จุดเริ่มต้นของกิลด์นักผญจภัยคือเริ่มมาจากพวกนักรบรับจ้างที่ไม่มีงานทำไปนั่งดื่มกันตามร้านเหล้า เสร็จแล้วเมื่อชาวบ้านคนธรรมดาเจอเรื่องที่เกินรับมือแต่ทหารทางการก็ไม่มาจัดการซักที จึงได้นำเงินที่รวบรวมมาไปหาพวกนักรบตามร้านเหล้าที่กล้าเสี่ยงตายเพื่อเงิน เพื่อขอร้องให้พวกนักรบรับจ้างทำงานให้ พอนานๆไปก็กลายเป็นธรรมเนียมที่จะติดใบประกาศงานตามร้านเหล้า (เรื่องthe witcher, FF,Dragon quest ยุดแรกๆอยู่ประมาณนี้)
ต่อมาทางการเริ่มเห็นว่ามีกลุ่มนักรบที่ไม่สังกัดขุนนางมารวมตัวกันเยอะขึ้นเพื่อป้องกันการความขัดแย้งระหว่างนักรบรับจ้างและชาวบ้าน ทางการเลยสร้างสถาณที่ที่ไว้รับงานรับจ้างโดยเฉพาะพร้อมตั้งระบบการจ้างงานเป็นทางการเพื่อความสะดวกของทั้งผู้ว่าจ้างกับผู้รับงานซึ่งเป็นต้นแบบของกิลด์
โดยช่วงแรกพวกที่มารับงานกิลด์คือ พวกที่ไม่มีงานทำ นักรบรับจ้างที่ไม่มีสงครามให้รบ ผู้ต้องการรวยไว จนต่อมาเริ่มมีเรื่องราวของผู้กล้าที่คล้ายกับนักผญจภัยเกิดขึ้น ทำให้เด็กรุ่นใหม่เริ่มอยากตามรอยผู้กล้าทำให้เริ่มมีคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกรบมาก่อนเข้ามาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น ทำให้กิลด์ต่้องเริ่มยกมาตราฐานมากขึ้น(เรื่องก็อบลินสเลเยอร์อยู่ประมาณนี้)
เมื่อมีคนมากขึ้นทางกิลด์เลยเริ่มมีการสอนพื้นฐานการทำงานของนักผญจภัยขึ้น เช่นการเอาตัวรอดในที่พื้นที่รกร้าง การอ่านเขียนง่ายๆ การคำนวนพื้นฐาน ทำให้กิลด์นักผญจภัยมีมาตราฐานมากขึ้นจนเป็นที่จับตาของพวกขุนนางมีการเลือกทหารหรือผู้ติดตามตระกูลจากนักผญจภัยมากขึ้น พวกนักผญจภัยที่มีชื่อเสียงพอก็สามารถหางานที่มั่นคงได้มากขึ้น และเมื่อได้ไปทำงานกับขุนนางโอกาสได้ยกระดับฐานะก็มากขึ้น แม้แต่ขุนนางที่ตกอับก็เริ่มมาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น(แบบเรื่องชาย8)
ส่วนในเรื่องที่ว่าสุดทางของนักผญจภัยคือขุนนางนั้นคือเพราะเคยมีคนทำได้เลยมีคนอยากตามครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่รอดไปถึงขั้นนั้นหรอก เพราะเฉพาะส่วนใหญ่พวกที่ฉลาดหน่อยจะรับงานเก็บเงินให้มากพอแล้วออกมาทำอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า(เช่นเรื่องน้องแมวดาบเทพ)
ขอบคุณมากครับผมเรื่องที่น่าสนใจคือ วิทเชอร์ดันกำหนดไว้่าเพระาเมืองพัฒนา คนเลยจ้างวิทเชอร์น้อยลงสุปเพระาสังคมมนุษย์ทำให้มอนสเตอร์อาศัยไม่ได้นั่นเอง
