แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก

ผู้เขียน หัวข้อ: เกิดใหม่ต่างโลก-สุดเส้นทางของนักผจญภัยคือเป็นขุนนางครองพื้นที่?  (อ่าน 5918 ครั้ง)

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,979
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
กิลด์นักผจญภัย ถ้าเทียบกับโลกเราแบบปกติ ก็คงจะเป็นกองกำลังอิสระ ไม่ขึ้นตรงกับประเทศไหน แนวทหารรับจ้าง

ดังนั้น หลายๆ เรื่อง Setting ตรงนี้เลยมีกฎเช่นว่า ห้ามไม่ให้สมาชิกกิลด์นักผจญภัยเข้าร่วมสงครามระหว่างเมือง ระหว่างประเทศ

หรือไม่ก็ให้กิลด์นักผจญภัยอยู่ภายใต้ประเทศที่กิลด์นั้นๆ ตั้งอยู่ เพื่อควบคุมดูแลไม่ให้ทำการก่อกบฎหรือทำอันตรายต่อประเทศกิลด์นั้นๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่   :D
Overlord ก็เล่นมุกนั้นล่ะครับแต่ผมว่ามันก็แปลกๆที่บลูโรสก็เป้นขุนนางล่ะนะ มีแบ้กเป็นเจ้าหญิงอีกต่างหากดยุกเรเวนก็มีนอดีตนักผจญภัยเป็นลูกน้องที่ซือ่สัตย์ทำงานด้วย..
แบบการเมืองที่ผมเจอนอกจากแนว OVerlord นักผจญภัยเป็นกลางก็จริง
แต่ภารกิจอย่างกำจัดก็อบลินที่มีจำนวนไม่จำกัด คนอุดหนุนงบประมาณตรงนี้คือทางรัฐ ทางโบสถ์ช่วยๆกันไปน่ะครับ
เรียกว่าพึ่งพาอาสัยกันอยู่ในที่แต่หน้าที่รักษาความสงบในเมืองคือของ watchman คนดูแลเมืองที่ก้เก่งพอสมควรเทียบประมาณนักผจญภัยระดับเงินหรอือะไรเทือกนั้นและเรียงลำดับกันไปถึงระดับแม่ทัพของประทเศที่ระดับ ทองคำหรอือะไรเทือกนั้น
ความจริงผมว่ามันก็เป้นระบบที่ดีพอใช้ได้นะ
ให้ความเคารพ ให้สิทธิพิเศษ เพื่อไม่ให้เอาใจออกห่าง ได้รับการสรรเสริญชื่นชมมากมายหากทำภารกิจให้คนรักได้

Overlord เองก็แสดงแนวคิดว่านัดผจญภัยที่มีชือ่เสียงและร่วมเป้นร่วมตายกันนานจะสนิทกันแบบเืพื่อนและครอบครัวมากๆ
กิลด์ผมว่ามันคล้ายๆ  สำนักงานจัดหางานแฮะ  และเป็นสำนักงานจัดหางานระดับประเทศ
ที่ไม่ขึ้นตรงต่อประเทศใดๆ  คล้ายๆเป็นองค์กรระหว่างประเทศเปล่าหว่า??  ที่แต่ละประเทศ
ยอมลงสนธิสัญญา  ให้กิลด์เป็นหน่วยงานอิสระ  ไม่ขึ้นตรงกับประเทศใดๆ

คิดได้อีกอย่างหล่ะ  [สุดเส้นทางของนักผจญภัยคือเป็นขุนนางครองพื้นที่?]
ผมว่ามีนักผจญภัยไม่น้อยนะ  ที่เข้ามาหางานแต่ไม่อยากหรือไม่คิดที่จะอัพแรงค์
ประมาณว่า  มาทำงานเพื่อหาข้าวกิน  ที่ไม่ไปทำงานประจำ  ก็คงคล้ายๆกับ
คนที่ชอบทำงานฟรีเลนซ์หรือในบางประเทศหนุ่มสาวชอบทำงานพาร์ทไทม์
ซะมากกว่าจะไปทำงานประจำที่เงินเดือนน้อยกว่า  แบบว่าอิสระดี  เมื่อได้เงิน
จากเควสล้างท่อระบายน้ำ  เควสเก็บสมุนไพร  เควสคุ้มกันขบวนพ่อค้า  ก็นำเงิน
ใช้จ่ายแล้วหยุดทำงาน  เมื่อไหร่เงินหมดค่อยไปขอเควสจากกิลด์ต่อ

เพราะงั้นสุดเส้นทางนักผจญภัยตอนใกล้เกษียณ  ตอนแก่แล้ว  ก็คงค่อย
หางานมั่นคงทำ  อย่างผันตัวไปเป็นพนักงานกิลด์  เป็นอาจารย์  หรือ
แค่เก็บเงินซื้อบ้านหาที่ดินปลูกผัก  คิดว่านักผจญภัยไม่น้อย  คงคิดอย่างนี้
ขอบคุณครับท่านโฉลงสี่สิบตลอดกาล

แต่ผมพยายามคิดแบบแง่มุมที่เถื่อนๆ/หน่อยน่ะครับ

ประมาณว่า โดนยบังคับให้ใช้"ฉายา" มากกว่าชื่อจริง ออกไปข้างนอก ชาวบ้านมองนักผจญภัยอย่างหวาดระแวงจะไปซื้อม้ามาขี่ ก็โดนพ่อค้ากดราคา
จะเข้าหอนางโลม ก็โดนแม่เล้าไล่ออกมา ???
ต้องปลอมตัวเข้าไปแแทน
แต่นั่นอาจจะเพราะว่าฝรั่งแต่งเรื่องก็ได้เลยดูไม่ชิลชิลอย่างญี่ปุ่น

http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
[quote/]ฉากถอนหมั้นมีหลายเรื่องครับ แต่ละเรื่องก็มีหลายเหตุผลกันไปตามแต่ละเรื่องนั้น แต่เท่าที่ผมอ่านมาไม่มีเรื่่องไหนที่ นางร้ายไปงัดกับสายเลือดนักบุญที่ท่านพูดด้วยความรู้ยุคปัจจุบันด้านการบริหารมาเลยนะ มีแต่สปายสาวตอแหลมาป่วนอาณาจักรและก็ไม่ใช่นักบุญด้วย ส่วนนางเอกที่เป็นนักบุญนางร้ายของเรามักจะจีบเอาเข้าฮาเร็มตัวเอง ท่านเอาเหตุการจาก2เรื่อง มาผสมปนกันหรือเปล่า หรือมีเรื่องไหนที่นักบุญมันตอแหลจริงๆบ้าง ผมเลยถามไงครับว่าเรื่องอะไรจะไปอ่านบ้าง จะได้มาโต้แย้งถูก


ข้อแรกที่ว่าบากะริน่านางเอกมีพลังแสงแต่มันแค่หายากครับไม่ได้โกงเอาจริงๆยังแพ้ตัวละครที่จีบได้ด้วยซ้ำ มันไม่ได้ดีจนต้องเอาสายเลือดมาครับแค่บากะรีน่าที่เป็นตัวร้ายทำตัวดีๆบวกเป็นลูกสาวดยุกในเรื่องก็ชัดแล้วว่าโดนแย่งตัวแค่ไหน ชัดเจนครับว่าเส้นสายดีกว่าสายเลือดถ้าท่านมองว่าควรเอาสายเลือดเเสงหายากเอามาในตระกูล ท่านไม่คิดกลับบ้างว่าชาวบ้านที่มีสายเลือดเเสงกว่าจะมีพลังเวทนะไร้พลังเวทมากี่รุ่น คิดว่าแต่งไปจะมีด้านลบกว่าด้านดีหรือป่าวลูกที่เกิดมามีโอกาสมีพลังเวทน้อยหรือไม่มีเยอะกว่าจะออกมาเป็นสายเลือดเเสงหายากรึป่าวครับ
ส่วนกิลของนิยายยุ่นมันเหมือนทหารรับจ้างครับยังไงจะมากจะน้อยมันก็ถูกกฏหมายแต่กิลของฟรังไม่ไช่ครับ มันคือที่รับงานมืดรับงานสกปรกแบบประมาณนักฆ่าครับว่าแบบเบาสุดมันคือซุมมาเฟียครับที่จ่ายงานไห้นักเลง แล้วชาวบ้านที่ไหนจะต้อนรับนักเลงครับที่ผมบอกว่านักพจนภัยส่วนมากไม่ตังเป้าที่ขุนนาง เพราะเซตติ้งมันคือยุคกลางครับการเป็นขุนนางโดยไม่ได้รับการสืบสายเลือดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ สังเกตุไหมครับเรื่องที่พวกนักพจนภัยตังเป้าเป็นขุนนางทังหมดมีสายเลือดขุนนางอยู่แล้วแค่ไม่มีช่องทางปกติไปเป็นขุนนางเท่านั้น ส่วนนักพจนภัยชาวบ้านไม่มีใครตังเป้าเป็นขุนนางเพราะมันไม่มีช่องทางเลยต่างหาก ไม่ว่าจะทำงานได้เเร็งระดับไหนสุดท้ายช่องทางเป็นขุนนางก็มีแต่แต่งกับขุนนางอยู่ดีซึ่งไม่เกียวอะไรกับผลงานนักพจนภัยสักนิด ขอเเค่จีบขุนนางได้ก็จบที่ว่านักพจนภัยตังเป้าเป็นขุนนางผมว่าเป้าจริงๆคือแค่หาเงินเพราะทำอย่างอื่นไม่ได้มากกว่า การหาเงินไปจีบขุนนางผมว่าพ่อค้ายังจะเป็นขุนนางง่ายกว่าอีก แถมพวกโกงๆใครมันจะไปอยากเป็นขุนนางกันครับเป็นคุณมีพลังระดับเดินไปรับงานตบมังกรได้เงินที่กินเที่ยวได้เป็นปีๆ จะอยากเป็นขุนนางที่สิบปีถึงเก็บเงินได้เท่าเดินไปตบมังกรไหมครับพวกโกงๆที่รับตำแหน่งขุนนางมันคือรับแต่ตำแหน่งและเงินไม่ทำงานนะครับ


ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,979
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
[quote/]
ข้อแรกที่ว่าบากะริน่านางเอกมีพลังแสงแต่มันแค่หายากครับไม่ได้โกงเอาจริงๆยังแพ้ตัวละครที่จีบได้ด้วยซ้ำ มันไม่ได้ดีจนต้องเอาสายเลือดมาครับแค่บากะรีน่าที่เป็นตัวร้ายทำตัวดีๆบวกเป็นลูกสาวดยุกในเรื่องก็ชัดแล้วว่าโดนแย่งตัวแค่ไหน ชัดเจนครับว่าเส้นสายดีกว่าสายเลือดถ้าท่านมองว่าควรเอาสายเลือดเเสงหายากเอามาในตระกูล ท่านไม่คิดกลับบ้างว่าชาวบ้านที่มีสายเลือดเเสงกว่าจะมีพลังเวทนะไร้พลังเวทมากี่รุ่น คิดว่าแต่งไปจะมีด้านลบกว่าด้านดีหรือป่าวลูกที่เกิดมามีโอกาสมีพลังเวทน้อยหรือไม่มีเยอะกว่าจะออกมาเป็นสายเลือดเเสงหายากรึป่าวครับ
ส่วนกิลของนิยายยุ่นมันเหมือนทหารรับจ้างครับยังไงจะมากจะน้อยมันก็ถูกกฏหมายแต่กิลของฟรังไม่ไช่ครับ มันคือที่รับงานมืดรับงานสกปรกแบบประมาณนักฆ่าครับว่าแบบเบาสุดมันคือซุมมาเฟียครับที่จ่ายงานไห้นักเลง แล้วชาวบ้านที่ไหนจะต้อนรับนักเลงครับที่ผมบอกว่านักพจนภัยส่วนมากไม่ตังเป้าที่ขุนนาง เพราะเซตติ้งมันคือยุคกลางครับการเป็นขุนนางโดยไม่ได้รับการสืบสายเลือดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ สังเกตุไหมครับเรื่องที่พวกนักพจนภัยตังเป้าเป็นขุนนางทังหมดมีสายเลือดขุนนางอยู่แล้วแค่ไม่มีช่องทางปกติไปเป็นขุนนางเท่านั้น ส่วนนักพจนภัยชาวบ้านไม่มีใครตังเป้าเป็นขุนนางเพราะมันไม่มีช่องทางเลยต่างหาก ไม่ว่าจะทำงานได้เเร็งระดับไหนสุดท้ายช่องทางเป็นขุนนางก็มีแต่แต่งกับขุนนางอยู่ดีซึ่งไม่เกียวอะไรกับผลงานนักพจนภัยสักนิด ขอเเค่จีบขุนนางได้ก็จบที่ว่านักพจนภัยตังเป้าเป็นขุนนางผมว่าเป้าจริงๆคือแค่หาเงินเพราะทำอย่างอื่นไม่ได้มากกว่า การหาเงินไปจีบขุนนางผมว่าพ่อค้ายังจะเป็นขุนนางง่ายกว่าอีก แถมพวกโกงๆใครมันจะไปอยากเป็นขุนนางกันครับเป็นคุณมีพลังระดับเดินไปรับงานตบมังกรได้เงินที่กินเที่ยวได้เป็นปีๆ จะอยากเป็นขุนนางที่สิบปีถึงเก็บเงินได้เท่าเดินไปตบมังกรไหมครับพวกโกงๆที่รับตำแหน่งขุนนางมันคือรับแต่ตำแหน่งและเงินไม่ทำงานนะครับ


