[quote/]
เห็น ซิกแล้วก็เข้าใจจุดยืนละ
นึกถึงคนนึงจำไม่ได้ว่าเป็นนักลงทุนรึนักวิเคราห์ รึผู้บริหาร เนื่องจากเป็นช่องมาคุยกันแล้วเปิดฟังเอา
เขาได้กล่าวทำนองว่า
เราไม่มีหน้าที่ตัดสินถูกรึผิด แต่เรามีหน้าที่วิเคราะห์และหาประโยชน์จากมัน
แล้วเวลาจะเป็นตัวตัดสินเอง
ผมเข้าใจท่านนะ ที่มองว่ากติกาสังคมมันมาอย่างนี้เราก็แค่เดินตามสังคม
แต่ผมเชื่อทฤษฎีหนึ่งครับไม่มีอาณาจักรใดอยู่ได้ตลอดกาลผมหวังอย่างท่านยามะเหมือนกัน ว่าหากเรามีทรัพยากรเพียงพอ เราจะรอดปัยหาไปได้แต่ปัญหาคือ ผมดันคิดว่าต่อให้คุณมีเงินหรืออำนาจแค่ไหนก็อาจจะไม่รอดถ้าเกิดความวุ่นวายขึ้นนี่ล่ะครับ
จากค่าเฉลี่ย สองร้อยปีถึงสีร้อยปี จะเกิดความวุ่นวายรุนแรงหนึ่งครั้ง
ท่านพร้อใมจะคิดว่าโลกยุคนี้จะเป็นข้อยกเว้นของค่าเฉลี่ยนั้นหรือเปล่าล่ะครับ?ผมอยากจะเชื่อว่าตนเองจะตายไปก่อนมันจะเกิดขึ้นรวบรวมทรัพย์สินไว้ก็น่าจะปลอดภัยแล้ว...
ปัญหาคือ มันจะเป็นอย่างที่เราหวังจริงๆหรือ?
[quote/]
อันนี้เห็นด้วยจริงๆ ก่อนจะทำอะไรที่การณ์ใหญ่ ควรพร้อมซะก่อน ถ้าตอนแรก
รอทนไปก่อน กระจายข่าวไม่ดีของทั้ง...และเมียใหม่สามัญชนไปเรื่อยๆ และให้
พวกเขาโดนขุดคุ้ยจนหมดศรัทธา ให้รู้กันทั้งบาง ทั้งชาวบ้านทั่วไป ชาวไร่ชาวนา
กลายเป็นว่า ตอนนี้ทั้งสองคน พยายามสร้างประวัติให้สวยหรู กลบเรื่องไม่ดี
ค่อยๆคุยกับกลุ่มทุนใหญ่ให้แอบเป็นคลังทุน คุยกับคนที่มีกำลังทางทหารที่
โดนสองคนนั้นทำ เห็นข่าวปลดโยกย้ายริบคืนยศเป็นว่าเล่นมั๊ย อันนั้นควรหา
คนที่เขาไม่ชอบใจสองคนนี้ สร้างความแตกแยกในหมู่ทหาร ไม่ใช่แบบในตอนนี้
ที่ดันทำให้ทหารสามัคคีกัน เรื่องชนชั้นสูงก็ด้วย ควรทำให้แตกแยกมากๆ
ไม่ใช่ทำให้ชนชั้นสูงหันมารวมตัวกันเพราะรู้สึกถึงภัย อาจหลอกชูถือหางใครสักคนนึง
แล้วสร้างความชอบธรรมให้ สังคมจะได้แตกแยกและหันไปเลือก จะทำให้ปลด
สองคนนั้นได้ง่ายขึ้น ไม่น่าชิงสุกก่อนห่ามเลย น่าเสียดาย
edit : นึกๆไป คล้ายๆนิยายเรื่องเพื่อให้ได้ครอบครองนางร้าย ผมจึงตัดสินใจยึดครองประเทศ
พระเอกเตรียมการณ์รอบคอบ คอยทำลายชื่อเสียงเจย์ซอนกับนิโคล เข้าไปช่วยพวกเขา
แต่เข้าไปช่วยแบบทำดีประสงค์ร้าย ดึงขุนนางให้เข้าพวกตน ดึงทหารเข้าพวกตน ดึงพ่อค้า
คุยกับต่างประเทศ นี่พระเอกทำครบทั้ง 4 อย่าง ลดศรัทธาสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
ลดกำลังทหารอีกฝ่ายดึงทหารขุนนางมาเป็นพวก ใช้ทั้งสื่อนอกสื่อในสร้างภาพลักษณ์ตน
ให้ดูดีและให้อีกฝ่ายดูแย่ คุยกับพ่อค้า เตรียมการมาดีมากถึงค่อยทำการณ์ใหญ่
บางทีนิยายก็ให้อะไรดีๆกับคนอ่านเยอะ
ฮือ? ไม่ล่ะครับ
เราจะทำอย่างนั้นไปทำไม?
ผมยึดถือทฤษฎีศักดินา royalist กันมากๆนะครับ
ใครจะล้มล้าง ผมจะฆ่ามันด้วยมือผมเอง
(ถึงผมคิดว่าท่านต่างๆไม่ต้องให้ผมช่วยก็เถอะ)
ทฤษฎีส่วนตัวของผมมองว่าสถาบันคือกลไกที่สำคัญต่อการสร้างความเป้นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติรัฐ
อันนี้อเมริกาก็เห็นด้วยว่าเป้นกลไกเดียวที่ป้องกันคอมมิวนิสม์ได้
หากอยากจะสร้างตัวตนและเชื้อชาติ ต้องสร้างสัญลักษณ์แทนจิตวิญยาณของชนชชาตินั้นในการปกครอง
หากล้มกำแพงเมืองจีนก็อาจจะไม่มีเมืองจีน
ผมเกลียดความวุ่นวายมากกว่าความไม่เท่าเทียมอีก
ภาวนาให้ระบบปัจจุบันยังอยู่ต่อไป ปัญหาคือ ใครจะหยุดกระแสของโลกได้?
โดยค่าเฉลี่ย เราจะเกิดความวุ่นวายภายในไม่กี่สิบปีนี้แล้วล่ะครับ
ผมมองคำทำนายบ้าบอต่างๆแบบการดูกราฟสถิตินั่นล่ะผมห่วงคนข้างบน เพระาเกิดความวุ่นวายขึ้น เราไม่รู้ว่าใครเป็นใครแน่ๆ
ผมชอบนักเขียนคนหนึ่งพูดล้อเลีียนการปฏิวัติว่า
"คุณยังไม่เข้าใจเรื่องการปฏิวัติ คนที่คาบข่าวของคุณมาบอกกับผม อาจจะเป็นแคนแรกที่เปลี่ยนใจจากผมไปเข้าข้างคุณก็ได้"
[quote/]
ก็พยายามหน่อยแล้วกันฮะผมเอาใจช่วย แต่ถ้าแพ้แล้วผมไม่ไปช่วยก็แค่นั้น
แต่ที่งงอย่างคือ ผมที่ออกตัวว่าวางเฉยบอกกับปากเองแท้ๆว่าผมเอาตัวรอดได้ สบายดี มีอิสระภาพเต็มที ไม่คิดอยู่ใต้ใคร
ทว่าบางคนที่อ้างว่าสนับสนุนความเท่าเทียมดันไม่เชื่อและพยายามจะหาเหตุผลนู่นนี่นั่นมาบอกว่าแท้จริงผมนั้นโดนกดขี่อยู่
แทนที่จะร่วมยินดีไปกับผมที่เจอทางสว่างแล้วแต่กลายเป็นโดนสั่งสอนเสียแทนว่าผมนั้นมันต่ำต้อยไม่ควรไปทำโน่นนี่นั่นช่วยคนนั้นคนนี้
หรือแท้จริงแล้วเป็นเพราะอิสระของผมมันไม่ไปเชื่อฟังคำชี้นำของใครรึเปล่าถึงต้องเจอแบบนี้
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เชิญมาเอาคืนไปเถอะครับไอ้อุดมการณ์ที่พยายามจะมายัดให้ผมจะต้องทำตามคำชี้นำของคนอื่น
ส่วนไอ้คำว่าCall outสำหรับผมมันคือ เผด็จการหน้าบางที่เอาคำสวยหรูมาบูลลี่คนที่เห็นต่างก็แค่นั้น(ถ้าไปสะกิดต่อมใครก็เชิญCall outผมได้เต็มที่เลยครับ)
สุดท้ายผมขอฝากกลอนเท่ๆไว้ให้ตัวเองดูดีมีคุณค่าน่าเชื่อถือหน่อยฮะ
ครั้งแรกเขามาจับยิว แต่ผมไม่ทำอะไร เพราะผมขี้เกียจ
ต่อมาพวกเขามาจับพวกสังคมนิยม แต่ผมไม่ทำอะไร เพราะผมขี้เกียจ
ต่อมาพวกเขามาจับเคทอลิค แต่ผมไม่ทำอะไร เพราะผมขี้เกียจ
สุดท้ายพวกเขามาจับผม ผมเลยกระทืบแม่งหมดด้วยตัวคนเดียว
และท้ายสุด พอไปเล่าให้ไอ้พวกที่เกลียดขี้หน้าผมฟัง มันก็ไม่เชื่อผมอยู่ดี
[quote/]
วิธีที่ง่ายกว่าของผมคือบอกตัวเองเลยว่าเป็นได้เลย ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้นะถึงจะเป็นได้
เพราะถ้าคิดอย่างนี้ก็ไม่แปลกใจว่าผ่านมาจะเป็นร้อยปีทำไมถึงเพิ่งจะมาก้าวแรกกันอยู่เลย
ผมจะรอดูวันนั้นของท่านอยู่ครับ
ก่อนหน้านี้ผมอาจจะไม่เชือ่เรื่องความวุ่นวาย แต่พอเจอท่านใมนสภาพนี้แสดงว่าท่านก็คงรู้สึกกลัวๆขึ้นยมาบ้างล่ะ ว่าสถานการณ์มันไม่ได้ปรกติท่านถึงต้องมาบ่นในเว็บอย่างนี้
ที่ผมทำไม่ได้จะ call out หรืออะไรบ้าบออย่างนั้นหรอกนะมันไร้สาระสำหรับคนที่มองคนไม่เท่ากันอย่างผม
โดยทางเทคนิค คนอย่างท่านไม่ใช่เรื่องแปลกครับผม ที่ผมพยายามจะคุยกันให้เข้าใจกันนี่
คนที่เดือร้อนคือคนที่คิดว่าเราอยู่ไม่ได้ท่านอยู่ได้สบายดี เลยรังเกียจคนที่มาก่อความวุ่นวายในสังคมเอามากๆ ผมเองก็เช่นกัน
ปัญหาที่ผมต่างกับท่านคือ ผมพยายามจะคิด เตะถ่วงให้สถานการณ์มันยืดเยือ้ต่อไปอีกสักสิบปียี่สิบปีภาวนาจากสุดหัวใจว่าอย่าเกิดอะไรขึ้นในเร็วๆนี้
ที่ผมคาใจคือ ท่านคิดว่าตนเองเป็นใครถึงจะต่อต้านอำนาจรัฐได่้หากเขาจะมาจับท่านล่ะครับนี่ล่ะที่ผมสงสัย?
ว่านั่นคือการเปรียบเปรยหรือท่านเชื่อว่าจะไม่มีใครมาทำอย่างนั้นกับท่านจริงๆ
แม้แต่ตระกูลท่านสีเองก็ยังเกือบไปเหมือนกันนะครับ ในช่วงรุ่า่นพ่อน่ะ ของไทยเราก็มีคล้ายๆกันอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงที่บ้านเมืองวุ่นวายผมแค่พยายามจะเตือนๆกันไว้เท่านั้น ว่าควรจะทำอะไรสักอย่าง อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลย
อิโมจิผิวปากมันไม่ใช่คำตอบหรอกนะครับท่าน
ผมพยายามมองคนไม่เท่ากันเพื่อเข้าใจท่านอยู่นะ
ผมแค่ไม่คิดว่าท่านจะเป็นคนไม่รักษาคำพูดอย่างที่เคยโม้ไว้ในกระทู้ก่อนๆว่าจะช่วยประยุทธ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ หากคนพวกนั้นถูกม้อบบทำร้ายน่ะครับ
ท่านโกหกผมหรือครับนั่น? เป้นแค่คำคุยโวไม่จริงจัง?ผมเป้นคนโง่เองที่หลงเชื่อคำคุยโวของใครก็ไม่รู้ทางอินเตอร์เน็ต?