ลองใส่ข้อเสียให้เวทมนตร์ดูสิครับ อย่าฃเช่นเขียนให้เวทมนรักษาแผลมีโอกาสที่ทำให้เกิดเนื้องอกถ้าควบคุมไม่ดี เวทฆ่าเชื้ออาจจะเผลอไปทำลายแบคทีเรียที่มีประโยชในร่างกาย
ผมไปเจอแนวฝรั่งเขียนประมาณนี้ครับว่า เวทมนตร์คือตามแนว perception มุมมองของบุคคล
ขีดจำกัดของเวทมนตร์อยู่ที่ขีดจำกัดของแนวคิด
ประมาณว่าคนคิดง่ายๆ การกำจัดเชื้อโรคก็กำจัดได้ง่ายไม่มีปัญหาอะไร
แต่คนที่คิดมากก็จะเจอปัฐญหาแบบท่าน
คือ คนที่โง่หน่อย ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เวทย์จะทำงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้อัตโนมัติ
คนที่ฉลาดหัวดี จะเจอปัญหาคือต้องทำหลายขั้นตอนแบบเดียวกับชิโร่ที่มีระบบความคิดประมาณ
[เตรียมพลังเวทย์] [เคลื่อนไหวพลังเวทย์] [ระบุพลังเวทยืในที่กำหนด] [กำหนดอาณาเขตการมีผลของพลังเวทย์] [ระบุสภาพของปัญหาที่ต้องการให้เวทยืแก้ไข] [แยกแยะเชื้อโนรคที่ต้องงการและไม่ต้องการ] [กำจัดเชื้อโรคที่ต้องการ] [เสร็จสิ้น]
ประมาณนี้น่ะครับ เป็นการอธิบายด้วยว่าทำไมนักบวชถึงรักษาได้เก่งกว่า เพราะพวกนักบวชเน้นศรัทธา ตั้งเป้าหมายที่ต้องการและจ่ายพลังเวทย์ก็ใช้ได้แล้ว
นักเวทย์ที่ฉลาดจะมีความคิดละเอียดมากกว่าว่าอย่างนั้นครับ
ทำให้ความฉลาดของตนเองเป็นผลร้ายต่อการใช้เวทย์ ที่ต้องระวังและใช้ลำบากมากกว่าคนทั่วไปที่ไม่คิดอะไรมาก
ถ้าเวทรักษามีอยู่จริงจะเป็นที่ต้องการมากกว่าเวทโจมตีอยู่แล้วครับเพราะถ้าจะฆ่าคนใช้ลูกปืนยิงเอามันง่ายกว่าเยอะ. เปรียบเทียบง่ายๆหมอกับมือปืนฝึกใครยากกว่ากัน?
ก็นั่นล่ะครับ
ผมว่าการรักษาได้ในปัจจุบันทรงคุณค่ากว่ามาก
อย่างที่ผมนึกถึง การรักษานักเตะลิเวอร์พูลหรือพรีเมียร์ลีคกส์ที่บาดเจ็บพักหกเดือนหลายสัปดาห์
ขอเงินจากคล็อปป์หรือผู้บริหารสักสองสามแสนปอนด์ หรือสักห้าหกหมื่นปอนด์ จากที่ดารานักเตะจะหายในหกเดือน จะหายดีในสามวันทำไมคนจะไม่ยอมจ่ายให้?
จะฆ่าคนไปทำไมในเมื่อการรักษาหรือช่วยคนทำได้ง่ายดายมากกว่า?
ยิ่งอยู่อเมริกายิ่งสบาย เราสามารถเปิดป้ายคลินิค ว่ารักษาด้วยความเชื่อ เวทมนตร์ ออกใบเสร็จ ลงบัญชียกเว้นภาษีได้เลยในบางรัฐครับ
ผมยังงงอยู่ว่า มันเอามุกมาจากไหนที่ว่าเวทมนตร์ต้องหลบซ่อน
แต่พอเข้าใจว่ามันพบยายามจะอธิบาย ให้ดูว่ามีโลกที่ซ่อนอยู่ของพ่อมดว่าอย่างนั้น
การปกปิด masquerade คือมุกของฝรั่งที่อ.นาสุเอามาใช้ล่ะครับ
อ่านแนวของใรั่งจะพอเข้าใจความคิดของนักเวทย์ในจักรวาลเฟทได้มากขึ้นครับ
แต่มันก็เอาปัญหาที่คนสงสัยตามมาด้วยนั่นล่ะ
ว่าเอาโลกความจริง ไม่ได้มีใใครจะจับเราไปเผาอีกแล้ว โดยเฉพาะอเมริกา คุณบูชาพระแม่ธรณีไกอา อธินา พากัน ฯลฯ
ตามสบาย ตั้งลัทธิศาสนาได้ตามใจชอบ ไม่มีใครว่า
เวทรักษาไม่ต้องยุคปัจจุบันมั้งครับ
ในนิยายหลายๆเรื่อง ถ้าไม่มีดาดเดื่อนจริงๆ ผู้มีพลังรักษามักเป็นคนสำคัญมากๆ ที่ต้องถูกปกป้อง และได้รับการนับถือเสมอ
มันมีมุกจากเกมส์ DnD ที่เป็นต้นแบบของก็อบลินสเลเยอร์น่ะครับ
เป็นมุกใส่กันว่า เวทย์รักษาเป็นของนักบวชเท่านั้น
จอมเวทย์็ พ่นไพฟร์บอล อัญเชิญต่างๆได้สารพัด แต่ไม่สามารถใช้เวทย์รักษาได้
คนที่มีเวทย์รักษาจะเป็นเนโครแมนเชอร์ผู้ควบคุมศพเท่านั้น
