ก่อนพูดถึงติดหนี้เท่าไหร่ มาพูดถึงประสิทธิภาพของเงินที่จ่ายไปก่อนดีกว่าไหมเงินไปละลายน้ำมันง่าย แต่เป้าหมายในการพัฒนาบุคคลากร / จำนวนเงินที่ใช้ หากไม่คุ้มค่า
มันต้องดูไหมว่ามันผิดพลาดตรงไหน การสนใจดูตัวเิงน แต่ไม่มองว่าว่าสิ่งที่ได้จากการลงทุนไปถ้าไม่คุ้มทุน แสดงถึง ความไร้ความสามารถของการบริหาร และการกำหนดนโยบายผิดพลาด หรืออาจมีการโกงเกิดขึ้น
เพราะงั้นการการผลักภาระ หนี้ จากการใช้เงินที่ไร้ประสิทธิภาพ ให้เป็นหนี้ของประชาชน มันไม่ถูกตรรกะตั้งแต่ต้นแล้ว
เอาเข้าจริงงบที่ว่าเยอะๆตกมาถึงนักเรียนนักศึกษาจริงๆเหลือเท่าไร
เราว่ามันเป็นเงินทอนเข้ากระเป๋าคนบางกลุ่มเยอะมากแน่ๆกว่าจะถึงเด็กคงเหลือไม่เยอะ
อันนี้ผมว่ามันคนละส่วนกันนะครับ ถึงเราจะได้ของแพง แต่เราได้ของ
กับเรารอได้ของถูก แต่เราต้องรอจนมูลค่าตก
แน่นอนการได้ของถูกและดี ย่อมดีกว่า แต่ถ้าต้องแลกกับเวลาที่เสียไปแล้วก็ต้องชั่งน้ำหนักกันเอาเอง
เพราะที่ทุกวันนี้ คนบ่นว่าราชการทำงานล่าช้า ส่วนนึงก็เพราะทำตามระเบียบ
ที่ถูกเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการโกง
อย่างวันก่อนเพื่อน work at home 1 วัน แต่เสียเวลาทำรายงานเพื่อป้องกันการไม่ work at home
โดยเสียเวลาเขียนรายงานไป ราวๆ 3 ชม. หรือราวเกือบครึ่งนึงของเวลางาน
ทั้งที่งานทั้งหมดที่สั่งไปก็ต้องทำให้เสร็จส่งอยู่ดี แน่นอนว่าบางคนก็ทำได้ไม่กระทบกับงาน
แต่บางคนก็กระทบตรงๆ เพราะต้องเขียนส่งทุกวันที่ work at home
เรียกได้ว่ามีอีกเยอะครับ ที่ต้องเสียเวลา เพราะขั้นตอนการตรวจสอบป้องกันการทุจริต
คราวนี้มาลองดูว่ากรณี เปลี่ยนจากจ่ายเงินให้หน่วยงานรัฐ มาจ่ายให้ผู้ปกครองตรงๆ เพื่อให้เอาไปใช้ในการศึกษา
มีครอบครัวๆนึง ได้จ่ายตังให้ลูกไปจ่ายค่าเทอมเพื่อศึกษา ปรากฏว่า ตอนจะเรียนจบ ทางมหาลัยไม่ออกเกรดให้
เพราะยังไม่ได้รับค่าเทอม ผู้ปกครองเลยสาวเรื่อง สรุป คือลูกเอาค่าเทอมไปใช้อย่างอื่นหมดเลยไม่จ่ายค่าเทอมแต่ไปเรียนตามปรกติ
หรือ คนละครึ่ง พอออกมาปุ๊บ ก็มีคนหัวหมอไปขอซื้อสินค้าจากร้าน แต่ไม่ได้ซื้อจริงแล้วให้ร้านจ่ายตังคืนเป็นเงินสด
กับ รพ.ๆนึงของรัฐ ได้เอาเงินจัดอบรมให้พนักงานไปใช้เที่ยวต่างประเทศ โดยไม่มีการจัดอบรมจริงๆ
ผลคือ ทุกคนที่มีรายชื่อ โดนสั่งไล่ออกจากราชการ หลังจากได้รับคำตัดสิน
ซึ่งเรื่องมันแดงเพราะมีคนที่ไม่ได้เงิน ร้องเรียน
ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนไทยหลายคน ที่ไม่ว่าจะเป็น เอกชนหรือราชการ โกงได้ก็โกง โกหกได้ประโยชน์ ก็โกหก
เพราะงั้นไม่ว่าจะเอาเงินลงไปที่จุดไหน ก็มีคนพยายามโกงแน่นอน
แต่สิ่งที่ต่างคือ ข้าราชการที่ทุจริต มีโทษไล่ออก และไม่ได้รับเงินบำนาญ ส่วนโทษอื่นๆก็ตามกฏหมายระบุ
ส่วนเอาเงินให้เอกชนจัดการ ก็จะต้องเจอการโกงแน่นอน แต่ไม่มีโทษทางวินัย มีแค่โทษตามกฏหมายระบุ
แต่ถ้าเอาเงินผ่านทางนักการเมือง ถึงผิดกฏหมาย เดี๋ยวก็จะแก้กฏหมายตามเพื่อให้ไม่ผิด
สรุป ถึงหน่วยงานรัฐจะมีทุจริต แต่ก็ยังได้ของ อาจจะได้ของแพงบ้าง ไม่ครบบ้าง แต่ถ้าให้ประชาชนตรงๆ
จากค่าข้าวสวย อาจจะกลายเป็นข้าวหมักแทน