โอโตเมะม็อบมันพยายามจะสร้างให้มีแบ็กจากโบสถ์ด้วยนน่ะครับ
และว่ากันจริงๆบากะริน่าแค่มีพบลลังดินก็เกินพอแล้วอย่างที่ท่านว่านั่นล่ะครับ
ไม่รุ้เป็นไงในเรื่องพวกนี้พยายามอ้างว่านางเอกเก่งเว่อ
แต่ไม่ทำให้เว่ออย่างที่โม้ไว้จริงๆสักเท่าไร
มีแต่โอโตเมะม็อบมั้งที่ทำเรื่องจริงจังแบบว่าพลังของนางเอกมีสกิลบัฟหมู่ส่งผลต่อทั้งกองทัพได้จริงแบบนารุโตะ ???
..
เรื่องขุนนางมาจากมุกพ่อรูดี้ที่คุกเข่าขอร้องตอนรู้ดี้จะเกิดน่ะครับ
เซนิธแม่รูดั้นั้นหกากจากพ่อไปก็จะถูกแม่ที่เป็นตระกุลขุนนางกักตัวเอาไว้ทางเทคนิคอยู่เฉยๆก็ได้เป็นขุนนางนั่นล่ะแต่สุดท้ายมีฝีมใือแค่ไหนก็ต้องมีเส้นสายอยู่ดี ???
ผมกำลังจะเล่นมุกว่า ทำครุเสดในแนวนี้ว่า หากชนะ ตูจะแจกที่ดินให้พวกเอ็งปกครองพื้นที่แถบนี้ว่างั้น
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ soulzero

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 115
  • ถูกใจแล้ว: 75 ครั้ง
  • ความนิยม: +6/-3
จุดเริ่มต้นของกิลด์นักผญจภัยคือเริ่มมาจากพวกนักรบรับจ้างที่ไม่มีงานทำไปนั่งดื่มกันตามร้านเหล้า เสร็จแล้วเมื่อชาวบ้านคนธรรมดาเจอเรื่องที่เกินรับมือแต่ทหารทางการก็ไม่มาจัดการซักที จึงได้นำเงินที่รวบรวมมาไปหาพวกนักรบตามร้านเหล้าที่กล้าเสี่ยงตายเพื่อเงิน เพื่อขอร้องให้พวกนักรบรับจ้างทำงานให้ พอนานๆไปก็กลายเป็นธรรมเนียมที่จะติดใบประกาศงานตามร้านเหล้า (เรื่องthe witcher, FF,Dragon quest ยุดแรกๆอยู่ประมาณนี้)

ต่อมาทางการเริ่มเห็นว่ามีกลุ่มนักรบที่ไม่สังกัดขุนนางมารวมตัวกันเยอะขึ้นเพื่อป้องกันการความขัดแย้งระหว่างนักรบรับจ้างและชาวบ้าน ทางการเลยสร้างสถาณที่ที่ไว้รับงานรับจ้างโดยเฉพาะพร้อมตั้งระบบการจ้างงานเป็นทางการเพื่อความสะดวกของทั้งผู้ว่าจ้างกับผู้รับงานซึ่งเป็นต้นแบบของกิลด์

โดยช่วงแรกพวกที่มารับงานกิลด์คือ พวกที่ไม่มีงานทำ นักรบรับจ้างที่ไม่มีสงครามให้รบ ผู้ต้องการรวยไว จนต่อมาเริ่มมีเรื่องราวของผู้กล้าที่คล้ายกับนักผญจภัยเกิดขึ้น ทำให้เด็กรุ่นใหม่เริ่มอยากตามรอยผู้กล้าทำให้เริ่มมีคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกรบมาก่อนเข้ามาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น ทำให้กิลด์ต่้องเริ่มยกมาตราฐานมากขึ้น(เรื่องก็อบลินสเลเยอร์อยู่ประมาณนี้)

เมื่อมีคนมากขึ้นทางกิลด์เลยเริ่มมีการสอนพื้นฐานการทำงานของนักผญจภัยขึ้น เช่นการเอาตัวรอดในที่พื้นที่รกร้าง การอ่านเขียนง่ายๆ การคำนวนพื้นฐาน ทำให้กิลด์นักผญจภัยมีมาตราฐานมากขึ้นจนเป็นที่จับตาของพวกขุนนางมีการเลือกทหารหรือผู้ติดตามตระกูลจากนักผญจภัยมากขึ้น พวกนักผญจภัยที่มีชื่อเสียงพอก็สามารถหางานที่มั่นคงได้มากขึ้น และเมื่อได้ไปทำงานกับขุนนางโอกาสได้ยกระดับฐานะก็มากขึ้น แม้แต่ขุนนางที่ตกอับก็เริ่มมาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น(แบบเรื่องชาย8)

ส่วนในเรื่องที่ว่าสุดทางของนักผญจภัยคือขุนนางนั้นคือเพราะเคยมีคนทำได้เลยมีคนอยากตามครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่รอดไปถึงขั้นนั้นหรอก เพราะเฉพาะส่วนใหญ่พวกที่ฉลาดหน่อยจะรับงานเก็บเงินให้มากพอแล้วออกมาทำอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า(เช่นเรื่องน้องแมวดาบเทพ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 20, 2021, 07:51:29 PM โดย soulzero »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: TheFakeMan

ออฟไลน์ warakornboy

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 471
  • ถูกใจแล้ว: 182 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-9
ช่วงนี้เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพมาแรง

ผมพยายามคิดสภาพการเมืองแบบจริงจัง


อย่างพ่อของรู้ดี้ที่ว่าเก่งเทพมีชือ่เสียงพอตัว ก้ต้องคุกเข่าร้องขอจึงจะได้ตำแหน่งที่มั่นคงครองพื้นที่บ้านนอกชายแดน? ???

หมายความว่าเส้นทางของพระเอกอิเซไคในหลายๆเรื่องนี้ข้ามขั้นกว่าคนปรกติแม้แต่นักผจญภัยมากประสบการณ์ฝีมือดีมากสินะครับ?


คือต่อให้ฝีมือดี แต่จุดจบของเส้นทางก็อาจจะไม่ได้ครองตำแหน่งขุนนาง
พระเอกอิเซไคใช้พลังโกง พัฒนาเมืองเลยยศทะลุครอบครัวที่เกิดมาด้วยความรวดเร็ว
แต่สภาพของนักผจญภัยทั่วไปไม่ใช่อย่างนั้น

มันคืองานอันตราย

อย่างภาคโรซรี่ก็เคยตั้งปาร์ตี้กับคนอื่น แต่พอมีคนในปาร์ตี้ตาย
คนที่เหลือก็สภาพจิตใจไม่สมบูรณ์ทนความกลัวไม่ไหว ปาร์ตี้แตกแยกย้ายกันไป

คือมันเป็นงานที่มีรางวัลสูง แต่ความเสี่ยงสูงมากๆนั่นล่ะ

คือผมพยายามวิเคราะห์ในแนวทางของนกัผจญภัยที่ไม่ใช่พระเอกอิเซไคน่ะครับว่าพวกเขาทำตัวอีท่าไหนกันแน่ วางแผนเส้นทางการใช้ชีวิตอย่างไร?

อย่างพี่กล้ามผมทองแรงก์ซีที่หาเรื่องพระเอกอิเซไคในเมืองเริ่มแรกนี่ พี่กล้ามแรงก์ซีนี่เขาฝ่าฟันมาจุดนั้นได้เพระาอะไร
และขี้อวดแบบนั้นหมายความวว่าทางเทคนิค พี่กล้ามแรงก์ซีแกก็เก่งจริงใช่หรือเปล่าครับ?

ผมวิเคราะ์เรื่องหนึ่ง คือพี่กล้ามที่อยู่มาได้นานเพราะทั้งกลุ่มมีแต่คนที่มีกล้าม นิสัยคล้ายๆกันกลุ่มเลยไม่แตกเพราะเป็นพวกมึงมาพาโวยกันไปไม่คิดมาก

ส่วนกลุ่มที่มีผุ้หญิง และมีผู้ชายเจ้าชู้อย่างพอลพ่อรูดี้ กลุ่มจะแตกง่ายเอามากๆ
หากเอามุกจากก็อบลินสเลเยอร์มา คนที่ผ่านก็อบลินมาแรงก์ซีได้ที่จริงไม่ใช่คนธรรมดา
ต้องมีไหวพริบหรือพลังพอสมควรจึงจะรอดมาแรงก์ซีได้

ว่าไปแล้วผมมองว่า ขนาดเก่งอย่างพ่อแม่ของรูดี้ การจะครองดินแดนในช่วงบั้นปลายชียวิตก็ไม่ใช่ง่ายๆ

นั่นคือความแตกต่างของความดกงพระเอกอิเซไคกับคนทั่วไป

..

คือผมอยากจะขโมยไอเดียจากทุกท่านน่ะครับ ว่าดยุกหมูอ้วนสามาถรยื่นขอ้เสนอตำแหน่งให้ครองดินแดนให้ครองยศนี่จะเลกี้ยกล่อมนักผจญภัยได้มากแค่ไหนน่ะครับ

ขนาดคนรักศักดิ์ศรีอย่างพ่อรูดี้ก้มหัวขอร้องยังได้มาแค่เมืองบ้านนอกคอกนา

หมายความว่านั่นคือเส้นทางวที่สูงที่สุดที่คนธรรมดาไม่โดดเด่นอย่างพระเอกอิเซไคจะหวังได้แล้วหรือเปล่าครับ?

ความจริงผมก็เอามาจากแนวดันเจี้ยนดราก้อนแบบดั้งเดิมของต่างประเทศ
บอกประมาณว่า ของอุปกรรณ์ของนักผจญภัยนั้นแพงมาก

ดาบที่ข้างเอวหากเอาไปขายไม่ผจญภัยก็อยู่ได้เป็นปี

ยิ่งของเวทมนตร์เอาไปขายซื้อวัวซื้อคฤหาสน์มีคนรับใช้อยู่ในบั้นปลายชีวิตได้ชิลๆ

แต่ตราบใดที่ยังทำงานอยู่ก็ยังต้องนอนกลางดินกินกลางทราย

ไม่สามารถอยู่อย่างเศรษฐีได้แม้จะมีสินทรัพย์ราคาแพงก็ตาม

อีกอย่างเอาแบบ รีวิวซ่องต่างโลกที่ซ่อนพล้อตไว้ว่า สตังก์ นักดาบมนุษย์ก็เป้นลูกนอกสมรสของขุนนางที่มาเป็นนักผจญภัย

นักผจญภัยจึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของเด็กหนีออกจากบ้านหรือลูกนอกสมรสที่พยายามจะกู้ชื่อเสียงของตนเองหรือต้องการยืนหยัดไ้ดด้วยตนเอง

นับเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะมียศและพื้นที่ของตนเองแม้จะเล้กน้อยก็ตาม
ว่าไปแล้วมันก็คอืเส้นทางที่ลำบากล่ะครับ

อย่างพี่กล้ามผมทองแรงก์ซีที่เย่อหยิ่งก็อาจจะไม่ได้เกินเลยไปหากมองจากภาพรวมของนักผจญภัยทั้งหมดแล้วน่ะครับ
ถ้าหากกระทู้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถาม Adventurer life in fantasy world ก่อนที่เราจะเดินประเด็นไปสู่วิธีการสร้างตัวละครแบบสมจริง  ท่านควรลงมือ Model town ก่อนนะครับ


Miniature medieval town physical model


Area;
ท่านต้องกำหนดขนาดของเมืองความกว้างและยาว (Width x Lenght) โดยรวมและสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่จะใส่ลงไปในขนาดพื้นที่นั้น. ถ้าพื้นที่เหลือก็อาจจะกำหนดอาคารราชการ.  ร้านค้าแอ่งน้ำ - ทะเลสาบ (Lake) หรือกำแพงล้อมเมืองเพื่อกำหนดรายละเอียดคร่าวให้สมบูรณ์


Economy;
หากพื้นที่ของท่านนั้นเป็นที่ที่มีประชากรรวมถึงอารยธรรมอยู่แล้วมันจะเป็นเรื่องดีที่จะกำหนดวงจรทางเศรษศาสตร์อย่างแน่ชัด  เช่น ผืนนาข้าวและทุ่งเลี้ยงสัตว์. คอกปศุสัตว์และยุ้งฉาง(Silo) และจะได้บ้านของชาวนามีฐานะ 1 ที่.


