา
สรุป โซดาแม่มทำให้เมา ใส่มากใส่น้อยก็เมา
//ฟังดูบิดเบือนดีไหมล่ะ ???
อีกอย่างเรื่องน้ำคืนระบบใต้ดิน แน่นอนว่าที่ดินมันทรุดเพราะมันสูบกันจนวัฏจักรมันคืนสภาพไม่ทันแล้วก็ทรุดอย่างที่ทราบ แต่น้ำมันจะไม่คืนลงไปใต้ดินได้เลยรึ ถึงจะแค่บางส่วนก็เหอะ แต่ในบทความเห็นได้ชัดว่าวัดเอาแต่ที่สูบขึ้นมาใช้งานอย่างเดียว ไม่คำนึงถึงตอนมันไหลกลับไปบางส่วนด้วยปริมาณที่ดูจากการใช้งานอย่างเดียว 2 กิกะตันอาจไม่ถูกต้องนัก น่าจะน้อยกว่านี้สักเล็กน้อย แต่แค่ไหน มันก็ต้องลงพื้นที่ไปวัดแบบละเอียดล่ะครับเพราะแต่ละที่มันมีวงจรไม่เท่ากันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นงานของนักวิจัย

ปล.ตัวรายงานไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นส่วนของอุตสาหกรรมหรือเกษตร มีแต่ระบุพื้นที่กว้างๆแค่นั้น
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
[quote/]
- ผมก็ไม่เชี่ยว แต่ก็บอกไงครับ น้ำไม่ซึมเข้าไปเติมทันกับที่ใช้หรอก แถมบางทีมันต้องซึมลึกเป็นกิโลกว่าจะถึงแหล่งน้ำใต้ดิน คิดว่าจะต้องใช้น้ำปริมาณแค่ไหนถึงจะซึมพอไปถึง  ต้องคำนวณมวลน้ำมหาศาลที่ถูกดินดูดซับจนไม่มีทางไปถึงแหล่งน้ำใต้ดินอีก
- เอาสเกลใกล้ตัว การวิจัยการสูบน้ำบาดาลแทบลุ่มแม่น้ำโขง ไม่นานนี้บอกถ้ายังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ลุ่มแม่น้ำโขงจะจมหมดใน80ปี เพราะเล่นสูบน้ำวันละ2ล้าน5แสนลิตรต่อวัน "ทุกวัน"  คิดว่าฝนจะซึมหมุนเวียนไปถึงชั้นใต้ดินที่เป็นเส้นทางน้ำใต้ดินได้ต้องตกเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นฤดูร้อนแล้งก็อย่าหวังจะมีฝนตกเป็นเดือนในขณะที่ระหว่างนั้นก็สูบเรื่อยๆทุกวัน แถมจะเพิ่มมากกว่า2ล้าน5แสนลิตรไปเรื่อยๆไม่หยุด จนลุ่มน้ำโขงทรุดตัวลง"ทุกปี"

- และทุกที่ก็เป็นแบบนี้หมดแหละ คนสูบมาใช้จนธรรมชาติหมุนเวียนไม่ทัน เขาว่าการที่น้ำจะเข้าไปเติมชดเชยที่เราสูบมันไม่ง่ายเท่าเราสูบน้ำใช้ แบบต้นไม้พะยูง300ปีนั่นแหละ ตัดง่ายแต่ปลูกอีก300ปีถึงจะได้ต้นโตขนาดนั้น ป่าก็เหมือนกัน เออ บางที่ร้างในเมืองคุณว่าปล่อยไว้แป็บๆก็รกรุกรังว่าเป็นป่าละเมาะ(เทียม)ถางทุกปี แต่นั่นมันปราศจากไม้ใหญ่และปัจจัยสร้างวงจรชีวิตวงจรธรรมชาติ ที่ต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่านั้นหลายสิบเท่ากว่าจะเป็นป่าละเมาะที่เป็นส่วนนึงของป่าที่แท้จริง


