แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความรู้เรื่องนารวม หรือ นาแปลงใหญ่ มีดี/เสีย อย่างไร  (อ่าน 3338 ครั้ง)

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
 ;)

พอดีมีคนเล่าว่าวิธีนี้ เริ่มนำมาใช้ดันในบางพื้นที่ของไทย

แต่ผมไม่ทราบจริงว่ามันมีระบบต่างจากปกติอย่างไร
ส่วนตัวผมไม่ชอบระบบทำนานรวมแบบนี้ หรือนาแปลงใหญ่ครั


ที่บ้านเคยทำนาก็จริงแต่เลิกไปนานมากแล้ว
และมีคำโบราณ ว่าไว้ "ทำนาเข้าส่วน ทำสวนรวมหุ้น เจ๊งชิบหาย"
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: daily

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
นาสมัยโบราณจะมีคันนาสั้นๆเหมาะกับพวกคนเดิน


แต่นาแบบเมกาหรือภาคกลางจะเป็นผืนใหญ่ต่อเนื่อง
พอเวลาใช้เครืองจักรจะไถ รึเก็บเกี่ยวไวกว่า
เพราะไถยาว ไม่ติดคันนา ไม่เสียเวลาเลี้ยว
เสียค่าน้ำมันลดลงทำงานไวขึ้น
การบริหารจัดการง่ายกว่าเพราะแปลงใหญ่คุ้มต่อการลงทุนต่างๆ
เช่นลานตาก โรงสี


ข้อเสียเหมาะกับพื้นที่ชลประทานดีเท่านั้น
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: daily

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
นาสมัยโบราณจะมีคันนาสั้นๆเหมาะกับพวกคนเดิน


แต่นาแบบเมกาหรือภาคกลางจะเป็นผืนใหญ่ต่อเนื่อง
พอเวลาใช้เครืองจักรจะไถ รึเก็บเกี่ยวไวกว่า
เพราะไถยาว ไม่ติดคันนา ไม่เสียเวลาเลี้ยว
เสียค่าน้ำมันลดลงทำงานไวขึ้น
การบริหารจัดการง่ายกว่าเพราะแปลงใหญ่คุ้มต่อการลงทุนต่างๆ
เช่นลานตาก โรงสี


ข้อเสียเหมาะกับพื้นที่ชลประทานดีเท่านั้น


แบบนั้นไม่เชิงถูกนะครับ นาบ้านเราเป็นนาลุ่มในที่ลุ่ม
คันนาไม่ได้มีแค่เอาไว้เดิน แต่มันเอาไว้คั่นน้ำเป็นส่วนๆ
เวลาวิดเข้านา เพราะนาแต่ล่ะแปลงที่มีคันนาคั่นมันสูงต่ำ ไม่เท่ากันครับ
หลักๆ แม่ผมเล่าไว้แบบนี้

 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: redxsword, daily

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
[quote/]


แบบนั้นไม่เชิงถูกนะครับ นาบ้านเราเป็นนาลุ่มในที่ลุ่ม
คันนาไม่ได้มีแค่เอาไว้เดิน แต่มันเอาไว้คั่นน้ำเป็นส่วนๆ
เวลาวิดเข้านา เพราะนาแต่ล่ะแปลงที่มีคันนาคั่นมันสูงต่ำ ไม่เท่ากันครับ
หลักๆ แม่ผมเล่าไว้แบบนี้




ถึงบอกไงครับ เหมาะแค่บางพื้นที่
พวกจุดที่น้ำน้อย พื้นที่ตามป่าเขาไม่เวิค
ต้องราบลุ่มชลประทานดีๆแถวภาคกลาง
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: daily

ออนไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,209
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
 ;)

พอดีมีคนเล่าว่าวิธีนี้ เริ่มนำมาใช้ดันในบางพื้นที่ของไทย

แต่ผมไม่ทราบจริงว่ามันมีระบบต่างจากปกติอย่างไร
ส่วนตัวผมไม่ชอบระบบทำนานรวมแบบนี้ หรือนาแปลงใหญ่ครั


ที่บ้านเคยทำนาก็จริงแต่เลิกไปนานมากแล้ว
และมีคำโบราณ ว่าไว้ "ทำนาเข้าส่วน ทำสวนรวมหุ้น เจ๊งชิบหาย"



เหมาเจ๋อตุง เป็นจูนิเบียวคอมมิวนิสต์ เป็นคนที่ตีความหมายแท้จริงของคอมมิวนิสต์ไม่ออก ไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของคาร์ล มาร์ก ตีความบัญญัติ 10 ประการของคอมมิวนิสต์มานิสเฟสโตอย่างตื้นเขิน และใช้มาตรการแข็งกร้าว ทำไปทำมาตนเองกลายเป็นฟาสซิสต์ในที่สุด


ถ้าคาร์ล มาร์กเกิดใหม่รู้เข้าว่าทั้งเหมาและสตาลินทำแบบนี้ คาร์ล มาร์กคงจะร้องไห้เสียใจนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ


เหมากับสตาลินทำตามแค่ข้อ 1 สุดทางในแบบของตนเองด้วยมาตรการรุนแรง(ผิดวิธีด้วย) แต่ตีโจทย์ข้อ 2 ไม่แตก ทั้งที่ข้อ 1 กับ ข้อ 2 ต้องใช้ร่วมกัน เหมาไม่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เลยและดำเนินนโยบายแบบมโนผิดๆไปเอง
ข้อ 1 Abolition of Property in Land and application of All Rents of Land to Public Purposes.
ข้อ 2 A Heavy Progressive or Graduated Income Tax


เหมาทำแต่ข้อ 1 และใช้วิธีการรุนแรง เช่น ใช้กำลังทหารยึดที่ดินของเกษตรกร พอรัฐได้ที่ดินทั้งหมดก็บังคับให้เกษตรและชนชั้นกรรมชีพเป็นแรงงานของรัฐหรือพนักงานของรัฐ ทำนาร่วมกันและผลผลิตส่งเข้ารัฐทั้งหมด รัฐเมื่อได้ผลผลิตก็จะต้องตอบแทนเป็นผลผลิตส่วนหนึ่งคืนกลับไป ซึ่งตรงนี้มันก็ผิดแล้ว เพราะไม่ได้คำนึงถึงสันดานธรรมชาติของมนุษย์ที่ทุกคนกระทำสิ่งใดย่อมหวังผลตอบแทนกลับมา ไม่มากก็น้อย


สิ่งที่ถูกต้อง คือ ต้องเอาข้อ 1 ผสมกับ ข้อ 2 ซึ่งคาร์ล มาร์ก เขาก็อุตส่าห์อธิบายตั้งหลายครั้งว่า "การที่คนๆหนึ่ง Generate รายได้ได้ ย่อมใช้ทรัพยากรของรัฐจำนวนหนึ่ง ยิ่ง Generate รายได้ได้มาก ย่อมเท่ากับใช้ทรัพยากรของรัฐมาก" ดังนั้นเมื่อใช้ทรัพยากรของรัฐมาก คุณต้องเก็บภาษีคนที่ใช้ทรัพยากรของรัฐมากในราคาแพง และค่อยๆลดหลั่นเป็นขั้นบันไดลงไปหาคนที่มีรายได้น้อย


ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องก็คือ "การเก็บภาษีเงินได้ตามสัดส่วนที่ดินที่ถือครอง" ไงครับ เป็นการขจัดชนชั้นนายทุนผูกขาดที่ถือครองที่ดินผูกขาดอย่างละมุมละม่อม ด้วยระบบภาษีและหลักการทางเศรษฐศาสตร์ด้านการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด


ซึ่งประเทศที่ตีโจทย์ตรงนี้แตกที่สุดก็คือ เวียดนาม ครับ เวียดนามมีระบบการเก็บภาษีที่ดิน ถ้าจำไม่ผิดผมเคยบอกไว้นานแล้วว่า เวียดนามนี่แหละเข้าใกล้ความเป็นคอมมิวนิสต์มากกว่าจีนหรือรัสเซีย(แต่ก็ยังไม่ใช่)


ภาษีที่ดินของเวียดนาม หรือ Land Tax or Property Tax เรทของมันขึ้นอยู่กับว่าที่ดินนั้นเอาไปใช้ประโยชน์อะไร เช่น
- ปลูกบ้าน Low Rate
- ทำเกษตร Low Rate
- ทำอุตสาหกรรม Medium Rate
- ทำค้าขายขนาดเล็ก Medium Rate
- ทำ Commercial&Service ขนาดใหญ่ Medium Rate
- ปลูกบ้านเกิน 2 หลังขึ้นไป High Rate
- ที่ดินรกร้าง High Rate


ถ้าจ่ายภาษีไม่ได้ ก็จะถูกปรับ หนักหน่อยก็โดนริบที่ดินและนำไปประมูลออกจำหน่ายให้คนอื่นผู้อื่นที่สนใจจะใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้ต่อไป เพื่อไม่ให้กักตุนที่ดินและบังคับให้เอาที่ดินไปทำประโยชน์


โดยอัตรา Rate เหล่านี้จะไปคูณกับราคาที่ดินนั้นๆ เช่น ในเมืองก็จะแพงหน่อย ชนบทก็จะถูกหน่อย เพื่อที่จะให้คนอยากไปลงทุนพัฒนาที่ดินที่ต่างจังหวัดเนื่องจากจ่ายภาษีน้อยกว่า เป็นไปตาม ข้อ 9


ข้อ 9 Combination of Agriculture with manufacturing industries ; gradual abolition of all the distinction between town and country by a more equable distribution of the populace over the country.


ในวรรคที่ 2 วิธีการบริหารให้ประชากรแต่ละเมืองมีขนาดเท่าๆกัน นั่นก็คือการจูงใจด้วยระบบภาษีที่ดินไงครับ ถ้า Rate ในเมืองใหญ่แพงกว่า Rate ชนบท


นักลงทุน พ่อค้า เจ้าของกิจการ รวมถึงประชาชนก็จะอยากย้ายไปอยู่ที่เมืองชนบท เพราะ Rate ภาษีที่ต่ำกว่า แต่นั่นก็จำเป็นจะต้องทำข้อ 6


ข้อ 6 Centralise of the means of communication and transport in the hand of state


รัฐมีหน้าที่จัดหาการสื่อสารและระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดให้อยู่ในการดูแลของรัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางระหว่างเมืองได้อย่างสะดวก และข้อที่ 6 มีจุดสำคัญที่สุด คือ in the hand of state


ความหมาย in the hand of state นั้น ทั้งเหมาและสตาลินต่างเข้าใจว่า รัฐจะควบคุมสื่อทั้งหมดและทำประชาสัมพันธ์แบบโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดถนัด


สิ่งที่คาร์ล มาร์ก ต้องการจะสื่อ คือ ห้ามไม่ให้มีระบบสัมปทานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางด่วน และการบริการทาง Internet รัฐจะต้องไม่เปิดประมูลสัมปทานให้กับเอกชน


แต่ให้ใช้ระบบรัฐวิสาหกิจซึ่งรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้ดำเนินการบริหารเรื่องเหล่านี้แทนแบบเดียวกับเอกชน เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดและโก่งราคาค่าขนส่งตามใจ


เช่น เคสรถไฟฟ้า BTS การเก็บค่าทางด่วนโดยบริษัท BEM สุดแสนแพง จนหลายคนหน้ามืดไปกับค่าเดินทางมหาศาล(เผลอๆมากกว่าค่าอาหารต่อวันซะอีก)


10 ข้อ ของคาร์ล มาร์ก เวลาตีความต้องตีความไปทางนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักการเงิน ไม่ใช่ให้นักพูดหรือนักการทหารตีความ ไม่งั้นจะเกิดความหายนะแบบคราวปฏิวัติวัฒนธรรม หรือ ลัทธิสตาลิน เนื่องจากคาร์ล มาร์กดั้งเดิมแกเป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขียนหนังสือเศรษฐศาสตร์ก็หลายเล่ม ดังนั้นเวลาตีความต้องตีความและนำไปปฏิบัติแบบนักเศรษฐศาสตร์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 02:20:51 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: redxsword, Kokonoka

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,981
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
หากให้ผมวิจารณ์

ที่ดินคือทรัพยากรที่เป็นจุดตายของทุกอารยะธรรมที่ยังพึ่งพาการเกษตรครับแม้แต่อุตตสาหกรรมก็ต้องพึ่งที่ดิน
หากให้ผมวิเคราะห์นารวมขนาดใหญ่คือ

ลงทุนมาก แต่ทุกอย่างดดยรวมจะถูกลงตามแนวคิดเหมาโหลถูกกว่าน่ะครับ
ให้นึกภาพอัตราส่วน economix of scale มั้งที่บอกว่าผู้ผลิตเจ้าใหย่จะลดราคาได้มากกว่าเพราะอำนาจต่อรองมากกว่า หากหาทางประหบัดเรื่องหนึ่งได้ด้วยขนาดก็ทำให้ประหยัดกว่าคนอื่นๆ
ที่บอกว่าเกิดการเถียงกันตีกันตายนั้นถูกต้องครับ

คนที่ทำได้สำเร็จคือเจ้าของที่ดินขุนนางเท่านั้นที่มีอำนาจในการสร้างนาขนาดใหญ่ได้ด้วยคำสั่งของตนเองหรือตระกูลตนเองไปในทางเดียวกันเอาคนหลายคนเข้ามาจะก่อความเสียหายได้หากไม่ทำระบบให้เป็นทางการก่อน
ลาทินฟุนนด้ามั้ง?คือคำกล่าวของนารวมของชาวโรมันที่เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ทำสิ่งนี้แล้วจะยิ่งรวยขึ้นและสะสมทรัพย์สินได้มากขึ้นด้วย
ผมมองว่าปัจจุบันก็ไม่น่าต่างกันเท่าไรรวยบขึ้นหรือไม่ไม่รู้แต่อัตราส่วนโดยเฉลี่ยจะราคาถูกกว่าในภาพรวมน่าจะเป็นเรือ่งจริงครับ
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ daijobu