หากไม่อย่างนั้นภายในตัวเมืองจะต้องมีตลาดให้ชาวบ้านซื้ออาหาร ซึ่งจะมีเวลาขายและปิดร้านที่แน่ชัด. โดยที่อาจจะขึ้นอยู่กำลังการผลิตในตัวเมือง. หรือรอบตลาดเต็มไปด้วยบ้านหลังโตเพื่อแสดงถึงฐานะของผู้อยู่อาศัย


Forest Area;
เพราะ Setting เป็นการสมมุติให้นักผจญภัยออกไปทำ Quest ดังนั้นท่านต้องสร้างแผนที่ใหม่อีกแผ่น. กรณีเป็น Quest ประเภท Gathering ก็อาจจะกำหนดว่าจุดไหนของป่าเป็นแหล่งกำเนิดสมุนไพร ผักหรือผลไม้ที่ชาวบ้านยังไม่รู้วิธีเพาะปลูก และสภาพอากาศ อุณหภูมิที่จะเป็นตัวบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่อาจเติบโตจากฤดูฝนที่ยาวนานและให้ปริมาณน้ำฝน. และถ้าหากป่าใหญ่กว่านั้นท่านอาจจะสร้างแม่น้ำที่วห้กำเนิดน้ำตกจนทำป่าใหญ่โต

Ecological System;
เมื่อกล่าวถึง Quest ประเภท Monster Hunting ท่านจะต้องกำหนดสถานที่ Monster ตัวนั้นอาศัยและกินดื่มอะไรเป็นอาหาร ตัวอะไรที่จะตามล่ามันก่อนถ้านักผจญภัยหาไม่เจอ

Next Post;
ผมจะกล่าวถึงวิธีการสร้างตัวละครที่เคยได้มาจากนิยายส่งการบ้านของตัวเองให้บ้าง. เพราะของท่านคล้ายกับของผม. และระบบการบริหารธุรกิจซับซ้อนอย่าง Guild ขอแนะนำว่ายากพอกับที่ย้อนกลับไปหาตัวเองในอดีตและค่อยๆนึกถึงกระบวนการคิดและความทรงจำในเวลานั้นให้แม่นยำให้มากที่สุดเลยทีเดียว
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
จุดเริ่มต้นของกิลด์นักผญจภัยคือเริ่มมาจากพวกนักรบรับจ้างที่ไม่มีงานทำไปนั่งดื่มกันตามร้านเหล้า เสร็จแล้วเมื่อชาวบ้านคนธรรมดาเจอเรื่องที่เกินรับมือแต่ทหารทางการก็ไม่มาจัดการซักที จึงได้นำเงินที่รวบรวมมาไปหาพวกนักรบตามร้านเหล้าที่กล้าเสี่ยงตายเพื่อเงิน เพื่อขอร้องให้พวกนักรบรับจ้างทำงานให้ พอนานๆไปก็กลายเป็นธรรมเนียมที่จะติดใบประกาศงานตามร้านเหล้า (เรื่องthe witcher, FF,Dragon quest ยุดแรกๆอยู่ประมาณนี้)

ต่อมาทางการเริ่มเห็นว่ามีกลุ่มนักรบที่ไม่สังกัดขุนนางมารวมตัวกันเยอะขึ้นเพื่อป้องกันการความขัดแย้งระหว่างนักรบรับจ้างและชาวบ้าน ทางการเลยสร้างสถาณที่ที่ไว้รับงานรับจ้างโดยเฉพาะพร้อมตั้งระบบการจ้างงานเป็นทางการเพื่อความสะดวกของทั้งผู้ว่าจ้างกับผู้รับงานซึ่งเป็นต้นแบบของกิลด์

โดยช่วงแรกพวกที่มารับงานกิลด์คือ พวกที่ไม่มีงานทำ นักรบรับจ้างที่ไม่มีสงครามให้รบ ผู้ต้องการรวยไว จนต่อมาเริ่มมีเรื่องราวของผู้กล้าที่คล้ายกับนักผญจภัยเกิดขึ้น ทำให้เด็กรุ่นใหม่เริ่มอยากตามรอยผู้กล้าทำให้เริ่มมีคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกรบมาก่อนเข้ามาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น ทำให้กิลด์ต่้องเริ่มยกมาตราฐานมากขึ้น(เรื่องก็อบลินสเลเยอร์อยู่ประมาณนี้)

เมื่อมีคนมากขึ้นทางกิลด์เลยเริ่มมีการสอนพื้นฐานการทำงานของนักผญจภัยขึ้น เช่นการเอาตัวรอดในที่พื้นที่รกร้าง การอ่านเขียนง่ายๆ การคำนวนพื้นฐาน ทำให้กิลด์นักผญจภัยมีมาตราฐานมากขึ้นจนเป็นที่จับตาของพวกขุนนางมีการเลือกทหารหรือผู้ติดตามตระกูลจากนักผญจภัยมากขึ้น พวกนักผญจภัยที่มีชื่อเสียงพอก็สามารถหางานที่มั่นคงได้มากขึ้น และเมื่อได้ไปทำงานกับขุนนางโอกาสได้ยกระดับฐานะก็มากขึ้น แม้แต่ขุนนางที่ตกอับก็เริ่มมาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น(แบบเรื่องชาย8)

ส่วนในเรื่องที่ว่าสุดทางของนักผญจภัยคือขุนนางนั้นคือเพราะเคยมีคนทำได้เลยมีคนอยากตามครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่รอดไปถึงขั้นนั้นหรอก เพราะเฉพาะส่วนใหญ่พวกที่ฉลาดหน่อยจะรับงานเก็บเงินให้มากพอแล้วออกมาทำอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า(เช่นเรื่องน้องแมวดาบเทพ)

ประเด็นที่ผมบอกว่านักพจนภัยส่วนมากไม่คิดเป็นขุนนางเพราะมันไม่มีช่องทางครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหนก็ตาม มันไม่มีช่องทางเป็นขุนนางได้และความสามารถของนักพจนภัยที่เป็นแต่ตีรันฟันแทงใครเขาจะรับเป็นขุนนางที่ทำงานบริหาร ไม่มีประเทศไหนรับขุนนางที่เขียนอ่านไม่ได้เป็นขุนนางหรอกครับเต็มที่ก็เป็นทหาร ซึ่งไม่ไช่ขุนนางอย่างระบบที่หลายเรื่องไช้นักพจนภัยเก่งๆได้รับยศแต่จริงๆมันคือการเป็นทหารถ้ามีเรื่องต้องเข้าไปต่อยตีแต่ไม่มีอำนาจบริหารแบบขุนนาง ดังนั้นพวกที่อยากเป็นขุนนางคือพวกที่มีช่องทางเท่านั้นครับหรือพวกลูกหลานขุนนางอย่างพวกเมียชายแปดนั้นแหละ แต่สุดท้ายมันก็คือแต่งกับขุนนางหรือสืบทอดตำแหน่งอยู่ดีครับ

ออฟไลน์ soulzero

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 115
  • ถูกใจแล้ว: 75 ครั้ง
  • ความนิยม: +6/-3
ใช่ครับเรื่องที่ไม่มีช่องทางเป็นเรื่องจริงแต่การมีแร็งนักผญจภัยสูงก็ทำให้ขุนนางสนใจพอได้เข้าร่วมก็เริ่มมีช่องทางมากขึ้น แถมตำแหน่งขุนนางในบ้างทีก็มาจากการบุกเบิกดินแดนที่ไม่มีใครสำรวจซึ่งตอนแรกอาจจะได้ยศขุนนางต่ำสุดแต่ท่าโชคดีที่ที่ปกครองมีค่าขึ้นมาก็จะได้ยศสูงขึ้น อย่างเช่นขุนนางอังกฤษหลายตระกูลเคยเป็นไวกิ้งมาก่อนครอบครองดินแดนแต่พอยอมรับอำนาจราชาก็ได้เป็นขุนนางในราชสำนักไป
 

ออฟไลน์ J0KER

  • หัวหน้าฝูงหมีกลาง
  • ****
  • กระทู้: 533
  • ถูกใจแล้ว: 308 ครั้ง
  • ความนิยม: +16/-8
มันอยู่ที่ว่ามันไปเจอรถม้าลูกสาวขุนนางโดนปล้น / โดนมอนฯ ไล่อยู่รึเปล่าอ่ะนะ...

อิเซไคไอ้พวกที่ไปสายขุนนาง 99.99% มาทางนั้นทั้งน้าน 5555

หรือเบาะๆ ก็ช่วยอัศวินหญิงที่โดนฝูงออคล้อม เป็นต้น

ไม่งั้นก็ปาร์ตี้กะลูกสาวขุนนางตกอับ (ที่หัวสูง+ปากร้ายเลยไม่มีใครคบ) ที่กำลังหาวิธีฟื้นฟูตระกูล 

ละก็มักจะมีแต่พวกวันรุ่นหัวร้อน หรือพวกต่างโลกไร้สามัญสำนึก ที่กล้าคุย/ปีนเกลียวกะขุนนาง

(ละเหล่าคุณหนูก็จะ "โอ้ นี่เค้ามองตัวฉันโดยไม่สนใจบรรดาศักดิ์ของที่บ้านเลยสินะ" ซึ่งจริงๆ มันแค่ไม่มีมารยาท)

ส่วนพวงลุงๆ วัยกลางคนก็จะครับท่านผงกๆ ถ้าโชคดีนายถูกใจก็อาจจะมีเส้นสายบ้าง

ไอ้ที่เห็นหลายๆ เรื่องส่วนมากพอแรงค์กลางๆ ร่างกายเริ่มล้าๆ ก็เริ่มเก็บตังเกษียณเปิดร้านลงทุน (จะเจอบ่อยมากเจ้าของโรงแรม/พ่อครัว อดีตแรงค์ B ไรงี้)

รึพอแก่ตัวก็กลับไปหมู่บ้าน รับงานบ้านไร่ต่อจากพ่อแม่ (ถ้าไม่มีพี่น้องรับไปแล้วอ่ะนะ) ละก็จะเป็น อจ. ปูพื้นฐานให้เหล่าเด็กน้อยภูธรที่จะเข้ามาหางานในกรุงต่อไป

งานหลักทำนา งานรองสอนดาบ (70% มีเมียที่เคยเป็นนักผจญภัยด้วยกัน / เด็กสาวชาวบ้านที่เคยช่วยสมัยหนุ่ม / ทาสที่ซื้อมาช่วยงาน บลาๆ เอาไว้เล่าให้เด็กๆ ฟัง)

หรือถ้าบุคลิกไปเข้าตาขุนนางแบบที่ว่าไว้ข้างบนก็ พ่อบ้าน/เมด (อดีตแรงค์ A ซับจ๊อบมือสังหาร ฝีมือชงชาขั้นเทพ ฯลฯ)

นักบวชสายฮีลก็เป็นหลวงพ่อ/หมอประจำเมือง สายจอมเวทย์ถ้าไม่นักวิจัยก็เปิดร้านยาสารพัด (แต่งกะอีนักบวชคู่กัดสมัยยังผจญภัยเมื่อกี้แหละ)

ถ้าซี้กะกรม เอ้ย กิลด์ก็เกษียณมาเป็นพนักงานกิลด์ ส่วนพวกนักปราชญ์มักเก็บเด็กที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยง สอนแต่วิชาแต่ไม่เคยใส่สามัญสำนึกให้เล้ย 5555

ส่วนพวกพี่กล้ามแรงค์ซี ที่มักตบเด็กใหม่ พวกนี้อยู่ๆ ไปก็หาเรื่องไม่ดูจนเจอตอ ไม่ก็รับงานเกินตัวอยู่ไม่ค่อยพ้นวัยเกษียณอ่ะนะ 555
 
(90% ของพวกที่โดนมอนตบเห็นศพลางๆ ละตัดช่องดำ หายนะครั้งใหม่...ติดตามตอนต่อไป อ่ะนะ)




อย่างของพ่อรูดี้นี่ มันก่อเรื่องไว้จนหนีออกจากบ้านใช่มะ (และไม่ถูกกะพี่น้องอย่างแรง)

จริงๆ ถ้าแค่อยากเป็นยามหมู่บ้านหรือนักล่าทั่วๆ ไปแบบบ้านซิลฟี่นี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่อยากมียศบ้างเพราะทางบ้านเมียแหละ
(เพราะเอาจริงๆ งานแกก็แค่ไล่ตีมอนแถวหมู่บ้านเองนิ ไม่ได้ดูงานด้านบริหารเลยซะหน่อย)

เลยต้องบากหน้าไปขอยศขุนนางติดตัวไว้หน่อย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 21, 2021, 06:26:49 PM โดย J0KER »
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: nosta

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
ใช่ครับเรื่องที่ไม่มีช่องทางเป็นเรื่องจริงแต่การมีแร็งนักผญจภัยสูงก็ทำให้ขุนนางสนใจพอได้เข้าร่วมก็เริ่มมีช่องทางมากขึ้น แถมตำแหน่งขุนนางในบ้างทีก็มาจากการบุกเบิกดินแดนที่ไม่มีใครสำรวจซึ่งตอนแรกอาจจะได้ยศขุนนางต่ำสุดแต่ท่าโชคดีที่ที่ปกครองมีค่าขึ้นมาก็จะได้ยศสูงขึ้น อย่างเช่นขุนนางอังกฤษหลายตระกูลเคยเป็นไวกิ้งมาก่อนครอบครองดินแดนแต่พอยอมรับอำนาจราชาก็ได้เป็นขุนนางในราชสำนักไป
ไม่ครับมันไม่มีช่องทางเลยเว้นเเต่คุณจะมีพลังอำนาจระดับที่ประเทศมองข้ามไม่ได้ต่างหาก ที่ไวกิ้งรับตำแหน่งขุนนางได้เพราะประเทศไม่มีปัณญาไปจัดการหรือถ้าจัดการต้องแลกด้วยการเสียแบบไม่คุ้ม ถึงกล่อมอวยยศไห้ต่างหากครับซึ่งนักพจนภัยก็เช่นกันมันต้องเก่งระดับบวกกับกองทัพได้แบบชายแปดถึงจะอวยยศไห้ แต่ใครจะอายได้ยศครับอย่างที่ผมบอกคนมีพลังระดับนั้นมันทำตามใจตัวเองได้แล้ว คุณไม่ต้องเกรงใจราชายังได้แล้วจะเอาตำแหน่งมาทำใม ส่วนไวกิ้งมันเป็นกองกำลังส่วนบุคคลไม่ไช่พลังของคนๆเดียวแบบนักพจนภัย ถ้ากองกำลังแตกทุกอย่างจบมันจำงยอมรับตำแหน่งแต่นักพจนภัยที่มีพลังระดับกองทัพมีกีคนไม่สิ ถ้าท่านมีพลังระดับกองทัพท่านจะยอมลดตัวไปรับไช้ราชาเหรอเพราะท่านสามารถแย่งตำแหน่งราชามายังได้ ไอ้พลังต่ำๆแบบเเค่ล้มก็อบบิ้นได้ล้มอ็อกไม่มีใครอวยยศไห้หรอกครับ เพราะเเค่ทหารก็ทำได้เหมือนกันจะเอาใครก็ไม่รู้มาไห้ตำแหน่งทำใมจ่ายเงินจ้างกิลก็จบ ที่นักพจนภัยได้เป็นขุนนางจากความสามารถเพราะพลังที่มากเกินไปจนไม่อยากไห้ที่อื่นได้ไปต่างหากครับ ถ้าพลังมีแค่เท่ากับที่กองทหารทำได้ไม่มีใครแบ่งยศไห้หรอกครับ และถ้ามีพลังระดับที่ประเทศต้องอวยยศเพราะเกรงกลัวใครมันจะอยากได้ยศครับ

