เอ้ย... เดี๋ยวๆๆๆ กลับมก่อน อย่าเพิ่งดึงดาวแรงเกิน ... นี่แอบไปสูดกาวที่ไหนมาเนี่ย
รู้สึกจะอินหนักข้อกว่าเมื่อก่อนน่ะเนี่ย....
เอาจริงๆ แบบใส่ร้ายป้ายสีกันเลยน่ะ ... เพราะนางเอกมันมาทีหลังนั่นแหละ เพราะเฝ้าสังเกตุอยู่แนวหลังก่อนซักพัก
เลือกได้มีโอกาสพิจารณาเลือกตัวเลือกที่จะแทรกคู่ของคนอื่นได้ ....
แต่ถ้าจะเอาแบบฮาๆ เลยคือต้องยกตัวอย่างของท่านเอลิซ่า ที่น้องอเมเลียซึ่งเป็นนางเอกเกมต้องมาอยู่ในโรงเรียนฉากเกม
ทีแรกนางก็ไม่ได้อยากจะกระแดะจับคนดังในโรงเรียน ... แต่พวกเด็กคนอื่นในโรงเรียนดันเสือกรุมรังแกนาง
หวังให้นางเป็นนางเอกละครโศกโดยที่ตัวนางเอกเองไม่ได้อยาก ...ก็ในเมื่อคนอื่นดันวอนกันนัก นางเลยจัดไป...
ยึดท่านเอลิซ่าเอาไว้คนเดียวเลยทีนี้ ... ทำเอาหนาวๆ ร้อนๆ กันทั้งประเทศเลย
เพราะเหล่าชายหนุ่มที่ควรเป็นเป้าหมาย กลายเป็นหมาหัวเน่าเลย
อินเพราะว่าผมเล่นเควสต์มาน่ะครับ
พยายามบิวต์อารมณ์ให้เข้ากับการเล่นเควสต์ว่า
"นางนี่ต้องตบ""นางนี่ต้องดึงเข้าพวก"
"ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้พฤติกรรมแรดๆของเราถูกเปิดเผย"อะไรเทือกนั้น ฮา
เรื่อง "ฉันเล็งนางร้าย"หรือครับ?
มีคนวิจารณ์ว่าเรื่องนี้มันแปลกๆที่ทุกคนเป็นเกย์หมดนี่ล่ะ ฮา
เหมือนเรื่องที่บรรยายความอัดอั้นของคนสาย lgbt มากกว่าว่าอย่างนั้น
ผมมักจะเล่นมุกว่า
"การแต่งงานคือระหว่างชายหญิงเท่านั้นตามปรสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า"เพื่อให้เข้ากับแนวคิดในสมัยนั้นน่ะครับ
GM ต้องเบรกๆพวกเราไม่ให้ศึกษาเวทมนตร์หรืออัลเคมิสต์
เพราะ GM ฝรั่งรู้ดีว่าถาอนุญาตให้ใช้เวทมนตร์ เควสต์จะกลายเป็นเควสต์จอมเวทย์แทน
ที่ผู้เล่นจะสนใจการค้นคว้าเวทมนตร์ แทนที่จะสนใจไปที่การเข้าสังคมของเหล่้าเลดี้
ถ้าแค่เจ้าหญิงประเภทไม่ทำงานทำการก็พอได้ครับ จะเห็นงานนี้สำคัญก็ไม่แปลก แต่ถ้าเป็นสาวนักวิทย์นักประดิษฐ์ เอาเงินไปลงกับไอเท็มวิทย์โหดๆ คุ้มกว่านะ
อย่างที่ว่าครับ จักรวาลที่เล่นอยู่ เวทย์โดนแบน
อัลเคมิสต์ไม่นับว่าเป็นเวทยืแต่ฝึกได้แต่ผู้ายเท่านั้น
ผู้หญิงฝึกจะโดนส่งไปกักตัวในคอนเวนท์ว่ากันไป
เพื่อให้ได้อารมณ์เลดี้ในแนวนี้ ฮา
ท่านก็มองคล้ายผมว่าในสายตาผู้ชายมันไร้สาระนั่นล่ะครับ
ปกติสมัยโบราณ ตอนกลางวันจะให้ผู้หญิงเทียวไปเทียวมา เดินตามหาผู้ชายมาเป็นคู่ครองคงลำบาก
งานต่างๆสมัยก่อนผู้หญิงก็มักโดนกีดกันไม่ให้เข้าร่วม ก็เลยต้องมีงานเปิดตัวในสังคมหล่ะมั้ง พามาให้ยลโฉม
และให้โอกาศค้นหาคู่ น่าจะราวๆนี้มั้ง
และมันก็เหมือนงานกลางคืนอื่นๆ ที่ความสวยงาม การแข่งขัน การประทินโฉมต้องมี เอาแค่พวกเราไป
เที่ยวกลางคืน ไปผับไปบาร์ ยังแต่งกันเนี๊ยบเลย อย่างพวกเขาก็คงต้องเปรียบกับงานกาล่าดินเนอร์ต่างๆ
ของยุคปัจจุบันมั้ง
ที่ยุคปัจจุบันไม่ค่อยจะมี(ก็ยังมีอยู่นะ งานวันเกิดที่จัดยิ่งใหญ่บางทีก็เพราะจะเปิดตัว ทั้งๆที่ปีก่อนๆไม่เห็นจะ