ผมกำลังคิดว่าก็อบลินหากตามที่โม้ไว้จริงๆล่ก็ที่ตายไปเพระามีมุกว่า"เอานะไม่กี่สิบคนได้แต่มาเป้นร้อย" นักผจญภัยสี่ห้าคนเลยชนะไม่ได้ ต้องอาศัยนักผจญภัยหลายสิบคนจึงจะเอาชะกองทัพก็อบลินได้เท่านั้น
หมายความว่าเอาจริงๆ หากมนุษย์ไม่สนการเมือง ขุนนางคนหนึ่งที่มีดินแดน ประชากรมากกว่า ก็กวาดล้างก็อบลินจนหมดท้องที่ได้แล้ว
มันแสดงอำนาจของขุนนางที่มีกำลังคนกำลังเงินทำในสิ่งที่ก็อบลินสเลเยอร์พยายามชั่วชีวิตก็ไม่อาจทำได้นั่นเอง
ชายแปดแสดงว่า พี่ชายก็ยังระแวงว่าจะมาแย่งตำแหน่งนะครับ
แสดงว่ามองว่าน้องชายอาจจะไม่พอใจกับตำแหน่งที่เคบยมีจนมาแย่งตนเอง
แนวความคิดตำแหน่งมันสำคัญอย่างนี้นั่นล่ะ
[quote/]
เอิ่มมันก็คือเป็นขุนนางมาก่อนไม่ไช่เหรอครับจากชาวบ้านหาช่องทางเป็นขุนนางกับขุนนางกลายเป็นชาวบ้านแล้วหาช่องทางเป็นขุนนางมันต่างกันมากนะครับ ขุนนางที่กลายเป็นชาวบ้านจะมากจะน้อยมันต้องรู้จักขุนนางต่างๆแต่ชาวบ้านเพียวๆไม่รู้จักใครเลย แค่เข้าพบระหว่างอดีตขุนนางที่เป็นชาวบ้านกับชาวบ้านเพียวๆก็ต่างกันแล้ว ยิ่งทรัพยากรอีกชาวบ้านปกติไม่มีทางเทียบอดีตขุนนางทังความรู้เส้นสายเงินทอง ผมว่านับบรรพบุรุษชาย8มาอ้างอิงไม่ได้เลยเพราะสถาณภาพมันไม่ขาดจากการเป็นขุนนางแบบพี่น้องชายแปดด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าบรรพบุรุษที่ว่าขอบุกเบิกที่ทำไห้ไม่ขาดตอนจากการเป็นขุนนางนะครับ และการที่ขอบุกเบิกที่ได้มันก็คือลูกหลานขุนนางที่สืบทอดที่ดินตัวเองไม่ได้สรุปจะบุกเบิกที่มันก็ต้องเป็นขุนนางอยู่ดี จากเส้นทางทังหมดมันมีแต่ลูกหลานขุนนางเท่านั้นครับที่รู้และต้องการกลับไปเป็นขุนนาง นอกเหนือขากนั้นชาวบ้านแทบจะมีแค่การแต่งกับขุนนางเท่านั้นเลยอีกทางคือเก่งแบบสุดๆเท่านั้น แต่คนแบบนั้นไม่มีใครอยากเป็นขุนนางแล้วครับแม้แต่ชายแปดเองมันยังไม่อยากเป็นเลยแต่ความเก่งของชายแปดมันไม่ถึงขั้นเมินอำนาจของประเทศได้ บวกมันเป็นผู้สืบทอดจากอจ.มันอีกสำหรับเรื่องชายแปดมีคนที่เก่งกว่ามันอยากเป็นขุนนาง แต่ไม่มีสายเลือดขุนนางก็ไม่ได้เป็นครับชัดๆเลยว่าช่องทางมันปิดกันแค่ไหนแต่พอพลังมันเยอะๆมันก็ไม่อยากเป็นขุนนางอีก เอาง่ายๆนักพจนภันที่มีเป้าเป็นขุนนางคือพวกขุนนางเก่าที่ไม่มีสิทธในตำแหน่ง ส่วนชาวบ้านที่เป็นนักพจนภัยส่วนมากไม่มีเป้าหมายแบบนั้น ปกติก็มีแค่ประมาณเก็บเงินเปิดร้านพวกที่เก่งจนเป็นขุนนางได้นี่ต้องเก่งระดับผู้กล้าเลยครับ
ก็นั่นล่ะครับ