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,584
  • ถูกใจแล้ว: 18893 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-454
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
นักผจญภัยมันก็คือทหารรับจ้างดีๆนั่นแหละครับแต่ในนิยายมันมีพวกOpเยอะ  แล้วถ้านักผจญภัยมีความสามารถเยอะมากๆ-มีความรู้ในระดับหนึ่งก็จะถูกดึงตัวเข้าเป็นขุนนางแบบชาย8  ถ้ากากๆแบบตัวประกอบทั้งหลายก็ช่างแม่-  ถ้าเก่งในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับOPแบบเฮียกอบสเลก็จะถูกจดบันทึกเอาไว้ในระบบเผื่อเวลาที่จะเรียกใช้งานได้   แต่ถ้าโคตรOPแบบเจ้คาโอรุหรือบักเซเฟอร์ยอดนักเยก็จะถูกจับคู่กับเชื้อพระวงศ์
 

ออฟไลน์ soulzero

  • พลทหารหมี
  • **
  • กระทู้: 115
  • ถูกใจแล้ว: 75 ครั้ง
  • ความนิยม: +6/-3
ในเรื่องแนวแฟนตาซีทั้งหลายที่นักผญจภัยมีบทบาทมากพอมีมอนเตอร์ที่ไม่มีในโลกจริงเสริมเข้ามาด้วยครับ ทำให้ทางการไม่มีกำลังพอที่ขยายดินแดนได้เท่าโลกจริง ยิ่งในทางการเมืองแบบฝรั่งขุนนางยศต่างๆสามารถมีทหารใต้สังกัดได้แค่จำนวนหนึ่ง ยกเว้นในบางที่ที่สามารถมีได้มากกว่าที่กำหนดไว้ แถมทหารในสังกัดยังต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นอาวุธหรือเกราะ ส่วนนักผจญภัยคือต้องเตรียมเองทำให้ประหยัดกว่าเยอะ


ซึ่งการขยายดินแดนเข้าไปในเขตที่อาจมีมอนเตอร์อยู่ทำให้ผู้ที่สามารถไปก่อตั้งหมู่บ้านหรือเมืองได้สามารถได้รับยศขุนนางระดับล่างครับ อย่างในเรื่องชาย8บรรพบุรุษของชาย8ก็เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักแสวงโชคหรือนักผจญภัยที่สรมารถไปตั้งหมู่บ้านในดินแดนห่างไกลได้เลยได้รับยศอัสวินครับ
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
ในเรื่องแนวแฟนตาซีทั้งหลายที่นักผญจภัยมีบทบาทมากพอมีมอนเตอร์ที่ไม่มีในโลกจริงเสริมเข้ามาด้วยครับ ทำให้ทางการไม่มีกำลังพอที่ขยายดินแดนได้เท่าโลกจริง ยิ่งในทางการเมืองแบบฝรั่งขุนนางยศต่างๆสามารถมีทหารใต้สังกัดได้แค่จำนวนหนึ่ง ยกเว้นในบางที่ที่สามารถมีได้มากกว่าที่กำหนดไว้ แถมทหารในสังกัดยังต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นอาวุธหรือเกราะ ส่วนนักผจญภัยคือต้องเตรียมเองทำให้ประหยัดกว่าเยอะ


ซึ่งการขยายดินแดนเข้าไปในเขตที่อาจมีมอนเตอร์อยู่ทำให้ผู้ที่สามารถไปก่อตั้งหมู่บ้านหรือเมืองได้สามารถได้รับยศขุนนางระดับล่างครับ อย่างในเรื่องชาย8บรรพบุรุษของชาย8ก็เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักแสวงโชคหรือนักผจญภัยที่สรมารถไปตั้งหมู่บ้านในดินแดนห่างไกลได้เลยได้รับยศอัสวินครับ
เอิ่มชายแปดมันเป็นขุนนางทังตระกูลนะครับแล้วพ่อมันก็เป็นขุนนางตังแต่แรกแต่เหมือยชายแปดที่วังไม่มีตำแหน่งไห้ เลยต้องมาบุกเบิกเอาเองแต่สุดท้ายจะมาบุกเบิกที่ก็ต้องเป็นขุนนางก่อนอยู่ดีคือว่าง่ายๆช่องทางที่ว่ามาคือแต่งงานลูกเดียว และเก่งระดับก็อบบิ้นสเลเยอร์ก็ไม่ได้เป็นขุนนางครับนี่หมายถึงพวกระดับเดียวกับมันทังหมดด้วยนะครับ คือถึงจะบอกว่าต่างโลกมีมอนมีที่ไห้บุกเบิกแต่พลังของนักพจนภัยส่วนมากด้อยกว่าขุนนางนะครับ ชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ไม่ได้รับการสอนใดๆกับขุนนางที่ได้เรียนทังเวททังดาบความเลื่อมล้ำมันสูงนะครับ ดูอย่างรูดี้ก็ได้ขุนนางจ้างครูมาสอนได้ระดับจอมดาบจอมเวทเลยแต่ชาวบ้านอย่างเอลฟี่ถ้าไม่มีรู้ดี้สอนโตมาก็ไช้เวทไม่เป็น ดังนั้นการจะเป็นขุนนางบอกเลยว่าปิดสนิดคิดว่านักพจนภัยที่ไหนมันจะเก่งกว่าอัสวินได้ครับ ถ้ามันเก่งกว่านิดหน่อยไม่มีทางเบียดไปเป็นขุนนางได้ไอ้ที่ท่านเห็นขุนนางชวนพระเอกทังหลายนะ เพราะมันโกงต่างหากครับแต่ละคนที่ถูกชวนล้วนมีพลังแบบที่นักพจนภัยปกติไม่มีทางมี หรือไม่มีใครในประเทศจะเทียบได้แล้วถึงถูกชวนแล้วคนที่ไร้คู่ต่อสู้มีเงินทองไม่มีตำแหน่งแต่แม้แต่ราชาก็ไม่กล้าล่วงเกินจะยอมเป็นขุนนางรับไช้เหรอครับ อย่าลืมว่าถึงเป็นต่างโลกมีเซตติ้งแฟนตาซีแต่สเกลชาวบ้านกับขุนนางมันก็ต่างกันเหมือนเดิม เพลอๆขุนนางในโลกแฟนตาซีจะเก่งกว่าชาวบ้านแบบสุดๆด้วยความรู้และทรัพยากรมันจึงไม่มีช่องทางไห้ชาวบ้านที่ไม่มีพลังโกงแบบพระเอกไปเป็นขุุนนาง ถึงจะพอมีอย่างการแต่งงานหรือช่วยขุนนางราชวงค์ใหณ่ๆแต่เบสคือต้องเก่งกว่าครับ เช่นขุนนางโดนอ็อครุมทหารคุ้มกันเป็นร้อยสู้อ็อคไม่ได้แล้วนักพจนภัยเดียวชนะได้นี่ถึงมีโอกาศแต่หมายความว่า คุณเก่งทหารร้อยคนในโลกแฟนตาซีรวมกันนะครับเป้าที่ว่าเป็นขุนนางถ้าเก่งขนาดนั้นจะไปเป็นขุนนางทำใม ยังไงก็ไม่มีราชาที่ไหนกล้าแหยมอยู่แล้วเงินก็หาได้ง่ายๆแทนที่จะทำงานรับเงินก้อนโตอยากทำอะไรก็ทำไปเป็นขุนนางทำใม

ออฟไลน์ KAGUYA

  • ผู้สนับสนุนเซนนิคุงY2
  • จอมพลหมีผู้เกรียงไกร
  • ****
  • กระทู้: 20,223
  • ถูกใจแล้ว: 6465 ครั้ง
  • ความนิยม: +540/-544
[quote/]
เอิ่มชายแปดมันเป็นขุนนางทังตระกูลนะครับแล้วพ่อมันก็เป็นขุนนางตังแต่แรกแต่เหมือยชายแปดที่วังไม่มีตำแหน่งไห้ เลยต้องมาบุกเบิกเอาเองแต่สุดท้ายจะมาบุกเบิกที่ก็ต้องเป็นขุนนางก่อนอยู่ดีคือว่าง่ายๆช่องทางที่ว่ามาคือแต่งงานลูกเดียว และเก่งระดับก็อบบิ้นสเลเยอร์ก็ไม่ได้เป็นขุนนางครับนี่หมายถึงพวกระดับเดียวกับมันทังหมดด้วยนะครับ คือถึงจะบอกว่าต่างโลกมีมอนมีที่ไห้บุกเบิกแต่พลังของนักพจนภัยส่วนมากด้อยกว่าขุนนางนะครับ ชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ไม่ได้รับการสอนใดๆกับขุนนางที่ได้เรียนทังเวททังดาบความเลื่อมล้ำมันสูงนะครับ ดูอย่างรูดี้ก็ได้ขุนนางจ้างครูมาสอนได้ระดับจอมดาบจอมเวทเลยแต่ชาวบ้านอย่างเอลฟี่ถ้าไม่มีรู้ดี้สอนโตมาก็ไช้เวทไม่เป็น ดังนั้นการจะเป็นขุนนางบอกเลยว่าปิดสนิดคิดว่านักพจนภัยที่ไหนมันจะเก่งกว่าอัสวินได้ครับ ถ้ามันเก่งกว่านิดหน่อยไม่มีทางเบียดไปเป็นขุนนางได้ไอ้ที่ท่านเห็นขุนนางชวนพระเอกทังหลายนะ เพราะมันโกงต่างหากครับแต่ละคนที่ถูกชวนล้วนมีพลังแบบที่นักพจนภัยปกติไม่มีทางมี หรือไม่มีใครในประเทศจะเทียบได้แล้วถึงถูกชวนแล้วคนที่ไร้คู่ต่อสู้มีเงินทองไม่มีตำแหน่งแต่แม้แต่ราชาก็ไม่กล้าล่วงเกินจะยอมเป็นขุนนางรับไช้เหรอครับ อย่าลืมว่าถึงเป็นต่างโลกมีเซตติ้งแฟนตาซีแต่สเกลชาวบ้านกับขุนนางมันก็ต่างกันเหมือนเดิม เพลอๆขุนนางในโลกแฟนตาซีจะเก่งกว่าชาวบ้านแบบสุดๆด้วยความรู้และทรัพยากรมันจึงไม่มีช่องทางไห้ชาวบ้านที่ไม่มีพลังโกงแบบพระเอกไปเป็นขุุนนาง ถึงจะพอมีอย่างการแต่งงานหรือช่วยขุนนางราชวงค์ใหณ่ๆแต่เบสคือต้องเก่งกว่าครับ เช่นขุนนางโดนอ็อครุมทหารคุ้มกันเป็นร้อยสู้อ็อคไม่ได้แล้วนักพจนภัยเดียวชนะได้นี่ถึงมีโอกาศแต่หมายความว่า คุณเก่งทหารร้อยคนในโลกแฟนตาซีรวมกันนะครับเป้าที่ว่าเป็นขุนนางถ้าเก่งขนาดนั้นจะไปเป็นขุนนางทำใม ยังไงก็ไม่มีราชาที่ไหนกล้าแหยมอยู่แล้วเงินก็หาได้ง่ายๆแทนที่จะทำงานรับเงินก้อนโตอยากทำอะไรก็ทำไปเป็นขุนนางทำใม
ไม่ใช่นะครับ จำได้ว่าบรรพบุรุษชาย8นี่เป็นลูกคนที่3หรือ4ของขุนนางเลยไม่ได้สืบทอดยศกลายเป็นคนธรรมดา ชาย8เองก็เหมือนกันเนื้องจากเป็นลูกคนสุดท้องเลยไม่ได้สืบทอดยศกลายเป็นคนธรรมดาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วครับ เลยรวบรวมคนในสลัมมาบุกเบิกพื้นที่จนได้ยศอัศวิน ส่วนพวกนักผจญภัยนี่ถ้าคุณไม่เก่งระดับตบมังกรโบราณ,เคลียร์มหาดันเจี้ยน,เป็นตัวหลักในการปราบกบฎ,ขับไล่ทัพศัตรู,มีทรัพย์สมบัติมหาศาลหรือปราบจอมมารนี่ผมว่าไม่มีโอกาสได้อวยยศเป็นขุนนางหรอกครับ
ปล.ย้ำอีกครั้งในโลกชาย8 ยศขุนนางของพ่อจะสืบทอดให้ลูกคนโตเท่านั้น ส่วนลูกคนรองจะมีฐานะเป็นตัวสำรอง ส่วนคนที่เหลือพอบรรลุนิติภาวะออกจากบ้านปุ๊บก็กลายเป็นสามัญชนทันที แต่ถ้าเป็นตระกูลใหญ่แบบชาย8ปัจจุบันมีพื้นที่มีตำแหน่งสต็อคไว้เยอะก็จะเเบ่งให้ลูกๆเรียงตามลำดับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2021, 11:25:12 AM โดย KAGUYA »
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
[quote/]ไม่ใช่นะครับ จำได้ว่าบรรพบุรุษชาย8นี่เป็นลูกคนที่3หรือ4ของขุนนางเลยไม่ได้สืบทอดยศกลายเป็นคนธรรมดา ชาย8เองก็เหมือนกันเนื้องจากเป็นลูกคนสุดท้องเลยไม่ได้สืบทอดยศกลายเป็นคนธรรมดาตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วครับ เลยรวบรวมคนในสลัมมาบุกเบิกพื้นที่จนได้ยศอัศวิน ส่วนพวกนักผจญภัยนี่ถ้าคุณไม่เก่งระดับตบมังกรโบราณ,เคลียร์มหาดันเจี้ยน,เป็นตัวหลักในการปราบกบฎ,ขับไล่ทัพศัตรู,มีทรัพย์สมบัติมหาศาลหรือปราบจอมมารนี่ผมว่าไม่มีโอกาสได้อวยยศเป็นขุนนางหรอกครับ
ปล.ย้ำอีกครั้งในโลกชาย8 ยศขุนนางของพ่อจะสืบทอดให้ลูกคนโตเท่านั้น ส่วนลูกคนรองจะมีฐานะเป็นตัวสำรอง ส่วนคนที่เหลือพอบรรลุนิติภาวะออกจากบ้านปุ๊บก็กลายเป็นสามัญชนทันที แต่ถ้าเป็นตระกูลใหญ่แบบชาย8ปัจจุบันมีพื้นที่มีตำแหน่งสต็อคไว้เยอะก็จะเเบ่งให้ลูกๆเรียงตามลำดับ
เอิ่มมันก็คือเป็นขุนนางมาก่อนไม่ไช่เหรอครับจากชาวบ้านหาช่องทางเป็นขุนนางกับขุนนางกลายเป็นชาวบ้านแล้วหาช่องทางเป็นขุนนางมันต่างกันมากนะครับ ขุนนางที่กลายเป็นชาวบ้านจะมากจะน้อยมันต้องรู้จักขุนนางต่างๆแต่ชาวบ้านเพียวๆไม่รู้จักใครเลย แค่เข้าพบระหว่างอดีตขุนนางที่เป็นชาวบ้านกับชาวบ้านเพียวๆก็ต่างกันแล้ว ยิ่งทรัพยากรอีกชาวบ้านปกติไม่มีทางเทียบอดีตขุนนางทังความรู้เส้นสายเงินทอง ผมว่านับบรรพบุรุษชาย8มาอ้างอิงไม่ได้เลยเพราะสถาณภาพมันไม่ขาดจากการเป็นขุนนางแบบพี่น้องชายแปดด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าบรรพบุรุษที่ว่าขอบุกเบิกที่ทำไห้ไม่ขาดตอนจากการเป็นขุนนางนะครับ และการที่ขอบุกเบิกที่ได้มันก็คือลูกหลานขุนนางที่สืบทอดที่ดินตัวเองไม่ได้สรุปจะบุกเบิกที่มันก็ต้องเป็นขุนนางอยู่ดี จากเส้นทางทังหมดมันมีแต่ลูกหลานขุนนางเท่านั้นครับที่รู้และต้องการกลับไปเป็นขุนนาง นอกเหนือขากนั้นชาวบ้านแทบจะมีแค่การแต่งกับขุนนางเท่านั้นเลยอีกทางคือเก่งแบบสุดๆเท่านั้น แต่คนแบบนั้นไม่มีใครอยากเป็นขุนนางแล้วครับแม้แต่ชายแปดเองมันยังไม่อยากเป็นเลยแต่ความเก่งของชายแปดมันไม่ถึงขั้นเมินอำนาจของประเทศได้ บวกมันเป็นผู้สืบทอดจากอจ.มันอีกสำหรับเรื่องชายแปดมีคนที่เก่งกว่ามันอยากเป็นขุนนาง แต่ไม่มีสายเลือดขุนนางก็ไม่ได้เป็นครับชัดๆเลยว่าช่องทางมันปิดกันแค่ไหนแต่พอพลังมันเยอะๆมันก็ไม่อยากเป็นขุนนางอีก เอาง่ายๆนักพจนภันที่มีเป้าเป็นขุนนางคือพวกขุนนางเก่าที่ไม่มีสิทธในตำแหน่ง ส่วนชาวบ้านที่เป็นนักพจนภัยส่วนมากไม่มีเป้าหมายแบบนั้น ปกติก็มีแค่ประมาณเก็บเงินเปิดร้านพวกที่เก่งจนเป็นขุนนางได้นี่ต้องเก่งระดับผู้กล้าเลยครับ
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: KAGUYA

