เพราะตอนนี้เราอยู่ใน “ยุคสงบ“ ต่างหากครับ
หากอยู่ในช่วงยุคสงคราม หรือช่วงเวลาที่อันตราย พฤติกรรมที่เสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองและ/หรือบั่นทอนกำลังของคนอื่นถือเป็นพฤติกรรมปกติแล้วครับ
ผมจะสื่อว่า ระบบบางอย่างมันสื่อถึงความคิดญี่ปุ่นยุคเก่าอะครับ แต่งงานทางการเมือง การสืบสายเลือดกันเองในตระกูล การแก่งแย่งกัน มีศัตรูร่วมชาติ มันเมือนญี่ปุ่นยุคเก่าอะครับ
เอาจริงๆเราเจอมโนคติ หน้าฉากสวยหรู
แต่จริงๆหลายอย่างดำมืดแค่เราไม่ได้รับข่าวสารเฉยๆ
อย่างบางพรรคการเมืองที่ชูนโยบายความเท่าเทียม
แต่ สส.ลาออกแล้วให้เหตุผลว่า เพราะความไม่เท่าเทียม
หรือกลุ่มทุนโลกตะวันตก บ.ทางเทคโนโลยี
คุณอาจจะได้ทุกอย่างทั้งเงิน ความก้าวหน้า เสรีภาพ
แต่เอาจริงๆถึงก้าวไว แต่พอคุณหมดประโยชน์
ก็อาจโดนไล่ออกได้ง่ายๆเลย
หรือมีเสรีทุกอย่างเว้นแต่ทำให้ บ.เสียประโยชน์
พอเอาจริงๆ พอคุณไปทะเลาะกับใครแรงๆ
สุดท้ายคุณก็โดนไล่ออกเพราะทำให้เสื่อมเสีย
ก็ไม่มีเสรีในการทะเลาะโดยอิสระตราบที่ไม่ผิดกฏหมายอยู่ดี
ยิ่งแต่งงานทางการเมือง ปัจจุบัน อย่างเยอะครับ
แค่อาจจะไม่ค่อยเจอในชีวิตประจำวัน เพราะเราไม่รู้จักคนรวย
แต่ถ้าไปดูจริงๆ พวกรวยๆรึนักการเมืองแต่งงานการเมืองมีเยอะแย่ะครับ
อย่างตระกูลนักการเมืองไทย กับกัมพูชา ยังมีเลย
ปัจตุบันอาจจะไม่ค่อยมีคลุมถุงชน
แต่ก็มีจับคู่ดูใจในกลุ่มคนรวย แล้วกีดกันคนจนอยู่ดี
ลองลูกสาวเฒ่าแก่ไปตกหลุมรักคนงานพม่าสิ
พ่อแม่จับแยกชัวๆ ถึงคนงานจะนิสัยดีก็เถอะ
เรียกว่าสมัยก่อนพ่อแม่เลือกว่าจะให้แต่งกับใคร
กลายเป็น แต่กับใครก็ได้ที่.....
โดยส่วนใหญ่เป็นเกณฑ์ ที่อิงจาก เงิน ความมีหน้าตา
แต่ถ้าลูกสาวไปเลือกคนที่ทั้งจน ทั้งไม่มีศักดิ์ศรีในสังคม
พ่อแม่จับแยกมีเยอะแยะ