เพราะผู้ควบคุมศพเป็นจอมเวทย์ที่มีความรู้เรื่องร่างกายอย่างดี จึงสามารถรักษาแผลได้จต่างจากจอมเวทย์ทั่วไปที่จะไม่แตะเรื่องนี้เพราะจะโดนหาว่าเข้าศาสตร์มืด ที่จะโดนคนรังเกียจและตามล่า
แต่อย่างที่ว่าครับ โลบสถ์ นักบลวชทุกคนที่ใช้เวทย์รักษาได้คือคนที่ชาวบ้านเคารพรัก ไม่ค่อยมีใครกล้าไปทำอะไร
เพราะไปฆ่านักบวชที่จิตใจดีคนหนึ่ง อาจจะมีนักผจญภัยอีกสักสิบกลุ่มที่นักบวชนั้นเคยช่วยไว้ไปตามล่าเราได้เลยล่ะครับ
บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระตามสไตลืสมัยก่อนผมพยายามเอาแนวเซ็ตติ้งปัจจุบัน เพราะอยากเขียนแนวนั้นน่ะครับ
ประมาณ เฟทอย่างที่ว่าแต่ออกแนวต้นตำรับของเฟทคือ world of darkness
ทีมีเคนบิดาแห่งแวมไพร์อะไรเทือกนั้นน่ะครับ บยุคคลคนแรกของโลกที่ฆ่าอาเบลและมีัคำอวยพร/คำสาป จากพระเจ้าให้ฆ่าไม่ตาย
ให้ออกแนวเถื่อนๆไปทางตะวันตกหน่อยมากกว่าแนวเฟท ที่กำหนดให้ญี่ปุ่นเป็นดินแดนของพวกบ้านนอกคอกนา
ผมว่าแล้วแต่คนเขียนเอามาประยุคใช้มากกว่า แล้วแต่ว่าเวทนั้นจะไปได้สุดขนาดไหน อย่างผมเคยคิดจะเขียนเวทเก็บของ
หรือไอเทมบ็อกซ์ ที่ถ้าคิดแล้วคำว่าเก็บของมีมันใหญ่มากเลยนะ สามารถประยุคได้ทั้งการเป็นชีวิต เก็บทุกอย่างไม่ว่าจะ
เป็นรูปประธรรมหรือนามประธรรม ซึ่งนั้นก็เรียกว่าเป็นการประยุคเวทที่บางเรื่องคิดไว้ว่าแค่เก็บของทั่วไป แต่ถ้าท่านโม้หน่อย
ก็เก็บเวททุกอย่างที่ศัตรูยิองมา แล้วเปิดให้มันยิงสวนกลับไปก็ได้อะไรแบบนั้น ก็แล้วแต่จะคิดละครับ เรียกได้ทุกเวทถ้า
เราไปขีดระดับมันให้เกินขอบเขตได้ละก็ เทพได้หมดละครับ อย่างผู้กล้าฮีลนั้นละ แม่ฮีลมันจะเทพไปไหน
เรื่องเล่นคำหรือตีความ่างๆผมไปเจอซีรี่ย์ฝรั่งมาล่ะครับที่ความสามารถ (ควบคุมแมลง) ตอนหลังกลายเป็นความสามารถ(ควบคุมผู้ัมีพฃังพิเศษ) ได้ทุกคนหลังจากปลดขีดจำกัดได้แล้วว่าอย่างนั้น
อย่างความสามารถฮีล
ในจักรวาลเฟท ก็บอกว่าเมเดียไม่ได้รักษา แต่ทำแบบแวมไพร์คือย้อนเวลากลับไปก่อนที่จะมีแปลเกิดขึ้นว่าอย่างนั้น
(จุดไฟ) ตามที่มนุษย์เข้าใจแต่อธิบายให้ซับซ้อนกว่าก็กลายเป็น (เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงให้ตรงนั้นมีไฟ)
แล้วแต่จะแถล่ะครับ
อย่างมีมุกหนึ่ง(คาถาทำความสะอาด) ที่ทำให้อ้วกหรือสิ่งสกปรกหายไปได้ ทำได้แม้แต่ทำให้ไม่ต้องไปฉีเวลามีงานเร่ง
ปฉี่และของเสียในท้องจะหายไปเองหากใช้คาถานี้
พระเอกก็สงสัยว่า ทำไมโคลนคือดินที่เปื้อนร่างกาย หายไปเมื่อโดนคาถาทำความสะอาด แต่ทำไมดินที่อยู่บนพื้น ไม่ยอมหายไปเมื่อเจอคาถาทำความสะอาด?
ก็เริ่มทำการทดลองหาข้อจำกัดของคาถาล่ะครับ
สำหรับผมมองว่าโกงมาก ในการเสกให้ดินหรืออะไรหายไปได้จตากร่างกายของเรา เช่นสกให้น้ำหายไปหรือเลือดหายไป ทะกคนจะตายหมดด้วยการโจมตีในเวทย์แค่ทีเดียว
ผมย้ำในกระทู้ก็อบลินสเลเยอร์เสมอว่า
ไอ้มุกของก็อบลินที่ใช้คาถาเกท รบาเรียยฯลฯ ต่างๆประยุกต์ฆ่าศัตรูน่ะ
ไม่ใช่ไม่มีคนที่คิดจะทำ แต่เพราะว่าหากGM อนุญาตให้ทำอย่างนนั้นได้ ผู้เล่นก็จะไม่ตจ้องใช้คาถาอื่นแล้่้ว เคลียร์ได้ทั้งเซ็ตติ้งด้วยคาถานั้นคาถาเดียวนั่นล่ะ หากไม่เจอตัวละครระดับเทพเจ้าที่คาถาตีไม่เข้า
การตีความคาถาต้องทำอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นเนื้อเรื่องจะเสียได้