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,979
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
จุดเริ่มต้นของกิลด์นักผญจภัยคือเริ่มมาจากพวกนักรบรับจ้างที่ไม่มีงานทำไปนั่งดื่มกันตามร้านเหล้า เสร็จแล้วเมื่อชาวบ้านคนธรรมดาเจอเรื่องที่เกินรับมือแต่ทหารทางการก็ไม่มาจัดการซักที จึงได้นำเงินที่รวบรวมมาไปหาพวกนักรบตามร้านเหล้าที่กล้าเสี่ยงตายเพื่อเงิน เพื่อขอร้องให้พวกนักรบรับจ้างทำงานให้ พอนานๆไปก็กลายเป็นธรรมเนียมที่จะติดใบประกาศงานตามร้านเหล้า (เรื่องthe witcher, FF,Dragon quest ยุดแรกๆอยู่ประมาณนี้)

ต่อมาทางการเริ่มเห็นว่ามีกลุ่มนักรบที่ไม่สังกัดขุนนางมารวมตัวกันเยอะขึ้นเพื่อป้องกันการความขัดแย้งระหว่างนักรบรับจ้างและชาวบ้าน ทางการเลยสร้างสถาณที่ที่ไว้รับงานรับจ้างโดยเฉพาะพร้อมตั้งระบบการจ้างงานเป็นทางการเพื่อความสะดวกของทั้งผู้ว่าจ้างกับผู้รับงานซึ่งเป็นต้นแบบของกิลด์

โดยช่วงแรกพวกที่มารับงานกิลด์คือ พวกที่ไม่มีงานทำ นักรบรับจ้างที่ไม่มีสงครามให้รบ ผู้ต้องการรวยไว จนต่อมาเริ่มมีเรื่องราวของผู้กล้าที่คล้ายกับนักผญจภัยเกิดขึ้น ทำให้เด็กรุ่นใหม่เริ่มอยากตามรอยผู้กล้าทำให้เริ่มมีคนธรรมดาที่ไม่เคยฝึกรบมาก่อนเข้ามาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น ทำให้กิลด์ต่้องเริ่มยกมาตราฐานมากขึ้น(เรื่องก็อบลินสเลเยอร์อยู่ประมาณนี้)

เมื่อมีคนมากขึ้นทางกิลด์เลยเริ่มมีการสอนพื้นฐานการทำงานของนักผญจภัยขึ้น เช่นการเอาตัวรอดในที่พื้นที่รกร้าง การอ่านเขียนง่ายๆ การคำนวนพื้นฐาน ทำให้กิลด์นักผญจภัยมีมาตราฐานมากขึ้นจนเป็นที่จับตาของพวกขุนนางมีการเลือกทหารหรือผู้ติดตามตระกูลจากนักผญจภัยมากขึ้น พวกนักผญจภัยที่มีชื่อเสียงพอก็สามารถหางานที่มั่นคงได้มากขึ้น และเมื่อได้ไปทำงานกับขุนนางโอกาสได้ยกระดับฐานะก็มากขึ้น แม้แต่ขุนนางที่ตกอับก็เริ่มมาเป็นนักผญจภัยมากขึ้น(แบบเรื่องชาย8)

ส่วนในเรื่องที่ว่าสุดทางของนักผญจภัยคือขุนนางนั้นคือเพราะเคยมีคนทำได้เลยมีคนอยากตามครับ แต่ส่วนใหญ่ไม่รอดไปถึงขั้นนั้นหรอก เพราะเฉพาะส่วนใหญ่พวกที่ฉลาดหน่อยจะรับงานเก็บเงินให้มากพอแล้วออกมาทำอาชีพอื่นที่มั่นคงกว่า(เช่นเรื่องน้องแมวดาบเทพ)

ขอบคุณมากครับผมเรื่องที่น่าสนใจคือ วิทเชอร์ดันกำหนดไว้่าเพระาเมืองพัฒนา คนเลยจ้างวิทเชอร์น้อยลงสุปเพระาสังคมมนุษย์ทำให้มอนสเตอร์อาศัยไม่ได้นั่นเอง

ผมกำลังคิดว่าก็อบลินหากตามที่โม้ไว้จริงๆล่ก็ที่ตายไปเพระามีมุกว่า"เอานะไม่กี่สิบคนได้แต่มาเป้นร้อย" นักผจญภัยสี่ห้าคนเลยชนะไม่ได้ ต้องอาศัยนักผจญภัยหลายสิบคนจึงจะเอาชะกองทัพก็อบลินได้เท่านั้น
หมายความว่าเอาจริงๆ หากมนุษย์ไม่สนการเมือง ขุนนางคนหนึ่งที่มีดินแดน ประชากรมากกว่า ก็กวาดล้างก็อบลินจนหมดท้องที่ได้แล้ว


มันแสดงอำนาจของขุนนางที่มีกำลังคนกำลังเงินทำในสิ่งที่ก็อบลินสเลเยอร์พยายามชั่วชีวิตก็ไม่อาจทำได้นั่นเอง
ชายแปดแสดงว่า พี่ชายก็ยังระแวงว่าจะมาแย่งตำแหน่งนะครับ
แสดงว่ามองว่าน้องชายอาจจะไม่พอใจกับตำแหน่งที่เคบยมีจนมาแย่งตนเอง
แนวความคิดตำแหน่งมันสำคัญอย่างนี้นั่นล่ะ
[quote/]
เอิ่มมันก็คือเป็นขุนนางมาก่อนไม่ไช่เหรอครับจากชาวบ้านหาช่องทางเป็นขุนนางกับขุนนางกลายเป็นชาวบ้านแล้วหาช่องทางเป็นขุนนางมันต่างกันมากนะครับ ขุนนางที่กลายเป็นชาวบ้านจะมากจะน้อยมันต้องรู้จักขุนนางต่างๆแต่ชาวบ้านเพียวๆไม่รู้จักใครเลย แค่เข้าพบระหว่างอดีตขุนนางที่เป็นชาวบ้านกับชาวบ้านเพียวๆก็ต่างกันแล้ว ยิ่งทรัพยากรอีกชาวบ้านปกติไม่มีทางเทียบอดีตขุนนางทังความรู้เส้นสายเงินทอง ผมว่านับบรรพบุรุษชาย8มาอ้างอิงไม่ได้เลยเพราะสถาณภาพมันไม่ขาดจากการเป็นขุนนางแบบพี่น้องชายแปดด้วยซ้ำ อย่าลืมว่าบรรพบุรุษที่ว่าขอบุกเบิกที่ทำไห้ไม่ขาดตอนจากการเป็นขุนนางนะครับ และการที่ขอบุกเบิกที่ได้มันก็คือลูกหลานขุนนางที่สืบทอดที่ดินตัวเองไม่ได้สรุปจะบุกเบิกที่มันก็ต้องเป็นขุนนางอยู่ดี จากเส้นทางทังหมดมันมีแต่ลูกหลานขุนนางเท่านั้นครับที่รู้และต้องการกลับไปเป็นขุนนาง นอกเหนือขากนั้นชาวบ้านแทบจะมีแค่การแต่งกับขุนนางเท่านั้นเลยอีกทางคือเก่งแบบสุดๆเท่านั้น แต่คนแบบนั้นไม่มีใครอยากเป็นขุนนางแล้วครับแม้แต่ชายแปดเองมันยังไม่อยากเป็นเลยแต่ความเก่งของชายแปดมันไม่ถึงขั้นเมินอำนาจของประเทศได้ บวกมันเป็นผู้สืบทอดจากอจ.มันอีกสำหรับเรื่องชายแปดมีคนที่เก่งกว่ามันอยากเป็นขุนนาง แต่ไม่มีสายเลือดขุนนางก็ไม่ได้เป็นครับชัดๆเลยว่าช่องทางมันปิดกันแค่ไหนแต่พอพลังมันเยอะๆมันก็ไม่อยากเป็นขุนนางอีก เอาง่ายๆนักพจนภันที่มีเป้าเป็นขุนนางคือพวกขุนนางเก่าที่ไม่มีสิทธในตำแหน่ง ส่วนชาวบ้านที่เป็นนักพจนภัยส่วนมากไม่มีเป้าหมายแบบนั้น ปกติก็มีแค่ประมาณเก็บเงินเปิดร้านพวกที่เก่งจนเป็นขุนนางได้นี่ต้องเก่งระดับผู้กล้าเลยครับ
ก็นั่นล่ะครับ
นึกภาพเจาะเวลาหาโจตโฉที่ต้องอ้างว่าเป็นพระเจ้าอาเชื้อพระวงส์ ท่านเล่าโต๋ที่เป็นขึุนนางใหญ่ไม่งั้นร่ำรวยแค่ไหน ไปไหนคนก็ไม่ต้อนรับ

ความจริงผมว่านโยบายมันพยายามจะมีไว้ให้คนออกไปยึดครองบุกเบิกดินแดนน่ะครับการบกุเบิดดินแดนนั้นยบากมาก เพระาต้องเจอของแข็งอย่างมอสเตอร์ที่ดินแดนอยู่ ตอนแรกจะรวรวมไปได้แค่คนในสลฃัม พลัดที่่นาคาที่อยู่เท่านั้น
คนดีดีใครจะอยากไปอยู่ชายแดนเป็นอาหารมอนสเตอร์กัน ???
ในเรื่องแนวแฟนตาซีทั้งหลายที่นักผญจภัยมีบทบาทมากพอมีมอนเตอร์ที่ไม่มีในโลกจริงเสริมเข้ามาด้วยครับ ทำให้ทางการไม่มีกำลังพอที่ขยายดินแดนได้เท่าโลกจริง ยิ่งในทางการเมืองแบบฝรั่งขุนนางยศต่างๆสามารถมีทหารใต้สังกัดได้แค่จำนวนหนึ่ง ยกเว้นในบางที่ที่สามารถมีได้มากกว่าที่กำหนดไว้ แถมทหารในสังกัดยังต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆเช่นอาวุธหรือเกราะ ส่วนนักผจญภัยคือต้องเตรียมเองทำให้ประหยัดกว่าเยอะ


ซึ่งการขยายดินแดนเข้าไปในเขตที่อาจมีมอนเตอร์อยู่ทำให้ผู้ที่สามารถไปก่อตั้งหมู่บ้านหรือเมืองได้สามารถได้รับยศขุนนางระดับล่างครับ อย่างในเรื่องชาย8บรรพบุรุษของชาย8ก็เป็นคนธรรมดาที่เป็นนักแสวงโชคหรือนักผจญภัยที่สรมารถไปตั้งหมู่บ้านในดินแดนห่างไกลได้เลยได้รับยศอัสวินครับ
ผมนึกถึงเรื่องหลุยส์ศูนย์สนิทที่ไซโตะรบแทบตายแค่ตั้งเป็นชูวาลิเยยร์ขั้นต่ำสุดยังโดนขุนนางต่อต้านแทบแย่เลยล่ะครับ
แต่ตอนหลังหลุยส์เป้นนักบุญ มันแสดงว่าศาสนามีอพลังอำนาจมากในอีกทีเหมือนกัน
ต่อให้ช่วยอาณาจักรไว้ได้จะจะ ขุนางเก่าก้ยังไม่ยอมรับเรานั่นเอง ???

