แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเปิดเผยว่าโลกนี้มีเวทย์อยู่จริง คนจะเชื่อเรื่องเทพเจ้ามากขึ้นหรือเปล่าครับ?  (อ่าน 2141 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,978
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
คือตอนนี้ผมกำลังแต่งนิยายอยู่และอยากคิดหามุมมองของแต่ละท่านน่ะครับ


แนว isekai ไม่ค่อยคิดอะไๆรหรือก็เป็นไปตามสไตล์คนญี่ปุ่น ที่ดูถูกเทพเจ้า มองว่า เทพธิดาไร้ประโยชน์และอื่นๆ

รวมไปถึงแนว Gate ที่ค่อนข้างดูถูกเทพเจ้าอีกเช่นกัน

ผมค่อนข้างมองว่า ญี่ปุ่นนั้น ตามศาสนาเป้นชิโตปนพุทธ แต่ความจริงคืออเทิสม์นั่นล่ะ

แต่เพราะอย่างนั้น ในทางกลับกัน คนเลยเข้าลัทธิประหลาดประหลาดได้ง่าย


เลยมาที่ตรงนี้

ขนาดเจ้าลัทธิประหลาดที่ไม่มีเวทมนตจร์จริงๆยังเป็นผู้นำลัทธิได้แบบโอมชินริเกียว

หากแสดงว่าเจ้าลัทธิมีพลังของจริง ศาสนาจะออกมาอย่างไรครับ?

คนจะเริ่มเชื่อเทพเจ้ามากขึ้นหรือเปล่า?

หรือออกแนว รี๊ด ริชาร์ดแห่งมาร์เวลล์ที่แทบจะเดินชนเทพเจ้าสายฟ้าทอร์อยู่แล้วบอกว่า

"นั่นเป็นแค่เอเลี่ยนต่างมิติ การมีเวทมนตร์ไม่ได้หมายความว่าเรายอมรับว่าต้องมีเทพเจ้า" ???

ทั้งที่ในบางทีมก็มีทูตสวรรค์ตัวเป็นๆมาอยู่ในทีมด้วยซ้ำ

..ผมนึกถึงแนว ไทวิน แลนนิสเตอร์แห่ง game of throne น่ะครับ

ไปเจอแฟนฟิคมาน่าสนใจเหมือนกันว่า ขอเพียงเอาคนรักเขากลับมาได้ แม้แต่เป็นซาตาน ก็พร้อมจะยอมนับถืออย่างสุดหัวใจ

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นจะเป็นคนที่ออกแนวเอทิสม์ก็ตาม

ผมพยายามมองแบบบาลานซ์ว่า แนว gate พยายามเอาแนวคิดสมัยใหม่เข้าไปในโลกเกท

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกทตอบโต้กลับโดยส่งมิชชันนารี นักบวชของทางนั้นที่ใช้คาถา ปาฏิหาริย์ของเพทเจ้าได้ตัวเป็นๆมาโผล่กลางญี่ปุ่น

คนเขียนร gate ไม่กล้าเขียนถึง

แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ภาวะที่นักบบวชแสดงปาฏิหาริยืและมีเทพเจ้าจริงๆมาตอบคำถาม

รับรองว่าชาวญี่ปุ่นหลายหมื่นคนต้องไปเข้าลัทธินั้นในเวลาไม่นานแน่นอน

สงครามศาสนาอาจจะน่าสนุกขึ้นหลังจากนั้นด้วย :'(

ผมกำลังเล่นมุก Faith Healing อยุ่น่ะครับ

มันไม่ใช่โลกแบบนิยายหรือการ์ตูน มังงะที่บอกว่าห้าใมใช้เวทมนตร์เก็บเงิน

ดินแดนเสรีของอเมริกา Faith Healing รักษาด้วยศรัทธาเทพเจ้า ได้รับการรับรองถุกต้องตามกฎหมาย ยกเว้นภาษีได้ทุกประการ


แถมบางรัฐท่านจะสร้างฮาเร็ม สะสมอาวุธปืนก็ตามสบายอีกต่างหาก :o

คือผมว่าถ้าเรื่องมันเกิดในอเมริกา หลายๆอย่างก็จะเรียกว่าหักมุมกับมุกที่มักจะเจอในนิยายหรือมังงะน่ะคครับ

ว่าโลกความเป็นจริงเปิดกว้างกว่าในนิยายเยอะว่าอย่างนั้น

คุถณจะนับถือซาตานก็ยังได้ไม่มีใครห้ามเพราะเสรีภาพนับถือศาสนาเป็นเสรีภาพเด็ดขาด

แต่นั่นคือแนวคิดของโลกปัจจุบัน ถ้าเผอิญคนชักจะรู้สึกตัวว่าซาตานหรือเทพเจ้ามีอยู่จริงจะเริ่มคิดและกีดกันศาสนากันมากขึ้นหรือเปล่าครับ?

หรือตูไม่นับถือสศาสนานี้แล้วข้อห้ามเยอะเกินไป ไปนับถือศาสนาอื่นดีกว่า


โรมูลัส fgo พี่กล้ามดูเท่ดี บูชาวัวสักยี่สิบตัว เราก็ได้รับการการันตีว่าเราจะได้ไปสวรรค์กับโรมูลัสสบายกว่ากันเยอะ
ไม่มีเหตุผลให้ต้องเลี่ยงการใช้เวทยืหรือปกปิดความจริง God's Bless America :P
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออนไลน์ gundam666

  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 2,852
  • ถูกใจแล้ว: 773 ครั้ง
  • ความนิยม: +72/-83
ถ้ามีเวทมนต์จริง  ความเชื่อเรื่องพระเจ้ามีจริงก็จะเพิ่มขึ้นมาก   :-\
 

ออนไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,582
  • ถูกใจแล้ว: 18892 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-454
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
ไม่ครับ. ถ้าเวทย์มนต์มีอยู่จริงผมว่าจะเหมือนกับเกมไฟนอลแฟนตาซี. ใช้ทั้งดาบ-ปืน-เวท. ผมว่ายุคของศาสนามันเกือบที่จะสิ้นสุดแล้วละครับ. ต่อไปน่าจะเป็นพวกระบอบการปกครองส่วนความเชื่ออย่างมากก็ไม่เกินลัทธิ. ศาสนาที่จะเกิดใหม่ผมว่ายาก. ถึงมีพระเจ้าจริงๆคนก็ไม่นับถือหรอกน่าจะมีแต่ความกลัวหรือหวังผลประโยชน์มากกว่า
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: maotrade