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 995
  • ถูกใจแล้ว: 408 ครั้ง
  • ความนิยม: +28/-60
[quote/]


เหมาเจ๋อตุง เป็นจูนิเบียวคอมมิวนิสต์ เป็นคนที่ตีความหมายแท้จริงของคอมมิวนิสต์ไม่ออก ไม่เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของคาร์ล มาร์ก ตีความบัญญัติ 10 ประการของคอมมิวนิสต์มานิสเฟสโตอย่างตื้นเขิน และใช้มาตรการแข็งกร้าว ทำไปทำมาตนเองกลายเป็นฟาสซิสต์ในที่สุด


ถ้าคาร์ล มาร์กเกิดใหม่รู้เข้าว่าทั้งเหมาและสตาลินทำแบบนี้ คาร์ล มาร์กคงจะร้องไห้เสียใจนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ


เหมากับสตาลินทำตามแค่ข้อ 1 สุดทางในแบบของตนเองด้วยมาตรการรุนแรง(ผิดวิธีด้วย) แต่ตีโจทย์ข้อ 2 ไม่แตก ทั้งที่ข้อ 1 กับ ข้อ 2 ต้องใช้ร่วมกัน เหมาไม่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เลยและดำเนินนโยบายแบบมโนผิดๆไปเอง
ข้อ 1 Abolition of Property in Land and application of All Rents of Land to Public Purposes.
ข้อ 2 A Heavy Progressive or Graduated Income Tax


เหมาทำแต่ข้อ 1 และใช้วิธีการรุนแรง เช่น ใช้กำลังทหารยึดที่ดินของเกษตรกร พอรัฐได้ที่ดินทั้งหมดก็บังคับให้เกษตรและชนชั้นกรรมชีพเป็นแรงงานของรัฐหรือพนักงานของรัฐ ทำนาร่วมกันและผลผลิตส่งเข้ารัฐทั้งหมด รัฐเมื่อได้ผลผลิตก็จะต้องตอบแทนเป็นผลผลิตส่วนหนึ่งคืนกลับไป ซึ่งตรงนี้มันก็ผิดแล้ว เพราะไม่ได้คำนึงถึงสันดานธรรมชาติของมนุษย์ที่ทุกคนกระทำสิ่งใดย่อมหวังผลตอบแทนกลับมา ไม่มากก็น้อย


สิ่งที่ถูกต้อง คือ ต้องเอาข้อ 1 ผสมกับ ข้อ 2 ซึ่งคาร์ล มาร์ก เขาก็อุตส่าห์อธิบายตั้งหลายครั้งว่า "การที่คนๆหนึ่ง Generate รายได้ได้ ย่อมใช้ทรัพยากรของรัฐจำนวนหนึ่ง ยิ่ง Generate รายได้ได้มาก ย่อมเท่ากับใช้ทรัพยากรของรัฐมาก" ดังนั้นเมื่อใช้ทรัพยากรของรัฐมาก คุณต้องเก็บภาษีคนที่ใช้ทรัพยากรของรัฐมากในราคาแพง และค่อยๆลดหลั่นเป็นขั้นบันไดลงไปหาคนที่มีรายได้น้อย


ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องก็คือ "การเก็บภาษีเงินได้ตามสัดส่วนที่ดินที่ถือครอง" ไงครับ เป็นการขจัดชนชั้นนายทุนผูกขาดที่ถือครองที่ดินผูกขาดอย่างละมุมละม่อม ด้วยระบบภาษีและหลักการทางเศรษฐศาสตร์ด้านการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด


ซึ่งประเทศที่ตีโจทย์ตรงนี้แตกที่สุดก็คือ เวียดนาม ครับ เวียดนามมีระบบการเก็บภาษีที่ดิน ถ้าจำไม่ผิดผมเคยบอกไว้นานแล้วว่า เวียดนามนี่แหละเข้าใกล้ความเป็นคอมมิวนิสต์มากกว่าจีนหรือรัสเซีย(แต่ก็ยังไม่ใช่)


ภาษีที่ดินของเวียดนาม หรือ Land Tax or Property Tax เรทของมันขึ้นอยู่กับว่าที่ดินนั้นเอาไปใช้ประโยชน์อะไร เช่น
- ปลูกบ้าน Low Rate
- ทำเกษตร Low Rate
- ทำอุตสาหกรรม Medium Rate
- ทำค้าขายขนาดเล็ก Medium Rate
- ทำ Commercial&Service ขนาดใหญ่ Medium Rate
- ปลูกบ้านเกิน 2 หลังขึ้นไป High Rate
- ที่ดินรกร้าง High Rate


ถ้าจ่ายภาษีไม่ได้ ก็จะถูกปรับ หนักหน่อยก็โดนริบที่ดินและนำไปประมูลออกจำหน่ายให้คนอื่นผู้อื่นที่สนใจจะใช้ประโยชน์จากที่ดินผืนนี้ต่อไป เพื่อไม่ให้กักตุนที่ดินและบังคับให้เอาที่ดินไปทำประโยชน์


โดยอัตรา Rate เหล่านี้จะไปคูณกับราคาที่ดินนั้นๆ เช่น ในเมืองก็จะแพงหน่อย ชนบทก็จะถูกหน่อย เพื่อที่จะให้คนอยากไปลงทุนพัฒนาที่ดินที่ต่างจังหวัดเนื่องจากจ่ายภาษีน้อยกว่า เป็นไปตาม ข้อ 9


ข้อ 9 Combination of Agriculture with manufacturing industries ; gradual abolition of all the distinction between town and country by a more equable distribution of the populace over the country.


ในวรรคที่ 2 วิธีการบริหารให้ประชากรแต่ละเมืองมีขนาดเท่าๆกัน นั่นก็คือการจูงใจด้วยระบบภาษีที่ดินไงครับ ถ้า Rate ในเมืองใหญ่แพงกว่า Rate ชนบท


นักลงทุน พ่อค้า เจ้าของกิจการ รวมถึงประชาชนก็จะอยากย้ายไปอยู่ที่เมืองชนบท เพราะ Rate ภาษีที่ต่ำกว่า แต่นั่นก็จำเป็นจะต้องทำข้อ 6


ข้อ 6 Centralise of the means of communication and transport in the hand of state


รัฐมีหน้าที่จัดหาการสื่อสารและระบบขนส่งมวลชนทั้งหมดให้อยู่ในการดูแลของรัฐ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางระหว่างเมืองได้อย่างสะดวก และข้อที่ 6 มีจุดสำคัญที่สุด คือ in the hand of state


ความหมาย in the hand of state นั้น ทั้งเหมาและสตาลินต่างเข้าใจว่า รัฐจะควบคุมสื่อทั้งหมดและทำประชาสัมพันธ์แบบโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดถนัด


สิ่งที่คาร์ล มาร์ก ต้องการจะสื่อ คือ ห้ามไม่ให้มีระบบสัมปทานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบสาธารณูปโภค เช่น ทางด่วน และการบริการทาง Internet รัฐจะต้องไม่เปิดประมูลสัมปทานให้กับเอกชน


แต่ให้ใช้ระบบรัฐวิสาหกิจซึ่งรัฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้ดำเนินการบริหารเรื่องเหล่านี้แทนแบบเดียวกับเอกชน เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดและโก่งราคาค่าขนส่งตามใจ


เช่น เคสรถไฟฟ้า BTS การเก็บค่าทางด่วนโดยบริษัท BEM สุดแสนแพง จนหลายคนหน้ามืดไปกับค่าเดินทางมหาศาล(เผลอๆมากกว่าค่าอาหารต่อวันซะอีก)


10 ข้อ ของคาร์ล มาร์ก เวลาตีความต้องตีความไปทางนักเศรษฐศาสตร์ หรือนักการเงิน ไม่ใช่ให้นักพูดหรือนักการทหารตีความ ไม่งั้นจะเกิดความหายนะแบบคราวปฏิวัติวัฒนธรรม หรือ ลัทธิสตาลิน เนื่องจากคาร์ล มาร์กดั้งเดิมแกเป็นนักเศรษฐศาสตร์ เขียนหนังสือเศรษฐศาสตร์ก็หลายเล่ม ดังนั้นเวลาตีความต้องตีความและนำไปปฏิบัติแบบนักเศรษฐศาสตร์
คือแนะนำให้ไปศึกษาจีนใหม่จริงๆ ครับ...  แบบว่าที่ท่านเขียนมาไม่ใกล้เคียงกับที่เขาใช้จริงๆ เลย...มันเป็นสิ่งที่เขียนในใบปลีวชวยเชื่อ ต่อต้านคอมมิวนิส ที่แจกๆ
ไม่ได้ใกล้เคียงกับระบบที่จีนใช้เลย.... ???

ถ้าระบบมันเลวร้ายขนาดนั้น ประเทศ มันไม่มีวันเจริญแล้ว

แถมการเก็บภาษีที่ดิน ไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ประโยชน์ แต่ควร ตามขนาดที่ดินที่ใช้ (แม้ระบบนี้เป็นของทุนนิยม มากกว่าของคมมิวนิส)

อย่างไม่เกิน 2 ไร่ยกเว้นภาษี
2-10 ไร่ 0.02%
10- 50 ไร่ 2%
50-100ไร่  4%
100-1000ไร่ 8%
มากกว่า 1000ไร่ 12 %
เพราะที่ดินคือทรัพยากร ที่จำกัดที่สุดของประเทศ การจำแนกประเภทที่ดินทำให้เกืด ช่องโหว่ทางกฏหมาย
ไม่ว่าจะใช้อะไร การถือครองที่ดินมากกว่าที่ควรมี ควรเก็บภาษีอย่างหนัก ไม่งั้นก็เหมือนประเปทศสารขัน ทำการเกษตร ซัก สองสามแสนไร่..
แต่มีเก็บเกี่ยวมันมั่งไหม....  ???

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 03:29:08 PM โดย daijobu »
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
หากให้ผมวิจารณ์

ที่ดินคือทรัพยากรที่เป็นจุดตายของทุกอารยะธรรมที่ยังพึ่งพาการเกษตรครับแม้แต่อุตตสาหกรรมก็ต้องพึ่งที่ดิน
หากให้ผมวิเคราะห์นารวมขนาดใหญ่คือ

ลงทุนมาก แต่ทุกอย่างดดยรวมจะถูกลงตามแนวคิดเหมาโหลถูกกว่าน่ะครับ
ให้นึกภาพอัตราส่วน economix of scale มั้งที่บอกว่าผู้ผลิตเจ้าใหย่จะลดราคาได้มากกว่าเพราะอำนาจต่อรองมากกว่า หากหาทางประหบัดเรื่องหนึ่งได้ด้วยขนาดก็ทำให้ประหยัดกว่าคนอื่นๆ
ที่บอกว่าเกิดการเถียงกันตีกันตายนั้นถูกต้องครับ

คนที่ทำได้สำเร็จคือเจ้าของที่ดินขุนนางเท่านั้นที่มีอำนาจในการสร้างนาขนาดใหญ่ได้ด้วยคำสั่งของตนเองหรือตระกูลตนเองไปในทางเดียวกันเอาคนหลายคนเข้ามาจะก่อความเสียหายได้หากไม่ทำระบบให้เป็นทางการก่อน
ลาทินฟุนนด้ามั้ง?คือคำกล่าวของนารวมของชาวโรมันที่เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ทำสิ่งนี้แล้วจะยิ่งรวยขึ้นและสะสมทรัพย์สินได้มากขึ้นด้วย
ผมมองว่าปัจจุบันก็ไม่น่าต่างกันเท่าไรรวยบขึ้นหรือไม่ไม่รู้แต่อัตราส่วนโดยเฉลี่ยจะราคาถูกกว่าในภาพรวมน่าจะเป็นเรือ่งจริงครับ



ถ้าอ้งอิงตามที่เหล่า ดร. ที่ทดลองจรืงมาแล้วบอก
ทำนาเยอะ มันได้เลยอะ เพราะ พื้นที่มาก
แต่ ทำนาน้อย จะได้ผลเฉลี่ยต่อไล่สูงปรี๊ด ถ้าเครื่องมือมี และดูเเลได้ถูกต้อง
คนทำอ้างไว้ว่า แกทำได้ไร่ละ5 เกวียน แต่ทำแค่2ไล่นะ


ปัญหาการพึ่งพาการเพราะปลูกจะหมดไปถ้าคนเราสังเคราะห์แสงเองได้ล่ะมั้ง ;D
หรือถ้าคนเรากินแค่สาหร่ายโปรตีนสุงอย่าง้ดียว ได้ปัญหาเรื่องอาหาร
คงหมดไปจากโลก :)


เรื่องนารวมของจีนผมเคยได้ยินมาบ้างแต่ไม่ได้ศึกษานะเฉียด บางที่ก็ ok บางคนในทุกวันนี้ก็บอกว่าดีมาก แต่ส่วนที่เหลือ ก็แบบที่เราๆ ท่านๆ อาจได้ยินมา ตอนช่วง
ที่มันลงเหวจัดๆนั่นล่ะมั้งครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 04:02:31 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ daijobu

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 995
  • ถูกใจแล้ว: 408 ครั้ง
  • ความนิยม: +28/-60
[quote/]


ถ้าอ้งอิงตามที่เหล่า ดร. ที่ทดลองจรืงมาแล้วบอก
ทำนาเยอะ มันได้เลยอะ เพราะ พื้นที่มาก
แต่ ทำนาน้อย จะได้ผลเฉลี่ยต่อไล่สูงปรี๊ด ถ้าเครื่องมือมี และดูเเลได้ถูกต้อง
คนทำอ้างไว้ว่า แกทำได้ไร่ละ5 เกวียน แต่ทำแค่2ไล่นะ


ปัญหาการพึ่งพาการเพราะปลูกจะหมดไปถ้าคนเราสังเคราะห์แสงเองได้ล่ะมั้ง ;D
หรือถ้าคนเรากินแค่สาหร่ายโปรตีนสุงอย่าง้ดียว ได้ปัญหาเรื่องอาหาร
คงหมดไปจากโลก :)


เรื่องนารวมของจีนผมเคยได้ยินมาบ้างแต่ไม่ได้ศึกษานะเฉียด บางที่ก็ ok บางคนในทุกวันนี้ก็บอกว่าดีมาก แต่ส่วนที่เหลือ ก็แบบที่เราๆ ท่านๆ อาจได้ยินมา ตอนช่วง
ที่มันลงเหวจัดๆนั่นล่ะมั้งครับ


นารวมตอนนั้นที่ข้าราชการลงมาร่วมทำ เกิดจากเหตุการณ์ ขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในจีนทำให้ต้องระบบดมพลทั้งหมดมาทำไร้ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการขาดอาหาร หลังจากนั้น จีนก็มีระบบ ยุ้งฉาง 3 ปีซึ้งใช้มาจน ปลายๆ สมัยเติ้งเลย....
 