นักผจญภัยมันก็คือทหารรับจ้างดีๆนั่นแหละครับแต่ในนิยายมันมีพวกOpเยอะ  แล้วถ้านักผจญภัยมีความสามารถเยอะมากๆ-มีความรู้ในระดับหนึ่งก็จะถูกดึงตัวเข้าเป็นขุนนางแบบชาย8  ถ้ากากๆแบบตัวประกอบทั้งหลายก็ช่างแม่-  ถ้าเก่งในระดับหนึ่งแต่ไม่ถึงกับOPแบบเฮียกอบสเลก็จะถูกจดบันทึกเอาไว้ในระบบเผื่อเวลาที่จะเรียกใช้งานได้   แต่ถ้าโคตรOPแบบเจ้คาโอรุหรือบักเซเฟอร์ยอดนักเยก็จะถูกจับคู่กับเชื้อพระวงศ์
มันม่ีีัแนวนักผจญภัยที่เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน เล่นมกุว่าพวกทหารรับจ้างมองว่าพวกนักผจญภัยยกิ๊กก๊อกอย่างนี้ทหารที่ผ่านศึกมาจริงๆยิ่งไม่มองพวกก็อบเลย์ต่ำไปยิ่งกว่าหรือครับ?เหมือนกับมองพวกพลหทหารฝึกใหม่ที่ไม่เคยผ่านของแข็งอย่างสงครามมา? ???
มันอยู่ที่ว่ามันไปเจอรถม้าลูกสาวขุนนางโดนปล้น / โดนมอนฯ ไล่อยู่รึเปล่าอ่ะนะ...

อิเซไคไอ้พวกที่ไปสายขุนนาง 99.99% มาทางนั้นทั้งน้าน 5555

หรือเบาะๆ ก็ช่วยอัศวินหญิงที่โดนฝูงออคล้อม เป็นต้น

ไม่งั้นก็ปาร์ตี้กะลูกสาวขุนนางตกอับ (ที่หัวสูง+ปากร้ายเลยไม่มีใครคบ) ที่กำลังหาวิธีฟื้นฟูตระกูล 

ละก็มักจะมีแต่พวกวันรุ่นหัวร้อน หรือพวกต่างโลกไร้สามัญสำนึก ที่กล้าคุย/ปีนเกลียวกะขุนนาง

(ละเหล่าคุณหนูก็จะ "โอ้ นี่เค้ามองตัวฉันโดยไม่สนใจบรรดาศักดิ์ของที่บ้านเลยสินะ" ซึ่งจริงๆ มันแค่ไม่มีมารยาท)

ส่วนพวงลุงๆ วัยกลางคนก็จะครับท่านผงกๆ ถ้าโชคดีนายถูกใจก็อาจจะมีเส้นสายบ้าง

ไอ้ที่เห็นหลายๆ เรื่องส่วนมากพอแรงค์กลางๆ ร่างกายเริ่มล้าๆ ก็เริ่มเก็บตังเกษียณเปิดร้านลงทุน (จะเจอบ่อยมากเจ้าของโรงแรม/พ่อครัว อดีตแรงค์ B ไรงี้)

รึพอแก่ตัวก็กลับไปหมู่บ้าน รับงานบ้านไร่ต่อจากพ่อแม่ (ถ้าไม่มีพี่น้องรับไปแล้วอ่ะนะ) ละก็จะเป็น อจ. ปูพื้นฐานให้เหล่าเด็กน้อยภูธรที่จะเข้ามาหางานในกรุงต่อไป

งานหลักทำนา งานรองสอนดาบ (70% มีเมียที่เคยเป็นนักผจญภัยด้วยกัน / เด็กสาวชาวบ้านที่เคยช่วยสมัยหนุ่ม / ทาสที่ซื้อมาช่วยงาน บลาๆ เอาไว้เล่าให้เด็กๆ ฟัง)

หรือถ้าบุคลิกไปเข้าตาขุนนางแบบที่ว่าไว้ข้างบนก็ พ่อบ้าน/เมด (อดีตแรงค์ A ซับจ๊อบมือสังหาร ฝีมือชงชาขั้นเทพ ฯลฯ)

นักบวชสายฮีลก็เป็นหลวงพ่อ/หมอประจำเมือง สายจอมเวทย์ถ้าไม่นักวิจัยก็เปิดร้านยาสารพัด (แต่งกะอีนักบวชคู่กัดสมัยยังผจญภัยเมื่อกี้แหละ)

ถ้าซี้กะกรม เอ้ย กิลด์ก็เกษียณมาเป็นพนักงานกิลด์ ส่วนพวกนักปราชญ์มักเก็บเด็กที่ไหนไม่รู้มาเลี้ยง สอนแต่วิชาแต่ไม่เคยใส่สามัญสำนึกให้เล้ย 5555

ส่วนพวกพี่กล้ามแรงค์ซี ที่มักตบเด็กใหม่ พวกนี้อยู่ๆ ไปก็หาเรื่องไม่ดูจนเจอตอ ไม่ก็รับงานเกินตัวอยู่ไม่ค่อยพ้นวัยเกษียณอ่ะนะ 555
 
(90% ของพวกที่โดนมอนตบเห็นศพลางๆ ละตัดช่องดำ หายนะครั้งใหม่...ติดตามตอนต่อไป อ่ะนะ)




อย่างของพ่อรูดี้นี่ มันก่อเรื่องไว้จนหนีออกจากบ้านใช่มะ (และไม่ถูกกะพี่น้องอย่างแรง)

จริงๆ ถ้าแค่อยากเป็นยามหมู่บ้านหรือนักล่าทั่วๆ ไปแบบบ้านซิลฟี่นี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้วแต่อยากมียศบ้างเพราะทางบ้านเมียแหละ
(เพราะเอาจริงๆ งานแกก็แค่ไล่ตีมอนแถวหมู่บ้านเองนิ ไม่ได้ดูงานด้านบริหารเลยซะหน่อย)

เลยต้องบากหน้าไปขอยศขุนนางติดตัวไว้หน่อย
ขอบคุณครับผมมองว่าแม่ของรูดี้นี่เป้ฯตระกุ,ฐชั้นสูงอยู่นะ
น้องสาวแม่ก็เป็นอัศวินของเจ้าหญิวงไงไดเ้เส้นสายไม่น่าธรรมดา
เรื่องรุดี้สอนให้รู้ว่า ลุกสาวคุณหนูไม่เคยรุ้ว่าชีวิตภายนอกมันลำบากแค่ไหนว่าอย่างนั้นและขุนนางนี่สบายกว่าชาวบ้านเอามากๆรุดี้ก็เรียกว่ามีอะไรพร้อมกว่าลุกชาวบ้านมาตั้แงต่เด็กนั่น่ะคนคนหนึ่งจะเป้นขุนนางได้จากศูนย์นั้นต้องฝีมือขั้นเทพจริงๆคนจะยอมรับ แต่สุึดท้ายก็อาจจะตายกลางทางเสียเยอะ ???
[quote/]
ถ้าหากกระทู้มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบคำถาม Adventurer life in fantasy world ก่อนที่เราจะเดินประเด็นไปสู่วิธีการสร้างตัวละครแบบสมจริง  ท่านควรลงมือ Model town ก่อนนะครับ


Miniature medieval town physical model


Area;
ท่านต้องกำหนดขนาดของเมืองความกว้างและยาว (Width x Lenght) โดยรวมและสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่จะใส่ลงไปในขนาดพื้นที่นั้น. ถ้าพื้นที่เหลือก็อาจจะกำหนดอาคารราชการ.  ร้านค้าแอ่งน้ำ - ทะเลสาบ (Lake) หรือกำแพงล้อมเมืองเพื่อกำหนดรายละเอียดคร่าวให้สมบูรณ์


Economy;
หากพื้นที่ของท่านนั้นเป็นที่ที่มีประชากรรวมถึงอารยธรรมอยู่แล้วมันจะเป็นเรื่องดีที่จะกำหนดวงจรทางเศรษศาสตร์อย่างแน่ชัด  เช่น ผืนนาข้าวและทุ่งเลี้ยงสัตว์. คอกปศุสัตว์และยุ้งฉาง(Silo) และจะได้บ้านของชาวนามีฐานะ 1 ที่.


หากไม่อย่างนั้นภายในตัวเมืองจะต้องมีตลาดให้ชาวบ้านซื้ออาหาร ซึ่งจะมีเวลาขายและปิดร้านที่แน่ชัด. โดยที่อาจจะขึ้นอยู่กำลังการผลิตในตัวเมือง. หรือรอบตลาดเต็มไปด้วยบ้านหลังโตเพื่อแสดงถึงฐานะของผู้อยู่อาศัย


Forest Area;
เพราะ Setting เป็นการสมมุติให้นักผจญภัยออกไปทำ Quest ดังนั้นท่านต้องสร้างแผนที่ใหม่อีกแผ่น. กรณีเป็น Quest ประเภท Gathering ก็อาจจะกำหนดว่าจุดไหนของป่าเป็นแหล่งกำเนิดสมุนไพร ผักหรือผลไม้ที่ชาวบ้านยังไม่รู้วิธีเพาะปลูก และสภาพอากาศ อุณหภูมิที่จะเป็นตัวบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าที่อาจเติบโตจากฤดูฝนที่ยาวนานและให้ปริมาณน้ำฝน. และถ้าหากป่าใหญ่กว่านั้นท่านอาจจะสร้างแม่น้ำที่วห้กำเนิดน้ำตกจนทำป่าใหญ่โต

Ecological System;
เมื่อกล่าวถึง Quest ประเภท Monster Hunting ท่านจะต้องกำหนดสถานที่ Monster ตัวนั้นอาศัยและกินดื่มอะไรเป็นอาหาร ตัวอะไรที่จะตามล่ามันก่อนถ้านักผจญภัยหาไม่เจอ

Next Post;
ผมจะกล่าวถึงวิธีการสร้างตัวละครที่เคยได้มาจากนิยายส่งการบ้านของตัวเองให้บ้าง. เพราะของท่านคล้ายกับของผม. และระบบการบริหารธุรกิจซับซ้อนอย่าง Guild ขอแนะนำว่ายากพอกับที่ย้อนกลับไปหาตัวเองในอดีตและค่อยๆนึกถึงกระบวนการคิดและความทรงจำในเวลานั้นให้แม่นยำให้มากที่สุดเลยทีเดียว
ขอบคุณมากครับ ฮา

ผมกำลังสร้างอาณาจักรที่คิดไว้ว่าดยุกหมูอ้วนที่โม้ว่ารวยที่สุด ทหารมากที่สุดนี่มันคสววรจะเป้นนอย่างไรน่ะครับ?ก็ที่ผมคิดวไ้คือออกสไตล์ทุ่งหย้านาอุดมสมบูร์มีท่าเรือพอให้รวยมากขึ้นมีกองทัพม้า เส้นทางค้าขายทั้งทางบกทางทะเลถึงโม้ได้ว่าตนเองรวยที่สุดในแคว้น
มีธรรมเนียมศักดิ์ศรีอัศวินที่รุ่นพ่อเป็นคนดีทำให้คนเคารพมาถึงรุ่นลุกฯลณอะไรเมือกนั้นน่ะครับและยิ่งมีเส้นสายกับทางโบสถ์เพระาเคยวางแผนจะเข้าทางโบสถ์มาก่อน แต่ตอนหลังพี่ชายตายไปตนเป็นทายาทสืบต่อเลยไม่เข้าทางโบสถ์เต็มตัวแต่ก้รู้จักผู้หลักผู้ใหย่ในโบสถ์และเรีกยพี่เรียกน้องกับพวกดาวรุ่งพุ่งแรงของโบสถ์ทั้งหน่วยเทมพลาร์และคาณดินัลหนุ่มๆ
เลยจะทำอะไรก็เกื้อหนุนกับโบสถ์เสมอ เวลาดดนพระเอกอิเซไคอัดเลยเรีกยกองทัพมากระทืบพระเอกอิเซไคได้แบบท่านพี่คาร์ดินัลส่งคนมาช่วยน้องรักแบบไม่ถามสักคำ ???
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ pol