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,978
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
ถ้ามีเวทมนต์จริง  ความเชื่อเรื่องพระเจ้ามีจริงก็จะเพิ่มขึ้นมาก   :-\


คือ


ศาสนามันมีมุกว่า


"โอ้ ที่ข้าไม่ไป ปรากฎตัว เพราะหากมนุษย์ ไม่เชื่อที่ศาสดาของข้าพูดแล้ว พวกเขาก็จะปฏิเสธข้าที่ไปบอกพวกเขาเองเช่นกัน"


ซึ่งก็คงจะอธิบายยากสักหน่อย  หากมี เทพซูส ที่มาตอบคำถามสาวกทุกสัปดาห์และเสกสายฟ้าใส่คนที่ทำให้เทพเจ้าไม่พอใจ หรือสาปให้เป็นต้นไม้


อย่างน้อยการตีความศาสนา และคำสอนก็จะชัดเจน เพราะเทพเจ้ามาตีความให้เอง การแตกนิกายและการสังขายนา คำสอนก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันมากขึ้น
ก็แล้วแต่นิยามคำว่าเทพเจ้า  ถ้าเทพเจ้าหมายถึงพระเจ้าก็อีกเรื่องนึง  แต่ถ้าเทพเจ้าหมายถึง
คนที่แข็งแกร่งด้านเวทย์  ก็จะเป็นอีกความหมายนึง  เทพผู้สร้างอาจหมายถึงคนที่เข้าไปในวิถี
ของเวทย์มนต์อันสุดลึกล้ำจนสร้างโลกขึ้นมาก็ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระเจ้าก็ได้

เทพเจ้าอาจหมายถึงเทพเซียนในทางจีนก็ได้  คนฝึกบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเซียน  ก็คงไม่ต่าง
จากฝึกเวทย์เพื่อเป็นจอมเวทย์ปราชญ์อันยิ่งใหญ่  เหาะเหินเดินอากาศ  อายุยืนเป็นร้อยเป็นพันปี


ถ้าเจ้าลัทธิมีพลังของจริง  ก็ไม่ต่างจากสมัยก่อนที่คนเชื่อว่ามีพลังจริง  แล้วพากันศรัทธาอยู่ดี
กี่ยุคกี่สมัย  สาวกก็ศรัทธาว่าเจ้าลัทธิคือของจริง  ศรัทธาว่าจะพาตน  พาสาวกสู่ชีวิตทั้งตอนนี้
ทั้งหลังความตายให้มีชีวิตที่ดี  สรุปไม่เปลี่ยนไปหรอก  เพราะพวกเขาเชื่อว่าของจริงแม้จะไม่ใช่

[การมีเวทย์มนตร์ไม่ได้หมายความว่าเรายอมรับว่าต้องมีเทพเจ้า]  เวทย์มนต์บางทีมันอาจหมายถึง
สสารมืด dark matter  พลังงานมืดDark energy  ที่มีอยู่แล้วในจักรวาลก็ได้  แค่เพียงมีผู้ที่
ค้นพบแล้วนำมาใช้ได้ก็เท่านั้นเอง  ก็เหมือนการค้นพบไฟฟ้า  ถ้าเราแสดงไฟฟ้าในยุคยุโรปกลาง
บางทีเราอาจโดนเรียกว่า  เรากำลังใช้เวทย์มนต์อยู่  ถ้ามีคนมีเวทย์มนต์อยู่จริง  พวกเขาก็ต้อง
มีคนที่ทั้งเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง  และมีกลุ่มที่เชื่อว่าพระเจ้าอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้  และคิดว่าปรากฏการณ์
เวทมนต์มันก็แค่ปรากฏการณ์อย่างนึง  เป็นแค่ทักษะ  ความสามารถอย่างนึง  แม้แต่เทพเซียนบางที
ก็อาจมีเซียนที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีก็ได้  อาจคิดว่าก็แค่ตนบำเพ็ญตบะจนแกร่งกล้าเท่านั้นเอง
ท่านก็มีแนวคิดแบบ รี๊ด ริชาร์ด สินะครับ ฮา




All mockery of jew and their one god shall be kept at appropriate minimum


การเยาะเย้ยชาวยิวและเทพเจ้าองค์เดียวของพวกเขา ควรลดอยู่ระดับต่ำสุด






แนวพหุนิยม ดั้งเดิม ก็มาจากที่มองว่า โลกวุ่นวาย มีสายฟ้าแผ่นดินไหว


ทำไมถึงบอกว่าโลกที่วุ่นวายนี้ ครองไว้ด้วยเทพสูงสุดองค์เดียว


ในเมื่อแผ่นดินไหวและฟ้าผ่า เห็นได้ชัดว่าคือ ซูสและโพไซดอนทะเลาะกัน?


ไม่ครับ. ถ้าเวทย์มนต์มีอยู่จริงผมว่าจะเหมือนกับเกมไฟนอลแฟนตาซี. ใช้ทั้งดาบ-ปืน-เวท. ผมว่ายุคของศาสนามันเกือบที่จะสิ้นสุดแล้วละครับ. ต่อไปน่าจะเป็นพวกระบอบการปกครองส่วนความเชื่ออย่างมากก็ไม่เกินลัทธิ. ศาสนาที่จะเกิดใหม่ผมว่ายาก. ถึงมีพระเจ้าจริงๆคนก็ไม่นับถือหรอกน่าจะมีแต่ความกลัวหรือหวังผลประโยชน์มากกว่า




ช่วงนี้ผมไปอ่านไซไฟเลยไม่ค่อยเห็นด้วยน่ะครับ




ปรดมาณที่เจอ ศาสนาก็จะยังมีอยํแม้เราจะเดินทางในอวกาศและคิดแอนดรอยด์ขึ้นมาได้แล้ว




โคโลนี่ของมุสบิมกับมอร์มอนก็ทำสงครามกันตลอด




คนเชียนอธิบายว่า


ไม่มีเหตุผลที่ว่าคนจะเปลี่ยนความเชื่อไป หากเทคโนโลยีสูงขึ้น


จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา


ว่าสมองของมนุษย์ สร้างมาไว้เพื่อให้เชื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตนเอง


ประมาณว่ามันรือวิวัฒนาการ ในความรู้สึกนามธรรม เป็นทีมเดียวกันที่สร้างสังคมได้น่ะครับ






เรื่อง ผลประโยชน์ต่อเทพเจ้า มันก็แค่กลับไปแบบโรมันดั้งเดิมเท่านั้นครับ




ว่า ข้าบูชาวัวให้โรมูลัสแล้ว ถ้าปีนี้ฝนฟ้าไม่ดี ปีหน้าข้าก็จะไม่บูชา จนกว่าโรมูลัสจะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลอีกครั้ง




พหุนิยม สร้างทางเลือกมากกว่า เอกเทวะน่ะครับ




ความสัมพันธ์เป็นแบบ ข้าบูชาท่านเพราะผลประโยชน์ หากท่านไม่ยอมทำงาน ข้าก็ไปบูชาคนอื่น




เอกเทวะ ไม่ให้ทางเลือกนั้นกับเราครับ

http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,200
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
เชื่อในเทพเจ้ากับมีเวทมนต์มันคนละเรื่องกันครับ ถ้าเอาเวทมาทำเหมือนเป็นเทพมันคือปาหี่หลอกลวงเหมือนเข้าทรงเดินลุยไฟนั้นแหละครับ ส่วนเรื่องที่ว่าเกทที่มีเทพเจ้าแล้วเหมือนดูถูกแต่ในเรื่องเทพเจ้ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเวทมนต์เลยนะครับ เทพนี่ทำอะไรก็ได้เลยครับเรียกว่ากองกำลังยุ่นนี่ขยะไปเลยเพียงแต่เทพจะไม่ข้ามเส้นกันเท่านั้น อิตามิที่ทำสัญยากับโรรี่ไว้ทำไห้เทพองค์อื่นไม่สามารถก้าวกายพระเอกได้ แต่กับคนอื่นสิงร่างยืมปากพูดและทำเรื่องต่างๆได้สบายๆเรียกว่าแทบจะลบทวีบได้แบบชิวๆด้วยซ้ำ ถ้าเทพอ่อนจริงจะเปิดปิดเกทเพราะนึกสนุกได้เหรอแถมพลังเทพยังข้ามมาต่างโลกได้อีก พวกโรรี่แค่สาวกครับพลังจึงจำกัดและมีความเป็นคนอยู่มุมมองของพวกนี้จึงไม่ต่างจากคนมากนัก และเรื่องอื่นๆเทพมันจะเทพไปเลยแม้แต่โคโนสุบะอควาที่มีคนหมู่บ้านเดียวนับถือยังมีพลังอย่างเวอร์และเป็นเหมือนเทพธิดาที่ทำงานไห้พระเจ้าอีกที่ ดังนั้นระดับเทพเจ้าสเกลมันเหนือชันกว่าเวทมนต์ไปอีกครับคำนิยามของเวทมนต์คือทำสิ่งในจินตนาการไห้เป็นจริง แต่เทพเจ้าคือการสร้างปาติหารที่ไม่มีไห้เป็นจริงได้โดยไม่ต้องพยายาม ในอดีตศาสนาก็มักเป็นการไห้สิ่งต่างๆโดยไม่รับสิ่งตอบแทน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ topkun

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,571
  • ถูกใจแล้ว: 967 ครั้ง
  • ความนิยม: +33/-33
เวทมนตร์กับการเชื่อว่าเทพเจ้ามีจริง ไม่เกี่ยวข้องกันนะครับ
ที่โลกเวทมนตร์เชื่อว่าเทพเจ้ามีจริง เพราะจะมาพร้อมกับเซตติ้งโลกยุคกลาง ที่ยังเชื่อในพระเจ้าซะมากกว่า
ดูอย่างเรื่อง Harry Potter ที่มีเซตติ้งเป็นยุคปัจจุบัน
พ่อมดแม่มดก็ไม่ได้เชื่อในเทพเจ้ากัน
 

ออฟไลน์ Sidestreetdog

  • แม่ทัพหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 2,190
  • ถูกใจแล้ว: 492 ครั้ง
  • ความนิยม: +26/-26
ถ้าคนมีพลังเวทคือ พวกทางศาสนา ก็อาจเป็นไปได้แต่สุดท้าย ผมว่าพวกวิทยาศาสตร์จะจับมาศึกษาทดลอง จนกลายเป็นแบบพี่น้องโรงเรียนเวทมากกว่า
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: richter

ออนไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,582
  • ถูกใจแล้ว: 18892 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-454
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
สาเหตุที่คนบูชาเทพนี่ไม่ได้มาจากความดีของเทพนะครับ. ที่บูชานะความกลัวล้วนๆดูอย่างเจ้าแม่ค้ายาก็ได้เซเลสลงมาเปิดอัลติทีก็หันมาศรัทธาทีแต่ถ้าระยะเวลาห่างไปหลายสิบปี. ก็กลับมาเละเทะกันเหมือนเดิม. แต่ที่ในนิยายยังศรัทธาอยู่ส่วนนึงมาจากที่เจ้าแม่โชว์พลังที่ได้มาจากเซเลสให้เห็นๆด้วยนะท่าน. ในเทพนิยายกรีกก็มีเวทย์แต่ที่นับถือบูชาก็เพราะความกลัวเหมือนกันนั่นแหละ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: maotrade