นึกภาพเจาะเวลาหาโจตโฉที่ต้องอ้างว่าเป็นพระเจ้าอาเชื้อพระวงส์ ท่านเล่าโต๋ที่เป็นขึุนนางใหญ่ไม่งั้นร่ำรวยแค่ไหน ไปไหนคนก็ไม่ต้อนรับ
ความจริงผมว่านโยบายมันพยายามจะมีไว้ให้คนออกไปยึดครองบุกเบิกดินแดนน่ะครับการบกุเบิดดินแดนนั้นยบากมาก เพระาต้องเจอของแข็งอย่างมอสเตอร์ที่ดินแดนอยู่ ตอนแรกจะรวรวมไปได้แค่คนในสลฃัม พลัดที่่นาคาที่อยู่เท่านั้น
คนดีดีใครจะอยากไปอยู่ชายแดนเป็นอาหารมอนสเตอร์กัน
ในเรื่องแนวแฟนตาซีทั้งหลายที่นักผญจภัยมีบทบาทมากพอมีมอนเตอร์ที่ไม่มีในโลกจริงเสริมเข้ามาด้วยครับ ทำให้ทางการไม่มีกำลังพอที่ขยายดินแดนได้เท่าโลกจริง ยิ่งในทางการเมืองแบบฝรั่งขุนนางยศต่างๆสามารถมีทหารใต้สังกัดได้แค่จำนวนหนึ่ง ยกเว้นในบางที่ที่สามารถมีได้มากกว่าที่กำหนดไว้ แถมทหารในสังกัดยังต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นอาวุธหรือเกราะ ส่วนนักผจญภัยคือต้องเตรียมเองทำให้ประหยัดกว่าเยอะ
ซึ่งการขยายดินแดนเข้าไปในเขตที่อาจมีมอนเตอร์อยู่ทำให้ผู้ที่สามารถไปก่อตั้งหมู่บ้านหรือเมืองได้สามารถได้รับยศขุนนางระดับล่างครับ อย่างในเรื่องชาย8บรรพบุรุษของชาย8ก็เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักแสวงโชคหรือนักผจญภัยที่สรมารถไปตั้งหมู่บ้านในดินแดนห่างไกลได้เลยได้รับยศอัสวินครับ
ผมนึกถึงเรื่องหลุยส์ศูนย์สนิทที่ไซโตะรบแทบตายแค่ตั้งเป็นชูวาลิเยยร์ขั้นต่ำสุดยังโดนขุนนางต่อต้านแทบแย่เลยล่ะครับ
แต่ตอนหลังหลุยส์เป้นนักบุญ มันแสดงว่าศาสนามีอพลังอำนาจมากในอีกทีเหมือนกัน
ต่อให้ช่วยอาณาจักรไว้ได้จะจะ ขุนางเก่าก้ยังไม่ยอมรับเรานั่นเอง
นักผจญภัยมันก็คือทหารรับจ้างดีๆนั่นแหละครับแต่ในนิยายมันมีพวกOpเยอะ แล้วถ้านักผจญภัยมีความสามารถเยอะมากๆ-มีความรู้ในระดับหนึ่งก็จะถูกดึงตัวเข้าเป็นขุนนางแบบชาย8 ถ้ากากๆแบบตัวประกอบทั้งหลายก็ช่างแม่- ถ้าเก่งในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับOPแบบเฮียกอบสเลก็จะถูกจดบันทึกเอาไว้ในระบบเผื่อเวลาที่จะเรียกใช้งานได้ แต่ถ้าโคตรOPแบบเจ้คาโอรุหรือบักเซเฟอร์ยอดนักเยก็จะถูกจับคู่กับเชื้อพระวงศ์
มันม่ีีัแนวนักผจญภัยที่เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน เล่นมกุว่าพวกทหารรับจ้างมองว่าพวกนักผจญภัยยกิ๊กก๊อกอย่างนี้ทหารที่ผ่านศึกมาจริงๆยิ่งไม่มองพวกก็อบเลย์ต่ำไปยิ่งกว่าหรือครับ?เหมือนกับมองพวกพลหทหารฝึกใหม่ที่ไม่เคยผ่านของแข็งอย่างสงครามมา?