  • สาวกผู้สนับสนุนเซนนิคุง2Y
  • จอมทัพหมีชั้นสูง
  • ***
  • กระทู้: 16,584
  • ถูกใจแล้ว: 18893 ครั้ง
  • ความนิยม: +360/-454
  • เพศ: ชาย
  • นักอู้มือหนึ่ง
ชูวาลิเยร์=ไนท์ ที่แปลว่าอัศวินนั่นแหละโยม. ธีมของหลุยส์WTF นั้นเอามาจากสามทหารเสือที่เป็นนิยายฝรั่งเศสครับ
 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,979
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
ชูวาลิเยร์=ไนท์ ที่แปลว่าอัศวินนั่นแหละโยม. ธีมของหลุยส์WTF นั้นเอามาจากสามทหารเสือที่เป็นนิยายฝรั่งเศสครับ

ขอบคุณครับ
ผมไปเจอแฟนฟิคที่เข้าคณะปฎิวัติประชาชน revolution ไปเลย ฮาก็อเมริกาดันมองเรื่องของราชวงส์นี่นะ มันก็ลงเอยอย่างนั้นนั่นล่ะ ???
ท่าทางคนเขียนพยายามเอากาเรมืองเข้ามา แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาการเมืองจริงๆ ม่รู้ว่าต้องการสื่ออะไรเหมือนกันหรือค้นพบสัจธรรมตอนป่วยว่า

ความรักสกับสาวซึนสำคัญที่สุด อย่างอื่นช่างมันละกัน
..
ผมว่าเรื่องตอนแรกๆทำได้ดีน่ะครับ
ว่าสามัญชนเกลียดขุนนาง ขุนนางดูถูกสามัญชนแต่ธีมของเรื่องดันกลายเป็น
"เราต้องไต่เต้าฐานันดรของขุนนาง"อเมริกาดูแล้วงงเลยแต่งแฟนฟิค
"เราต้องโค่นล้มระบอบขุนนาง"มาแทน ฮา ::)
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 
เหล่าหมีที่ถูกใจสิ่งนี้: pol

ออฟไลน์ warakornboy

  • หัวหน้าฝูงหมีเล็ก
  • ***
  • กระทู้: 471
  • ถูกใจแล้ว: 182 ครั้ง
  • ความนิยม: +14/-9
[quote/]
Overlord ก็เล่นมุกนั้นล่ะครับแต่ผมว่ามันก็แปลกๆที่บลูโรสก็เป้นขุนนางล่ะนะ มีแบ้กเป็นเจ้าหญิงอีกต่างหากดยุกเรเวนก็มีนอดีตนักผจญภัยเป็นลูกน้องที่ซือ่สัตย์ทำงานด้วย..
แบบการเมืองที่ผมเจอนอกจากแนว OVerlord นักผจญภัยเป็นกลางก็จริง
แต่ภารกิจอย่างกำจัดก็อบลินที่มีจำนวนไม่จำกัด คนอุดหนุนงบประมาณตรงนี้คือทางรัฐ ทางโบสถ์ช่วยๆกันไปน่ะครับ
เรียกว่าพึ่งพาอาสัยกันอยู่ในที่แต่หน้าที่รักษาความสงบในเมืองคือของ watchman คนดูแลเมืองที่ก้เก่งพอสมควรเทียบประมาณนักผจญภัยระดับเงินหรอือะไรเทือกนั้นและเรียงลำดับกันไปถึงระดับแม่ทัพของประทเศที่ระดับ ทองคำหรอือะไรเทือกนั้น
ความจริงผมว่ามันก็เป้นระบบที่ดีพอใช้ได้นะ
ให้ความเคารพ ให้สิทธิพิเศษ เพื่อไม่ให้เอาใจออกห่าง ได้รับการสรรเสริญชื่นชมมากมายหากทำภารกิจให้คนรักได้

Overlord เองก็แสดงแนวคิดว่านัดผจญภัยที่มีชือ่เสียงและร่วมเป้นร่วมตายกันนานจะสนิทกันแบบเืพื่อนและครอบครัวมากๆ[quote/]
ขอบคุณครับท่านโฉลงสี่สิบตลอดกาล

แต่ผมพยายามคิดแบบแง่มุมที่เถื่อนๆ/หน่อยน่ะครับ

ประมาณว่า โดนยบังคับให้ใช้"ฉายา" มากกว่าชื่อจริง ออกไปข้างนอก ชาวบ้านมองนักผจญภัยอย่างหวาดระแวงจะไปซื้อม้ามาขี่ ก็โดนพ่อค้ากดราคา
จะเข้าหอนางโลม ก็โดนแม่เล้าไล่ออกมา ???
ต้องปลอมตัวเข้าไปแแทน
แต่นั่นอาจจะเพราะว่าฝรั่งแต่งเรื่องก็ได้เลยดูไม่ชิลชิลอย่างญี่ปุ่น


ขอบคุณที่รอ ก่อนอื่นขอย้อนกลับมาศึกษาตำแหน่งของผู้ดี (Nobles) และรัฐที่ปกครองสูงสุดกับสายโลหิตผู้ปกครองสูงสุด (Monarch) นิดนึงนะ


Nobles Rank;
ด้วยยศชนชั้นปกครองสากลของ Feudal นั้นมีมาก 29 Ranks ซึ่งเป็นต้นว่า Duke คือยศผู้ปกครองลำดับที่ 6/29 หากเรานับรวมกับราชวงศ์และผู้ปกครองเหนือเหล่านั้นอย่าง จักพรรดิ (Emperor), ราชินี(Queen),เจ้าดยุค (Archduke), จอมดยุค (Grand Duke), และเจ้าชาย / เจ้าหญิง (Prince / Princess) ในขณะที่ Patriarch - Pope นั้นคือ ตำแหน่งต่ำสุดที่มาจากคนของคริสตศาสนาซะมากกว่า


Territory;
เมื่อดินแดนของประเทศเหล่านักปกครองมีสภาพเป็นจักรวรรดิ (Empire) หรือราชอาณาจักร (Kingdom) ที่มีขนาดใหญ่ การปกครองสากลนั้นอาจจะทำให้ Duke ได้ปกครองแต่ในพื้นที่จุดศูนย์กลางหรือใกล้เคียงของประเทศ ขณะที่ Duke ขั้นสูง — สายโลหิตราชวงศ์อาจปกครองดินแดนยาวไปถึงทะเลแต่ละฝั่ง ดังนั้นความมั่งคังและทรัพย์สินน่าจะมากกว่าการติดต่อกันระหว่าง รัฐ — ประเทศอื่น


การแลกเปลี่ยนและธุรกิจใน Feudalism;
ตอบคำถามจาก Post เก่าของท่านถึงอำนาจและอิทธิพลของ Guild ต่อเมือง  สิ่งเหล่านั้นพอจะสรุปได้แก่;


องค์แสวงหาผลกำไรเหล่านี้เดิมทีเป็น สังคมรวมลับ (Secret Society) และไม่เคยใช้ชื่อ Guild จริงๆ เพราะเป็นการรวมกลุ่มอาสาสมัครของ ผู้ค้าขาย (Merchant), ช่างฝีมือ (Artisan)


โครงสร้างการขยายตัวและสิทธิ;
เมื่อองค์กรใหญ่ขึ้น จะต้องได้รับจดหมายอักษรสิทธิอำนาจ (Letter Patent) จากสายโลหิตผู้ปกครองสูงสุดและหัวหน้าของรัฐที่ Guild นั้นทำธุรกิจอยู่ ซึ่งเพิ่มการไหลของการแลกเปลี่ยนเพื่อจ้างตนเองแก่สมาชิก  และการครอบครองวัตถุดิบที่จำเป็น


สิทธิพิเศษที่สมาชิก Guild นั้นจะได้รับคือ; ฝึกฝีมือและขายสินค้าของตนได้ในนคร (City) ขณะที่ตัวองค์กรเองก็อาจควบคุมราคาสินค้า ลดจำนวนการแข่งขันเสรี (Free Competition) หรือรักษาคุณภาพสินค้าไว้  ซึ่งจะไม่ต่างกับการกีดกันทางการค้า บางพื้นที่นั้นจะมี Guild Hall ที่เป็นที่ประชุมเฉพาะอยู่


โครงสร้างขององค์กรและลำดับของสมาชิก;
Guild ที่ขายสินค้าชนิดเดียวนั้นจะเป็นเหมือนบริษัทขนาดเล็ก (Company) แต่ถ้าหากมีความหลากหลายมากและถูกบันทึกข้อบังคับบางชนิดลงในกฎหมายนั้นมาจากการรวมกลุ่ม Guild ขนาดเล็กและกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ (Corporation)


Apprentice; คนฝึกงานที่จะได้รับเพียงแค่ความรู้เบื้องต้นในโรงเรียน เพื่อสร้างชิ้นงาน (Piece of Work) คุณภาพจึงจะได้เลื่อนขั้นตามคุณสมบัติ จากการศึกษาฝึกฝนภายใต้การจ้างงาน และความเชื่อใจใน Guild และคนฝึกงานด้วยกัน [/size]ก็จะได้รับเอกสารรับรองจากตัวปรมาจารย์งานฝีมือ (Master Craftman) เองหรือจากทาง Guild[/font]
[size=78%]
[/size]


คนเดินทาง (Journeyman); เมื่อจบการศึกษา สมาชิกกลุ่มนี้จะได้รับอนุญาตทำงานด้วยการให้สิทธิการดูแล (Entitle) ไปอยู่ภายใต้การจ้างวานของ ปรมาจารย์ (Master) และในฐานะผู้ช่วยเพื่อเรียนรู้ศิลปะและทักษะเทคนิคต่างๆ  ซึ่งมีหลายคนและยังไม่สามารถทำธุรกิจด้วยตัวเองได้


 และหลังจากการฝึกฝนหลายปีสมาชิกกลุ่มนี้จะต้องสร้างผลงานยอดเยี่ยมระดับ ‘งานปรมาจารย์ (Masterpiece)’ โดยหลักฐานนี้จะได้รับรองจากปรมาจารย์งานฝีมือทุกคนจนเลื่อนขั้น


ปรมาจารย์งานฝีมือ (Master Craftman); เป็นสมาชิกลำดับสูงสุดของ Guild สมาชิกที่ได้เสนองานปรมาจารย์และบริจาคเงินจำนวนหนึ่งจะสามารถขึ้นไปถึงระดับนี้ได้  จะได้รับสิทธิ์เข้าทำงานแก่ Guild — สิทธิจ้างคนเดินทางและประกอบธุรกิจในเมืองที่อิทธิพลของ Guild นั้นไปถึงและช่างฝีมือภายนอกที่ทำงานในนั้นเท่ากับผิดกฎหมาย


ดังที่กล่าวข้างบนนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ผู้ปกครองแคว้นรัฐและราชวงศ์เชื่อใจใน Guild และด้วยกระบวนการต่างๆในองค์กรนั้นเองอาจทำให้ Guild นั้นเป็นผู้คิดค้น Technology ใหม่บางชนิดและของราคาแพง  อย่างไรก็ดีระบบนี้เกือบล่มสลายอย่างสมบูรณ์ด้วยการมาถึงของ  Capitalism



 

ออฟไลน์ samuison

  • ยอดกวีแห่งเขาเซนนิคุมะ
  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,979
  • ถูกใจแล้ว: 2935 ครั้ง
  • ความนิยม: +162/-427
[quote/]
ขอบคุณที่รอ ก่อนอื่นขอย้อนกลับมาศึกษาตำแหน่งของผู้ดี (Nobles) และรัฐที่ปกครองสูงสุดกับสายโลหิตผู้ปกครองสูงสุด (Monarch) นิดนึงนะ


Nobles Rank;
ด้วยยศชนชั้นปกครองสากลของ Feudal นั้นมีมาก 29 Ranks ซึ่งเป็นต้นว่า Duke คือยศผู้ปกครองลำดับที่ 6/29 หากเรานับรวมกับราชวงศ์และผู้ปกครองเหนือเหล่านั้นอย่าง จักพรรดิ (Emperor), ราชินี(Queen),เจ้าดยุค (Archduke), จอมดยุค (Grand Duke), และเจ้าชาย / เจ้าหญิง (Prince / Princess) ในขณะที่ Patriarch - Pope นั้นคือ ตำแหน่งต่ำสุดที่มาจากคนของคริสตศาสนาซะมากกว่า


Territory;
เมื่อดินแดนของประเทศเหล่านักปกครองมีสภาพเป็นจักรวรรดิ (Empire) หรือราชอาณาจักร (Kingdom) ที่มีขนาดใหญ่ การปกครองสากลนั้นอาจจะทำให้ Duke ได้ปกครองแต่ในพื้นที่จุดศูนย์กลางหรือใกล้เคียงของประเทศ ขณะที่ Duke ขั้นสูง — สายโลหิตราชวงศ์อาจปกครองดินแดนยาวไปถึงทะเลแต่ละฝั่ง ดังนั้นความมั่งคังและทรัพย์สินน่าจะมากกว่าการติดต่อกันระหว่าง รัฐ — ประเทศอื่น


การแลกเปลี่ยนและธุรกิจใน Feudalism;
ตอบคำถามจาก Post เก่าของท่านถึงอำนาจและอิทธิพลของ Guild ต่อเมือง  สิ่งเหล่านั้นพอจะสรุปได้แก่;


องค์แสวงหาผลกำไรเหล่านี้เดิมทีเป็น สังคมรวมลับ (Secret Society) และไม่เคยใช้ชื่อ Guild จริงๆ เพราะเป็นการรวมกลุ่มอาสาสมัครของ ผู้ค้าขาย (Merchant), ช่างฝีมือ (Artisan)


โครงสร้างการขยายตัวและสิทธิ;
เมื่อองค์กรใหญ่ขึ้น จะต้องได้รับจดหมายอักษรสิทธิอำนาจ (Letter Patent) จากสายโลหิตผู้ปกครองสูงสุดและหัวหน้าของรัฐที่ Guild นั้นทำธุรกิจอยู่ ซึ่งเพิ่มการไหลของการแลกเปลี่ยนเพื่อจ้างตนเองแก่สมาชิก  และการครอบครองวัตถุดิบที่จำเป็น