ออฟไลน์ richter

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,076
  • ถูกใจแล้ว: 1298 ครั้ง
  • ความนิยม: +48/-25
รายนี้ขนาดโดนจับไปต่างโลกยังไม่เชื่อเลยครับ เรียกเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับ Being X ตลอด  :P
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,978
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
เชื่อในเทพเจ้ากับมีเวทมนต์มันคนละเรื่องกันครับ ถ้าเอาเวทมาทำเหมือนเป็นเทพมันคือปาหี่หลอกลวงเหมือนเข้าทรงเดินลุยไฟนั้นแหละครับ ส่วนเรื่องที่ว่าเกทที่มีเทพเจ้าแล้วเหมือนดูถูกแต่ในเรื่องเทพเจ้ามันไม่เกี่ยวอะไรกับเวทมนต์เลยนะครับ เทพนี่ทำอะไรก็ได้เลยครับเรียกว่ากองกำลังยุ่นนี่ขยะไปเลยเพียงแต่เทพจะไม่ข้ามเส้นกันเท่านั้น อิตามิที่ทำสัญยากับโรรี่ไว้ทำไห้เทพองค์อื่นไม่สามารถก้าวกายพระเอกได้ แต่กับคนอื่นสิงร่างยืมปากพูดและทำเรื่องต่างๆได้สบายๆเรียกว่าแทบจะลบทวีบได้แบบชิวๆด้วยซ้ำ ถ้าเทพอ่อนจริงจะเปิดปิดเกทเพราะนึกสนุกได้เหรอแถมพลังเทพยังข้ามมาต่างโลกได้อีก พวกโรรี่แค่สาวกครับพลังจึงจำกัดและมีความเป็นคนอยู่มุมมองของพวกนี้จึงไม่ต่างจากคนมากนัก และเรื่องอื่นๆเทพมันจะเทพไปเลยแม้แต่โคโนสุบะอควาที่มีคนหมู่บ้านเดียวนับถือยังมีพลังอย่างเวอร์และเป็นเหมือนเทพธิดาที่ทำงานไห้พระเจ้าอีกที่ ดังนั้นระดับเทพเจ้าสเกลมันเหนือชันกว่าเวทมนต์ไปอีกครับคำนิยามของเวทมนต์คือทำสิ่งในจินตนาการไห้เป็นจริง แต่เทพเจ้าคือการสร้างปาติหารที่ไม่มีไห้เป็นจริงได้โดยไม่ต้องพยายาม ในอดีตศาสนาก็มักเป็นการไห้สิ่งต่างๆโดยไม่รับสิ่งตอบแทน
ฮืมน่าสนใจที่แต่ละคนออกแนว รี๊ด ริชาร์ด
ที่มาอยู่ในสภาวะที่เรื่องเหนือธรรมชาติเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งยืนยันของเหนือธรรมชาติอีกเรื่องหนึ่ง
ผมพยายามจะมองในเรื่องเกท คือ วัฒนธรรมมันไปได้สองทาง แต่คนเขียนไม่ยอมเขียนเรื่องวัฒนธรรมจากโลกฝั่งตรงข้ามที่จะมาที่ญี่ปุ่นน่ะครับ
ท่านเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ
ก่อนพระเจ้าองค์เดียว
ศาสนาคือการต่างตอบแทนครับ
เอาแบบไม่ต้องเทพเจ้าโรมัน
ตำนานแถน พญาคันคาก

หากแถนตุกติก ไม่ยอมใฝห้ฝนตกตามที่สัญญา
ก็จต้องยิงบั้งไฟไปขู่แถนให้ฝนตกลงมา

การส่งขีปณาวุธไปข้ามหัวบ้านแถน ไม่ใช่พฤติกรรมของความเคารพนะครับ
เหมือนพฤติกรรมของเกาหลีเหนือกับญี่ปุ่นมากกว่า
นั่นคือแนวคิดก่อนที่เทพเจ้าองคืเดียวจะมีอิทธิพลเหนือทุกอย่างในจักรวาล
ถ้าคนมีพลังเวทคือ พวกทางศาสนา ก็อาจเป็นไปได้แต่สุดท้าย ผมว่าพวกวิทยาศาสตร์จะจับมาศึกษาทดลอง จนกลายเป็นแบบพี่น้องโรงเรียนเวทมากกว่า

ผมมองว่าเป็นไปได้ ที่คนจะมองเรื่องศาสนาแต่เป็นแบบวิทยาศาสตร์ ว่ามันก็แค่สิ่งมีชวิตอีกมิติหนึ่งแบบที่รี๊ด ริชารืดว่า

แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่คิดอะไรมากก็จะเชื่อเทพเจ้าล่ะครับ
เรียกว่าคน int สูงจะไปทางวิทยาศาสตร์เวทมมสนตร์ คนint ต่ำจะไปทางสายศรัทธา
เวทมนตร์กับการเชื่อว่าเทพเจ้ามีจริง ไม่เกี่ยวข้องกันนะครับ
ที่โลกเวทมนตร์เชื่อว่าเทพเจ้ามีจริง เพราะจะมาพร้อมกับเซตติ้งโลกยุคกลาง ที่ยังเชื่อในพระเจ้าซะมากกว่า
ดูอย่างเรื่อง Harry Potter ที่มีเซตติ้งเป็นยุคปัจจุบัน
พ่อมดแม่มดก็ไม่ได้เชื่อในเทพเจ้ากัน

เจเค แก้ตัวโดยการไม่ยอมเขียนแตะต้องเรื่องเทพเจ้าครับ
เอาแบบ หากไม่เชื่อพระเยซูคริสต์
ทำไมถึงฉองคริสมาสต์แม้แต่กัยบพวกเอลฟ์ประจำบ้าน?
มันคือการแต่งที่พยายามไม่แตะเรื่องพวกนี้
เพราะแค่นี้ ทางฝ่ายคาทอลิคก็มองเขม่นซี่รี่ย์แฮร์รี่แล้วครับ
หากบอกว่า พ่อมดไม่เชื่อถือพระเจ้า เจเค อาจเจอแบนและเผาหนังสือจริงๆได้เหมือนกัน
มันเริ่มมาจาก หากคนเล่น fgo
เราก้ต้องยอมรับว่าทุกตำนานเป็นจริง
แต่ก็พยายามจะแถ ไม่ให้เทพเจ้าเทพเกินไปนั่นล่ะ
ผมยังงงอยู่ว่า ยะโฮวา ท่านไปอยู่แถวไนตอน ซิงกูราลิตี้หรือลอสต์เบลต์?
หากถามผมในฐานะนักเขียน
การเอาพระเจ้ายะโฮวา มามันเขียนยาก เพราะแปลว่าพระเจ้าท่านตบได้ทุกตัวในเรื่องนั้น

เอาแบบที่ผมคาใจมากๆเรื่องหนึ่งคือเดวิลแมน
พยายามเล่นมุกเรื่องมีแต่ปีศาจ
ทำลายเยรูซาเล็ม วาติกันร ทำลายศรัทธาของมนุษย์
แต่เขียนว่าเรื่องวทั้หงมดเกิดขึ้นรเพราะพระเจ้าย้อนเวลากะจะลงโทษลูซิเฟอร์

ตบลูซิเฟอร์ที่ชนะเดวิลแมนทีเดียวกลิ้ง
..ไม่รู้ว่าคนเขียนต้องการสื่ออะไรเหมือนกัน
กลายเป็นว่า ที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่มีอำนาจ แต่พระเจ้าไม่แคร์ที่จะลงมือเองแม้สถานศักดิ์สิทธิ์ที่พวกมนุษย์สร้างจะถูกทำลายต่างหาก

..
กลับมาที่เดิมคือ
หากเขียนไปว่า พระเยซูที่เสกขนมปังเพิ่มจำนวนได้ เป็นแค่คาถาของ วพรส

อธิบายว่าพระเยซูเป็นพ่อมดจะเข้ากับแนวเรื่องได้มากกว่า
เวทยืงัดกับศาสนามันงัดกันมาประมาณตั้งแต่ สมัยอียิปต์
ประมาณว่า ปาฎิหาริย์พระเจ้าเจ็ดยอ่าง นักเวทยื นักบวชของอียิปต์ทำตามได้สองอย่าง
หากเปรียบเปรยบแนวคิด ท่านก็อาจจะเป็นแนวนักบวชอียิปต์ล่ะครับบ
มองว่าพระเะจ้าทำได้แค่นี้ เราก็ทำไ้ จะให้มานับถือท่านเป็นพระเจ้าสูงสุดหรือผละจากรา ไปนับถือพระยะโฮวาแทนก็ดูแปลกๆ

สาเหตุที่คนบูชาเทพนี่ไม่ได้มาจากความดีของเทพนะครับ. ที่บูชานะความกลัวล้วนๆดูอย่างเจ้าแม่ค้ายาก็ได้เซเลสลงมาเปิดอัลติทีก็หันมาศรัทธาทีแต่ถ้าระยะเวลาห่างไปหลายสิบปี. ก็กลับมาเละเทะกันเหมือนเดิม. แต่ที่ในนิยายยังศรัทธาอยู่ส่วนนึงมาจากที่เจ้าแม่โชว์พลังที่ได้มาจากเซเลสให้เห็นๆด้วยนะท่าน. ในเทพนิยายกรีกก็มีเวทย์แต่ที่นับถือบูชาก็เพราะความกลัวเหมือนกันนั่นแหละ
ก็ใช่ครับ มันเกี่ยวกับอำนาจด้วย
ผมเจอเล่นมุกว่า
ไม่เชื่อพระเจ้าในจักรวาล warhammer
เลยส่งปีศาจมาบุกโจมตีเพื่อให้สำนึกผิดและกลับใจเสียใหม่ ???
เราจะไม่เชื่้อในเทพบิดรซูสได้อย่างไรหากท่านมามีอะไรกับสาวๆไปครึ่งเมืองกรีก และใครไปทำให้ท่านโมโห ท่านก็เสกให้เป็นต้นไม้
รายนี้ขนาดโดนจับไปต่างโลกยังไม่เชื่อเลยครับ เรียกเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับ Being X ตลอด  :P
[img/]
ทาเนียไม่ยอมนับถือก็อาจจะใช่ครับ
แต่เป็นเคสที่แปลก
แค่คนธรรมดามีตำแหน่งเหนืิอกว่าสั่งก็ยอมทำตามถวายชีวิต
X ที่หยุดเวลาได้ ส่งคนไปเกิดใหม่ได้ มอบพลังที่ทำลายเมืองได้ ต้องการแค่ศรัทธา แต่ทาเนียกลับไม่นับถือหรือเชื่อฟัง
มันคือแนวคิดที่ผมมองว่าแปลกๆเหมือนกัน

ยอมสยบต่อผู้มีอำนาจของมนุษย์แต่ไปงัดข้อกับคนที่บังคับควบคุมความตายและกาลเวลาได้้
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ richter

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • แม่ทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 2,076
  • ถูกใจแล้ว: 1298 ครั้ง
  • ความนิยม: +48/-25
กรณีทาเนียนั้นเจ้าตัวได้เกริ่นเอาไว้ในตอนที่ 12 ที่คุยกับพี่แว่นแกแล้วครับ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ มองในมุมของตรรกะอย่างเดียวก็จะไม่เข้าใจ

ออฟไลน์ zero130

  • ไอ้แมลงสาปแผลงฤทธิ์
  • แม่ทัพหมีชั้นกลาง
  • *****
  • กระทู้: 2,189
  • ถูกใจแล้ว: 530 ครั้ง
  • ความนิยม: +61/-17
  • เพศ: ชาย
มันก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนใช้เวทมนต์นั้นเป็นพวกแบบนั้น ถ้าเป็นพวกนักบวช เพิ่มขึ้นแน่ๆ ถ้านักเวทมนต์ออกแนวไปทางสไตล์โมเดิรน์นิดแบบพวก "พี่น้องปริศนาโรงเรียนมหาเวท" ก็ไม่มีผลเท่าไร เวทจะกลายศาสตร์แขนงหนึ่งแทน
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,978
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
กรณีทาเนียนั้นเจ้าตัวได้เกริ่นเอาไว้ในตอนที่ 12 ที่คุยกับพี่แว่นแกแล้วครับ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ มองในมุมของตรรกะอย่างเดียวก็จะไม่เข้าใจ
[youtube/]

ถ้าหากมองแบบเหตุผลและผลประโยชน์จริงๆการเชลียร์ เซ็ตทัวร์กับรูเดนดอร์ฟกับ X อะไรให้ผลประโยชน์มากกว่ากัน?
เมื่อผลประโยชน์กับอันตรายโดยการงัดข้อกับ X มากกว่า กับ เซ็ตทัว์หลายเท่า
ทำไมถึงไปเลือกทางที่ได้ผลประโยชน์น้อยกว่าและอันตรายมหาศาลกว่า?
แต่ก้นั่นล่ะครับ
สำหรับผมกัยบทาเนียเขาเรียกว่า semantic การเถียงกันในเรื่องความหมายเล็กๆน้อยๆ

หากทาเนียว่าคนที่หยุดเวลาได้ ควบคุมวิญญาณได้ ไม่ใช่เพระเจ้าเป็นแค่สิ่งมีชีวิตปริศนา
ก็โอเค แค่การคิดอย่างนั้นก็คือการไม่ศรัทธาศาสนาทั่วโลกนั่นล่ะ
หรือากมองแบบบริษัท
เซ็ตทัวร์ก็คุมเยอรมันในสงคราม
ส่วน x  เป็นประธาน ceo ของโลก
มีหน้่าที่ควบคุมความเป็นไปของบริษัทคือโลกทั้งหมด ทั้งเบื้องหน้าและหลังความตาย
เซ็ตทัวร์ของเยอรมันก็เป็นแค่แผนกหนึ่งที่มีนับร้อย

ทำไมคนที่ยึดถือเหตุผล ถึงไปด่าซีอีโอของบริษัท แต่กลับก้มหัวยอมตายให้กับผู้จัดการแผนก?
มันก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มคนใช้เวทมนต์นั้นเป็นพวกแบบนั้น ถ้าเป็นพวกนักบวช เพิ่มขึ้นแน่ๆ ถ้านักเวทมนต์ออกแนวไปทางสไตล์โมเดิรน์นิดแบบพวก "พี่น้องปริศนาโรงเรียนมหาเวท" ก็ไม่มีผลเท่าไร เวทจะกลายศาสตร์แขนงหนึ่งแทน
ผมว่าคนเราจะศึกษาเวทย์แน่ๆครับเพราะมันเป็นความอยากรู้ของมนุษย์
แต่ผมมองว่ามันจะเป็นอย่างที่นักวิทย์คนหนึ่งพูดประมาณ
ศึกษาวิทยาศาสตร์ะรรมชาติ คุณจะกลายเป็นเอทิสม์ ศึกาาลึคกลงไปคุณจะค้นพบพระเจ้าท่อยู่ก้นบึ้ง

ไม่แปลกที่คนจะศึกษาว่าอยบ่า่งนั้น
แต่เราจะเชื่อหรือทำอะไรหลังจากที่ศึกษาแล้วก็อาจจะอีกเรื่อง

หากโชว์ว่าคุยกับวิญญาณคนตายได้อย่างกรีฟีทหรือ X

ท่านจะคิดว่าคนทั่วไปที่เจออย่างนั้นโง่หรือครับหากเชื่อว่า x หรือกรีฟีทเป็นพระเจ้าหรือพระผู้ไถ่?

คือเวทย์ที่เกี่ยวกับดินน้ำลมไฟก็เรื่องหนึ่ง
แต่เวทย์เกี่ยวกับวิญญาณนี่มีแค่พระเจ้าหรือเนโครแมนเชอร์เท่านั้นล่ะครับ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ natask

  • หัวหน้าฝูงหมีใหญ่
  • *****
  • กระทู้: 1,649
  • ถูกใจแล้ว: 635 ครั้ง
  • ความนิยม: +46/-23
  • เพศ: ชาย
  • หาไม่เจอหรือเธอว์มีดุ้น
ความเชื่อเกิดจากความไม่รู้ ถ้าเห็นอะไรทรงพลัง สมัยก่อนพวกแผ่นดินไหว น้ำท่วม ภัยพิบัติ ก็เชื่อกันว่ามาจากเทพเจ้า


กลับมาที่คำถาม ถ้าโลกนั้น เวทมนต์ถูกเซตติ้งให้อยู่บนความไม่รู้ ใช้จากความรู้สึก มาน่าวัดเป็นเลขไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์คนใช้ แบบนี้โอกาสจะกลัวผู้ทรงอำนาจ ถือเป็นเทพมีสูง
แต่ถ้าเซตติ้งโลกมาแบบมาโฮกะ เวทมนต์มีที่มาที่ไป สามารถสร้างอุปกรณ์ชี้วัดค่าได้ชัดเจน รู้ถึงสาเหตุการก่อกำเนิดของพลังเวทย์ ผู้คนจะไม่กลัวเท่า และจะให้อารมณ์เหมือนมองระเบิดนิวเคลียร์
คือมันก็กลัว แต่ก็ไม่ได้ขนาดไปเชื่อถือในตัวคนใช้ว่าเป็นเทพเจ้า เพราะรู้ว่ามันมีที่มายังไง ทำงานยังไง และรู้วิธีเตรียมรับมือได้



 

ออฟไลน์ maotrade

  • พ่อค้าทาสผู้ลุ่มหลงเอลฟ์อ๊ปไป
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,019
  • ถูกใจแล้ว: 17710 ครั้ง
  • ความนิยม: +772/-109
  • เพศ: ชาย
  • เหตุผลและความรู้สึก
ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าของมนุษย์ เกิดเพราะความกลัว และถ้าอิงตามความเชื่อตำนานเทพเจ้าของทุกที่ เทพเจ้าไม่ได้ใจดี และบทบาทหลักๆล้วนเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างมากกว่าสรรสร้าง เทพสายสรรสร้างเกิดมาหลักมีเทพองค์หลัก(สายทำลายและปกครอง)
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ providence_gundam

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,379
  • ถูกใจแล้ว: 2053 ครั้ง
  • ความนิยม: +191/-397
  • เพศ: ชาย
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่หยิ่งผยองในเผ่าพันธุ์ตัวเองที่สุดแล้วครับ สิ่งมีชีวิตในอดีตหลายชนิดเคยได้รับบูชาดุจเทพ ปัจจุบัน ไม่เป็นอาหาร สัตว์ในสวนสัตว์ ไม่ก็ถูกล่า


สงครามครูเสด พระเจ้ากลายเป็นเครื่องมือในการชวนคนไปรบมาแล้ว


สุดท้ายเวทย์มนต์ก็จะเป็นเครื่องมือใช้งานของมนุษย์

ถ้าเทพเจ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มีจริงๆ มันคงไม่มีเกมกระทืบเทพอย่าง god of war ขึ้นมาบนโลกหรอกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2020, 02:46:51 AM โดย providence_gundam »
 

ออฟไลน์ abdolyqa

  • หมีเต็มตัว
  • *
  • กระทู้: 15
  • ถูกใจแล้ว: 5 ครั้ง
  • ความนิยม: +1/-0
เวทย์ไม่มีอยู่จริง ถ้าเกิดเวทย์มีอยู่จริง คนจะเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเพิ่มขึ้นเเน่นอน :-X
 

ออฟไลน์ Moos1919

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 121
  • ถูกใจแล้ว: 65 ครั้ง
  • ความนิยม: +2/-3
  • เพศ: ชาย
ถ้าคิดตามเหตุและผล ผมว่าคนจะเชื่อในศาสนา+เทพเจ้า น้อยลง
เพราะจะเกิดข้อสงสัยว่า ปาฏิหาริย์ต่างๆในเรื่องเล่าของแต่ละศาสนาเป็นแค่เวทย์มนต์ของมนุษย์ด้วยกันเอง

แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าเทพเจ้ามีจริง ให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์เหรอ แล้วคนจะเชื่อได้อย่างไรว่านั้นไม่ใช่เวทย์มนต์ของมนุษย์
 

ออฟไลน์ RealRiTy

  • นักปราชญ์แห่งเขาเซนนิคุมะ
  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 971
  • ถูกใจแล้ว: 4973 ครั้ง
  • ความนิยม: +616/-25
ในส่วนของทาเนีย ที่ไม่ยอมรับพระเจ้าเพราะเจ้าตัวมีอคติกับความศรัทธาในศาสนาน่ะครับ คือมองว่าการศรัทธาจนหน้ามืดตามัวมันลดคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แค่ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งพระเจ้าหรือใครคนอื่นตามที่ถูกสั่งมา แถมเจ้าตัวยังคลั่งสำนักเศรษฐศาสตร์ชิคาโกมากด้วย