- tip สมัยบุกเบิกอเมริกามีวัวป่าไบสันมี60ล้านตัว ชาวอเมริกาที่อพยพมาเห็นความเหลือเฟือของวัวป่าไบสันจนไม่สนอนุรักษ์ เลยใช้เวลา100ปีล่าทิ้งล่าขว้างจนไบสันเหลือ541ตัว ?  ค่อยตื่นมาอนุรักษ์
- สมัยไม่กี่ร้อยปีก่อนทะเลทรายบางแห่งในอเมริกาไม่เคยมีจนชาวอเมริกาล่าล้างวัวป่าไบสัน เพราะวัวป่า60ล้านตัวที่ตระเวณเดินไปทั่วพื้นที่นับสิบรัฐของทวีป ไม่หยุดเหยียบย่ำกับที่จนพื้นแข็งแบบวัวเลี้ยงของชาวอเมริกาทำ และขี้ของวัวป่า60ล้านตัวนี่แหละที่เป็นปุ๋ยที่ดี ส่วนขี้วัวเลี้ยงรึ คาวบอยจะต้อนวัวไปหาน้ำแต่ในเส้นทางที่สะดวกกับตนไม่ใช่เส้นทางธรรมชาติที่จะกระจายปุ๋ย อึตกในที่ๆไม่ก่อประโยชน์บำรุงทุ่งหญ้าแถมวัวเลี้ยงจะชอบเหยียบย่ำกับที่หนักกว่าไบสัน(สัตว์ธรรมชาติจะไม่อ้อยอิ่งกับที่แบบสัตว์เลี้ยง) จนทำลายทุ่งหญ้า แถมไม่วายฆ่าไบสันเพื่อลดคู่แข่งแย่งน้ำ ตอนหลังมีรั้วหนามก็สร้างล้อมแหล่งน้ำจนสัตว์ป่าอื่นก็ใช้ไม่ได้

ประเด็นคือมันมีแค่บอกว่าสูบน้ำมามากนะแค่นั้นไงครับแล้วก็เอาข้อมูลโลกเอียงมาบอกว่าเพราะสูบน้ำเยอะไงโลกถึงเอียง ซึ่งแม่งจริงไม่จริงไม่รู้ข้อมูลที่น้ำจะกลับคืนไต้ดินก็ไม่รู้แล้วรู้ได้ไงว่าโลกเอียงเพราะสูบน้ำก็ไม่รู้ ถ้าถามผมว่าถ้าจะอ้างเรื่องสูบน้ำอ้างเรื่องสูบน้ำมันยังมีเหตุผลกว่าเพราะทังโลกไช้กันไม่ไช่น้อยๆ และมันไม่มีทางเติมลงดินได้เหมือนน้ำอีกเหตุผลที่ผมบอกว่าแม่งสูบน้ำแล้วโลกเอียงมันมีหลายเหตุผลที่เชื่อได้ยาก เพราะน้ำมันก็ไหลลงที่เดิมตลอดเวลามวลมันไม่เปรี่ยนไปมากนักหรอก ผิดกับกิจกรรมอื่นๆเช่นขุดน้ำมันก็าสแร่ของพวกนี้ขุดมาแล้วไม่มีเติมกลับ และนำออกบริมาณมากกว่าน้ำอีกในความเป็นจริงกิจกรรมที่เปรี่ยนโครงสร้างและน้ำหนักของโลก มันมีหลายอย่างที่หนักกว่าการสูบน้ำเยอะดังนั้นแค่การสูบน้ำแล้วโลกเอียงนะ ผมบอกเลยว่ากระจอกกว่าขุดน้ำมันเยอะความจริงถ้าผมบอกว่าเพราะโลกเบาขึ้น เพราะเราส่งจรวดดาวเทียมสถานีอวกาศไปนอกโลกเยอะทำไห้โลกเอียงยังมีเหตุผลกว่า สูบน้ำขึ้นมาไช้แต่มวลรวมของโลกไม่เปรี่ยนอีก
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: thetoy323

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,100
  • ถูกใจแล้ว: 4638 ครั้ง
  • ความนิยม: +306/-441
[quote/]
ประเด็นคือมันมีแค่บอกว่าสูบน้ำมามากนะแค่นั้นไงครับแล้วก็เอาข้อมูลโลกเอียงมาบอกว่าเพราะสูบน้ำเยอะไงโลกถึงเอียง ซึ่งแม่งจริงไม่จริงไม่รู้ข้อมูลที่น้ำจะกลับคืนไต้ดินก็ไม่รู้แล้วรู้ได้ไงว่าโลกเอียงเพราะสูบน้ำก็ไม่รู้ ถ้าถามผมว่าถ้าจะอ้างเรื่องสูบน้ำอ้างเรื่องสูบน้ำมันยังมีเหตุผลกว่าเพราะทังโลกไช้กันไม่ไช่น้อยๆ และมันไม่มีทางเติมลงดินได้เหมือนน้ำอีกเหตุผลที่ผมบอกว่าแม่งสูบน้ำแล้วโลกเอียงมันมีหลายเหตุผลที่เชื่อได้ยาก เพราะน้ำมันก็ไหลลงที่เดิมตลอดเวลามวลมันไม่เปรี่ยนไปมากนักหรอก ผิดกับกิจกรรมอื่นๆเช่นขุดน้ำมันก็าสแร่ของพวกนี้ขุดมาแล้วไม่มีเติมกลับ และนำออกบริมาณมากกว่าน้ำอีกในความเป็นจริงกิจกรรมที่เปรี่ยนโครงสร้างและน้ำหนักของโลก มันมีหลายอย่างที่หนักกว่าการสูบน้ำเยอะดังนั้นแค่การสูบน้ำแล้วโลกเอียงนะ ผมบอกเลยว่ากระจอกกว่าขุดน้ำมันเยอะความจริงถ้าผมบอกว่าเพราะโลกเบาขึ้น เพราะเราส่งจรวดดาวเทียมสถานีอวกาศไปนอกโลกเยอะทำไห้โลกเอียงยังมีเหตุผลกว่า สูบน้ำขึ้นมาไช้แต่มวลรวมของโลกไม่เปรี่ยนอีก