 

ออฟไลน์ TomDurrrr

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 276
  • ถูกใจแล้ว: 86 ครั้ง
  • ความนิยม: +5/-6
คิดว่า  ทั้งท่าน sariora123  deaddy  กล่าวครอบคลุมครบแล้วฮะ
คันนาเป็นอุปสรรค  ก็เลยต้องเอาคันนาออก  ทำเป็นแปลงใหญ่  แต่
จะทำได้  มันต้องที่ราบเสมอกัน  ถ้าเอาคันนาออก  มันก็ได้พื้นที่ปลูก
เพิ่ม  ผลผลิตมันก็เพิ่ม  แต่ก็ต้องทำให้พื้นที่ขนาดใหญ่มันมีระดับน้ำ
เสมอกันทุกทั่ว  ไม่เป็นแอ่ง  และการจัดการต่างๆมันก็จะทำได้ง่าย

แต่ก็เคยได้คุยกับปราชญ์เกษตร  เขาก็บอกว่า  มันไม่ต้องไปเข้าใจว่า
จะต้องรวมเป็นแปลงเดียว  อย่าไปเข้าใจแบบนั้น  จุดประสงค์มันคือ
ทำแปลงให้ใหญ่กว่าในสมัยก่อน  เพื่อเอื้อแนวทางการเกษตรสมัยใหม่

ตรงไหนเป็นดินเนิน  ก็อาจแบ่งออกไปก็ได้  ตรงนั้นก็นำไปใช้อย่างอื่น
หรือจะปรับหน้าดินไปเลยก็แล้วแต่  ให้พลิกแพลงเอา  ให้ดูความเหมาะสม
ท่านเล่าหลายอย่างมากเกี่ยวกับนาแปลงใหญ่  แต่จำไม่ได้สักอย่าง
=="  จำได้อีกอันว่า  คันนาก็มีประโยชน์  อาจใช้คันนาตรงส่วนที่เป็น
เขตปักปันที่ดิน  คันนาตรงนั้นปลูกพืชสวนผสมก็ได้  และเล่าเกี่ยวกับ
วิธีทำนาแปลงรวมโดยมีบ่อกักน้ำอยู่ข้างๆหรือการผันน้ำเข้านา 

สรุป  มีดีตรงจัดการได้ง่ายขึ้น  ได้พื้นที่เกตรเพิ่มขึ้น  ต้นทุนการจัดการ
ลดลง  มีเสียตรงที่อาจเกิดโรคหรือศัตรูพืชเล่นงานทีเดียวทั้งหมด  แต่ถ้าเรา
ทำเป็นวงจรย์ธุรกิจ  ก็ไม่ต้องกลัว  เพราะเราต้องลงทุนเรื่องสารเคมีหรือ
ลงทุนทำของพวกป้องกันไม่ว่าจะชีวภาพหรือเคมี

จำได้อีกอันนึง  ซึ่งนอกเรื่องนิดหน่อย  แต่น่าสนใจมาก  นั่นคือโดรน
เพื่อการเกษตร  ไว้สำหรับพ่นฉีดทั้งปุ๋ยทั้งยากำจัดศัตรูหรือวัชพืช
ปรากฏว่าปราชญ์ท่านนี้  ได้ให้ความเห็นไว้ว่า  มันไม่เวิร์ค  และเปลือง
มาก  เพราะมันเป็นละอองฝอยกว่าจะลงมาถึง  ซึ่งโดรนมันเหมาะสำหรับ
เอาไว้แค่ดูแลพื้นที่อันกว้างจะดีกว่า  รู้สึกท่านจะบอกว่า  เดี๋ยวนี้ก็มี
คนรับจ้างบินโดรนด้วยนะ  ราคาหลักร้อย  ซึ่งก็คงต้องศึกษาและปรับปรุง
วิธีใช้โดรนกันต่อไป

มีอะไรอีกหว่า??  จำได้ไม่หมด  พึ่งฟังไม่นาน  มีในส่วนของการแชร์
เครื่องมือเกษตร  อย่างพวกรถเก็บเกี่ยวหรืออะไรนี่แหละ  และมีในเรื่อง
เครื่องมือเกษตรขนาดเล็กขนาดย่อม  เหมาะสำหรับคนพื้นที่น้อย  และ
การทำปุ๋ยทำยากำจัด  ไว้ใช้เอง  เหมาะกับพื้นที่  ที่มีให้ดูแลไม่มาก
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: sariora123

ออฟไลน์ TomDurrrr

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 276
  • ถูกใจแล้ว: 86 ครั้ง
  • ความนิยม: +5/-6
โอ๊ะ!!  เสริมเรื่องโดรนอีกนิดนึง  การให้ปุ๋ยพืช  มันให้ทั้งทางรากและทางใบ
ไอ้เจ้าโดรนเนี่ย  ถ้าบินไปแล้วโรยเพื่อให้ปุ๋ยทางรากหน่ะมันทำได้  แถมมัน
เป็นการประหยัดปุ๋ยด้วย  เพราะการหว่านปุ๋ยในไร่นา  มันไม่สม่ำเสมอทั่วถึง
แต่ถ้าเป็นเครื่องจักรแบบนี้  มันหว่านปุ๋ยได้สม่ำเสมอและทุ่นแรงแรงงานคน

แต่พอเป็นการให้ปุ๋ยทางใบ  โดรนมันดันไม่เวิร์คเท่าไร  เพราะฝอยระออง
มันยังต้องปรับปรุงวิธี  ก็ถือเป็นการทำเกษตรยุคใหม่ที่ต้องค่อยๆศึกษาไป
 

ออนไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,209
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
หากให้ผมวิจารณ์

ที่ดินคือทรัพยากรที่เป็นจุดตายของทุกอารยะธรรมที่ยังพึ่งพาการเกษตรครับแม้แต่อุตตสาหกรรมก็ต้องพึ่งที่ดิน
หากให้ผมวิเคราะห์นารวมขนาดใหญ่คือ

ลงทุนมาก แต่ทุกอย่างดดยรวมจะถูกลงตามแนวคิดเหมาโหลถูกกว่าน่ะครับ
ให้นึกภาพอัตราส่วน economix of scale มั้งที่บอกว่าผู้ผลิตเจ้าใหย่จะลดราคาได้มากกว่าเพราะอำนาจต่อรองมากกว่า หากหาทางประหบัดเรื่องหนึ่งได้ด้วยขนาดก็ทำให้ประหยัดกว่าคนอื่นๆ
ที่บอกว่าเกิดการเถียงกันตีกันตายนั้นถูกต้องครับ

คนที่ทำได้สำเร็จคือเจ้าของที่ดินขุนนางเท่านั้นที่มีอำนาจในการสร้างนาขนาดใหญ่ได้ด้วยคำสั่งของตนเองหรือตระกูลตนเองไปในทางเดียวกันเอาคนหลายคนเข้ามาจะก่อความเสียหายได้หากไม่ทำระบบให้เป็นทางการก่อน
ลาทินฟุนนด้ามั้ง?คือคำกล่าวของนารวมของชาวโรมันที่เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ทำสิ่งนี้แล้วจะยิ่งรวยขึ้นและสะสมทรัพย์สินได้มากขึ้นด้วย
ผมมองว่าปัจจุบันก็ไม่น่าต่างกันเท่าไรรวยบขึ้นหรือไม่ไม่รู้แต่อัตราส่วนโดยเฉลี่ยจะราคาถูกกว่าในภาพรวมน่าจะเป็นเรือ่งจริงครับ



ในทางเศรษฐศาสตร์ ทรัพยากรสำคัญนอกจากเงินทุน ก็คือ ที่ดิน กับ กำลังคนนี่แหละครับ


ที่ดิน คือ จุดกำเนิดของการสร้างที่อยู่และการสร้างงาน


ขณะที่กำลังคน คือ จุดกำเนิดกำลังผลิต


ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์ที่ดีจะต้องวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจเพื่อในการออกนโยบายต่างๆในอนาคต
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออนไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,209
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
[quote/]
คือแนะนำให้ไปศึกษาจีนใหม่จริงๆ ครับ...  แบบว่าที่ท่านเขียนมาไม่ใกล้เคียงกับที่เขาใช้จริงๆ เลย...มันเป็นสิ่งที่เขียนในใบปลีวชวยเชื่อ ต่อต้านคอมมิวนิส ที่แจกๆ
ไม่ได้ใกล้เคียงกับระบบที่จีนใช้เลย.... ???

ถ้าระบบมันเลวร้ายขนาดนั้น ประเทศ มันไม่มีวันเจริญแล้ว

แถมการเก็บภาษีที่ดิน ไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ประโยชน์ แต่ควร ตามขนาดที่ดินที่ใช้ (แม้ระบบนี้เป็นของทุนนิยม มากกว่าของคมมิวนิส)

อย่างไม่เกิน 2 ไร่ยกเว้นภาษี
2-10 ไร่ 0.02%
10- 50 ไร่ 2%
50-100ไร่  4%
100-1000ไร่ 8%
มากกว่า 1000ไร่ 12 %
เพราะที่ดินคือทรัพยากร ที่จำกัดที่สุดของประเทศ การจำแนกประเภทที่ดินทำให้เกืด ช่องโหว่ทางกฏหมาย
ไม่ว่าจะใช้อะไร การถือครองที่ดินมากกว่าที่ควรมี ควรเก็บภาษีอย่างหนัก ไม่งั้นก็เหมือนประเปทศสารขัน ทำการเกษตร ซัก สองสามแสนไร่..
แต่มีเก็บเกี่ยวมันมั่งไหม....  ???




คุณ @daijobu ผมพูดถึงจีนยุคเก่าสมัยเหมาเจ๋อตุงที่ดำเนินนโยบายผิดพลาด จนเกิดยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดถึง 1.5-2 ล้านคน จนกระทั่งเหมาและแก๊ง 4 คนได้ตายไป


เติ้งเสี่ยวผิงครองอำนาจ จึงให้ยกเลิกนโยบายปฏิวัติวัฒนธรรมจีน จีนค่อยดีขึ้นตามลำดับ


เพราะถ้าเราพูดถึงนารวม เราต้องพูดถึงสมัยเหมาเจ๋อตุงครับ ไม่ใช่จีน ณ ปัจจุบัน



Ref
https://www.posttoday.com/world/630397
https://www.gypzyworld.com/article/view/613
https://www.dailynews.co.th/foreign/397885
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 04:19:07 PM โดย Black7nos »
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
นาแปลงใหญ่ในความเห็ผมมันจะทำได้ในกรณีมีเครื่องมือมีทุนในการเปลี่ยน ปรับ สภาพพื้นที่ครับ


แต่จะตามมาด้วยการเข้าไปดูแลลำบากแทนในกรณี  ไม่มีเครื่องมือ ครบ
นึกถึงอีกเรื่องคือ เมืองนอกนั้นใช้เครื่องบิน พ่นยา หว่านปุ๋ย  แต่ถ้าเราไม่มีเครื่องบิน
 เราจะแหวกเข้าไปหว่านป๋ยพ่นยายังไงล่ะนั่น :P คันนาแบ่งโซนก็ไม่มีอีก


ในแง่ การพ่นยา โดรนพ่น บินไปตามgps ทั่วถึงกว่าเดินฉีดเองครับ
หัวฉีดกับใบพัดยิ่งทำให้ละอองละเอียดขึ้น เกาะ พื้นผิวแทรกซึมได้ดี
แจ่ม
ในกรณียาที่อันตราย ก็ฃึมเข้าตัวคนได้ดีเช่นกันนะ
ระบบพ่นยาทีี่ใช้ไฟฟ้าเดียวนี้เริ่มทำละอองได้ระดับนาโนแล้วด้วย


ถ้าเป็นการฉีดยา ฉีดป๋ยทางใบ โดรนจะทำได้ดีในกรญีลมนิ่งๆ ครับ
แถวบ้านเคยเห็นบางทีบินพ่นกันเย็นๆ เพราะลมมันนิ่งตอนนั้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 04:19:25 PM โดย sariora123 »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TomDurrrr

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
นาแปลงใหญ่ในความเห็ผมมันจะทำได้ในกรณีมีเครื่องมือมีทุนในการเปลี่ยน ปรับ สภาพพื้นที่ครับ


แต่จะตามมาด้วยการเข้าไปดูแลลำบากแทนในกรณี  ไม่มีเครื่องมือ ครบ
นึกถึงอีกเรื่องคือ เมืองนอกนั้นใช้เครื่องบิน พ่นยา หว่านปุ๋ย  แต่ถ้าเราไม่มีเครื่องบิน
 เราจะแหวกเข้าไปหว่านป๋ยพ่นยายังไงล่ะนั่น :P คันนาแบ่งโซนก็ไม่มีอีก


ในแง่ การพ่นยา โดรนพ่น บินไปตามgps ทั่วถึงกว่าเดินฉีดเองครับ
หัวฉีดกับใบพัดยิ่งทำให้ละอองละเอียดขึ้น เกาะ พื้นผิวแทรกซึมได้ดี
แจ่ม
ในกรณียาที่อันตราย ก็ฃึมเข้าตัวคนได้ดีเช่นกันนะ
ระบบพ่นยาทีี่ใช้ไฟฟ้าเดียวนี้เริ่มทำละอองได้ระดับนาโนแล้วด้วย


