https://www.nationtv.tv/main/content/378797830เอาเข้าจริงไม่ได้มาบ่นประเด็น ครูทำโทษ หรือ ทำเกินอะไรหรือป่าวนะ
แต่ประเด็นที่อยากจะสื่อคือ แค่ก็อตจัมป์100ครั้งนี่มันต้องดราม่าน้ำตารินขนาดนี้เลยเหรอ
ย้อนไปตอนสมัยเด็กๆ ตั้งแต่ประถม ถึง ม.ปลาย ไอ้ก็อตจัมป์ หรือวิดพื้น เจอครูทำโทษนี่เป็นปกตินะ( ตอน ม.ปลายครูจะไม่ตีแล้ว ก็ให้ทำพวกนี้แหละ)
40นี่ขำๆ 60 คือการลงโทษ
มันก็ไม่เห็นมีใครตายใครเจ็บใครเดี้ยง
แต่แล้ว นึกไปถึงตอนประถม การละเล่นของเด็กๆ อาจจะมีส่วนในการทำให้ร่างกายแข็งแรงป่าวหว่า
การลฃะเล่นนั้น เรียกว่า บอลบ้า
เอาง่ายๆ ก็คือ ดอจบอลเวอร์ชั่นไม่่มีกติกานั่นแหละ กติกาของมันคือ หากได้บอล ก็เอาชว้างใส่ใครก็์ได้ที่อยู่ใก้ๆ หรือคิดว่าขว้างโดน
ตอนเริ่มๆ ก็ใช้ลุกปิงปอง แต่ลูกปิงปองมันฝ่าอากาศไปไกลไม่ได้+แตกง่าย
ก็พัฒนามาเป็นลูกเทนนิส
ลูกเท็นนิส นี่ข้วางใส่กันจังๆก็หัววิ๊ง เจ็บไปตามๆกัน
แต่เด็ก ก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน หัวช้ำปากแตกก็มี
แต่หากใครร้องให้ หรือไปฟ้องอาจารย์จะโดนดูถูก โดนแบน
นี่หากเป็นสมัยนี้ ก็คงว่าเป็นการบูลลี่ ยังงั้นยังงี้ แต่ผลกลับคิดว่ามันคือการฝึกความอดทนนะ
เด็กที่โดนบอลปาอัดหน้ากำเดาพุ่ง ปากแตก แล้วร้องให้โฮๆ กับเด็กที่ โดนบอลปาอัดหน้ากำเดาพุ่ง แต่คว้าบอลแล้ววิ่งไล่เอาบอลขว้างใส่คนที่ขว้างกลับคืนเนี่ยคิดว่าเด็กแบบไหนใจสู้ดูมีคุณภาพกว่ากันล่ะ
ตอนหลังๆ อัพเกรด จากลูกเทนนิส เป็นลูกบอลใส่น้ำ หนักกว่า โดนแล้วจุกกว่า โดนหัวนี่ วิ๊งๆเลย ยิ่งเป็นการฝึกความอดทน 555
เด็กสมัยนี้ เล่นกันแบบนี้ป่าวหว่า มันเป็นการฝึกทั้งความอึด( ต้องวิ่งหลบวิ่งรับบอล ใครเล่นวงนอกเพลย์เซพ จะโดนหมั่นใส่ โดนรุมปาแหงๆ) ฝึกทั้งความอดทนและฝึกความคล่องแคร่วเลยนะ
ได้ทั้งปอด กำลังแขน กำลังขา และความอดทน รวมถึงมิตรภาพความยอมรับในหมู่เพื่อนฝูงด้วย