มันอยู่ที่ว่ามันไปเจอรถม้าลูกสาวขุนนางโดนปล้น / โดนมอนฯ ไล่อยู่รึเปล่าอ่ะนะ...
อิเซไคไอ้พวกที่ไปสายขุนนาง 99.99% มาทางนั้นทั้งน้าน 5555
หรือเบาะๆ ก็ช่วยอัศวินหญิงที่โดนฝูงออคล้อม เป็นต้น
ไม่งั้นก็ปาร์ตี้กะลูกสาวขุนนางตกอับ (ที่หัวสูง+ปากร้ายเลยไม่มีใครคบ) ที่กำลังหาวิธีฟื้นฟูตระกูล
ละก็มักจะมีแต่พวกวันรุ่นหัวร้อน หรือพวกต่างโลกไร้สามัญสำนึก ที่กล้าคุย/ปีนเกลียวกะขุนนาง
(ละเหล่าคุณหนูก็จะ "โอ้ นี่เค้ามองตัวฉันโดยไม่สนใจบรรดาศักดิ์ของที่บ้านเลยสินะ" ซึ่งจริงๆ มันแค่ไม่มีมารยาท)
ส่วนพวงลุงๆ วัยกลางคนก็จะครับท่านผงกๆ ถ้าโชคดีนายถูกใจก็อาจจะมีเส้นสายบ้าง
ไอ้ที่เห็นหลายๆ เรื่องส่วนมากพอแรงค์กลางๆ ร่างกายเริ่มล้าๆ ก็เริ่มเก็บตังเกษียณเปิดร้านลงทุน (จะเจอบ่อยมากเจ้าของโรงแรม/พ่อครัว อดีตแรงค์ B ไรงี้)
รึพอแก่ตัวก็กลับไปหมู่บ้าน รับงานบ้านไร่ต่อจากพ่อแม่ (ถ้าไม่มีพี่น้องรับไปแล้วอ่ะนะ) ละก็จะเป็น อจ. ปูพื้นฐานให้เหล่าเด็กน้อยภูธรที่จะเข้ามาหางานในกรุงต่อไป
งานหลักทำนา งานรองสอนดาบ (70% มีเมียที่เคยเป็นนักผจญภัยด้วยกัน / เด็กสาวชาวบ้านที่เคยช่วยสมัยหนุ่ม / ทาสที่ซื้อมาช่วยงาน บลาๆ เอาไว้เล่าให้เด็กๆ ฟัง)
หรือถ้าบุคลิกไปเข้าตาขุนนางแบบที่ว่าไว้ข้างบนก็ พ่อบ้าน/เมด (อดีตแรงค์ A ซับจ๊อบมือสังหาร ฝีมือชงชาขั้นเทพ ฯลฯ)
นักบวชสายฮีลก็เป็นหลวงพ่อ/หมอประจำเมือง สายจอมเวทย์ถ้าไม่นักวิจัยก็เปิดร้านยาสารพัด (แต่งกะอีนักบวชคู่กัดสมัยยังผจญภัยเมื่อกี้แหละ)
ถ้าซี้กะกรม เอ้ย กิลด์ก็เกษียณมาเป็นพนักงานกิลด์ ส่วนพวกนักปราชญ์มักเก็บเด็กที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยง สอนแต่วิชาแต่ไม่เคยใส่สามัญสำนึกให้เล้ย 5555
ส่วนพวกพี่กล้ามแรงค์ซี ที่มักตบเด็กใหม่ พวกนี้อยู่ๆ ไปก็หาเรื่องไม่ดูจนเจอตอ ไม่ก็รับงานเกินตัวอยู่ไม่ค่อยพ้นวัยเกษียณอ่ะนะ 555