จรวด กับ ดาวเทียม นี่คิดเป็นน้พหนัก 0.000001%ของน้ำหนัดโลกนี่จะถึงไหมนะ :D
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
[quote/]




จรวด กับ ดาวเทียม นี่คิดเป็นน้พหนัก 0.000001%ของน้ำหนัดโลกนี่จะถึงไหมนะ :D

แต่มันมีเหตุผลมากกว่าน้ำที่มวลไม่หายไปไหนไช่ไหมครับถ้าแค่การสูบน้ำทำไห้โลกเอียง เพราะมีการลำเลียงน้ำจากไต้ดินขึ้นมาบนดินถ้างั้น คนและสัตว์ที่ขยับเคลื่อนที่กันตลอดเวลามันไม่มีมวลเยอะกว่าน้ำเหรอ แล้วน้ำมันและก๊าชที่สูบขึ้นมาละมันไม่มีผลเยอะกว่าน้ำเหรอผมถึงบอกถ้าเอาคิดว่าการสูบน้ำขึ้นมาไช้แล้วทำไห้โลกเอียงนะ มันมีกิจกรรมแบบเดียวกันที่น่าจะมีผลมากกว่าอีกหลายอย่างน้ำเยอะน้ำนี่คืออันดับท้ายๆเลย

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,100
  • ถูกใจแล้ว: 4638 ครั้ง
  • ความนิยม: +306/-441
[quote/]
แต่มันมีเหตุผลมากกว่าน้ำที่มวลไม่หายไปไหนไช่ไหมครับถ้าแค่การสูบน้ำทำไห้โลกเอียง เพราะมีการลำเลียงน้ำจากไต้ดินขึ้นมาบนดินถ้างั้น คนและสัตว์ที่ขยับเคลื่อนที่กันตลอดเวลามันไม่มีมวลเยอะกว่าน้ำเหรอ แล้วน้ำมันและก๊าชที่สูบขึ้นมาละมันไม่มีผลเยอะกว่าน้ำเหรอผมถึงบอกถ้าเอาคิดว่าการสูบน้ำขึ้นมาไช้แล้วทำไห้โลกเอียงนะ มันมีกิจกรรมแบบเดียวกันที่น่าจะมีผลมากกว่าอีกหลายอย่างน้ำเยอะน้ำนี่คืออันดับท้ายๆเลย


ก็อย่างที่เล่าไว้ ก่อนหน้า เริ่มมีการโจมตี คนปลูกผักกินเอง








นึกสภาพ ง่ายๆ ถนน ตึก ในเมือง นี่ขุดเอา แร่ธาตุ  เหล็ก ปูน  มาใช้ กี่พันตน กว่าจะเป็นเมืองแบบทุกวันนี้
 


ข่าวพวกนี้ พยายามโจมตีนคนใช้น้ำบาดาลในต่างประเทศ
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,215
  • ถูกใจแล้ว: 3921 ครั้ง
  • ความนิยม: +298/-402
[quote/]


ก็อย่างที่เล่าไว้ ก่อนหน้า เริ่มมีการโจมตี คนปลูกผักกินเอง








นึกสภาพ ง่ายๆ ถนน ตึก ในเมือง นี่ขุดเอา แร่ธาตุ  เหล็ก ปูน  มาใช้ กี่พันตน กว่าจะเป็นเมืองแบบทุกวันนี้
 


ข่าวพวกนี้ พยายามโจมตีนคนใช้น้ำบาดาลในต่างประเทศ
นั้นแหละครับมันถึงเป็นข้อมูลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือเลย

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก