ส่วนนึงคือนางเอกเข้ามาขั้นกลางระหว่าง ฝ่ายชายที่หมั่นแล้ว ย้ำ หมั้นกันแล้วว แล้วดันปักธงใส่ฝ่ายชาย ในมุมมองผ่านหญิงที่เป็นคู่หมั้นเค้าจะรู้สึกยังไง ขณะเดียวกันต่อให้ฝ่่ายหญิงที่่เป็นคู่หมั้นจะไม่ทำอะไรเลยเหรอ ยิ่งถ้านางเอกเคยเป็นสามัญชนมาก่อนจู่ๆได้รับยศขุนนางแล้วมาเรียนหนังสือในโรงเรียนขุนนาง ฝ่ายขุนนางที่อยู่มาก่อนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาแล้วถ้ายิ่งเข้าหาฝ่ายชายที่เป็นขุนนางระดับสูงไม่ก็ระดับองค์ชายทั้งๆที่ฝ่ายชายมีคู่หมั้นแล้วยิ่งน่าสงสัย ถ้าเป็นในเกมส์จะแสดงให้เป็นเพียงด้านเดียวของเหรีญณเท่านั้น แต่พอเป็นชีวิตจริง มันอาจมีอะไรที่มืดมนมากกว่าที่เห็นก็ได้
มันจะมาที่มีมุกนางเอกในนิยายไทยนะครับ ไม่ otomeg จะพูดเหมือนกันว่า
"ฉันจะหลีกทางให้ ฉันไม่แย่งของของใคร" แต่ผลก็อย่างที่เห็นล่ะครับว่า คู่หมั้นก็ถอนหมั้นที่เคยหมั้นกันไว้
ความจริง Otome ก็แค่ต่างกันแค่บริบทแต่ธีมคล้ายกันเอามากๆน่ะ
เป็นผู้ชายไม่เข้าใจผู้หญิงหรอกครับ
ดูง่ายๆ ในประเทศเราก็ตบแย่ง ผู้ชายกัน ไม่ได้บอกว่าแย่งตรงๆ ก็แค่เมิงมองคนของกรุ อันนี้หลายคลิปแล้ว แรงๆทั้งนั้นทั้งตบทั้งจิกหัวรุม กระทืบ มีหมด มันมีมานานแล้วทั้งโลกแหละครับ
เรื่องตบแย่งผู้ชาย ผมเคยอ่านเรื่องสั้นของไอแซคอาซิมอฟน่ะครับว่า
ในโลกที่ผู้ชายตายเกือบหมดเหลือแต่ผู้หญิง
ผู้ชายคนนั้นจะตกเป็นของผู้หญิงที่ร่างกายบึกบึนที่สุด ฮา
ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์ฮาเร็มแบบการ์ตูนมังกะแต่อย่างใด
ฝรั่งก็เคยเขียนแนว แบบ world end harem แต่ชื่อเรื่อง Y The Last Man ที่ผู้ชายตายหมดแต่เขียนแบบซีเรียสเอามากๆ
ว่าสังคมผู้ชายตายหมดก็ยังมีสงคราม แก่งแย่งกันอยู่เหมือนเดิม
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสักกะนิด
ดูนิยายฮาเร็มดิ หาตัวผู้สติดียากมาก ถ้าพระเอกนิสัยเป็นพ่อพระ ตัวร้ายก็ต้องรับบทมารร้าย ไม่งั้นเดี๋ยวมันจะไม่ได้ตีกัน
โอโตเมะเกมก็เหมือนกันถ้าปั้นตัวเอกให้ดูบริสุทธิผุดผ่องแค่ไหน ตัวร้ายก็จะสติปัญญาอนาถามากขึ้นเท่านั้น ไม่งั้นมันจะไม่สมเหตุผลที่หนุ่มๆมารุมล้อม
ถ้าผู้แต่งโปรมากจริงๆก็คาตารีน่ารูทไปเลย เก็บมันทุกคนไม่เลือกเพศ แฮปปี้เอนดิ้ง 555
ส่วนเรื่องความต่างชายหญิง ในแง่นึงก็ไม่ต่างกันมั้ง
ผู้ชายที่ไม่ชินกับผู้หญิงจะไม่รู้ว่ากริยาผู้หญิงที่ทำกับตนมันมากกว่าปกติรึเปล่า เหมือนกรณีผู้หญิงที่ดูไม่ออกว่าผู้ชายที่มาช่วยเหลือมีอะไรแอบแฝงรึเปล่า
ส่วนมากจะรู้สึกแค่แปลกๆ แต่แน่นอนว่าเพศเดียวกันหรือผู้ที่สัมผัสไวจะดูออก
ผมมองว่าแต่ละคนก็พอรู้อยู่น่ะครับ มั้ง?
ในแง่ของความสามารรถและทักษะผู้ชายความสามารรถในการอ่านสีหน้าแววตาน้อยกว่าผู้หญิงอย่างมาก หรือทักษะการจับความหมายที่แฝงในคำพูดนั้นต่ำกว่า
ปัญหาคือ
ผมเคยเจอเคสประมาณว่า ผู้หญิงก็ชอบผู้ชายที่ล้อมรอบและจะเกิดอาการเขม่นกันขึ้นมาเลย หากผู้ชายที่ล้อมรอบตนเองอยู่ตั้งเยอะ มีบางคนไปตามผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ทั้งที่ไม่ได้อะไรกันมาก่อน แต่แค่นั้นก็นับเป็นชนวนทำให้เกลียดกันได้แบบโดยไม่มีเหตุผลเลย
อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกันนะ อยากจะโยงเรื่องการเมืองด้วย แต่ขอพูดไว้ก่อนเลย เพราะมันคือเหตุการจริงๆ ในโลกของเรา ประเทศของเรา
หลายปีก่อนเคยมี องค์การปกป้องสิทธิสตรี ออกมาโจมตีผู้หญิงคนนึงซึ่งถูกหาว่าทำตัวไม่เหมาะสมต่อเกียรติของผู้หญิง ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วมันคือ dis credit Fake-news ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้าม
จนนักข่าวที่เป็นผู้ชายนี่แหละต้องมาทำข่าวแบบแจกแจงเหตุการณ์เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ขนาดเขาเป็นผู้ชายเขายังเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา
แล้วมีการอธิบายต่อถึงลักษณะนิสัยของผู้หญิงซึ่งเป็นมาตั้งแต่อดีตกาล โดยรวมแล้วคือผู้หญิงด้วยกันนี่แหละ พวกคุณ disruption กันเองมาตั้งแต่โบราณแล้ว
นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมผู้ชายเขาถึงได้ครองโลกอยู่จนถึงทุกวันนี้
[quote/]
ตามความเข้าใจของผมถ้าอ่านมาไม่ผิด
บากะรีน่านี่ปักธงไม่เลือกจริงๆ ทำเอาอีกคนถึงขั้นกะจะให้คู่หมั่นตัวเองหาทางแต่งกับ บากะรีน่า ส่วนตัวเองเป็นน้อยก็ได้ [spoiler/]
ผมพยายามสร้างระบบในหัวขึ้นมาในการมองอารยธรรมมนุษย์น่ะครับ
เคยมองอารยธรรมที่ทำเป็นเควสต์แล้วรู้สึกน่าสนใจ
คือ โดยทักษะแล้วผู้หญิงมีสกิบลมากกว่าผุ้ชายในการสื่อสาร การสังเกตสีหน้าแววตา ภาษากายและคำศัพท์ รวมไปถึงทักษะการเข้าสังคม การแชร์ข้อมูลระหว่างกลุ่มดีกว่าผู้ชายมาก
หากดูตามค่าสถานะตัวละคร ในสังคมที่มีอารยธรรม ผู้หญิงควรจะครองอำนาจได้อย่างง่ายดายจากการสร้างคอนเนคชั่น แต่ทำไมถึงทำไม่สำเร็จ?
ผู้ชายี่โง่มากกว่าในเรื่องคำศัพท์การสื่อสารต่างๆด้อยกว่าผู้หญิงประมาณสามเท่า ทำไมถึงรวมกลุ่มการทำงานได้ดีกว่า?
ตามประวัติศาสตร์ เผ่าที่ผู้หญิงครองอำนาจไม่ใช่เรื่องแปลกในต้นอารยธรรม ผู้หญิงเป็นหัวหน้าชนเผ่านั้นเป็นเรื่องปกติ
ผมมีทฤษฎีประมาณเรื่องแนวความคิดของหุ่นยนต์ กฎสามข้อน่ะครับ
ที่หุ่นยนต์ต้องทำตามกฎต่างๆ คือการควบคุมตนเอง แต่หุ่นยนต์ที่ฉลาดจะสามารถแหกกฎได้
ผมมองในด้านนี้ว่า ผู้หญิงฉลาดมากในการตีความความหมายและฉลาดมากกว่าผู้ชายในเรื่องสังคม ทำให้รวมตัวกันได้ยากกว่า อัจฉริยะจะละเมิดกฎเสมอ
ผู้ชายโง่ๆ อาจจะเรียกว่าตามๆกันไป มึงมาพาโวยไม่คิดมาก ทำให้รวมกลุ่มกันทำเรื่องบ้าๆ ไร้สาระ แม้จะไม่มีประโยนชน์อะไรเลยได้ดีกว่า
ผมเคยเล่นเควสต์ประมาณว่าอยากสร้างหุ่นที่ฉลาดเพื่อจะเะดพิ่มการผลิต
แต่ดดน GM บอกว่า หุ่นที่ฉลาดเพราะมันฉลาดนั่นล่ะ มันถึงจะทำงานให้น้อยที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ไม่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพราะมันไม่ต้องการงานที่มากขึ้น
ยิ่งฉลาด ก็จะยิ่งคำนวณผลได้ผลเสียมากกว่า
เป้าหมายที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่ฉลาดมาทำงานรับใช้จึงไม่สามารถกระทำได้
สร้างหุ่นยนต์ที่โง่ลงมา ความคิดสร้างสรรค์น้อย ยังจะทำงานตามปรกติไม่หลบเลี่ยงมากกว่า
จะดีจะร้ายยังไง .... ถ้ารูปแบบความสัมพันธ์มันถูกกำหนดมาอย่างชัดเจนมาแล้วล่ะก็
ฝ่ายที่ไปแย่งของของคนอื่นกันหน้าด้านๆ แล้วเอาข้ออ้างว่าก็เรารักกัน นั่นแหละที่ผมเห็นว่าฝ่ายนั้นแหละชั่วร้ายสุด
แล้วยิ่งไปแย่งแฟนแย่งคู่หมั้นของคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แล้วอ้างว่าเพราะพวกรักกัน นั่นแหละที่โคตรชั่วเลย
ถึงจะบอกว่าฝ่ายที่โดนแย่งไป เป็นคนนิสัยไม่ดี นิสัยเสียหรือขั่วร้ายยก็ตาม ส่วนตัวผมคงมองว่าพวกนี้เลวทรามต่ำช้าไม่ลง...
(หากพวกนี้ไม่ได้แอบไปเล่นชู้เหมือนกันน่ะ .....)
เพราะงั้นในบางมุมมองแล้ว คือไอ้โอโตเมะเกมอะไรเนี่ย มันยังกับสนับสนุนว่าการ NTR และเล่นชู้กับผัวชาวบ้านเป็นเรื่องที่สมควรงั้นแหละ
ส่วนฝ่ายที่มั่นคงหนักแน่น ไม่คิดจะคบชู้ ถึงพื้นฐานจะนิสัยส่วนอื่นเสีย แต่การวีนแตกเพราะว่าโดนตีท้ายครัวกลายเป็นเรื่องที่ไม่สมควรซะงั้น
เพราะงั้นตามรูปแบบดั้งเดิมที่นางเอกเป็นนางเอก และนางร้ายเป็นนางร้ายกันจริงๆ ...
คนแต่งเขาถึงได้ยัดให้นางเอกเป็นคนดีจนซื่อ และนางร้ายก็ยัดความเลวร้ายให้จนรู้สึกว่าก็สมควรแล้วที่จะโดนแบบนั้นน่ะ...
เพราะฉะนั้นท่านอย่าคาดหวังเอาความเป็นจริงมาประกอบจะดีกว่าน่ะ .... ถ้าจะเขียนนิยายก็เลือกเอาตามถนัดเถอะ
ให้ตายยังไง ผู้ชายก็ไม่มีทางเข้าใจผู้หญิงทั้งหมดหรอก ...แม้แต่เพศเดียวกันเองก็เถอะ
ไม่งั้นก็แต่งแบบเรื่อง ตกหลุมรักคุณหนูตัวร้าย ก็ได้ .... ไม่ก็พังรูทไปเลยแบบท่านเอลิซ่า จะหักดิบชนรูทไปตรงๆ แบบบากะริน่าเลยก็ได้
ชักเข้าใจอารมณ์ของโนซากิแล้ว ที่ไม่อยากเอาพวกนางเอกโอโตเมะเกม มาเป็นแบบให้มามิโกะแล้ว...
โนซากิ บรรลุเรื่องการเข้าใจผู้หญิงแล้วครับ
เขียนการ์ตูนเน้นความรู้สึก ไมต้องการเหตุผลอะไรมากมายแบบการ์ตูนโชวเน็น
ให้ความรักและความหวังกับสาวน้อยก็พอ
..
เรื่องการเป็นคนดีของนางร้ายนี่ มันคือเงื่อนไขของการทานผลไม้ต้องห้ามในการแย่งผู้ชายจริงๆครับ
ผู้ชายที่ดี ไม่มีคู่หมั้น มันไม่น่าดึงดูดใจเท่าหรือไม่ก็ไม่รู้
ผมเห็นต่างในเรื่องการไม่พยายามทำความเข้าใจน่ะครับ
เพระอย่างที่บอกผมพยายามมองคนเป็นเครื่องจักรชีวะ ผู้หญิงก็แค่เครื่องจักรชีวะไม่ต่างกับผู้ชาย แค่จะมีโปรแกราซอฟแวร์ต่อวงจรต่างกันไป แต่ยังอยู่ในตรรกะที่เข้าใจได้
ผมกลับมองตรงข้ามนะ ผู้หญิงนะสามัคคีกันจนเรียกร้องสิทธิในการใช้ผู้ชายเป็นทาสได้ ถึงค่อยมาตีกันเองเพื่อแบ่งผลประโยชน์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ ผลประโยชน์ของผู้หญิงถูกกระทบ ก็จะรวมตัวกันอย่างสามัคคีถล่มผู้ชาย ต่างกับผู้ชายที่มัวแต่ตีกันเอง ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเฟมินิสต์ สนับสนุนการใช้แรงงานทาสผู้ชายเพื่อเป็นแต้มต่อในการจีบสาวเท่านั้น
มียุคไหนที่ผู้หญิงเสียเปรียบจริงๆบ้าง ในอดีต ผู้หญิงต้องยอมเชื่อฟังผู้ชาย แต่ผู้ชายต้องหาเลี้ยงซึ่งลำบากกว่ามาก และต้องปกป้องผู้หญิงและประเทศ ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิที่จะมีชีวิต ผู้หญิงมักจะโวยเรื่องที่ผู้ชายมีหลายเมียแต่ผู้หญิงทำไม่ได้ แต่มันเกิดจากที่ผู้ชายต้องตายจากสงครามจนสัดส่วนน้อยกว่าผู้หญิงมาก ถ้าไห้สลับกันผู้หญิงออกรบ แล้วมีผัวได้หลายคนแบบอเมซอนเชื่อเหอะส่วนใหญ่ไม่เอา
ปัจจุบันพอสงครามลดลงผู้หญิงก็เริ่มเรียกร้องสิทธิเท่าเทียม ต่างฝ่ายต่างผัวเดียวเมียเดียว ผู้หญิงไม่ต้องเชื่อฟังผู้ชายแต่ก็ทำงานหาเงินช่วยครอบครัวพอๆกันกับผู้ชาย ผู้หญิงไม่ต้องการผู้ชายมาเป็นทาสสุภาพบุรุษ เลดี้เฟิร์ส อันนี้คือฝรั่งที่เค้าเท่าเทียมกันจริง
แต่ในไทยนะมีปัญหา คือผู้หญิงไม่ได้ต้องการความเท่าเทียมแต่ต้องการประโยชน์สูงสุดไห้ตััวเอง ผู้หญิงไม่ต้องเชื่อผู้ชาย ผู้หญิงทำร้ายผู้ชายคือน่ารัก ถ้ากลับกันคือหน้าตัวเมีย ผู้ชายต้องสุภาพบุรุษ รับใช้ผู้หญิง ต้องหาเงินเลี้ยง ถึงจะแมน เวลามีเรื่องก็ผู้ชายตาย เงินรายได้ทั้งหมดควรเก็บที่ฝ่ายหญิง งานหมั้นงานแต่ง ผู้ชายออกหมด เพื่ออนุรักษณ์วัฒนธรรมไทยอันดีงาม
ยกตัวอย่างการเหยียดเพศ เช่น ผู้ชายขอเลิกคือหลอกฟัน ผู้หญิงขอเลิกคือมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไห้ตัวเองได้ ผู้ชายเกาะแดกแมงดา ผู้หญิงเกาะแดกธรรมดา ผู้หญิงนอกใจโดนผู้ชายซ้อม ด่าผู้ชาย ผู้ชายนอกใจโดนผู้หญิงขับรถชนตาย ด่าผู้ชาย ผู้ชายต้องเลี้ยง รับใช้ แต่ผู้หญิงไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะเท่าเทียมกัน ถ้าผู้หญิงตรวจสอบผู้ชายเป็นเพราะรัก ถ้าผู้ชายตรวจสอบผู้หญิงคือเลว ถ้าผู้หญิงอ้างว่าท้องกะใครคือต้องงยอมรับแต่งงานทันทีไม่งั้นเลว ถ้าขอตรวจ dna นี่โครตรเลว แต่พวกที่อ้างท้องกะดารานักร้องหลายคนตรวจไม่ตรง หลายคนไม่ยอมตรวจจนโดนฟ้องศาลถึงสารภาพว่าไม่ได้ท้องกับคนนี้ แต่ก็ยังมีเฟมินิสต์รุมถล่มดาราที่เป็นข่าวอยู่เลย ทั้งที่ผู้หญิงก็สารภาพเพื่อหลบศาลไปแล้ว หรือถ้าโดนกุ๊ยหลอก ก็ต้องออกมาดราม่าว่าผู้ชายเลวทุกคน ผู้หญิงมันไม่เหยียดผู้หญิงหรอกแต่มันเหยียดผู้ชาย ที่เลวหนักกว่านั้นคือผู้ชายเฟมินิสต์จะเหยียดผู้ชายด้วยกันเองด้วยเพื่อรับใช้ผู้หญิง
ส่วนเรื่องนิยายผู้หญิงต่างๆ ผู้หญิงตัวเอกจะเก่ง ส่วนผู้หญิงตัวร้ายจะเลวบ้าง โง่บ้าง
ไม่ต่างกะนิยายผู้ชายอ่านเท่าไหร่ เพราะเห็นตัวเอกเก่ง แล้ว ผู้ชายที่เหลือ ต้องเลวหรือ โง่ ไห้พระเอกกระทืบเล่น ส่วนผู้หญิง มักจะสวย เก่งและดีเพื่อมาเข้าฮาเร็ม
ผมค่อนข้างเห็นด้วยใในเรื่องของการรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องสิทธิประโยชน์นะครับผมไม่มองแง่ร้ายในเรื่องนั้นะ ประชาธิปไตยคือระบบของพรรคมารที่ให้จ้าเกาะ จ้าวถ้ำ จอมมารแห่ยุคคุมเชิงกันเอง มากกว่าที่จะเชื่อเรื่องผู้นำวื่อสัตย์
ให้ตั้งกลุ่มผลประโยชน์มากๆกลุ่มจะดีกว่าหากเราคำนวณในภาพรวม
การแตกออกจากกลุ่ม ขัดแย้งกันไม่ใช่เรื่องผิดพลาด แต่คือการออกแบบของระบอบประชาธิปไตยว่าผลประโยชน์กระทบ ข้าก็ไม่ขอเดินร่วมกับเอ็ง
มันจึงเป็นที่มาของการแตกกลุ่มต่างๆล่ะครับว่าแฟมินิสม์จะมีกลุ่มที่แตกออกมาเสมอเมื่อจำนวนขยายไปถึงจำนวนหนึ่ง
ยิ่งมีกลุ่มผลประโยชน์มากก็จะยิ่งควบคุมสังคมได้ยาก
ผมเคยเจอ คนอเมริกาพูดประมาณว่า ชอบระบอบอเมริกาอย่างหนึ่งมีความแฟรืแบบแปลกๆ เจ้าของโรงงานรถยนต์ไม่ใช่น้องชายของราชาที่พอเรียกร้องอะไร รัฐบาลต้องทำตาม
หากเขาอยากเรียกร้องอะไร เขาต้องจ่ายเงินสินบนเช่นเดียวกับทุกกลุ่มอิทธิพลในประเทศ
ก็น้า~ เพราะว่าไม่ว่าใครๆจะในนิยายหรือชีวิตจริงต่างก็ต้องการให้ความถูกต้องยืนอยู่ข้างตัวเองยังไงล่ะ (Moral High ground)
การแสดงออกของเพศชายกับเพศหญิงอาจจะต่างกันมากก็จริงแต่เนื้อแท้เรื่องนี้ยังคล้ายๆกันอยู่
คือการจะหาความถูกต้องใส่ตัว วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือกดคนอื่นให้ต่ำลงไป เค้าไม่ได้หาว่าผู้หญิงด้วยกันไม่ดีอย่างเดียว เค้าบอกด้วยว่าตัวเค้านั้นจะไม่ทำอย่างนั้น
มีแค่พวกสมองไม่ปกตินิดหน่อยเท่านั้นแหละที่จะไม่มีอาการอย่างนี้เลยน่ะ
คนเราน่ะ ส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หรือว่าจริงๆแล้วทำไปเพราะอะไรกันแน่
นี่คือสิ่งที่ผมเห้นต่างไปครับ
ผมได้อิทะิพลมาจากพวกเอทิสม์น่ะครับ
เลยพยายามมองมนุษย์เป็นเครื่องจักรไบดอ มากกว่าที่จะถือคติว่า "หัวใจของผู้หยิงเป้ฯความลับดุจมหาสมุทร" หรืออะไรพวกนั้น แต่พยายามอธิบายในพื้นฐานของเครื่องจักรชีวะ ว่ามีที่มาที่ไปอย่า่งไร
ผู้ชายแค่มีโครงสร้างร่างกายที่ออกแปบบให้ใช้แรงงานมากกว่า ผู้หญิงควรจะเก่งกว่าในด้านทักษะทางสังคม วิทยาศาสตร์ก็พิสุจนืเรื่องความสามารถในด้านคำศัพท์ต่างๆ
ผู้หญิงเหนือกว่ามาก แต่ทำไมสภาพสังคมถึงเป็นอย่างปัจจุบันนี้?
ถ้าสังเกตตามช่วงเวลาที่ยังมีระบบทาสอยู่ + นโยบายเพิ่มประชากร
1. หากเป็นช่วงปลอดสงคราม; การแต่งงานเพื่อแรงงานราคาถูก - เกษตรกรรมถือว่ามีประสิทธิภาพและสมดุลที่สุดแล้ว ขณะที่ประวัติศาสตร์เริ่มเข้าหา Arab Agricultural Revolution (8 -13th century) ซึ่งช่วยลดแรงงานลงมาก หน้าที่ผลิตประชากรก็เลยถูกลดความสำคัญผู้หญิงเลยเข้าหางานฝีมือแทน
2. ช่วงสงครามหลัง Industrial revolution เป็นต้นมา; Women’s right ก็เข้าถึงอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความขัดแย้งเล็กๆที่ไม่ถึงขนาดลบหมู่บ้านหายเป็นแถบๆเหมือนสมัย Medieval ซึ่งเป็นความเสียหายที่รุนแรง ปัญเรื่องงานไม่เพียงพอเลยผลักดันให้เกิดการเรียกร้องอย่างอื่นเพิ่ม เหมือนกับที่ EU - Asia พากันล้มหรือลดอำนาจระบอบกษัตริย์เพราะเชื่อว่าฟุ่มเฟือย และทำเอาระบบการเมืองพิการหมด
3. ถ้ากล่าวถึงสังคมผู้หญิงที่ยก Feminism มาอ้างบ่อยๆจะพบว่า; เดิมทีมันเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ Intrasexual Competition ของผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งเทียบได้กับการแข่งขันด้านพละกำลังและความเป็นเพศของผู้ชาย ซี่งหมดไปตั้งแต่ช่วงใกล้ๆปฏิวัติอุตสาหกรรม แล้วก็การศึกษากับทำอาชีพเลี้ยงตัวได้รับความนิยมมากว่า ดังนั้นสังคมผู้หญิงขณะนั้นก็ได้ดำเนินรอยตามเพศตรงข้ามพร้อมกับผ่าน Racism อย่างมั่นคง เราจึงเห็นได้ว่า Nerd ในเพศนี้มากขึ้นเรื่อยๆ สังคมสนับสนุนการศึกษาและความสามารถในงานประกอบอาชีพมากขึ้นจนทำให้ค่านิยมของผู้หญิงคล้อยตามผู้ชายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งใครที่คิดถึงแต่ค่านิยมก่อนหน้านี้สังคมใหม่จะมองว่าล้าสมัยและไม่มีชประโยชน์
ประมาณอย่างไหนครับ?
อย่างที่บอกว่าเคสที่ดาราทำผู้หญิงท้อง
ผมกับเพื่อนด่าดาราผู้ชายกันมาก แต่พวกแอม่ทีอายุเยอะกลับไม่ชอบผู้หญิง
เห้นหน้าดาราคนหนึ่งก็บอกว่าตอแหล นักข่าวต่างๆนานา ฮา
นึกถึงเรื่องพระครุมิซึโอะ ที่ผมงงว่าเกิดพอะไรขึ้น แต่แม่กลับตอบว่าเรื่องผู้หญิงได้ในตอนที่สึกนั่นล่ะ คนเรามันมีไม่เกี่เรื่องจริงๆล่ะนะ