อีกอย่าง ทาเนียไม่เคยแม้แต่จะคิดถวายชีวิตให้กับจักรวรรดิหรือผู้บังคับบัญชานะครับ(แน่นอนว่าxด้วย) เจ้าตัวคิดถึงแค่ผลกำไรขาดทุนของตัวเอง แล้วก็ใช้ชิวิตแบบที่กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวให้ได้มากที่สุด แล้วบังเอิญว่าตอนนั้นการอยู่กับจักรวรรดิได้กำไรมากที่สุดเท่านั้นแหละ


สิ่งที่ทาเนียถวายชีวิตให้(?)คือระบบทุนนิยมกับหลักการตลาด แล้วก็แนวคิดยึดมั่นในความเป็นปัจเจกชน โดยมีอคติของตัวเองแซมอยู่ตรงนู้นตรงนี้ประปราย
ปัญหาคือแนวคิดกับวิธีทำของทาเนียน่ะพาเจ้าตัวซวยเอาๆโดยไม่รู้ตัวซะมากกว่า เพราะมุมมองทาเนียกับมุมมองคนอื่นๆในโลกนั้นนี่แทบจะไปกันคนละทางเลย
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,978
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
ความเชื่อเกิดจากความไม่รู้ ถ้าเห็นอะไรทรงพลัง สมัยก่อนพวกแผ่นดินไหว น้ำท่วม ภัยพิบัติ ก็เชื่อกันว่ามาจากเทพเจ้า


กลับมาที่คำถาม ถ้าโลกนั้น เวทมนต์ถูกเซตติ้งให้อยู่บนความไม่รู้ ใช้จากความรู้สึก มาน่าวัดเป็นเลขไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์คนใช้ แบบนี้โอกาสจะกลัวผู้ทรงอำนาจ ถือเป็นเทพมีสูง
แต่ถ้าเซตติ้งโลกมาแบบมาโฮกะ เวทมนต์มีที่มาที่ไป สามารถสร้างอุปกรณ์ชี้วัดค่าได้ชัดเจน รู้ถึงสาเหตุการก่อกำเนิดของพลังเวทย์ ผู้คนจะไม่กลัวเท่า และจะให้อารมณ์เหมือนมองระเบิดนิวเคลียร์
คือมันก็กลัว แต่ก็ไม่ได้ขนาดไปเชื่อถือในตัวคนใช้ว่าเป็นเทพเจ้า เพราะรู้ว่ามันมีที่มายังไง ทำงานยังไง และรู้วิธีเตรียมรับมือได้




ที่ผมนึกภาพก็ประมาณแนวเวทย์ที่ซ่อนอยู่ในสังคม
ประมาณ นักเวทยืในจักรวาล เฟทหรือ แผนปราบผีของเจ๊มิคามิน่ะครับ
ว่ามันมีการใช้ชีวิตธรรมดา และการใช้ชีวิตในโลกมืด Moonlit world
คนเขียนเรื่องแบบนี้พยายามจะบาลานซ์ ความเป็นแฟนตาซีกับความสมจริงน่ะครับ
ปัญหาก็คือ เท่ากับว่าการทำลายความลับ masquerade ที่จะเกิดขึ้น ผลจะเป็นอย่างไรต่อสังคมนั่นคือสิ่งที่ผมคิดน่ะครับ

มันเป็นมุกท่ผมคิดมานานว่า
ฝ่ายโฏบสถ์พระเจ้าใช้เความสรัทธา หากมีศรัทธาเพิ่มขึ้น ก็เพิ่มพลังขึ้น บุกไปฆ่าแวมไพร์ได้

หรือหากพูดกันดีดี พิจารณากำลังวจริงๆแล้วโบสถ์ก็เรียกว่าเป็นองค์กรที่เข้มแข็งอยู่แล้วล่ะมั้ง
ไม่ใช่องคึ์กรที่อ่อนแออย่างนักเวทย์ที่ตัวใครตัวมันเป็นส่วนใหญ่
ในส่วนของทาเนีย ที่ไม่ยอมรับพระเจ้าเพราะเจ้าตัวมีอคติกับความศรัทธาในศาสนาน่ะครับ คือมองว่าการศรัทธาจนหน้ามืดตามัวมันลดคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่แค่ก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งพระเจ้าหรือใครคนอื่นตามที่ถูกสั่งมา แถมเจ้าตัวยังคลั่งสำนักเศรษฐศาสตร์ชิคาโกมากด้วย


อีกอย่าง ทาเนียไม่เคยแม้แต่จะคิดถวายชีวิตให้กับจักรวรรดิหรือผู้บังคับบัญชานะครับ(แน่นอนว่าxด้วย) เจ้าตัวคิดถึงแค่ผลกำไรขาดทุนของตัวเอง แล้วก็ใช้ชิวิตแบบที่กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวให้ได้มากที่สุด แล้วบังเอิญว่าตอนนั้นการอยู่กับจักรวรรดิได้กำไรมากที่สุดเท่านั้นแหละ


สิ่งที่ทาเนียถวายชีวิตให้(?)คือระบบทุนนิยมกับหลักการตลาด แล้วก็แนวคิดยึดมั่นในความเป็นปัจเจกชน โดยมีอคติของตัวเองแซมอยู่ตรงนู้นตรงนี้ประปราย
ปัญหาคือแนวคิดกับวิธีทำของทาเนียน่ะพาเจ้าตัวซวยเอาๆโดยไม่รู้ตัวซะมากกว่า เพราะมุมมองทาเนียกับมุมมองคนอื่นๆในโลกนั้นนี่แทบจะไปกันคนละทางเลย
ถ้าหากมองว่าผลประโยชน์คือต่างตอบแทนน่ะครับตามทุนนิยม
ความสัมพันธ์ที่มีต่อพระเจ้าก็แค่ย้อนกลับไปสมัยโรมันเท่านั้นเอง
เราดูจากภาคมังงะก็รู้ว่าขอเพียงขอพร ก็มีเทพอื่นที่พร้อมจะให้พรเหมือนกันว่าอย่างนั้น

ผมมองว่าทาเนียนั้น อืม ฟังมาจากคำสัมภาษณ์คนเขียนมั้ง ว่าพยายามเขียนว่าคนที่ทำตามเหตุผลจะประมาณไหน
พวกฝรัะ่งชอบมาก เพราะแต่ละคนออกแนวเอทิสม์กันเอยะ
โดยเฉพาะอเมริกาที่ชอบเพราะเกลียดคอมมิวนิสม์ ฮา