จัดยิ่งใหญ่) ก็เพราะผู้หญิงแต่ละคนก็เปิดตัวตั้งกะเด็กแล้ว ถูกพาเข้าสังคมได้รู้จักเส้นสายตั้งกะแบเบาะ แต่
ก็อาจจะมีแบบ เอาหล่ะ! ลูกสาวเรียนจบนอกแล้ว จะเตรียมตัวให้ฝากผีฝากไข้เพื่อส่งต่อธุรกิจ งั้นอ้างวันเกิด
ปีนี้จัดอลังการ เพื่อเปิดตัวลูกสาวที่กลับมาให้ลูกค้า ให้คู่ค้า ให้พนักงานระดับสูง ได้ทำความรู้จัก ตอนนั้น
ก่อนเปิดตัว ก็ฝึกให้ลูกสาวจดจำ ลูกค้า คู่ค้า พนักงานสำคัญ อาจมีไปเปิดตัวซอฟต์ๆงานกลางคืนเล็กๆ
ก่อนถึงงานจริงด้วยก็ดี สำคัญมาก
ไม่งั้นก็ใช้วิธีพาไปงานสังสรรค์ต่างๆ พาไปเรื่อยๆทุกงาน แล้วค่อยให้ลูกสาวชวนลูกของลูกค้า คู่ค้า ไปเที่ยว
ไปสนิทกันในกลุ่มเล็กๆ สร้างคอนเน็คก่อนที่จะส่งต่อ หรือส่งมอบหน้าที่ในฐานะเจ้าของธุรกิจคนใหม่ บลาๆๆๆ
"เป็นสาวเป็นนางไม่ควรพบปะผู้ชายตามลำพังหรือส่งสายตาให้ผู้ชาย" ฮา
ตั้งแต่ท่านนบี พระพุทธเจ้าถึง บิลลี่กราแฮม
ก็มองคล้ายกันล่ะครับ
เอาผู้หญิงอยุ่กับผู้ชายสองต่อสอง มันไม่มีเรื่องดีเกิดขึ้นหรอก
"ผู้หญิงที่ดี ไม่ควรไปเที่ยวผับบาร์"ว่าอย่างนั้น
แต่ไปพูดอย่างนั้นในโลกปัจจุบันคงโดนด่า
แต่ในเรื่องเราต้องสู้กับเหล่ามาดามต่างๆที่คอยควบคุมศีลธรรมของสังคมและมีเส้นสายกับทางโบสถ์
ต้องทำภารกิจหาผัวให้ได้ว่าอย่างนั้นล่ะครับ
พอลองมองเรื่องผลประโยชน์เป็นหลัก
ผมชักพอเข้าใจพฤติกรรมหลายๆอย่างขึ้นมาแล้วแฮะ
แบบเดียวกับการเล่นเควสต์ โรลเพลย์คือการจำลองโมเดลทางความคิดล่ะครับ
ว่าเมื่อมีเป้าหมายเช่นนี้ มีกฎทางสังคมเช่นนี้ เลดี้จะมีพฤติกรรมอย่างไร
มันแข่งขันกันดุเดือดมาก
แต่ก้นั่นล่ะครับ
ไร้สาระมาก หากมองในผลประโยชน์รวมของสังคม
แต่สำคัญมากๆกับสถานะส่วนตัว
ตกลงพ่อแม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่ตนเองแนะนำให้
แต่นั่นล่ะครับ
ปัญหาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล เก่าแก่กว่าคัมภีร์ไบเบิ้ล
ลุกสาวฟังพ่อเสียที่ไหน?
เรื่องงานสังคมนี่ก็น่าสจใจครับ
ที่ตอนเล่นเควสต์ผมพยายามแทบตายกว่าจะได้บัตรเชิญเข้าไปในงานระดับหรูมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ละคนต้องแต่งกันใหสุดเหวี่ยง
มีมุกที่ผมเคยว่าล่ะครับ
คนที่ใส่ซาฟารีในขณะที่คนอื่นใส่เต็มยศได้ มีแต่คนที่ใหญ่ที่สุดในงานเท่านั้น แบบเดียวกับคิมจองอุลที่รายล้อมด้วยนายทหารระดับสูง
ท่านก็เคยมีงานเปิดตัว เดบูตตงเหมือนกันหรือครับ ฮา?
แนวโอโตเมะชอบที่จะเขียนเกี่ยวกับเค้ก ชุดเต้นรำและอื่นๆมาก
เอาแบบเซเลอรืมูน ยุคซิลเวอร์มิลเลเนี่ยม
ควีนเซเรนิตี้สนใจแต่งานเต้นรำบนดวงจันทร์ ในขณะที่เอนเดเมี่ยน สนใจความเป็นอยู่ของชาวโลกปัญหาจึงเกิดขึ้นนั่นล่ะ
ทั้งที่เอนเดเมี่ยน นั่งกินนอนกิน ไปงานเต้นรำและทำภารกิจกับเซเรนิตีี้ ทุกอย่างก็ไปได้ดีไม่มีปัญหาแล้ว
แต่ผู้ชายดันมองต่างจากผู้หญิงนั่นล่ะนะ
ไปสนใจปัญหาไร้สาระอย่าง ความอดอยากของชาวโลก การล้มป่วย ความไม่เท่าเทียมของดวงจันทร์กับโลก อายุขัยของชาวโลกที่น้อยกว่าดวงจันทร์ฯลฯ
ไม่เกี่ยวกับปัญหาสำคัญอย่างงานเต้นรำ ใส่ชุดสวยๆของควีนเซเรนิตี้เลย