(90% ของพวกที่โดนมอนตบเห็นศพลางๆ ละตัดช่องดำ หายนะครั้งใหม่...ติดตามตอนต่อไป อ่ะนะ)
อย่างของพ่อรูดี้นี่ มันก่อเรื่องไว้จนหนีออกจากบ้านใช่มะ (และไม่ถูกกะพี่น้องอย่างแรง)
จริงๆ ถ้าแค่อยากเป็นยามหมู่บ้านหรือนักล่าทั่วๆ ไปแบบบ้านซิลฟี่นี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่อยากมียศบ้างเพราะทางบ้านเมียแหละ
(เพราะเอาจริงๆ งานแกก็แค่ไล่ตีมอนแถวหมู่บ้านเองนิ ไม่ได้ดูงานด้านบริหารเลยซะหน่อย)
เลยต้องบากหน้าไปขอยศขุนนางติดตัวไว้หน่อย
ขอบคุณครับผมมองว่าแม่ของรูดี้นี่เป้ฯตระกุ,ฐชั้นสูงอยู่นะ
น้องสาวแม่ก็เป็นอัศวินของเจ้าหญิวงไงไดเ้เส้นสายไม่น่าธรรมดา
เรื่องรุดี้สอนให้รู้ว่า ลุกสาวคุณหนูไม่เคยรุ้ว่าชีวิตภายนอกมันลำบากแค่ไหนว่าอย่างนั้นและขุนนางนี่สบายกว่าชาวบ้านเอามากๆรุดี้ก็เรียกว่ามีอะไรพร้อมกว่าลุกชาวบ้านมาตั้แงต่เด็กนั่น่ะคนคนหนึ่งจะเป้นขุนนางได้จากศูนย์นั้นต้องฝีมือขั้นเทพจริงๆคนจะยอมรับ แต่สุึดท้ายก็อาจจะตายกลางทางเสียเยอะ
[quote/]
ถ้าหากกระทู้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถาม Adventurer life in fantasy world ก่อนที่เราจะเดินประเด็นไปสู่วิธีการสร้างตัวละครแบบสมจริง ท่านควรลงมือ Model town ก่อนนะครับ
Miniature medieval town physical model
Area;
ท่านต้องกำหนดขนาดของเมืองความกว้างและยาว (Width x Lenght) โดยรวมและสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่จะใส่ลงไปในขนาดพื้นที่นั้น. ถ้าพื้นที่เหลือก็อาจจะกำหนดอาคารราชการ. ร้านค้าแอ่งน้ำ - ทะเลสาบ (Lake) หรือกำแพงล้อมเมืองเพื่อกำหนดรายละเอียดคร่าวให้สมบูรณ์
Economy;
หากพื้นที่ของท่านนั้นเป็นที่ที่มีประชากรรวมถึงอารยธรรมอยู่แล้วมันจะเป็นเรื่องดีที่จะกำหนดวงจรทางเศรษศาสตร์อย่างแน่ชัด เช่น ผืนนาข้าวและทุ่งเลี้ยงสัตว์. คอกปศุสัตว์และยุ้งฉาง(Silo) และจะได้บ้านของชาวนามีฐานะ 1 ที่.
หากไม่อย่างนั้นภายในตัวเมืองจะต้องมีตลาดให้ชาวบ้านซื้ออาหาร ซึ่งจะมีเวลาขายและปิดร้านที่แน่ชัด. โดยที่อาจจะขึ้นอยู่กำลังการผลิตในตัวเมือง. หรือรอบตลาดเต็มไปด้วยบ้านหลังโตเพื่อแสดงถึงฐานะของผู้อยู่อาศัย
Forest Area;
เพราะ Setting เป็นการสมมุติให้นักผจญภัยออกไปทำ Quest ดังนั้นท่านต้องสร้างแผนที่ใหม่อีกแผ่น. กรณีเป็น Quest ประเภท Gathering ก็อาจจะกำหนดว่าจุดไหนของป่าเป็นแหล่งกำเนิดสมุนไพร ผักหรือผลไม้ที่ชาวบ้านยังไม่รู้วิธีเพาะปลูก และสภาพอากาศ อุณหภูมิที่จะเป็นตัวบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่อาจเติบโตจากฤดูฝนที่ยาวนานและให้ปริมาณน้ำฝน. และถ้าหากป่าใหญ่กว่านั้นท่านอาจจะสร้างแม่น้ำที่วห้กำเนิดน้ำตกจนทำป่าใหญ่โต
Ecological System;
เมื่อกล่าวถึง Quest ประเภท Monster Hunting ท่านจะต้องกำหนดสถานที่ Monster ตัวนั้นอาศัยและกินดื่มอะไรเป็นอาหาร ตัวอะไรที่จะตามล่ามันก่อนถ้านักผจญภัยหาไม่เจอ
Next Post;
ผมจะกล่าวถึงวิธีการสร้างตัวละครที่เคยได้มาจากนิยายส่งการบ้านของตัวเองให้บ้าง. เพราะของท่านคล้ายกับของผม. และระบบการบริหารธุรกิจซับซ้อนอย่าง Guild ขอแนะนำว่ายากพอกับที่ย้อนกลับไปหาตัวเองในอดีตและค่อยๆนึกถึงกระบวนการคิดและความทรงจำในเวลานั้นให้แม่นยำให้มากที่สุดเลยทีเดียว
ขอบคุณมากครับ ฮา
ผมกำลังสร้างอาณาจักรที่คิดไว้ว่าดยุกหมูอ้วนที่โม้ว่ารวยที่สุด ทหารมากที่สุดนี่มันคสววรจะเป้นนอย่างไรน่ะครับ?ก็ที่ผมคิดวไ้คือออกสไตล์ทุ่งหย้านาอุดมสมบูร์มีท่าเรือพอให้รวยมากขึ้นมีกองทัพม้า เส้นทางค้าขายทั้งทางบกทางทะเลถึงโม้ได้ว่าตนเองรวยที่สุดในแคว้น
มีธรรมเนียมศักดิ์ศรีอัศวินที่รุ่นพ่อเป็นคนดีทำให้คนเคารพมาถึงรุ่นลุกฯลณอะไรเมือกนั้นน่ะครับและยิ่งมีเส้นสายกับทางโบสถ์เพระาเคยวางแผนจะเข้าทางโบสถ์มาก่อน แต่ตอนหลังพี่ชายตายไปตนเป็นทายาทสืบต่อเลยไม่เข้าทางโบสถ์เต็มตัวแต่ก้รู้จักผู้หลักผู้ใหย่ในโบสถ์และเรีกยพี่เรียกน้องกับพวกดาวรุ่งพุ่งแรงของโบสถ์ทั้งหน่วยเทมพลาร์และคาณดินัลหนุ่มๆ
เลยจะทำอะไรก็เกื้อหนุนกับโบสถ์เสมอ เวลาดดนพระเอกอิเซไคอัดเลยเรีกยกองทัพมากระทืบพระเอกอิเซไคได้แบบท่านพี่คาร์ดินัลส่งคนมาช่วยน้องรักแบบไม่ถามสักคำ