พูดกันจรงๆคือ พยายามเล่นมุกความเข้าใจผิด แบบเดียวกับนิยาย flashman ของใรัะ่งทำให้ฝรั่งอ่านแล้ววรู้สึกชอบง่ายกว่า
กลับมาที่ความเชื่อ
คือจเรียกว่า ก็สู้เพื่อเซ็ททัวหรือเยอะรมันล่ะครับ
แค่มีคำสั่งมาก็พ้อมที่จะทำตาม แทบจะยอมตายคาพื้นที่หากไม่มีคำสั่งให้ถอย
นั่นคือ คำว่ายอมตายที่ผมว่าล่ะครับ
อ้างว่าทำเพื่อแผนหลงลังเกษียณและตำแหน่งทำงานนั่งโต๊ะในแนวหลบังก็โอเค
แต่กว่าจะได้ตำแหน่งส(ูงอาจต้องเสี่ยงตายและเกือบตายจริงๆเห็นได้จากตอนแมรี่
นั่นคือเสี่ยงชีวิตจริงๆล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
เรียกว่ายอมเสี่ยงตอนนี้เพื่อผลประโยชน์ภายหลัง
การตีความแบบทุนนิยม นั่นคือการที่เธอลงทุนด้วยชีวิตของเธอล่ะครับ
ที่ยอมหักกับ X แต่ไม่ยอมหนีไปจากเยอรมัน
..เพื่ออะไร?
หากมองแบบทุนนิยมจริงๆชีวิตเราสำคัญสุด
เป็นอาชญากร ทหารหนีทัพ ก็ยังเรียกว่าดูดีกว่าตายในสงคราม
ถ้าคิดตามเหตุและผล ผมว่าคนจะเชื่อในศาสนา+เทพเจ้า น้อยลง
เพราะจะเกิดข้อสงสัยว่า ปาฏิหาริย์ต่างๆในเรื่องเล่าของแต่ละศาสนาเป็นแค่เวทย์มนต์ของมนุษย์ด้วยกันเอง

แล้วจะพิสูจน์ยังไงว่าเทพเจ้ามีจริง ให้ท่านแสดงปาฏิหาริย์เหรอ แล้วคนจะเชื่อได้อย่างไรว่านั้นไม่ใช่เวทย์มนต์ของมนุษย์
ผมค่อนข้างมองว่าศาสนามีหลาย แบบน่ะครับ
แต่หลักๆคือ เอกเทวะนิยจะเล่นมุก ใช้พลังได้ผ่านพระเจ้าเท่านั้นส่วนศาสนา กรีก โรมันก็อาจจะว่า ข้าเป็นบุตรแห่งซุส

อาจเกิดการที่คนตั้งคำถามต่อเอกเทวะนิยมมากขึ้น
และหากมีเทพแบบโรรี่ หรือแบบใน Gate ชาวบ้านอาจจะไปนับถือ แบบพหุเทวะ เทพเจ้าหลายองค์มากขึ้นได้ง่ายกว่าหรือเปล่า?
ผมมองว่าความเชื่อมันจะมีอยู่ตลอดน่ะครับ แต่อาจปรับเปลี่ยนไปตามความเข้าใจในแต่ละยุค
เวทย์ไม่มีอยู่จริง ถ้าเกิดเวทย์มีอยู่จริง คนจะเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเพิ่มขึ้นเเน่นอน :-X
ก็นั่นล่ะครับ
แนวที่ผมคิดคือการตังสมมติฐานว่าแบบเฟท หรือแบบแผนปราบผีมิคามิ
ให้คนรู้ว่าพลังพิเศษมีจริงและเทพเจ้าเดินไปมา จะมีคนไม่ศรัทธาในพระเจ้าได้อีกหรือ?
แต่เข้าใจว่ามีแน่ๆแบบคนหัวแข็ง อย่างรี๊ด ริชาร์ด ที่ผมว่าน่ะครับ
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่หยิ่งผยองในเผ่าพันธุ์ตัวเองที่สุดแล้วครับ สิ่งมีชีวิตในอดีตหลายชนิดเคยได้รับบูชาดุจเทพ ปัจจุบัน ไม่เป็นอาหาร สัตว์ในสวนสัตว์ ไม่ก็ถูกล่า


สงครามครูเสด พระเจ้ากลายเป็นเครื่องมือในการชวนคนไปรบมาแล้ว


สุดท้ายเวทย์มนต์ก็จะเป็นเครื่องมือใช้งานของมนุษย์

ถ้าเทพเจ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มีจริงๆ มันคงไม่มีเกมกระทืบเทพอย่าง god of war ขึ้นมาบนโลกหรอกครับ
ก็ใช่ครับ ผมไม่แปลกใจหากจะมีคนคิดจะควบคุมพลังอย่างที่ว่าแค่พยายามจะจำลอง ภาพของความวุ่นวายนที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้ความจริงเรื่องเหนือธรรมชาติน่ะครับ
แม้แต่เรื่องแนวนี้ก็ละเลยหลายๆอย่างไป

ว่าหากมีตัวตนที่เรียกว่าเพเจ้าอยู่จริง พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อในฐานะมนุษย์
ความเชื่อเรื่องเทพเจ้าของมนุษย์ เกิดเพราะความกลัว และถ้าอิงตามความเชื่อตำนานเทพเจ้าของทุกที่ เทพเจ้าไม่ได้ใจดี และบทบาทหลักๆล้วนเกี่ยวข้องกับการทำลายล้างมากกว่าสรรสร้าง เทพสายสรรสร้างเกิดมาหลักมีเทพองค์หลัก(สายทำลายและปกครอง)
มันคือการพยายามอธิบายความเป็นไปของโลกเท่าที่คนเราจะทำได้น่ะครับ

เราจะบอกว่ามีเทพเจ้าองคืเดียวควบคุมทุกอย่างได้อย่างไร ในโลกที่วุ่นวายแบบนี้
และสายฟ้าฟาดเมื่อไร ไม่รู้
แผ่นดินไหวเมื่อไรไม่รู้ พายุจะเข้า่ฯลฯก็แสดงว่าเป้นฝีมือของซูสและโพไซดอน ที่ทำตามใจตนเองไม่สนความต้องการของมนุษย์
ผมอ่านตำนาน ดั้งเดิม มันไม่ใช่เรื่องของการที่คนจะเก่งกว่าเทพเจ้า แต่ใครแข่งกับเทพเจ้าจะมีชะตากรรมสยองรออยู่เช่น ถูกคำสาปต่างๆ

มันคือเรื่องสยองถ้าเทพเจ้านใจเราล่ะครับ
มีชีวิตดดยไม่เกี่ยวกับเทพเจ้าจจะดีที่สุดคือแนวคิดสมัยก่อน
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก