ผมเชื่อว่าทุกคนต่างรักและให้ความเคารพพระเจ้ากรุงธนบุรีหรือพระเจ้าตากฯ เนื่องจากทุกคนจดจำในวีรกรรมความกล้าหาญกู้บ้านกู้เมืองและสถาปนากรุงธนบุรี แต่ก็มีหลายเรื่องที่หลายคนเข้าใจข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ผิดไปกับความเป็นจริงผสมกับเรื่องเล่าแต่งเติมเสริมแต่งจนสับสน วันนี้ผมจะมาเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เข้าใจผิดไปกับข้อเท็จจริงและข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจจะไม่รู้
1.พระเจ้ากรุงธนบุรี ทุกคนต่างรู้ว่าพระองค์มีเชื้อสายจีน แต่ทราบมั้ยว่าพระองค์เองก็มีชื่อภาษาจีนเช่นกัน สะกดว่า "鄭昭" อ่านว่า Zheng Zhao(ภาษาจีนกลาง = เจิ้งจ้าว, ภาษาแต้จิ๋ว = แต้เจียว)
2.พระราชกรณียกิจที่สร้างคุณูปการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแก่คนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่การกู้บ้านเมืองอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน แต่คือการตีชุมนุมต่างๆอีกสี่ชุมนุมเพื่อรวมอาณาจักรชนชาติสยามให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง หลังจากที่แตกแยกมีชุมนุมก๊กเหล่ามากมาย อันได้แก่ ชุมนุมเจ้าพิษณุโลก ชุมนุมเจ้าพิมาย ชุมนุมเจ้านครศรีธรรมราช และชุมนุมเจ้าพระฝาง ส่วนการตีพม่าที่เฝ้ากรุงศรีอยุธยาที่แตกไปแล้วนั้น แท้จริงมันคือเศษกองทัพพม่าที่กำลังกวาดต้อนเชลยเท่านั้น เพราะทัพหลักของพม่าอันได้แก่แม่ทัพอะแซหวุ่นกี้ที่มีความสามารถอย่างหาตัวจับได้ยากนั้นเตรียมทำศึกกับจีนของพระเจ้าเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง การยึดกรุงศรีอยุธยากลับมาจึงค่อนข้างทำได้ไม่ยากนัก แต่จะเรียกว่า "กู้ชาติ" ก็ไม่ถูก เพราะอยุธยาไม่เหลืออะไรแล้ว จึงต้องไปสถาปนาตั้งกรุงใหม่
2.1 แถมอีกเรื่องเกี่ยวกับวาทะกรรมและมายาคติพม่าเผากรุงศรีอยุธยา หลังกรุงแตกครั้งที่ 2 นั้นเป็นเรื่องไม่จริงและเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา ซึ่งหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ขัดแย้งกับความเชื่อนี้ หลักฐานนั้นคือ จดหมายเหตุมองซิเออร์คอร์ถึงมองซิเออร์มาธอน ลงวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ.1769 (พ.ศ. 2312)
“ค่าอาหารการรับประทานในเมืองนี้แพงอย่างที่สุด เวลานี้ข้าวสารขายกันทะนานละ ๒ เหรียญครึ่ง คนที่หาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างนั้นถึงจะหมั่นสักเพียงไร ก็จะหาซื้ออาหารรับประทานแต่คนเดียวก็ไม่พอ”
“พวกที่อ้างตัวว่าเป็นโปรตุเกสนั้นดูเหมือนจะเดือนร้อนยิ่งกว่าคนอื่นมาก เพราะพวกนี้ไม่ละความเกียจคร้านหรือลดหย่อนความหยิ่งของตัวเลย ร้องแต่ว่าทุนไม่มีจึงไม่ได้ทำการไร นอกจากนอนขึงอยู่บนเสื่อตั้งแต่เช้าจนเย็น ส่วนพวกเข้ารีตของเรานั้นพอจะเอาตัวรอดได้ เขาไม่ได้รบกวนใครแต่ทำมาหาเลี้ยงชีพของตัวเองไป”
“ฝ่ายพวกจีนและพวกไทยเห็นว่าการเลี้ยงชีพเป็นการฝืดเคือง จึงได้หันเข้าหาวัดโดยมาก เพราะพวกไทยด้วยความเชื่อถืออะไรของเขาอย่าง ๑ ได้เอาเงินและทองบรรจุไว้ในองค์พระพุทธรูปเป็นอันมาก เงินทองเหล่านี้บรรจุไว้ในพระเศียรก็มี ในพระอุระก็มี ในพระบาทก็มี และตามพระเจดีย์ต่างๆ ได้บรรจุไว้มากกว่าที่แห่งอื่น ท่าน [มองซิเออร์มาธอน]คงจะคาดไม่ถูกเป็นแน่ว่าพวกไทยได้เอาเงินทองที่ซุกซ่อนไว้เป็นจำนวนมากมายสักเท่าไร”
“ในพระเจดีย์องค์เดียวเท่านั้นได้มีคนพบเงินถึง ๕ ไห และทอง ๓ ไห ผู้ใดที่ทำลายพระพุทธรูปลงแล้วไม่ได้เหนื่อยเปล่าจนคนเดียว เพราะฉะนั้นโดยเหตุที่พวกจีนมีความหมั่นเพียรและเป็นคนชอบเงินมาก ประเทศสยามจึงยังคงบริบูรณ์อยู่เท่ากับเวลาก่อนพม่ายกเข้ามาตีกรง ทองคำเป็นสิ่งหาง่ายจนถึงกับหยิบกันเล่นเป็นกำๆ”
“ตามถนนหนทางเต็มไปด้วยถ่านและเศษทองแดง และตามทางเดินดำยิ่งกว่าปล่องไฟเสียอีก พระราชธานีของเมืองไทย ตลอดทั้งวัดวาอารามและบ้านของเรากับค่ายโปรตุเกสเหมือนกับเป็นสนามอันใหญ่ที่มีแต่คนขุดคุ้ยพรุนไปหมดทั้งนั้น”
ถามว่าหลักฐานที่จับต้องได้อีกหลักฐานหนึ่งคืออะไร คำตอบง่ายมากมันเป็นสิ่งที่เรานั้นคุ้นเคยดีและหลายคนก็ชื่นชอบสิ่งนี้ คำตอบก็คือ "พระเครื่อง" ไงครับ หนึ่งในสมบัติที่เก็บรักษาในวัด เจดีย์ หรือ ตามบ้านเมืองเก่านั้น นอกจากทองคำและเครื่องเงิน สิ่งหนึ่งที่สำคัญและคนอยุธยาชอบเก็บรักษาไว้คือ พระเครื่อง นี่แหละครับ พระเครื่องสมัยอยุธยาได้ตกทอดจากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน อันได้แก่ พระกรุ พระขุนแผน พระกริ่ง เป็นต้น ซึ่งถ้าพม่าได้ปล้นทองและทรัพย์สินมีค่าจากกรุงเก่าไปจริง มันต้องย่อมเอาพระเครื่องเหล่านี้ไปด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าพม่าไม่เคยมีพระเครื่องของสมัยกรุงศรีอยุธยาเลย ตรงจุดนี้จึงได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญว่า พม่านั้นไม่ได้ปล้นเอาทองและทรัพย์สินสมัยกรุงศรีอยุธยาไป หากแต่เป็นคนไทยกับคนจีนที่เป็นคนขุดเจดีย์และปล้นทอง+ทรัพย์สินไปแทน ทำให้ตลาดพระไทยจึงมีพระเครื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่ในตลาดไม่น้อย
Ref:
https://www.silpa-mag.com/quotes-in-history/article_10536https://www.silpa-mag.com/history/article_27325https://www.matichon.co.th/columnists/news_511504https://www.matichon.co.th/prachachuen/prachachuen-scoop/news_1636731https://www.matichon.co.th/education/religious-cultural/news_1627609http://www.arjanram.com/relic_detail.php?g=1&id=687https://www.siamturakij.com/news/6-3.ความสัมพันธ์เกี่ยวกับพระเจ้ากรุงธนบุรี กับ ร.1 ตรงจุดนี้มีเรื่องเล่าหลากหลายว่า พระเจ้าตากนั้นเป็นเพื่อนกับร.1 ตั้งแต่เด็ก จากนั้นมีคำทำนายกษัตริย์สองพระองค์...อะไรประมาณนี้ แต่ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่แต่งขึ้นและเป็นเรื่องเท็จ ถามว่าผมรู้ได้ไงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเท็จ เพราะ หลักฐานที่หักล้างกับเรื่องนี้ คือ เรื่องราวเกี่ยวกับลูกหลานพระเจ้าตากที่มีหลักฐานบันทึก(ซึ่งน่าแปลกทำไมหนังสือเรียนจงใจปิดบังชื่อของราชินีและพระโอรสของพระเจ้าตากเอาไว้) พระโอรสของพระเจ้ากรุงธนบุรีที่สามารถสืบทอดตำแหน่งระดับมงกุฎราชกุมารนั้นก็คือ "เจ้าฟ้าเหม็น" หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "เจ้าฟ้าสุพันธุวงศ์" หรือ "เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต" ซึ่งเจ้าฟ้าเหม็นพระองค์นี้ได้ถูกร.2 รับสั่งให้นำตัวไปประหารพร้อมกับกล่าวหาว่าเป็นกบฏ โดยอ้างข้อความกล่าวหาจากบัตรสนเท่ห์ มีใจความว่า
“พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนกระษัตรานุชิต ซึ่งเป็นกรมขุนกระษัตรานุชิตเป็นบุตรเจ้ากรุงธนบุรี กับพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันอีกสองคนคือนายหนูดำคนหนึ่ง จอมมารดาสำลีในพระบัณฑูรน้อยหนึ่ง คบคิดกับขุนนางเป็นหลายคน จะแย่งชิงเอาสมบัติ”
ร.2 เลยรับสั่งประหารเจ้าฟ้าเหม็นและเหล่าลูกๆของพระองค์ โดยเชื่อข้อความตามบัตรสนเท่ห์ โชคยังดีที่มีลูกหลานบางคนของเจ้าฟ้าเหม็นที่หนีรอดไปได้(จะเล่าต่อในอีกหัวข้อนึง) แต่จากหลักฐานการรับสั่งประหารและบัตรสนเท่ห์(ใส่ความ) ทำให้สามารถยืนยันได้ว่า เจ้าฟ้าเหม็นมีตัวตนอยู่จริงๆ
คำถามต่อมา เจ้าฟ้าเหม็นเป็นลูกพระเจ้าตาก กับ ใคร? ใครคือราชินี? คำตอบของคำถามนี้ คือ เจ้าฟ้าเหม็นเป็นลูกของ "เจ้าฟ้าฉิมใหญ่(หวาน)" พระธิดาองค์โตของนายทองด้วง หรือ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และน่าจะมีตำแหน่งเป็นราชินี โดยมีจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีเป็นผู้บันทึก
"เจ้าฟ้ากษัตริย์ศึกเข้าเมืองได้ ณ วันจันทร์ ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๑๐ เจ้าเมืองหนี ได้พระแก้วพระบาง พระไอยกาเข้าเมืองได้ ๓ วัน เจ้าลูกทรงครรภ์ประสูตร์เจ้า ณ วันศุกร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ประสูตร์เปนพระราชกุมาร ประโคมแตรสังข์ลั่นฆ้องไชย แมงมุมทั้งไข่จิ้งจกตกพร้อมกัน แมงมุมอนิจกรรม จิ้งจกไปได้ ๑๒ วัน เจ้าแม่สิ้นพระชนม์ ส่วนเจ้าลูกให้พระพี่นางเธอเอาไปเลี้ยง ให้นามเจ้าสุพันทวงษ์"
