ในปัจจุบันเท่าที่จำได้เห็นว่าเครื่องพิมพ์ดีดได้หยุดการผลิตไปหลายปีแล้ว
แต่อลิสจังกลับอยากให้หน่วยงานราชการกลับมาใช้งานในกรณีสำรองอีกครั้ง
เครื่องพิมพ์ดีดควรกลับมาผลิตใหม่โดยใช้ฟอนต์รูปแบบเดิม
และควรจัดให้มีในแต่ละองค์กรในสัดส่วน 1 เครื่องต่อคอมพิวเตอร์ 10-20 เครื่องในองค์กร
เอาไว้ใช้สำรองตอนไฟดับ หรือในยามที่เกิดโรคระบาดทางไซเบอร์
หรือไฟไม่พอใช้จากการที่ NGO คัดค้านโรงไฟฟ้าที่มีกำลังและความมั่นคงสูงๆ เช่น ถ่านหิน นิวเคลียร์ และพลังน้ำเพราะต้องสร้างเขื่อน ทำลายป่า ฯลฯ จนเหลือแต่กังหันลม และโซล่าเซลล์
ที่มีความมั่นคงและกำลังผลิตน้อยกว่า แล้วแต่ลมแต่ฟ้า แถมไฟฟ้าส่วนใหญ่เอาไปป้อนระบบรถไฟฟ้าชินคนเซนจนเกือบหมด ในภาคการปกครองอันไหนลดได้ก็ลดไป
มันลักหลั่นย้อนแย้งอ่ะอลิสจัง ถ้าไฟดับจริง
แค่หาเครื่องปั่นไฟ คอมพิวเตอร์หนึ่งตัวกับ
เครื่องปริ้นเตอร์ ก็ทำงานแทนในส่วนของ
พิมพ์ดีด+ถ่ายเอกสารได้แล้วนิ??
เครื่องปริ้นเตอร์ราคาก็แค่หนักพันต้นๆก็ถมเถ
แถมเครื่องสำรองไฟยูพีเอสพันต้นก็มีถมเถ
ถ้าแค่ทำงานแทนเครื่องพิมพ์ดีด เหลือเหล่
แต่ก็ไม่รู้แฮะ อาจมีอุปสรรคอื่นๆอีกมั้ง??
รอผู้รู้ท่านอื่นเสริมข้อมูล
EDIT :
นึกขึ้นได้ โรคระบาดทางไซเบอร์สินะ งั้น
ก็แค่ให้คอมพ์เน่าๆเครื่องนึงไม่ต้องต่อเน็ท
เก็บไว้ในกรุ เมื่อเกิดเหตุนั้นจริง ก็งัดมาใช้
โดยไม่ต่อเน็ท นั่นเพราะก็แค่เอาไว้ใช้แทน
พิมพ์ดีดนิ?? คอมพ์ไหนก็ใช้ได้
นึกๆแล้ว มีอะไรที่อุดรอยรั่วไม่ครบหว่า??
น่าจะครบ งืมๆ ชนะ!! ชนะแล้ว!! ^^
ปล.ใครทันยุคที่มีประกาศนียบัตรพิมพ์ดีดบ้าง??
ฮา