สิทธิพิเศษที่สมาชิก Guild นั้นจะได้รับคือ; ฝึกฝีมือและขายสินค้าของตนได้ในนคร (City) ขณะที่ตัวองค์กรเองก็อาจควบคุมราคาสินค้า ลดจำนวนการแข่งขันเสรี (Free Competition) หรือรักษาคุณภาพสินค้าไว้  ซึ่งจะไม่ต่างกับการกีดกันทางการค้า บางพื้นที่นั้นจะมี Guild Hall ที่เป็นที่ประชุมเฉพาะอยู่


โครงสร้างขององค์กรและลำดับของสมาชิก;
Guild ที่ขายสินค้าชนิดเดียวนั้นจะเป็นเหมือนบริษัทขนาดเล็ก (Company) แต่ถ้าหากมีความหลากหลายมากและถูกบันทึกข้อบังคับบางชนิดลงในกฎหมายนั้นมาจากการรวมกลุ่ม Guild ขนาดเล็กและกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ (Corporation)


Apprentice; คนฝึกงานที่จะได้รับเพียงแค่ความรู้เบื้องต้นในโรงเรียน เพื่อสร้างชิ้นงาน (Piece of Work) คุณภาพจึงจะได้เลื่อนขั้นตามคุณสมบัติ จากการศึกษาฝึกฝนภายใต้การจ้างงาน และความเชื่อใจใน Guild และคนฝึกงานด้วยกัน [/size]ก็จะได้รับเอกสารรับรองจากตัวปรมาจารย์งานฝีมือ (Master Craftman) เองหรือจากทาง Guild[/font]
[size=78%]
[/size]


คนเดินทาง (Journeyman); เมื่อจบการศึกษา สมาชิกกลุ่มนี้จะได้รับอนุญาตทำงานด้วยการให้สิทธิการดูแล (Entitle) ไปอยู่ภายใต้การจ้างวานของ ปรมาจารย์ (Master) และในฐานะผู้ช่วยเพื่อเรียนรู้ศิลปะและทักษะเทคนิคต่างๆ  ซึ่งมีหลายคนและยังไม่สามารถทำธุรกิจด้วยตัวเองได้


 และหลังจากการฝึกฝนหลายปีสมาชิกกลุ่มนี้จะต้องสร้างผลงานยอดเยี่ยมระดับ ‘งานปรมาจารย์ (Masterpiece)’ โดยหลักฐานนี้จะได้รับรองจากปรมาจารย์งานฝีมือทุกคนจนเลื่อนขั้น


ปรมาจารย์งานฝีมือ (Master Craftman); เป็นสมาชิกลำดับสูงสุดของ Guild สมาชิกที่ได้เสนองานปรมาจารย์และบริจาคเงินจำนวนหนึ่งจะสามารถขึ้นไปถึงระดับนี้ได้  จะได้รับสิทธิ์เข้าทำงานแก่ Guild — สิทธิจ้างคนเดินทางและประกอบธุรกิจในเมืองที่อิทธิพลของ Guild นั้นไปถึงและช่างฝีมือภายนอกที่ทำงานในนั้นเท่ากับผิดกฎหมาย


ดังที่กล่าวข้างบนนั้นอาจเป็นสาเหตุที่ผู้ปกครองแคว้นรัฐและราชวงศ์เชื่อใจใน Guild และด้วยกระบวนการต่างๆในองค์กรนั้นเองอาจทำให้ Guild นั้นเป็นผู้คิดค้น Technology ใหม่บางชนิดและของราคาแพง  อย่างไรก็ดีระบบนี้เกือบล่มสลายอย่างสมบูรณ์ด้วยการมาถึงของ  Capitalism




ขอบคุณครับ

ผมชอบระบบอธิอบายแบบคนแคระมากกว่ามนุษย์คือjourneyman ตามชื่อคือ คนแคระมีธรรมเนียมการขับไล่เนรเทศออกจากแคลนหากฝึกฝีมือถึงระดับหนึ่ง
ว่าเอ็งต้องไปเป็นคนพเนจร journeyman หลา่ยสิบปี จนกระทั่งคิดค้นฝีมือต่างๆขึ้นมาได้ถึวงจะยอมรับกลับเข้าแคลนเป็นระดับอาจารย์ master ???

จะบอกว่าเล่นเส้นสายน้อยกว่ามนุษย์ก็ได้มั้ง เพราะวัดกันด้วยความสามารถล้วนๆ
แต่ว่าไปแล้วพอการเข้ามาถึงของทุนนิยบม อาจจะทำฝห้ค้นพบว่า เราไม่ได้ต้องการมีดดาบที่คมที่สุดไม่แตกหักเป็นเวลาร้อยปีแต่เราอาจต้องการมีดดาบจำนวนมากหมลายหมื่นอันภายในเวลาเดือนเดียวและใช้ได้แค่สิบปีก็พอตามอายุขัยของมนุษย์

อาวุธที่คนแคระทำมีข้อดีคืออยู่คงทน แต่ข้อเสียคือผลิตช้ามากๆถึงมากที่สุด
แต่หากมีของดีออกมาจะส่งผ่านยุคสมัยได้เลยแบบลอร์ดออฟเดอะริง

..
ช่วงนี้ผมรู้สึกแปลกเรือ่ง"ดยุกหมูอ้วน"ที่สังเกตว่าอยกาให้มีสถานะดยุกแต่ก็อยากให้โดนคนอื่นดูถูกว่ากระจอกในเวลาเดียวกันจึงออกมาเป็นดยบุกหมูอ้วนไม่เอาไหน แทบจะถูกตัดจากตระกูลในโรงเรียนเวทย์ทั้งที่โลกภายนอก ดยุกมีอำนาจเอามากๆถึงมากที่สุด
http://goshujin.tk/index.php?topic=944.0
นิยาย crossover Harry Potter/Type Moon ดูว่าคนที่มีเวทมนตร์อย่างแฮร์รี่ จะเอาตัวรอดอย่างไร ในโลกที่โหดร้ายของ ไทป์มูน
 

ออฟไลน์ Rumia

  • จอมทัพหมีหนุ่ม
  • *
  • กระทู้: 8,202
  • ถูกใจแล้ว: 3876 ครั้ง
  • ความนิยม: +297/-400
[quote/]ขอบคุณมากครับผมเรื่องที่น่าสนใจคือ วิทเชอร์ดันกำหนดไว้่าเพระาเมืองพัฒนา คนเลยจ้างวิทเชอร์น้อยลงสุปเพระาสังคมมนุษย์ทำให้มอนสเตอร์อาศัยไม่ได้นั่นเอง

ผมกำลังคิดว่าก็อบลินหากตามที่โม้ไว้จริงๆล่ก็ที่ตายไปเพระามีมุกว่า"เอานะไม่กี่สิบคนได้แต่มาเป้นร้อย" นักผจญภัยสี่ห้าคนเลยชนะไม่ได้ ต้องอาศัยนักผจญภัยหลายสิบคนจึงจะเอาชะกองทัพก็อบลินได้เท่านั้น
หมายความว่าเอาจริงๆ หากมนุษย์ไม่สนการเมือง ขุนนางคนหนึ่งที่มีดินแดน ประชากรมากกว่า ก็กวาดล้างก็อบลินจนหมดท้องที่ได้แล้ว


มันแสดงอำนาจของขุนนางที่มีกำลังคนกำลังเงินทำในสิ่งที่ก็อบลินสเลเยอร์พยายามชั่วชีวิตก็ไม่อาจทำได้นั่นเอง
ชายแปดแสดงว่า พี่ชายก็ยังระแวงว่าจะมาแย่งตำแหน่งนะครับ
แสดงว่ามองว่าน้องชายอาจจะไม่พอใจกับตำแหน่งที่เคบยมีจนมาแย่งตนเอง
แนวความคิดตำแหน่งมันสำคัญอย่างนี้นั่นล่ะ
[quote/]
ก็นั่นล่ะครับ
นึกภาพเจาะเวลาหาโจตโฉที่ต้องอ้างว่าเป็นพระเจ้าอาเชื้อพระวงส์ ท่านเล่าโต๋ที่เป็นขึุนนางใหญ่ไม่งั้นร่ำรวยแค่ไหน ไปไหนคนก็ไม่ต้อนรับ

ความจริงผมว่านโยบายมันพยายามจะมีไว้ให้คนออกไปยึดครองบุกเบิกดินแดนน่ะครับการบกุเบิดดินแดนนั้นยบากมาก เพระาต้องเจอของแข็งอย่างมอสเตอร์ที่ดินแดนอยู่ ตอนแรกจะรวรวมไปได้แค่คนในสลฃัม พลัดที่่นาคาที่อยู่เท่านั้น
คนดีดีใครจะอยากไปอยู่ชายแดนเป็นอาหารมอนสเตอร์กัน ???
[quote/]
ผมนึกถึงเรื่องหลุยส์ศูนย์สนิทที่ไซโตะรบแทบตายแค่ตั้งเป็นชูวาลิเยยร์ขั้นต่ำสุดยังโดนขุนนางต่อต้านแทบแย่เลยล่ะครับ
แต่ตอนหลังหลุยส์เป้นนักบุญ มันแสดงว่าศาสนามีอพลังอำนาจมากในอีกทีเหมือนกัน
ต่อให้ช่วยอาณาจักรไว้ได้จะจะ ขุนางเก่าก้ยังไม่ยอมรับเรานั่นเอง ???

[quote/]
มันม่ีีัแนวนักผจญภัยที่เคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน เล่นมกุว่าพวกทหารรับจ้างมองว่าพวกนักผจญภัยยกิ๊กก๊อกอย่างนี้ทหารที่ผ่านศึกมาจริงๆยิ่งไม่มองพวกก็อบเลย์ต่ำไปยิ่งกว่าหรือครับ?เหมือนกับมองพวกพลหทหารฝึกใหม่ที่ไม่เคยผ่านของแข็งอย่างสงครามมา? ???
[quote/]
ขอบคุณครับผมมองว่าแม่ของรูดี้นี่เป้ฯตระกุ,ฐชั้นสูงอยู่นะ
น้องสาวแม่ก็เป็นอัศวินของเจ้าหญิวงไงไดเ้เส้นสายไม่น่าธรรมดา
เรื่องรุดี้สอนให้รู้ว่า ลุกสาวคุณหนูไม่เคยรุ้ว่าชีวิตภายนอกมันลำบากแค่ไหนว่าอย่างนั้นและขุนนางนี่สบายกว่าชาวบ้านเอามากๆรุดี้ก็เรียกว่ามีอะไรพร้อมกว่าลุกชาวบ้านมาตั้แงต่เด็กนั่น่ะคนคนหนึ่งจะเป้นขุนนางได้จากศูนย์นั้นต้องฝีมือขั้นเทพจริงๆคนจะยอมรับ แต่สุึดท้ายก็อาจจะตายกลางทางเสียเยอะ ???
[quote/]
ขอบคุณมากครับ ฮา

ผมกำลังสร้างอาณาจักรที่คิดไว้ว่าดยุกหมูอ้วนที่โม้ว่ารวยที่สุด ทหารมากที่สุดนี่มันคสววรจะเป้นนอย่างไรน่ะครับ?ก็ที่ผมคิดวไ้คือออกสไตล์ทุ่งหย้านาอุดมสมบูร์มีท่าเรือพอให้รวยมากขึ้นมีกองทัพม้า เส้นทางค้าขายทั้งทางบกทางทะเลถึงโม้ได้ว่าตนเองรวยที่สุดในแคว้น
มีธรรมเนียมศักดิ์ศรีอัศวินที่รุ่นพ่อเป็นคนดีทำให้คนเคารพมาถึงรุ่นลุกฯลณอะไรเมือกนั้นน่ะครับและยิ่งมีเส้นสายกับทางโบสถ์เพระาเคยวางแผนจะเข้าทางโบสถ์มาก่อน แต่ตอนหลังพี่ชายตายไปตนเป็นทายาทสืบต่อเลยไม่เข้าทางโบสถ์เต็มตัวแต่ก้รู้จักผู้หลักผู้ใหย่ในโบสถ์และเรีกยพี่เรียกน้องกับพวกดาวรุ่งพุ่งแรงของโบสถ์ทั้งหน่วยเทมพลาร์และคาณดินัลหนุ่มๆ
เลยจะทำอะไรก็เกื้อหนุนกับโบสถ์เสมอ เวลาดดนพระเอกอิเซไคอัดเลยเรีกยกองทัพมากระทืบพระเอกอิเซไคได้แบบท่านพี่คาร์ดินัลส่งคนมาช่วยน้องรักแบบไม่ถามสักคำ ???
ถ้าเซตติ้งดยุกหมูอ้วนเป็นอย่างที่ท่านว่ามันก็เหมือนกัยฮิคารุเกนจิที่มีอำนาจเหนือจักรพรรดิ์ไงครับ สังปลดสังฆ่าจักพรรดิ์ยังไงก็ได้แต่งตังจักรพรรดิ์เป็นใครก็ได้ ยุ่งกับเมียจักพรรดิ์โดนจับได้ก็ถอดอำนาจจักพรรดิ์ทิ้งแต่งตังใหม่มีอำนาจระดับนี้ไงครับ ว่าง่ายๆทำได้ทุกอย่างแต่ไม่ต้องทำงานถ้าโดนโค่นเท่ากับประเทศนั้นล้มไปด้วยว่าง่ายๆใหณ่สุดในประเทศ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย

 

Tags:
แหล่งนิยายแปล แหล่งนิยาย นิยายแปล นิยายแต่ง มังงะ การ์ตูน อนิเมะ นายท่าน เว็บไซต์นายท่าน กระทู้สไลม์ สไลม์ยอดรัก