ถ้าเป็นการฉีดยา ฉีดป๋ยทางใบ โดรนจะทำได้ดีในกรญีลมนิ่งๆ ครับ
แถวบ้านเคยเห็นบางทีบินพ่นกันเย็นๆ เพราะลมมันนิ่งตอนนั้น




ขาดเหลืออะไรสมัยนี้จัดตั้งสหกรณ์แล้วขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐได้ ;D 


แต่แทนที่จะไปขอความช่วยเหลือ ใครมีทุนก็รับจ้างไปเลย
พวกรถเก็บเกี่ยวรึโรงสีต่างๆ คนที่ทำนาด้วยกันแค่พออยู่รอด
แต่คนตั้งโรงสี รึมีรถไถ รถรับจ้างต่างๆพวกนี้รวยครับ
ทำปุ๋ยขายรวยกว่าปลูกเองเยอะ ;D
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TomDurrrr

ออนไลน์ Black7nos

  • แม่ทัพหมีอาวุโส
  • ****
  • กระทู้: 4,209
  • ถูกใจแล้ว: 3281 ครั้ง
  • ความนิยม: +208/-279
[quote/]


ขาดเหลืออะไรสมัยนี้จัดตั้งสหกรณ์แล้วขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐได้ ;D 


แต่แทนที่จะไปขอความช่วยเหลือ ใครมีทุนก็รับจ้างไปเลย
พวกรถเก็บเกี่ยวรึโรงสีต่างๆ คนที่ทำนาด้วยกันแค่พออยู่รอด
แต่คนตั้งโรงสี รึมีรถไถ รถรับจ้างต่างๆพวกนี้รวยครับ
ทำปุ๋ยขายรวยกว่าปลูกเองเยอะ ;D


แนวคิดสหกรณ์เป็นแนวคิดที่ดีครับ แต่การเกษตรยุคใหม่ผมมองว่าสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน คือ เรื่องเครื่องจักรการเกษตร


ยกตัวอย่างเช่น


ถ้าเกษตรกร 1 คน จะต้องซื้อเครื่องจักรเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต มันก็จะใช้ได้แค่ในช่วงเวลาบางฤดู เวลาที่เหลือก็ไม่ได้ใช้และต้องแบกรับค่าเสื่อม+Maintenance


แต่ถ้าทุกคนช่วยกันแชร์ค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องจักร และหมุนเวียนผลัดกันใช้เครื่องจักร


เครื่องจักรก็จะถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งปีและไม่ต้องมีใครแบกรับค่าเสื่อม+Maintenance มากเกินไปจนขาดทุน


ดังนั้นระบบสหกรณ์เครื่องจักรเพื่อการเกษตรจึงเป็นอะไรที่น่าลองทำและมีประโยชน์อย่างแน่นอน
ผู้กล้าอาณาจักรกุหลาบ https://goshujin.tk/index.php/topic,15078.0.html
ึคุณพ่อผมถูกเอาเงินจ้างฟาดหัว ผมเลยต้องมาเป็นนักมวยไทยที่ต่างแดน https://goshujin.tk/index.php?topic=32172.msg796105#msg796105
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TomDurrrr

ออฟไลน์ redxsword

  • เจ้าสำนักหมี
  • แม่ทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 3,232
  • ถูกใจแล้ว: 22046 ครั้ง
  • ความนิยม: +1614/-194
  • เพศ: ชาย
  • ของแท้ต้องมีรูปฮีจังอยู่ที่ปก
    • สำนักกฎหมายเอสแอนด์เอ็น
[quote/]
คือแนะนำให้ไปศึกษาจีนใหม่จริงๆ ครับ...  แบบว่าที่ท่านเขียนมาไม่ใกล้เคียงกับที่เขาใช้จริงๆ เลย...มันเป็นสิ่งที่เขียนในใบปลีวชวยเชื่อ ต่อต้านคอมมิวนิส ที่แจกๆ
ไม่ได้ใกล้เคียงกับระบบที่จีนใช้เลย.... ???

ถ้าระบบมันเลวร้ายขนาดนั้น ประเทศ มันไม่มีวันเจริญแล้ว

แถมการเก็บภาษีที่ดิน ไม่เห็นด้วยกับวิธีการใช้ประโยชน์ แต่ควร ตามขนาดที่ดินที่ใช้ (แม้ระบบนี้เป็นของทุนนิยม มากกว่าของคมมิวนิส)

อย่างไม่เกิน 2 ไร่ยกเว้นภาษี
2-10 ไร่ 0.02%
10- 50 ไร่ 2%
50-100ไร่  4%
100-1000ไร่ 8%
มากกว่า 1000ไร่ 12 %
เพราะที่ดินคือทรัพยากร ที่จำกัดที่สุดของประเทศ การจำแนกประเภทที่ดินทำให้เกืด ช่องโหว่ทางกฏหมาย
ไม่ว่าจะใช้อะไร การถือครองที่ดินมากกว่าที่ควรมี ควรเก็บภาษีอย่างหนัก ไม่งั้นก็เหมือนประเปทศสารขัน ทำการเกษตร ซัก สองสามแสนไร่..
แต่มีเก็บเกี่ยวมันมั่งไหม....  ???



"ยึดที่ดินทั้งหมด โดยให้แรงงานทำนาร่วมกัน แล้วให้ส่งผลผลิตทั้งหมดให้รัฐ เมื่อรัฐได้ผลผลิตก็จะตอบแทนให้แรงงานส่วนหนึ่ง" ของ @Black7nos เป็นสิ่งที่เขียนไว้อย่างผิดๆ ในสื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่ได้ใกล้เคียงเลย แล้วที่ถูกต้องของ @daijobu คือยังไง? จากข้อความนี้จนถึงข้อความก่อนหน้าโพสของผม ผมก็ยังไม่เห็นพูดถึงเลยนะว่าที่ถูกคือยังไง? อีกโพสของ daijobu ก็บอกว่า "ข้าราชการมาร่วมทำ" อ้าว งี้วิธีการทำนารวมที่ Black7nos โพสมาข้างต้นก็ถูกแล้วนี่



[quote/]


ถึงบอกไงครับ เหมาะแค่บางพื้นที่
พวกจุดที่น้ำน้อย พื้นที่ตามป่าเขาไม่เวิค
ต้องราบลุ่มชลประทานดีๆแถวภาคกลาง