และยังมีคำยืนยันจากการบันทึกของพระราชหัตถเลขาของร.1 มีใจความว่า
"สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรมพระราชวังฯ เสด็จลงมาเฝ้า กราบทูลว่าบรรดาบุตรชายน้อย ๆ ของเจ้าตากสิน จะขอรับพระราชทานเอาใส่เรือไปล่มน้ำเสียให้สิ้น คำบุราณกล่าวไว้ ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่ จะเป็นเสี้ยนหนามต่อไปภายหน้า สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงพระอาลัยอยู่ในเจ้าฟ้าสุพันธุวงศ์ พระราชนัดดา จึงดำรัสแก่สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ขอชีวิตไว้ทั้งสิ้น"
กล่าวคือกรมพระราชวังบวรสุรสีหนาทนั้นได้อาสาจะประหารเจ้าฟ้าเหม็นหรือเจ้าฟ้าสุพันธุวงศ์ เพราะกลัวว่าจะเป็นเสี้ยนหนามในอนาคต แต่พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก(ร.1) ทรงสงสารเจ้าฟ้าสุพันธุวงศ์ ในฐานะพระราชนัดดา(หลาน) โดยขอไว้ชีวิตของเจ้าฟ้าเหม็นไว้"
ดังนั้นสรุปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากรุงธนบุรี และ ร.1 นั้น ไม่ใช่เพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก หากแต่เป็น "ลูกเขย กับ พ่อตา"
3.1 ด้วยเหตุนี้จิ๊กซอว์ของเรื่องราวระหว่าง พระเจ้ากรุงธนบุรีกับพระเจ้าตากจึงสมบูรณ์ว่าเป็นลูกเขยกับพ่อตา มันจึงเป็นข้อที่สามารถอธิบายว่าทำไมยศขุนนางของนายทองด้วง(ร.1) ถึงเลื่อนขั้นขึ้นไวมากแซงพระยาพิชัย(นายทองดี) และพระบวรสุรสีหนาท ทั้งที่ทั้งสองคนต่างทำงานรับราชการรับใช้พระเจ้าตากมาก่อนที่ร.1 อีกทั้งชาติกำเนิดของร.1 คือไพร่ โดยร.1เข้าร่วมกับกองทัพพระเจ้าตากหลังยึดอยุธยาคืนได้ โดยได้รับตำแหน่งพระราชวรินทร์ ในกรมพระตำรวจหลวง นั่นก็เพราะร.1 ใช้ลูกสาวตัวเองซึ่งมีฐานะเป็นราชินีไต่เต้าเลื่อนขั้นได้ไวจนได้ยศสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีขุนนางคนใดทำได้มาก่อนนั่นคือยศ "เจ้าพระยา"
กรณีเปรียบเทียบยศขุนนางไทยกับขุนนางยุโรป
เจ้าพระยา = Duke
พระยา = Marquis
Ref:
https://www.silpa-mag.com/history/article_26040https://www.silpa-mag.com/history/article_29006https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%99https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD_%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%884.พระเจ้าตากสิน ไม่ได้บ้า อันนี้หนังสือหลายเล่มมักเขียนว่าบ้า แต่ความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะคนบ้าที่ไหนจะสามารถทำการใหญ่ตีชุมนุมใหญ่ที่กระจัดกระจายถึง 4 ชุมนุมแตกและรวบรวมผู้คนสยามประเทศกลับมารวมเป็นปึกแผ่น และสถาปนากรุงใหม่ และไม่มีทางเป็นอัลไซเมอร์ เนื่องจากพระเจ้าตากอายุตอนสวรรคตแค่ 47 ปี
เดี๋ยวมาต่อ