พวกเขตอบอุ่นอย่างที่ทางเหนือของจีน หรือทางฝั่งโลกตะวันตก เป็นการปลูกข้าวสาลีน่ะ ข้าวสาลีไม่ชอบพื้นที่ชื้นแฉะ ดังนั้น คันนาของข้าวสาลีเลยมีไว้เดิน แต่ข้าวเจ้ากับข้าวเหนียวที่ชอบพื้นที่ชื้นแฉะ คันนาจึงมีไว้เพื่อปรับระดับน้ำให้เท่ากัน ผืนใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็นคือ ประมาณ 10 ไร่ เป็นผืนเดียวใหญ่เลย แต่มันใหญ่ได้สุดๆ แค่นั้นครับ พื้นที่มันเรียบเสมอกันทั้งผืนเลยน่ะยากมาก เป็นไปไม่ได้ด้วย บางทีก็มีที่ลุ่มน้ำขังอีก แถมยังมีที่ดินแปลงของคนอื่นมาคั่นอีก แล้ัวก็ตีกันเรื่องระดับน้ำในนาอีก ตีกันไปตีกันมา ยิงกันโป้งก็มีมาแล้ว  ;D

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 05:46:47 PM โดย redxsword »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: Black7nos

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,203
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
หากให้ผมวิจารณ์

ที่ดินคือทรัพยากรที่เป็นจุดตายของทุกอารยะธรรมที่ยังพึ่งพาการเกษตรครับแม้แต่อุตตสาหกรรมก็ต้องพึ่งที่ดิน
หากให้ผมวิเคราะห์นารวมขนาดใหญ่คือ

ลงทุนมาก แต่ทุกอย่างดดยรวมจะถูกลงตามแนวคิดเหมาโหลถูกกว่าน่ะครับ
ให้นึกภาพอัตราส่วน economix of scale มั้งที่บอกว่าผู้ผลิตเจ้าใหย่จะลดราคาได้มากกว่าเพราะอำนาจต่อรองมากกว่า หากหาทางประหบัดเรื่องหนึ่งได้ด้วยขนาดก็ทำให้ประหยัดกว่าคนอื่นๆ
ที่บอกว่าเกิดการเถียงกันตีกันตายนั้นถูกต้องครับ

คนที่ทำได้สำเร็จคือเจ้าของที่ดินขุนนางเท่านั้นที่มีอำนาจในการสร้างนาขนาดใหญ่ได้ด้วยคำสั่งของตนเองหรือตระกูลตนเองไปในทางเดียวกันเอาคนหลายคนเข้ามาจะก่อความเสียหายได้หากไม่ทำระบบให้เป็นทางการก่อน
ลาทินฟุนนด้ามั้ง?คือคำกล่าวของนารวมของชาวโรมันที่เจ้าของที่ดินขนาดใหญ่ ทำสิ่งนี้แล้วจะยิ่งรวยขึ้นและสะสมทรัพย์สินได้มากขึ้นด้วย
ผมมองว่าปัจจุบันก็ไม่น่าต่างกันเท่าไรรวยบขึ้นหรือไม่ไม่รู้แต่อัตราส่วนโดยเฉลี่ยจะราคาถูกกว่าในภาพรวมน่าจะเป็นเรือ่งจริงครับ

ไม่ถูกครับถ้าเหมารวมมันจะแพงขึ้นครับเอาอย่างที่ท่านว่ามันจะมีเจ้าเดียวที่สามารถกำหนดราคาได้ซึ่งไม่มีทางกำหนดไห้ถูกลงครับ สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือต้นทุนการผลิตที่ลดลงโดยสวนกับราคาขายที่แพงขึ้นอย่างซีพีท่านว่ามันขายถูกหรือแพง ผมสามารถซื้อวัตถุดิบการเกษตรจากบ้านนอกแบบเดียวกับซีพีในราคาครึ่งเดียว ที่ถูกคือต้นทุนจะลดลงต่างหากครับและด้วยความที่เป็นเจ้าใหณ่สามารถ ขายกดราคาต่ำกว่าทุนจนเจ้าอื่นตายหมดเหลือเจ้าเดียวแล้วที่นี้จะตังราคายังไงก็ได้ตังแต่อดีตยันปัจจุบันผมเห็นมันตังแต่ราคาแพง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 06:37:46 PM โดย Rumia »
 

ออฟไลน์ sariora123

  • จอมพลหมีชั้นกลาง
  • **
  • กระทู้: 11,002
  • ถูกใจแล้ว: 4599 ครั้ง
  • ความนิยม: +300/-441
[quote/]


ขาดเหลืออะไรสมัยนี้จัดตั้งสหกรณ์แล้วขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐได้ ;D 


แต่แทนที่จะไปขอความช่วยเหลือ ใครมีทุนก็รับจ้างไปเลย
พวกรถเก็บเกี่ยวรึโรงสีต่างๆ คนที่ทำนาด้วยกันแค่พออยู่รอด
แต่คนตั้งโรงสี รึมีรถไถ รถรับจ้างต่างๆพวกนี้รวยครับ
ทำปุ๋ยขายรวยกว่าปลูกเองเยอะ ;D
จำไม่ผิด เคยมีสมาชิกเวปนี้เล่าว่า อจ.ของตัวเองจบเอกจาก เยอรมัมาจะ มาเปิดโรงงานปุ๋ย อยูก็โดนฟ้อง กันยาวๆ

หรือ กรณี ปูแดง เคยได้ยินนักหนังสือพิมพ์พูดไว้สั้นๆว่า เจอเขาฟ้องกลับ โดนไปเกือบ10หลัก ;D





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 07:25:22 PM โดย sariora123 »
 

ออฟไลน์ deaddy

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 7,614
  • ถูกใจแล้ว: 2808 ครั้ง
  • ความนิยม: +186/-185
[quote/]
ไม่ถูกครับถ้าเหมารวมมันจะแพงขึ้นครับเอาอย่างที่ท่านว่ามันจะมีเจ้าเดียวที่สามารถกำหนดราคาได้ซึ่งไม่มีทางกำหนดไห้ถูกลงครับ สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือต้นทุนการผลิตที่ลดลงโดยสวนกับราคาขายที่แพงขึ้นอย่างซีพีท่านว่ามันขายถูกหรือแพง ผมสามารถซื้อวัตถุดิบการเกษตรจากบ้านนอกแบบเดียวกับซีพีในราคาครึ่งเดียว ที่ถูกคือต้นทุนจะลดลงต่างหากครับและด้วยความที่เป็นเจ้าใหณ่สามารถ ขายกดราคาต่ำกว่าทุนจนเจ้าอื่นตายหมดเหลือเจ้าเดียวแล้วที่นี้จะตังราคายังไงก็ได้ตังแต่อดีตยันปัจจุบันผมเห็นมันตังแต่ราคาแพง


จริงๆเท่าที่ผมเคยดูๆ ธุระกิจ cp หรือคล้ายๆกัน
เอาจริงๆ เขาไม่ได้ขายแพงเว่อนะครับ เพราะมีหน่วยงานรัฐกำกับอยู่ว่าห้ามแพงเกินเท่านั้นเท่านี้


ทุนเท่าไหร่ขายเท่าไหร่ ถ้าเว่อไปก็โดนเล่นครับ


แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆของกลุ่มทุนเค้าคือ
ผลักความเสี่ยงให้เกษตรกรต่างหากครับ


คือเค้าจะอยู่ในจุดที่ต่อให้เจอภัยพิบัติมา
เกษตรกรเสียหายล้มหายตายจากไป
แต่พวกอย่าง cp ก็แทบไม่กระทบเลยซักนิด :(


 

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก